6.4.09

WINTER SONATA-11-Falsehood

Episode 11- Falsehood

มายา

ทั้ง มินฮุง ยูจิน ซังฮวก หลงเข้าไปอยู่ดินแดนมายา ที่เกิดขึ้น เพราะ เขาทั้งสามร่วมกันก่อให้เกิดขึ้นมาเอง
มันน่าเจ็บปวด กว่าดินแดนแห่งเงา ของจุนซาง เพราะ ดินแดนแห่งเงา มีเพียงความอ้างว้างว้าเหว่ เดียวดาย
แต่ ดินแดนมายา คือ ดินแดนแห่งความทุกข์ระทมขมชื่น เจ็บปวดรวดร้าว กระวนกระวายใจ อัดอั้นตันใจ
มินฮุง และ ยูจิน จะหลุดพ้นออกมาจากดินแดนนี้ได้อย่างไร
เพราะ ดาวโพลาริส ที่ส่องแสงสว่างนำทางของยูจิน แม้ จะไม่ได้ เคลื่อนที่ย้ายไปอยู่ตำแหน่งอื่น
แต่ ยูจิน ดูทิศทางผิด ตามที่ มินฮุง ชี้นำ ยูจิน หลงเข้าไปยังดินแดนมายาเสียแล้ว รวมทั้งตัว มินฮุง เอง

Episode 11- Falsehood

จุงอา ขับรถพา ยูจิน ออกไปจากสกีรีสอร์ต
ยูจิน ทอดสายตาออกไปนอกรถ สกีรีสอร์ต ค่อยๆห่างออกไปเรื่อยๆ
ยูจิน นั่งน้ำตาไหลริน
แม้ร่างกายของ ยูจิน กำลังจะกลับโซล แต่ทิ้งหัวใจไว้ให้ มินฮุง ที่สกีรีสอร์ต
หัวใจที่ก่อให้เกิดความทุกข์ทรมานวนเวียนไปมาของห้วงลึกภายในทรวงอกที่กว้างใหญ่น่าอิงแอบ ของ ลี มินฮุง


วันเวลาหมุนเวียนไปไม่หยุดนิ่ง ไม่อาจอาจแม้แต่หวนคืนกลับมาได้

ซังฮวก หายป่วยและกลับไปทำงานที่เดิม

ความทุกข์ทรมานของ ยูจิน คลายความรุนแรงลงทีละน้อยตามวันเวลาที่ผ่านไปในแต่ละวัน

ยูจิน ถอนตัวจากงาน มอบหมายให้เพื่อนร่วมงานชายรับผิดชอบต่อ

ซังฮวก มารับ ยูจิน ไปทานอาหารที่บ้าน
แม่ของ ซังฮวก เปลี่ยนเป็นเอาอกเอาใจ ยิ้มแย้มแจ่มใส กับยูจิน เพราะ สำนึกในบุญคุณของยูจิน
และไปดูอพาร์ทเม้นท์ ให้ กับ คู่แต่งงาน
ซังฮวก : แม่ครับไม่ต้องหาบ้านให้เราหรอกครับ พอแต่งงานแล้ว ผมอยากไปเรียนต่อเมืองนอก
พ่อแปลกใจ แม่อุทาน ทวนคำ : เมืองนอก
ยูจินก็แปลกใจ หันไปมองซังฮวก
ซังฮวก พูดต่อ : ผมยังไม่ได้ปรึกษากับ ยูจิน แต่ผมอยากไปเรียนเพิ่มเติม
แล้ว ซังฮวก ก็หันไปถาม ยูจิน ว่า : หรือเธอว่าไง
ยูจิน ไม่ทันตั้งตัว ได้แต่อึกอัก
แม่ของ ซังฮวกท้วงว่าไม่กะทันหันไปหน่อยหรือ แต่ อาจารย์คิม สนับสนุน
ซังฮวก ไปส่ง ยูจิน ที่อพาร์ทเม้นท์ เมื่อลงจากรถ
ซังฮวก : เธอคงไม่ว่าอะไรนะ เธอก็เคยบอกว่าอยากเรียนต่อนี่


นับแต่ออกจากบ้านของ ซังฮวก จนมาถึงอพาร์ท เม้นท์ ยูจิน ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรสักคำ
แม้ ซังฮวก จะไม่ได้ปรึกษาเธอเรื่องไปเมืองนอกมาก่อน
แต่ ยูจิน ก็เข้าใจดีว่า เรื่องนี้เกิดขึ้น เพราะเธอเป็นสาเหตุ นั่นเอง
เพราะ ซังฮวก รู้ดีว่า ยูจินไม่อาจขจัดร่างเงา ของใครคนหนึ่งในใจของ ยูจิน ไปได้
ช่างน่าสงสาร ซังฮวก ที่คิดเพียงว่า ถ้าหากออกไปจากแผ่นดินนี้ได้ จะสามารถลืมได้ว่า
ในส่วนลึกของหัวใจของ ยูจิน มีชายอื่นครอบครองอยู่
คิดว่า ทำแบบนี้ จะสามารถลืมเลือนไปได้ชั่วคราว รวมทั้งลืมเลือน เงาที่อยู่เบื้องหลังของ ยูจิน อีกด้วย


ยูจิน จึงได้แต่ตอบไปว่า : ไม่เป็นไร
ซังฮวก : ฉันไม่อยากจัดงานใหญ่โต เอาให้ถูกธรรมเนียมก็พอ
ยูจิน : ฉันไม่ว่าอะไรหรอก ตามใจเธอแล้วกันนะ
ซังฮวก : ก็ได้
ยูจิน : ดี งั้นฉันไปละนะ แล้ว ยูจินก็หันหลังเดินเข้าอพาร์ทเม้นท์


เวลานี้ ยูจิน รู้สึกว่า ไม่มีเรื่องใดมีความหมายต่อชีวิต เธอตกลงใจว่าจะทำตามที่แม่ของ ซังฮวก ต้องการ
ทำตามที่ ซังฮวก ต้องการ
ขอเพียงแต่อยู่ข้างกาย ซังฮวก ก็พอ
นั่นเป็นสิ่งที่ ยูจิน สามารถทำได้สุดกำลัง ในเวลานี้
นอกจากนี้ ถ้าหากว่า ชะตาชีวิต ลิขิตให้เธอ ไม่อาจรักคนรักของเธอได้แม้แต่จะอยู่ต่อหน้าเขา
ถ้าเช่นนั้นเธอควรจะอยู่ข้างกาย คนที่ต้องการเธอแทน ซังฮวก ที่เฝ้าปกป้อง เธอมาถึง สิบปี


ซังฮวก ยึดแขน ยูจินไว้ถามว่า : เธอเสียใจรึเปล่า
ยูจิน : เปล่านี่
เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว คำพูดแบบนี้จะมีประโยชน์อะไรอีกเล่า
ยูจิน เดินเข้าข้างใน ด้วยใจที่ร้าวราน น้ำตาเอ่อดวงตา


แม่ของ ยูจิน มาหา
แม่ และจินซุก เห็นยูจิน ร้องไห้ ยูจิน ปฎิเสธ ว่า เปล่า
เมื่ออยู่กันสองคน แม่ลูก ในห้อง ยูจิน บอกแม่เรื่องที่ ซังฮวก จะไปเมืองนอก
แม่ยูจิน : ก็ดี แม่เห็นด้วย ถ้ามีโอกาสก็ควรจะไป แม่คิดเสมอว่า ตัวแม่เอง ไม่ได้ให้ลูกได้มากว่านี้
แล้ว ยูจิน ก็ถาม แม่ว่า : แม่คะหนูขอยู่ตัวคนเดียวไม่ได้เหรอคะ
แม่ ยูจิน : พูดอะไรอย่างนั้น ทำไมทำแบบนี้อีกล่ะลูก
ยูจิน : หนูก็แค่รู้สึกผิดต่อทุก ๆ คน หนูรู้สึกเหมือนหนูเป็นคนเลว หนูทนไม่ได้ค่ะ
แม่ ยูจิน : ทำไมลูกคิดแบบนั้น ลูกกลับมาอยู่จุดเดิม แล้วมันแย่ตรงไหนเหรอ
ซังฮวก ทำให้ลูกลำบากใจเหรอ แม่เขาว่าอะไรลูกเหรอ
ยูจิน : เปล่าค่ะ หนูรู้สึกว่าหนูเป็นคนเลว
หนูมอง ซังฮวก ทีไร หนูรู้สึกเหมือนมีโพรงใหญ่ๆในหัวใจของหนู
มันเลวร้ายใช่มั๊ย ตั้งแต่ จุนซางตาย หนูก็เลวมาตลอด
หนูเสียใจมาก มากซะจนหนูทำอะไรไม่ถูก
และหนูก็ไม่เคยแคร์ ซังฮวก จริงๆ เลย
แล้วหนูจะอยู่ข้างๆ ซังฮวก ได้อย่างไรกัน หนูจะทำยังงั้นได้อย่างไร
น้ำตาปริ่มดวงตาของยูจิน

แม่ ยูจิน พยายามสะกดใจตัวเอง เมินหน้าหนี ยูจิน : แต่ลูกก็ต้องทำ
ยูจิน น้ำตาไหล มันยาก มันยากมากค่ะ แม่รู้รึเปล่าคะ
ยูจิน โผเข้าไปกอดแม่ แม่โอบกอด ยูจิน ไว้ ใช้มือสัมผัสปลอบใจ ยูจิน


ยูจิน หลับไปแล้ว มีแม่นั่งข้างๆ ใช้มือ ลูบไหล่ ปลอบประโลม
พูดกับ ยูจิน ที่นอนตะแคงข้าง น้ำตา ยังเกาะค้างที่ดวงตาที่ปิดหลับ
: ความรักไม่ใช่สิ่งเดียวที่สำคัญ
สิ่งที่สำคัญก็คือ ลูก น่ะ เกิดมาเพื่อเป็นคู่กับ ซังฮวก
มันคือชะตาที่ฟ้าลิขิต อย่าเสียใจไปเลยลูก เชื่อแม่เถอะนะ
( อุ๊ย !!! คุณแม่ ต่างหาก ที่เข้ามาวุ่นวาย ลิขิต ชีวิตของลูก ไปโทษ ว่าฟ้าลิขิต คุณแม่ จอมวุ่นวาย คิดเองเออเอง ไม่สนใจ ความรู้สึกจริงๆของ ลูก เล้ย คุณแม่ ยอดแย่..)

ที่สกีรีสอร์ต





คุณ คิม : คุณ ปั๊กรายงานมาว่า Area C เรียบร้อยแล้วครับ แต่ผมว่า เราต้องมาดูส่วนนี้กันต่อ ยังมีบางส่วนที่ยังไม่เรียบร้อยดีครับ เอ้อ....แล้วก็...
คุณคิม ดึงบุหรี่ที่ยังไม่จุดไฟ แต่คาบไว้ที่ปากออก คุณคิม มอง มินฮุง แล้วหยุดรายงาน
มินฮุง หน้าเศร้าหมอง เหมือนไม่ได้ยินเสียงที่คุณคิม กำลัง รายงานเรื่องงาน
มินฮุง เหมือนจะรู้สึกตัว


มินฮุง : คุณ คิม คือ.... ผมอยากลาพัก 2-3 วัน ได้ไหมครับ
คุณคิม มอง มินฮุง อย่างเห็นอกเห็นใจ เข้าใจความรู้สึกของ มินฮุง ดี : ผมก็กำลังจะพูดอยู่พอดีที่เดียว
แล้วเอื้อมมือ มาตบไหล่ มินฮุง : ไปเถอะครับ แล้ว คุณ คิม ก็ถอนใจ เฮือกใหญ่


มินฮุง ขับรถไปบ้านพักตากอากาศ ในเวลาค่ำคืนที่มีแต่ความมืดสลัวลาง
มินฮุง ไม่อาจ ทำอะไรได้เลย เพราะมีแต่ความรู้สึกอ้างว้างและคิดถึง ยูจิน

เมื่อไปถึง จอดรถและ เปิดประตูบ้านเข้าไปในบ้าน ที่เคยมีความสุข กับยูจิน
พอกดสวิซท์ไฟ มินฮุง ก็เห็นเป็นภาพของยูจิน ยืนหันข้างอยู่ที่ผนังห้องที่เป็นกระจก
ขณะจะเดินเข้าไปหาภาพของ ยูจินก็หายวับไป เหลือแต่ความว่างเปล่า
มินฮุง กระพริบตาเหมือนไล่ภาพที่หลอนตาตัวเองออกไป
หันไปกดปิดสวิซท์ไฟ แล้วยืนอยู่เดียวดายท่ามกลางความมืดมิดและวังเวง
เงาร่างของยูจิน ยังคงอยู่ในส่วนลึกของห้วงดวงใจของ มินฮุง

จนทำให้เกิดภาพหลอนว่า ยูจิน มาปรากฎอยู่ต่อหน้าของ มินฮุง .ในบ้านหลังนี้



อาจารย์คิม ยืนดูป้ายโปสเตอร์การแสดงเดี่ยวเปียโน ของ คัง มุยฮี ที่เพิ่งเดินทางกลับมาเกาหลี
อาจารย์คิม ไปยังสถานที่ที่จัดการแสดง
เจ้าหน้าที่กำลังง่วนกับภารกิจของแต่ละคน อาจารย์คิม ไปขอพบ คัง มุย ฮี
แต่เจ้าหน้าที่คนหนึ่งบอกว่า เดี๋ยวเธอจะต้องขึ้นแสดงแล้วครับ ไว้หลังแสดงเสร็จได้ไหมครับ
คัง มุยฮี เดินออกมาพอดี สั่งงานกับทีมงานว่า : เดี๋ยวช่วยไปเช็คไมโครโฟนให้อีกทีนะ อย่าลืมล่ะ
ทีมงาน รับคำว่า ได้ครับ
คัง มุยฮี กำลังจะเดินผ่านไป พอดีกับที่ ซังฮวก เข้ามา บริเวณนั้น และเห็น อาจารย์คิม จึงส่งเสียงเรียกว่า : พ่อครับ
เสียงของ ซังฮวก ทำให้ คัง มุยฮี หันกลับมามอง เมื่อเห็นหน้า อาจารย์ คิม ก็มีท่าทางคาดไม่ถึง


มินฮุง ไปนั่งตกปลาที่ริมทะเลสาบ
มีชายวัยกลางคนเดินอยู่ที่ริมฝั่ง เมื่อเห็น มินฮุง ก็เดินลงมาจากริมฝั่ง และเดินเข้าไปหา และส่งเสียงทักทายว่า : ได้บ้างหรือยังล่ะ
มินฮุง ที่นั่งเหม่อลอยอยู่ หันมาตามเสียงทัก
ชายวัยกลางคนยก ตาข่ายที่ขังปลาที่ตกได้แล้ว ขึ้นมาดู จำนวน
พลางบอกว่า : เออ ตรงนี้ทำเลดีมาก นี่ตกได้แค่นี้เองหรือ แล้วก็หัวเราะ ยกตาข่ายลงแช่น้ำตามเดิม
แล้วชวนคุยว่า : คุณคงไม่ใช่คนแถวนี้ละซี แล้วนี่มาทำอะไรที่นี่ครับ
มินฮุง : ผมมาพักผ่อนครับ คิดว่ามาตกปลาใต้น้ำแข็งคงจะสนุกไม่เบา
มินฮุง พูดเรื่อยเปื่อยไปอย่างนั้นเอง

แต่ ชาย ผู้นั้น กลับพูดเสียงดัง : นี่สงสัยคุณจะบ้าไปแล้วนี่ คุณคิดว่าทะเลลาบนี้ไม่ลึกยังงั้นสินะ
แต่ว่า มันลึกกว่าที่คุณเห็นนะคุณ คนมาจมน้ำกันที่นี่ทุกปี
เมื่อก่อนนี้ ผมก็เคยช่วยเด็กคนหนึ่งที่เคยมาจมน้ำที่นี่ มันก็ตั้ง 20 ปี แล้วล่ะ นานโขที่เดียวละ
มินฮุง หันมามอง และ ยิ้มให้ ตอบคำว่า : เหรอครับ
แล้ว มินฮุง ก็ขยับตัว ชะโงกตัวไปข้างหน้า หยิบคันเบ็ดขึ้นมาถือไว้
ชายวัยกลางคน ยังคุยต่อว่า : แต่บางครั้งคนเราก็ลืมง่ายเหลือเกิน
ถ้าเป็นผม ผมจะแวะมา ขอบคุณคนที่ช่วยชีวิตผมทุกๆ ปีเลย
แต่เจ้า จุนซาง น่ะ ไม่เคยมาขอบคุณผมเลย
มินฮุง ชะงัก หันมาถามอย่างสนใจและแปลกใจ : เมื่อกี้นี้คุณว่าไงนะครับ



ชายวัยกลางคน : ผมพูดถึงเด็กที่ผมเคยช่วยชีวิตเอาไว้ น่ะ
ป่านนี้ก็คงจะโตเป็นหนุ่มแล้วละมั้ง
( โอ้โอ ..คุณลุง ก็บอกเองว่า มันตั้ง 20 ปีมาแล้ว ก็ต้องเป็นหนุ่ม แล้วซิคะ คุณ ... ลุง...ก็...)
มินฮุง ผุดลุกขึ้นยืน : ไม่ครับ เมื่อกี้คุณ พูดชื่อ....(เว้นระยะ)
เด็กคนนั้นว่าชื่ออะไร นะครับ
ชายวัยกลางคน : จุนซาง ไง เขาชื่อ จุนซาง ไงล่ะ แล้วหัวเราะ เบาๆ ถามมินฮุงว่า : ทำไมเหรอ
มินฮุง สีหน้าซีดเผือด เรื่องราวหลายเรื่องพันกันยุ่งเหยิงในสมอง





ที่งานแสดงของ คัง มุยฮี


คัง มุยฮี กำลัง เตรียมตัวขึ้นแสดง
ซังฮวก ถามพ่อว่า : พ่อครับ พ่อรู้จักเขาด้วยหรือครับนี่..
อาจารย์ คิม : เอ้อ.. เราเคยเรียนจบ มอ ปลาย มาด้วยกัน
เห็นเขาเปิดการแสดง พ่อเลยแวะมาทักทายเขาหน่อย ว่าแต่ลูกมาทำอะไร
ซังฮวก : อ๋อ ผมมาสัมภาษณ์ คุณ คัง มุยฮี เพื่อไปออกรายการน่ะครับ
คัง มุยฮี ขอโทษ ซังฮวก ที่ปล่อยให้รอนาน และทัก อาจารย์ คิม ซังยู ว่า : ไม่ได้เจอกันนานนะ
อาจารย์คิม : ใช่ นานมากเลย
ซังฮวก : สวัสดีครับ ผม คิม ซังฮวก โปรดิวเซอร์ของ มิวสิคอัลบั้ม
แล้วหันไปทางอาจารย์คิม บอกว่า :นี่คุณพ่อผมเองครับ
คัง มุยฮี : คุณเหมือนคุณพ่อมากเลย ยินดีที่ได้รู้จัก
มีเจ้าหน้าที่มาบอก คัง มุยฮีว่า : เมื่อครู่นี้ ลูกชายคุณโทร มาครับ เขาบอกว่า กำลังจะมาที่นี่ครับ
อาจารย์คิม มอง คัง มุยฮี อย่างแปลกใจ
คัง มุยฮี อ้องั้นเหรอ ขอบคุณนะ
คัง มุยฮี ให้ซังฮวก คุยกับเลขา คิม เพื่อให้จัดเวลาให้ ซังฮวก
ซังฮวก และดีเจ เลยขอตัว กล่าวคำอำลาสวัสดี กับ คัง มุยฮี
อาจารย์คิม ถาม คัง มุยฮี ว่า: เธอมีลูกชายด้วยเหรอ
คัง มุยฮี นิ่งเงียบ

ซังฮวก เดินออกมา กับดีเจ แล้วเปลี่ยนใจ ตามที่ดีเจ แนะนำว่า ให้กลับบ้านพร้อมอาจารย์คิม
ซังฮวก ย้อนจะกลับไปบอกพ่อว่า ตัวเอง จะไปคอยพ่อที่ห้องลอบบี้
ก็ได้ยินเสียงอาจารย์คิม ดังออกมา : แล้วเธอรู้จัก คัง จุนซาง หรือเปล่า คัง จุนซาง เขา...
คัง มุยฮี ฟัง อาจารย์คิม อย่างตั้งใจ
อาจารย์คิม : คือ.. คัง จุนซาง เขามาหาฉันเมื่อ สิบปีก่อน เขาถามฉันว่า รู้จักเธอไหม
คัง มุยฮี : แล้วไง
อาจารย์ คิม : ต่อมาเขาก็ตายเพราะอุบัติเหตุ ฉันคิดว่าเขาอาจจะเป็นลูกชายของเธอ
คัง มุยฮี : อ้อ.. พูดเป็นเล่นไป ลูกชายของฉันน่ะ ยังมีชีวิตอยู่นะคะ
อาจารย์คิม : ใช่ นั่นสินะ งั้นตกลงเธอมีลูกชาย จริงๆ ไม่เห็นมีใครบอกว่าเธอแต่งงาน
พนักงานเข้ามาบอก ว่า : อีก 10 นาที ต้องขึ้นแสดงแล้วนะครับ
คัง มุยฮี : โอเคจ้ะ ฉันต้องไปแล้วน่ะ ขอตัวก่อนนะ
คัง มุยฮี ลุกขึ้นยืน อาจารย์ คิม ลุกตาม : อืม...แล้วเธอรู้รึเปล่า ว่า จุง ฮุนโซ( จุง ซินเจา) ตายแล้ว
คัง มุยฮี ชะงัก หันมาฟัง
อาจารย์ คิม : คงไม่รู้ละสิ
คัง มุยฮี ตกใจ : เมื่อไหร่
อาจารย์คิม : นานแล้วละ เมื่อ 16 ปีก่อน
คัง มุยฮี : ฮุนโซ (ซินเจา) ตายแล้ว
อาจารย์คิม : ใช่
คัง มุยฮี ยืนซึม อยู่กับที่

ซังฮวก เรียก : พ่อครับ ผมตั้งใจจะกลับบ้านพร้อมพ่อ ผมไปรอที่ลอบบี้นะครับ
อาจารย์คิม : ไม่ต้องหรอก พ่อแค่แวะมาเท่านั้น เดี๋ยวพ่อจะกลับไปที่มหาวิทยาลัย
ซังฮวก : งั้นเจอกันตอนเย็นนะครับ


การแสดงจบลง นักข่าวเข้ามารุมล้อม คัง มุยฮี แสดงความยินดี และถามถึงการแสดงครั้งหน้า
ช่างภาพรุมกันถ่ายภาพ
คัง มุยฮี ซวนเซ แล้วก็เป็นลม ทรุดลงไปกองกับพื้น ท่ามกลางความตกใจ โกลาหล ของ คนในบริเวณนั้น


ซังฮวก และดีเจ เดินไปถึงห้องโถงด้านหน้าทางเข้าออก ดีเจ วิจารณ์ว่า การแสดงยอดเยี่ยมมาก
แต่ คัง มุยฮี หน้าตาไม่สดชื่นเลย หน้าตาดูซีดๆ
แล้ว ซังฮวก ก็ชะงัก เมื่อมองเห็น มินฮุง เดินเข้ามา

มินฮุง เข้าไปด้านใน แล้วพบว่าแม่เป็นลม มินฮุง แบก แม่ขึ้นหลัง พากลับไปโรงแรมที่พัก
มีคุณหมอ ที่เคยรักษาแม่ พบกันตั้งแต่ อยู่อเมริกา และมาดูการแสดงครั้งนี้ ตามไปช่วยดูแลที่โรงแรม ให้น้ำเกลือ คัง มุยฮี
และบอกกับ มินฮุง ว่าไม่เป็นอะไรมาก เป็นเพราะเครียด พรุ่งนี้เช้า ก็จะดีขึ้น


เมื่อเดินออกมาส่งคุณหมอ มินฮุง ถาม คุณหมอว่า : แม่ผมยังรักษากับคุณหมอรึเปล่าครับ
คุณหมอ : หมอ ไม่ได้เจอเขาตั้งแต่หมอกลับมาอยู่เกาหลี หมอว่าตอนนี้ เขาไม่จำเป็นต้องบำบัดแล้ว
มินฮุง ถามหมอว่า : คุณหมอรู้จักแม่ผมมานานใช่มั๊ยครับ
คุณหมอบอกว่า : ใช่ ตั้งแต่อยู่ที่อเมริกา
มินฮุง : แล้วผมเป็นลูกชายคนเดียวหรือเปล่าครับหมอ ผมอยู่ที่อเมริกาตลอดจริงหรือเปล่าครับ
คุณหมอ แปลกใจ อึดอัด และอึกอัก : หมายความว่าอย่างไร เธอนี่ถามอะไรบ้าๆ
แล้วหัวเราะกลบเกลื่อน พูดต่อว่า : ฉันเห็นเธอโตที่อเมริกา ตั้งแต่เธอเพิ่งเกิด น่ะนะ ฉันยืนยันได้
แล้วคุณหมอก็เดินจากไป มินฮุง ได้ แต่ มองหมออย่างสับสนกับตัวเอง



ยูจิน นั่งปอกผลไม้ที่อพาร์ทเม้นท์ พยายาม คุยให้ดูร่าเริง เรื่องของแอปเปิ้ลที่กำลังปอกอยู่
ซังฮวก เล่าว่า : วันนี้ ฉันเจอ ลี มินฮุง
ยูจิน หลบตาลงพื้นแล้ว เงยมองซังฮวก : แล้วเธอมาบอกฉันทำไม
คราวนี้ ซังฮวก กลับต้องเป็นคนหลบสายตา ยูจิน บ้าง : แค่คิดว่าเธออาจจะอยากรู้.

ยูจิน : อยากจะให้ฉันพูดอะไรล่ะ เหมือนเอยากจะลองใจฉัน เธอก็รูว่า ฉันไม่เก่งในเรื่องนี้นะ
ต้องให้ตอบยังไงล่ะ บอกใบ้ให้หน่อยได้มั๊ย ถ้าฉันบอกว่าไม่รู้สึกอะไรเลย นั่นก็คือโกหก
ถ้าฉันบอกว่ารู้สึก เธอก็ต้องไม่ดี งั้นจะให้ฉันตอบว่าไงดี

ซังฮวก : ไม่เป็นไรหรอก ที่เธอพูดน่ะดีแล้ว ไม่ต้องพูดตรงกับใจก็ได้
ยูจิน : งั้นเราเลิกพูดเรื่องแบบนี้ดีกว่า เอ้ากินให้หมดนะ แล้ว ยูจิน ก็ใช้ซ่อมจิ้มแอปเปิ้ลในจานส่งให้ ซังฮวก
ซังฮวก บอกว่าอร่อยดีนี่


มินฮุงไปที่บาร์

นั่งดื่มเหล้าที่เคาน์เตอร์ มือหมุนแก้วเหล้าไปมา อย่างใช้ความคิด นึกถึงภาพที่แม่ ทำถ้วยกาแฟหก
และ : อย่าบอกนะว่าลูกลืมไปแล้วที่เคยตกน้ำตอนอายุ 7 ขวบ น่ะ
และที่ริมทะเลสาบบ้านพักตากอากาศ
เขาชื่ออะไรนะครับ
คำตอบ : จุนซาง เขาชื่อ คัง จุนซาง
อีกทั้งกับคุณหมอ : ฉันเห็นเธอโตที่อเมริกา นับแต่เธอเพิ่งเกิด ฉันยืนยันได้
มินฮุง หลับตาลง เมื่อลืมตาก็ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม
มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็น แชรีน โทรมาหา


เมื่อ แชรีน รู้ว่า มินฮุง ดื่ม ก็บอกว่า : มินฮุง คุณอยู่ไหน ฉันจะไปหาเดี๋ยวนี้ มินฮุง มินฮุง
จินซุก รู้ว่า แชรีนไปหา มินฮุง


มินฮุงที่นั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์ของบาร์ มีเสียงเพลง Shadows
(เมื่อ ลี มินฮุง สารภาพรักกับ ยูจิน ตั้งแต่ แรกนั้น
มินฮุง รู้ดีว่า ในใจขอ งยูจิน มีเพียงแต่ จุนซาง เพียงผู้เดียวเท่านั้น ที่ครอบครองทุกพื้นที่ในดวงใจของ ยูจิน
แต่ มินฮุง ก็ยอมแล้วที่จะเป็นส่วนเกินในหัวใจของ ยูจิน เพื่อจะลบเลือนความทรงจำของ ยูจิน ที่มีต่อ จุนซาง
ในที่สุด ยูจิน ก็เปิดประตูรับ มินฮุงเข้าไปอยู่ร่วมกับชายในดินแดนแห่งเงา..............จุนซาง

เส้นทาง รักของ มินฮุง ที่ จับจูงให้ยูจิน เดินไปด้วยกันนั้น มีเงา ของจุนซาง ตามประชิดทั้งสองคนมาตลอด ...
จน มินฮุง ก็กำลังเป็น ดาวโพลาริส ส่องนำทางให้ ยูจิน เฉกเช่น จุนซาง เคยเป็นให้ ยูจิน มาตลอด 10 ปี
แต่ แล้ว มินฮุง เอง ที่ จูง ยูจิน เดินผิดเส้นทาง จน ยูจิน หลงทาง หาดาวโพลาริสไม่พบ
และหลงทางกับ มินฮุง ที่โรงพยาบาล นั่นเอง
มินฮุง คิดว่า แม้ว่าวันหน้าจะต้องเสียใจกับการตัดสินใจของตัวเองในขณะที่คิดพา ยูจิน ไปพบ ซังฮวก ก็ตามที
แม้จะหวั่นใจว่า ยูจิน จะไม่กลับมาอยู่ข้างกายของมินฮุง อีก
มินฮุง ทำใจในขณะนั้น ว่าจะแบกรับความเจ็บปวดรวดร้าวของ ยูจินนี้ไว้เสียเอง ดีกว่า ที่จะเห็น ยูจิน ในสภาพ อย่างนั้น
ดังนั้นเมื่อ ยูจิน หาทางกลับไม่ถูกจริงๆ มินฮุง ก็ไม่กล้าที่จะรั้ง ยูจิน ไว้แม้ไม่อยากให้เธอจากไป
แม้จะไม่แน่ใจว่าเขาจะเข้มแข็งพอที่จะอยู่ต่อไป โดยไม่มี ยูจิน หรือไม่
แต่เมื่อเทียบกับต้องเห็น ยูจิน ทนทุกข์ทรมานอย่างต่อเนื่อง การยินยอมให้ ยูจิน จากไปน่าจะดีกว่า...
แล้ว มินฮุง ก็เกิดความสับสน กับจุนซางและตัวเองขึ้นมา


เพลง Shadows ที่ มินฮุงได้ยินอยู่นี้คงทำให้นี้ มินฮุง คงเจ็บปวดรวดร้าวกว่า เมื่อวันที่ตัดสินใจปล่อย ยูจินไป เป็นร้อยเท่าพันทวี
เพราะเพลงนี้ยิ่งตอกย้ำให้ มินฮุง ปวดร้าวยิ่งขึ้น แม้จะได้หัวใจของ ยูจิน มา ก็เปล่าดาย....
.แม้...มินฮุง สามารถดึง ยูจิน พ้นออกมาจาก จุนซาง ชายในดินแดนแห่งเงาได้ แต่ทว่า... โธ่เอ๋ย….ก็ไร้ประโยชน์ )

(แต่กระนั้นถ้า แชรีน ไม่มากวนใจ มินฮุง ก็คงนั่งฟังเพลงนี้จนจบเพลง มังนะคะ)




(Shadow) โดย Jens Lysdal

คุณเคยได้ยินเรื่องราวของเด็กสาวบ้างไหม
ผู้ซึ่งตกหลุมรักอยู่กับชายผู้อยู่ในดินแดนแห่งเงาของเธอ
เรื่องราวทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในคืนหนึ่ง
ซึ่งทำให้กลายเป็นรอยแห่งความเจ็บปวดรวดร้าวสุดแสนทรมาน
จนเธอไม่อาจยอมรับความจริงได้

ชายในดินแดนแห่งเงาของเธอ มักจะบอกเธอว่า
“ฉันยังคงอยู่และปกป้องเธอจากโลกแห่งความจริง
ตราบนานเท่านานเท่าที่เธอจะปกป้องฉันจากแสงแห่งดวงสุรีย์
เราจะยังคงพบกันที่นี่...ภายใต้ดินแดนแห่งความมืดนี้
ฉันจะปลอบประโลมเธอและสวมกอดเธอไม่ห่างไปไหน
ยามที่เธอรู้สึกว้าเหว่และเศร้าสร้อย

ภาพแห่งจินตนาการทั้งหลายที่เธอมีนั้น
ทำให้เธอปฏิเสธที่จะก้าวออกมาสู่โลกแห่งความจริง
เธอมีความรักกับใครบางคน และ ใครคนนั้นก็คือชายในดินแดนแห่งเงา...

เงาของเขาคนนั้นคอยย้ำเตือนเธอเสมอ
เงายังผูกพันและตราตรึงอยู่ในสมองและสองดวงตาของเธอ
และทุกครั้งที่เธอพยายามจะวิ่งหนี
เขาก็จะรั้งเธอไว้จากโลกแห่งความเป็นจริง
และทำให้เธอฉายแววตาแห่งความเหงาหงอยเศร้าสร้อย

ดินแดนแห่งเงาสถานที่แห่งความเพ้อฝัน
ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างเปรียบเสมือนว่าจะเป็นจริง
ยากเหลือเกินสำหรับเธอที่ค้นพบทางออกเมื่อเธอยังคงอยู่ที่นั่น
ยากเหลือเกินที่จะทำให้กระจ่างชัด
ยากเหลือเกินที่จะทำให้เธอมองเห็นโลกแห่งความจริง

แต่ภายในก้นบึ้งแห่งหัวใจนั้น
เธอก็รับรู้ว่าเธอสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงความคิดได้
ถ้าหากเธอมีความกล้าที่จะคิดทบทวน...อีกครั้ง
ด้วยเหตุผลว่า ทำไมเธอต้องตกหลุมรักอยู่กับชายในดินแดนแห่งความมืดนั้น...
และแล้ว...ในวันหนึ่ง...เธอก็รับรู้ว่าเธอควรทำอย่างไร
เธอลุกขึ้นยืนอย่างองอาจกล้าหาญและมองไปข้างหน้าด้วยดวงตาทั้งสองของเธอ
และแล้วเธอก็กล่าวว่า “ฉันไม่ได้ต้องการใครคนนั้นอีกแล้ว
สิ่งที่ฉันทำมาตลอดนั้น...ฉันทำไม่ถูกต้องจริง ๆ”

สิ่งที่เธอมีทั้งหมดคือความเพ้อฝัน
และเธอก็ก้าวออกมาสู่โลกแห่งความจริงโดยฉับพลัน
ขณะนี้เธอมีความรักให้กับทุก ๆคน
เหมือนกับที่เธอมีให้กับชายในดินแดนแห่งเงาของเธอ

ดินแดนแห่งเงาสถานที่แห่งความเพ้อฝัน
หากแต่ทุกสิ่งทุกอย่างมองดูแล้วช่างเสมือนความจริง
ยากนะที่จะค้นพบทางออก...ตราบเท่าที่เธอยังคงอยู่ที่นั่น
ยากเหลือเกินที่จะทำให้กระจ่างชัด
ยากเหลือเกินที่จะก้าวออกมาสู่โลกแห่งความจริง...







แปลโดย ร้อยตะวัน


Shadows by Lysdal

Have you heard the story about the girl
Who fell in love with her shadow
She was just a child when it happened one night
witnessing an unbearable scene

The shadow said "I'll protect you from the truth
as long as you protect me from the sun.
And if you'll stay with me here in the dark
I'll embrace every inch of your unhappy soul"

She had all her dreams in sight
But she refused to step out in the light
She was loved by everyone, but was in love with her shadow.

The shadow always reminded her of
She was over head and ears in debt to him
And every time she tried to run away
He held the truth up to her weary eyes

Shadow land an imaginary place
But everything in there just looks so real
Hard to find a way out when you're there
Hard to be clear Hard to be clear

But in the deep river of her heart
She knew that she could change her state of mind
If only she dared to see again
The reasons why she fell in love that night

And then one day she knew exactly what to do
She stood up tall and opened up her eyes.
And then she said "I don't need you anymore,
and I'm not even sure I ever did"


She had all her dreams in sight
And suddenly he stepped out in the light
Now she was loved by everyone, even by her shadow.

(*)Shadow land an imaginary place
But everything in there just looks so real
Hard to find a way out when you're there
Hard to be clear (to *)

Hard to be clear





แชรีน เข้ามา เรียก มินฮุง เสียงอ่อนหวาน : มินฮุง
มินฮุง หันไปมอง
แชรีน นั่งที่เก้าอี้ข้างๆ มินฮุง
มอง มินฮุง ด้วยสายตาที่ห่วงใย : กะแล้วเชียวว่าต้องอยู่ที่นี่ เราเคยมาที่นี่ประจำ จำได้มั๊ย
มินฮุง ไม่ตอบคำ นั่งใบหน้าขรึม
แชรีน : ฉันเป็นห่วงคุณนะ ในฐานะเพื่อน
มินฮุง ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม
แชรีน : ทำไมคุณต้องดื่มเหล้ามากขนาดนี้ด้วยล่ะ มีเรื่องอะไรหรือ
มินฮุง พึมพำ ว่า : คัง จุนซาง ใคร ๆ ก็บอกว่าผมหน้าเหมือนเขา
แชรีน รู้สึก งง..เอ้อ..
มินฮุง : ถ้าผมหน้าเหมือนเขาขนาดนั้น ไม่คิดเหรอ ผมอาจเป็นญาติเขา
แชรีน : คุณหมายความว่าอย่างไร
มินฮุง : มันแค่ แวบ ขึ้นมา บางทีเขาอาจ เป็นญาติผม หรืออาจเป็นพี่ชายฝาแฝด
หรือบางทีผมอาจเป็น คัง จุนซาง
มินฮุง ยิ้มที่มุมปาก แล้วส่ายหน้ากับตัวเอง เหมือน รู้สึกว่า ตัวเอง นั่นแหละพูดไปเรื่อยเปื่อย
ความคิดแบบนี้ ก็แปลกดี แวบขึ้นมาเดี๋ยวนี้จริงๆ
มินฮุง เหมือนคนไร้เรี่ยวแรง
แชรีน รู้สึกว่า มินฮุง พูดเรื่องเหลวไหล
แชรีนมองมินฮุง : มินฮุง คุณนี่ตลกจังเลย คุณรัก ยูจิน ขนาดนี้เชียว นี่คุณจนปัญญาขนาดนี้ จนต้องยอมหลอกตัวเอง


มินฮุง ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มอีก
แชรีน : ฉันมาที่นี่เพราะฉันเป็นห่วงคุณ แต่ที่คุณพูดมาน่ะ มันเหลวไหล
ไงนะ คุณคิดว่า คุณอาจจะเป็น คังจุนซาง
งั้นทำไมไม่ไปบอก ยูจิน ซะล่ะ ว่าคุณ คือ จุนซาง น่ะ เฮอะ แชรีน พูดเสียงดังทีเดียว
แต่ มินฮุง กลับ พูด ต่อว่า : ใช่ ผมเองไม่ทันคิด ถ้าทำอย่างนั้นเขาจะกลับมาไหม
แล้ว มินฮุง ก็ เหลียวมามอง แชรีน แวบหนึ่ง : ไปซะไป ที่นี่ไม่ใช่ที่สำคัญ คุณ...
แชรีน ผิดหวัง กับ มินฮุง ที่มีความคิดอย่างที่พูดออกมา
พูดเสียงดังยิ่งขึ้น : เลิกดื่มเถอะน่า อย่าทำแบบนี้เลย มินฮุง ฉันไม่อยากเห็นคุณเป็นแบบนี้เลยนะ
มินฮุง หันมามอง แชรีน อีกครั้ง
แชรีน : ฉันไม่อยากได้ยินคุณพูดถึง จุนซาง เพราะ ยูจิน อีก
มินฮุง คุณ ก็คือคุณ ไม่ใช่ จุนซาง หรอกนะ รู้มั๊ย มินฮุง คุณน่ะ แค่หลง ยูจิน เท่านั้นเอง
มินฮุง กลับ รับคำ อีกว่า : ใช่ มันก็อาจจะจริง
แล้ว มินฮุง ก็ขยับตัวลุกขึ้น หยิบผ้าพันคอ ที่ถอดวางไว้บนเคาน์เตอร์ขึ้นมา เดินออกจาก เคาน์เตอร์



แชรีน : คุณจะไปไหนล่ะ จะไปหา ยูจิน อีกหรือ
มินฮุง ชะงัก หันไปทางแชรีน : ผมอยากอยู่คนเดียว ผมกลับละ



( โธ่ มินฮุง วันนี้ ดู สติสตังไม่อยู่ กับตัวเลย แชรีน ว่าอะไร ก็รับคำหมด ไม่มีปฏิเสธเลย
แล้ว ไม่จ่ายเงินค่าเหล้าเหรอคะ ทิ้ง แชรีน ที่เป็นห่วงคุณ ไว้ อีกต่างหาก)
แชรีน ได้แต่มอง มินฮุง อย่างห่วงใยจริงๆ

มินฮุง เดิน ออกจากบาร์ อย่างช้าๆ มินฮุง เดินไปตามถนน
ไม่รู้ว่า เท้าของตัวเอง พา มินฮุง มายืน ที่หน้า อพาร์ทเม้นท์ ของยูจิน ได้อย่างไร แสงไฟที่หน้าต่างห้องของ ยูจิน ยังเปิดอยู่




ซังฮวก ที่ทนรอเจอ จินซุกไม่ไหว ลุกขึ้นคว้ากระเป๋า ยูจิน ลุกขึ้นยืนตาม
ซังฮวก สังเกตเห็น สร้อย โพลาริส ที่ยูจิน สวมใส่อยู่ นอกเสื้อ จึงเอื้อมมือไปจับ จี้ โพลาริส
พิศดูแล้วปล่อย : สร้อยเส้นนี้ฉันไม่เคยเห็นเลย เพิ่งซื้อมาเหรอ
ยูจิน ตกใจ รีบเอามือจับโพลาริส อึกอัก : อ๋อ นี่น่ะเหรอ
ซังฮวก รีบรุกทันที ที่เห็นท่าทางของ ยูจิน : เธอคงชอบมากล่ะสิ
เธอไม่ชอบใส่เครื่องประดับ นอกจากจะมีคนให้มาเป็นของขวัญ
แล้วก็เอื้อมมือไปพลิกดู โพลาริส น่ารักดี เหมาะกับเธอมาก แล้วก็วาง จี้ บนเสื้อ ของยูจิน
ยูจิน ยกมือจับ โพลาริส : ขอบคุณ งั้นไปกันเถอะ ฉันจะไปส่ง ยูจิน เอาโพลาริส ใส่ข้างในเสื้อที่สวมอยู่

เมื่อลงมาข้างล่าง ยูจิน ติดกระดุมเสื้อคลุม ให้ ซังฮวก พลางบ่นว่า : หัดติดกระดุมเสื้อบ้างสิ เดี๋ยวก็หนาวตาย
ซังฮวก เอา มือตัวเองแตะหน้าอก : แค่อุ่นในหัวใจก็พอแล้ว
ยูจิน : ระวังอย่าให้เป็นหวัดล่ะ
ซังฮวก หัวเราะชอบใจ : ขอบคุณนะ แล้ว เอามือโอบไหล่ ยูจิน ดึง ยูจิน มาซบอกตัวเอง

(ในตอนที่ 1 เด็กจอมแก่น ยูจิน วิ่ง กระหืดกระหอบ ขึ้นถนนมาเพื่อรอรถไปโรงเรียน มีหนุ่มน้อย ซังฮวก ต้องคอยติดกระดุมเสื้อคลุมให้ ยูจิน )

มินฮุง ยืนมองอยู่ ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ในเงามืด
ซังฮวก ขึ้นรถ ขับออกไป
ยูจิน หันหลังกลับ ค่อยๆ เดินขึ้นบันได อย่างอ่อนแรง
แล้วก็หยุดเดิน หันมามองข้างหลังตนเอง มองไปรอบๆ ราวกับมองหาใครอยู่
มินฮุง รีบแอบหลบหลังต้นไม้ใหญ่
ยูจิน เดินกลับเข้าไปข้างในแล้ว

ส่วน มินฮุง ที่ยืนมอง ยูจิน อยู่ในมุมมืดนั้น เป็นเพราะ มินฮุง เมาหรือนี่
มินฮุง คิดถึง ยูจิน จนไม่อาจเอาชนะใจตัวเองได้
มินฮุง อยากเห็น ยูจิน แม้ เป็นเพียงแค่ แอบมองในระยะไกล
ยูจิน เป็นคนที่ มินฮุง รัก อย่างลึกซึ้ง
มินฮุง อยากเห็นหน้า ยูจิน อยากสัมผัส ยูจิน อยากรู้สึกถึงตัวตนของ ยูจิน
ความรักนี้ช่างลึกล้ำสุดประมาณ
ตั้งแต่แรกที่พบ ยูจินในห้องทำงาน กลิ่นหอมฟุ้งกระจายออกมาจากเรือนผม ของ ยูจิน
รวมทั้งกลิ่นกาย ของยูจิน ทุกอย่างล้วน ทำให้ มินฮุง คิดถึง ยูจิน เหลือเกินแล้ว





มีเสียงเพลง from the beginning to now บอกกล่าวความรู้สึกของ มินฮุง
From beginning to now

( โช-อึม-โบ-โท-จี-กิม-กาจี)
จากวันนั้นถึงวันนี้ ขับร้องโดย Ryu
Lyric Meaning
Can't return to my side, it's impossible now
I console myself that I should stop loving you now
If I can't meet you again,I really hope to forget you, to forget the entire you in my heart
Every time I want to smile, you let me cryYou make my everything go wrong
Every time I think of you, all my defences gave way
Tried hard to forget you, but I just can't
If I can't meet you again,I really hope to forget you, to forget the entire you in my heart
Every time I want to smile, you let me cry
You make my everything go wrongEvery time I think of you, all my defences give way
I tried hard to forget you, but I just can't forget
I never know it is so hard to love someone
Every time I want to smile, you let me cry
You make my everything go wrong
Every time I think of you, all my defences gave way
Tried hard to forget you, but I just can't

จากวันนั้น จนถึงวันนี้ โดน connect
เพียงเธอกล่าวว่าเธออาจจะไม่กลับมาหาฉันอีก
โปรดอย่ากล่าวเช่นนั้นเลย เห็นใจฉันเถิด
* ใจจริงฉันต้องการจะลืมทุกสิ่
ง ถ้าฉันจะไม่มีโอกาสได้พบเธออีก
ทว่าทุกสิ่งในตัวเธอยังตราตรึงอยู่ในใจฉัน
** เพราะทุกครั้งที่ฉันอยากหัวเราะเธอกลับทำให้ฉันร้องไห้
ฉันล้มเหลวในทุกสิ่งก็เพราะเธอ
เพราะเมื่อใดที่ฉันต้องการพบเธอหัวใจฉันต้องแหลกสลาย
ไม่ว่าฉันจะพยายามเพียงใดก็มิอาจลืมเธอได้ลง(ซ้ำ* ,**)
ฉันไม่เคยคิดเลยว่ารักนั้นจะทรมานนัก(ซ้ำ **)

From beginning to now-Ryu

*A: You won't return to my side. It's impossible now.
I console myself that I should stop loving you now
*B: If I can't meet you again, I really hope to forget you, to forget the entire of you in my heart.
*C: Every time I want to smile, you let me cry.
You make me everything go wrong.
Every time I think of you, all my defences give way.
Tried hard to forget you, but I just couldn't.
*B/C:
*D: I never know it is so hard to love someone.
*C:.
มินฮุง นั่งเผ้าแม่ที่เก้าอี้ ใบหน้าขรึม ซึมเศร้า สับสน ปนเป กันไปหมด
คัง มุยฮี ลืม ตา เห็น มินฮุง ก็ เรียก มินฮุง
มินฮุง หันมามองแม่
มินฮุง : แม่เป็นอย่างไรบ้างครับ
คัง มุยฮี : ไม่เป็นไรแล้ว ลูกนั่งเผ้าแม่ตลอดเลยหรือ
มินฮุงไม่ตอบ




คัง มุยฮี : เป็นอะไรไป มีเรื่องอะไรเหรอลูก
มินฮุง: แม่ครับผมอยากถามอะไรหน่อย แม่เคยได้ยินชื่อ คัง จุนซาง หรือเปล่าครับ
คัง มุยฮี อึกอัก : เขาคือใครเหรอลูก
มินฮุง : นี่แหละครับที่ผมอยากถามแม่ แม่บอกผมมาตามตรงเถอะ แม่ไม่เคยรู้จัก คัง จุนซาง จริงๆ เหรอครับ
คัง มุยฮี นิ่งไปชัวครู่ ก็ตอบว่า : ไม่รู้จัก แม่ไม่รู้จักจริงๆ แล้วเขาคือใครเหรอ
มินฮุง : มีคนบอกผมว่าเขาหน้าตาเหมือนผม เขาหน้าเหมือนผมมาก แถมยังเคยจมน้ำด้วย
คัง มุยฮี นึกถึงคำพูดของตัวเอง : ลูกอย่าบอกนะว่า ลูกลืมไปแล้วว่า เคยจมน้ำตอนอายุ 7 ขวบ น่ะ
คัง มุยฮี ได้แต่อึกอัก : คือว่า แม่ ...เอ้อ..




มินฮุง : แม่ครับ แม่ไม่รู้จริงๆเหรอ
คัง มุยฮี : แม่ไม่รู้จักจริงๆนี่จ๊ะ มินฮุง มีเรื่องอะไรเหรอลูก
แล้วก็ตัดบท เพื่อบ่ายเบี่ยง คำถาม ของมินฮุง และ คำตอบของตนเอง ว่า : แม่ อยากจะนอนพักอีกสักหน่อยนะ


แล้ว คัง มุยฮี ก็ล้มตัวลงนอนตะแคง ข้าง หันหลังให้ มินฮุง
มินฮุง เอื้อมมือ ไปจัดผ้าห่มให้แม่ ที่นอนลืมตาไม่ได้หลับสักนิด




จินซุก เล่าให้ ยูจิน ฟังว่า แชรีน กลับไปคืนดี กับ เขาคนนั้น แล้วล่ะ
ยูจิน : มินฮุง น่ะหรือ
จินซุก : ใช่ แชรีน ออกไปหาเขาเมื่อคืนนี้
ยูจิน : ก็ดีแล้วนี่
จินซุก : จริงๆเหรอ
ยูจิน : ฉันรู้ว่าเธอเป็นห่วง แต่ไม่มีอะไรต้องห่วงหรอกนะ
จินซุก ยิ้มดีใจ : ฉันเชื่อใจเธอ

ยูจิน รู้ดีว่า แต่ละคนกังวลใจ อะไรอยู่ ทั้ง จินซุก และ ซังฮวก
ยูจิน รู้ว่า หากฟังเรื่องของ เขาคนนั้น แล้วทำท่าเหมือนไม่รู้สึก ไม่รู้สา ก็จะเป็นการเหมือนโกหกคนอื่น
แต่หากแสดงอาการตื่นเต้นอย่างออกหน้าออกตา ก็จะทำให้สภาพจิตใจ ของบางคนแย่ไปด้วย
ยูจิน พยายามฟังเรื่องราว ของ เขาคนนั้น อย่างสงบ ถึงแม้ไม่อาจทำแบบนี้ได้ตลอดไป
ยูจิน รู้ดีว่า ไม่ว่าเธอจะแสดงออกอย่างไรก็ตาม
ในใจของเธอ ก็ยังเหลือมุม มุมหนึ่ง เอาไว้ เพื่อใช้เก็บรักษาความคิดถึง คน คนนั้น ที่ไม่อาจลบเลือนได้
แต่ ยูจิน ตัดสินใจแล้วว่า จะแสร้งทำเป็นไม่สนใจใยดี เพื่อให้คนอื่นได้สบายใจ


แชรีน โทรศัพท์มาหา ยูจิน ในวันรุ่งขึ้น
ยูจิน ไปพบ แชรีน ที่ คอฟฟี่ชอป ยูจิน คาดเดาว่า คงเป็นเรื่องที่ แชรีน จะบอกว่า คืนดี กับ มินฮุง แล้ว
ยูจิน : ทำไมถึงอยากเจอฉันล่ะ
แชรีน : แค่อยากเจอเพื่อน ต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ ฉันกำลังทำชุดแต่งงานให้เธออยู่นะ และก็...
ยูจิน ขัดขึ้นว่า : แชรีน เธอเป็นคนฉลาด แต่บางครั้งเธอก็โง่
แชรีน : เอ๊ะ
ยูจิน : ความซื่ออาจไม่ดีเสมอไป แต่บางครั้งมันก็มีประโยชน์
แชรีน อึกอัก
ยูจิน : บอกมาสิ เธอมีอะไรจะบอกฉันใช่มั๊ย
แชรีน หลบตา ยูจิน
ยูจิน : ได้ยินว่าเธอกลับไปหา มินฮุง อยากจะบอกฉันเรื่องนี้ใช่มั๊ย
แชรีน : เปล่าหรอก มันตรงกันข้ามเลย มินฮุง ขับไล่ไสส่งฉัน
ยูจิน เธฮต้องช่วยฉันนะ เธอเป็นคนเดียวที่จะช่วยได้ ฉันถึงได้มาขอร้องนี่ไง

ยูจิน เดินที่ทางเดินริมถนน นึกถึงแต่คำพูดของ แชรีน

แชรีน : ฉันนึกว่าถ้าเธอแต่งงานไปซะ ยังไงเขาก็ต้องกลับมาหาฉัน แต่เขาบอกว่า มันจบไปแล้ว
ถึงเขาลืมเธอไม่ได้ ฉันก็ทนได้
แต่เขาปฏิเสธฉัน ฉันอยากช่วยให้เขาลืมเธอให้ได้นะ
ฉันอยากช่วยรักษาแผลใจ ที่เขาต้องเจ็บปวดเพระเธอ แต่เขาเอาแต่ไล่ฉัน
ยูจิน เธอต้องช่วยฉันนะ ไม่ใช่เพื่อฉัน
แต่เพื่อมินฮุงน่ะ ได้โปรดเถอะนะ ยูจิน นะ

เมื่อกลับมาถึงที่ทำงาน ยูจิน ไม่อาจทำงานต่อได้ ได้แต่นั่งทอดถอนใจ
เพียงได้ยินชื่อ มินฮุง ยูจิน ก็เจ็บปวดใจยากจะทน
ยิ่งได้ข่าวจาก แชรีน ว่า มินฮุง ทุกข์ทรมานใจเพราะ
เธอ ยูจิน ยิ่งเจ็บปวดรวดร้าว ราวกับหัวใจถูกเชือดเฉือน
มินฮุง เป็นคนที่มีความเชื่อมั่นในตนเองเสมอ และไม่เคยประหวั่นพรั่นพรึงกับเรื่องใด
ต้องมาเจ็บปวดใจ เพราะเธอ ยูจิน เสียใจ จนแทบจะทนไม่ได้

เมื่อ สิบปีที่แล้ว จุนซาง เสียชีวิต เพราะเกิดอุบัติเหตุ ยูจิน ก็เสียใจ จนแทบจะตายตามไปด้วย
แล้วก่อนที่ ยูจิน จะจากสกีรีสอร์ต มา
เธอ และ มินฮุง ต้องเดินบนเส้นขนาน ที่ไม่อาจมาบรรจบพบกัน
ยูจิน ก็เศร้าใจ สุดบรรยาย กับเรื่องนี้
เมื่อนึกถึง มินฮุง ที่ต้อง เจ็บปวดรวดร้าว อยู่คนเดียว ตามลำพัง
ยูจิน รู้สึก ใจหายและเจ็บปวดตาม มินฮุง ไปด้วย
สิ่งที่ ยูจิน จะทำได้ ก็คือ ช่วยให้ แชรีน กลับไปหา มินฮุง ให้ได้
เพื่อให้ แชรีน คอยดูแล อยู่ข้างกาย ของ มินฮุง เพื่อให้ มินฮุง ทุกข์ ทรมาน น้อยลง

ยูจิน เอามือจับ โพลาริส ไว้พลางก้มลงมอง แล้วก็ตัดสินใจ

ยูจิน ยกโทรศัพท์ ของสำนักงาน โทร ไปยัง ใครคนหนึ่ง จะเป็นใครอื่นได้ หากมิใช่ มินฮุง

ยูจิน ออกมาเรียกรถแท๊กซี่
ยูจิน หัวใจเต้นโครมครามตลอดเวลาในระหว่างเดินทางไปที่นัดหมาย
เธอกำลังจะไปพบ คนที่เอาหัวใจของเธอไป
แต่ไม่ใช่เพื่ออยู่ข้างกายของเขา เพียงแต่ไปพบหน้าเขาเท่านั้น
เป็นความรู้สึกที่แปลกพิกล ในใจนั้นเฝ้ารออย่างจดจ่อ แต่ขณะเดียวกัน ก็หวาดกลัวสุดขีด
แม้จะเป็นช่วงเวลา เสี้ยววินาที ยูจิน กลัวใจ ตัวเองว่า จะไม่ใช่ไปเพื่อพบหน้า มินฮุง
หาก จะไปเพื่อ จะอยู่ข้างกายของ มินฮุง

ยูจิน ลงจากรถแท็กซี่แล้ว ต้อง สูดลมหายใจ ลึก ๆ เข้าไว้ ก่อนจะเดินเข้าไปใน คอฟฟี่ชอป

ซังฮวก ได้บัตร คอนเสร์ต มา 2 ใบ ตั้งใจจะไปรับ ยูจิน ไปดู คอนเสิรต์ จะโทร ไปบอก ยูจิน ก่อนที่จะไปรับ
แต่แล้วก็ เปลี่ยนใจ เพราะอยาก เซอร์ไพรส์ ยูจิน
เมื่อ ไปถึง ที่ทำงานของ ยูจิน ก็เห็น ยูจิน ขึ้นรถ แท็กซี่ ซังฮวก ขับตาม ยูจิน ไป
และ พบว่า ยูจิน ไปที่ คอฟฟี่ชอป ที่มี มินฮุง นั่งคอยอยู่ก่อน
เพราะ เป็นห้อง กระจก ซังฮวก จึง มอง เห็นภายในร้าน
ซังฮวก พยายาม สะกดใจไว้ เมินหน้าไปจากภาพที่เห็นนั้น

มินฮุง นั่งคอยอยู่ก่อนแล้ว จ้องมองยูจิน ด้วยสายตาที่อบอุ่น แต่ เศร้าสร้อย เหลือเกิน
ชั่วขณะ นั้น ยูจิน รู้สึกถึงความผูกพันที่ส่งผ่านมาทางสายตา
มินฮุง ลุกขึ้น ยืน ต้อนรับ ยูจิน
ยูจิน เกือบจะทรุดฮวบลงไป ทั้งๆ ที่หย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ ตรงข้ามกับ มินฮุง




ยูจิน อยากจะยิ้มอย่างเบิกบานใจ ให้กับ มินฮุง อยาก กุมมือของ มินฮุง ไว้
แต่ ยูจินไม่อาจทำได้ คำพูดของ แชรีน ทำให้ ยูจิน ระงับอารมณ์ ให้สงบลงได้
มินฮุง : สบายดีเหรอ
ยูจิน : ค่ะ... ที่ฉันโทรหาคุณก็เพราะ.....
มินฮุง ขัดจังหวะ : เดี๋ยวก่อนนะ
ยูจิน ชะงัก
มินฮุง พูดต่อ : ก่อนที่คุณจะพูด ผมอยากมองคุณ แป็บนึง จะได้จินตนาการ
ยูจิน มอง มินฮุง
มินฮุง : ผมอยากจินตนาการว่าที่คุณนัดผมวันนี้ น่ะ คุณ โทร มาก็เพราะ คุณคิดถึงผมใช่มั๊ย

ยูจิน อึ้ง ก้มหน้าลง ยูจินพูดไม่ออก ยูจิน อยากจะทรุดตัวลงในอ้อมกอดของ มินฮุง
ยูจิน อยากเลิกนึกถึงจิตใจของ ซังฮวก ขอเพียงได้อยู่ในอ้อมกอดของ มินฮุง ที่เธอรัก
บอกเขาว่า เธอรักเขา เธอลืม มินฮุง ไม่ได้
แต่ ยูจิน ไม่มีความกล้า ที่จะทำเช่นนั้น

ได้แต่พูดว่า : ที่ฉัน โทร หาคุณก็เพราะ ...... ขยับตัว หยิบสายสร้อย โพลาริส มาจากกระเป๋าถือ
มินฮุง หน้า เศร้าหมอง ลงไปอีก
ยูจิน วางสายสร้อย ลงบนโต๊ะ : นี่ค่ะ ฉันรู้สึกว่าฉันต้องคืนให้คุณ เพราะมันไม่ควรเป็นของฉันอีกแล้ว ขอโทษนะคะ มินฮุง
มินฮุง : ไม่เป็นไรครับ ผมก็ต้องขอโทษ ตอนที่คุณโทรมา ผมรู้ว่าคุณอยากมาพูดเรื่องนี้
แต่ ผมก็ยังหวังให้เป็นอย่างอื่นน่ะ ผมมันโง่ชะมัด
แต่ต้องขอบคุณสร้อยเส้นนี้ เพราะมันทำให้ผมได้เจอคุณ อีกครั้งหนึ่ง
มินฮุง เอื้อมมือ มาจะแตะ จี้ โพลาริส แต่แล้ว ก็ดึงมือกลับ



มินฮุง : ผมน่ะรู้สึกแปลกๆ มากเลย ที่ต้องขับรถมาโซล จากสกีรีสอรต์ แล้วคุณล่ะ
ยูจิน : หน้าหนาวมันใกล้จะหมดแล้ว
ยูจิน มองออกไปด้านนอก
แล้วพูดต่อ : หิมะ ก็ไม่ตกแล้ว ทุกๆคนดูต่างไปจากเดิม
ยูจิน หันกลับมา : ทุกอย่างดูไม่คุ้นตา
มินฮุง : ผมก็เหมือนกัน คงมีผมคนเดียวที่อยู่ในหน้าหนาว
เพราะว่าเวลาอยู่ที่นี่ สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ มันดูกระจ่างชัดมาก
ผมอยากย้อนเวลากลับไป

มินฮุง และ ยูจิน นิ่งมองหน้ากันชั่วขณะ มินฮุง ทิ้งประโยคสุดท้ายไว้แค่นั้น ไม่พูดอะไรต่อ
ยูจิน ต้องกลบเกลื่อน ว่า : วันนี้ฉันเจอ แชรีน ค่ะ แชรีน น่ะ เขารักคุณมากนะคะ
ฉันรู้สึกแย่ ที่เห็นเขาต้องเสียใจ พวกคุณสองคนน่าจะลงเอยกันได้ถ้าหากไม่มีฉัน
ยูจิน ต้องหลบสายตา อยู่ที่พื้นโต๊ะ ตลอดเวลาที่พูดถ้อยคำนี้ออกมา

มินฮุง ขัดขึ้นว่า : ให้ผมกับ แชรีน กลับไปคืนดีกัน คือสิ่งที่ผมไม่อยากได้ยินจากปากของคุณ
ยูจิน เงยหน้ามอง มินฮุง
มินฮุง : อย่าพูดแบบนั้นเลย
มินฮุง ทำท่ากลั้นใจ หลับตาลง แล้วพูดต่อว่า : ผมทำได้ทุกอย่างถ้าคุณอยากให้ทำ
แต่ผมทำอย่างนั้นไม่ได้ มันไม่ดีต่อ แชรีน ด้วย
ยูจิน : ฉันขอโทษค่ะ ฉันไม่น่าพูดแบบนั้น
มินฮุง : ยูจิน คุณสบายดีเหรอ
ยูจิน : สบายดีค่ะ แล้วคุณ ล่ะคะ
มินฮุง : สบายดีครับ
ยูจิน ก้มหน้าลง


ไม่มีคำพูดใดๆ ต่อจาก ถ้อยคำเหล่านี้ ยูจิน และมินฮุง ต่างมี น้ำตาปริ่มดวงตาด้วยความเจ็บปวด

ทั้งคู่ออกมาจากคอฟฟี่ชอป เพราะต่างไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็นน้ำตาของตัวเอง

มินฮุง และยูจิน เดิน มาตามถนน และพบว่า สัญญาณไฟจราจร สำหรับ คนข้ามถนนเสีย
คนอื่นๆ พากัน ย้ายที่ข้ามถนน จนเหลือเพียง มินฮุง และ ยูจิน




มินฮุง : สงสัยสัญญาณไฟคงเสีย
หันไปมอง ยูจิน ที่ยืนข้างๆ : นี่ถ้าผมไม่ได้หน้าเหมือน จุนซาง คุณคงไม่แลผมหรอก
ตอนแรกคุณคงคิดว่า ผมอาจจะเป็น คัง จุนซาง ใช่มั๊ย
ยูจิน : ใช่ค่ะ แต่ตอนหลังฉันก็รู้ว่า คุณไม่ใช่เขา
มินฮุง : ใช่ครับ ผมคงเป็น คัง จุนซาง ไม่ได้

มินฮุง หันไปอีกด้าน : หลายวันมานี่ ผมรู้สึกเหมือนกำลังรอสัญญาณไฟที่เสีย
ยูจิน หันมามอง มินฮุง : อย่าคิดอย่างนั้นสิคะ คิดแบบนั้นทำไม
มินฮุง ยิ้มกับ คำพูด ของ ยูจิน : ผมรู้ว่ามันไร้สาระ
มินฮุง หันมาทาง ยูจิน : งั้นเรามาข้ามถนนด้วยกันเอามั๊ย
ยูจิน มอง มินฮุง
แล้ว ตัดสินใจ ตอบ มินฮุง ที่ทำท่า รอฟังคำตอบอยู่ : ตอนฉันเป็นเด็กฉันก็เคยเจอแบบนี้ครั้งหนึ่ง
ตอนนั้นฉันเดินอ้อมไปอีกทาง จำได้ว่าทางกลับบ้านมันช่างไกลและลำบากมาก
มินฮุง หน้าเศร้า

ยูจิน หันมามอง มินฮุง อย่างสุดแสนรันทดใจ : ทางที่ฉันต้องเดิน ฉันเลือกแล้วค่ะ
ถึงสัญญาณไฟจะเสีย แต่นี่ก็คือเส้นทางที่ฉันต้องเดินน่ะค่ะ
ถ้าฉันเลือกทางอื่น ฉันก็อาจต้องหลงทางอีกครั้ง ลาก่อนค่ะ

แล้ว ยูจิน ก็พุ่งตัวข้ามถนนไปคนเดียว หลบรถที่วิ่งผ่านไปมา จนถึงถนนอีกฟากหนึ่ง

มินฮุง ยืนนิ่งที่เดิม ได้แต่ ล้วงหยิบสายสร้อย โพลาริส ออกจาก กระเป๋า กางเกง ขึ้นมาดู




ยูจิน นั่งบนรถเมล์ ที่เบาะหลัง และลงเดิน เข้าอพาร์ทเม้นท์ อย่างคนหมดเรี่ยวแรง

ซังฮวก ขับรถมาจอดคอยนานแล้ว บอกกับ ยูจิน ตั้งใจมาชวน ยูจิน ไปดู คอนเสิรต์ แต่ช่างมันเถอะ
ยูจิน ขวน ซังฮวก ขึ้นไปดื่มชา แต่ ซังฮวก ปฏิเสธ แล้วถามว่า ยูจิน ไปไหนมา เพิ่งกลับจากออฟฟิศ หรือ
ยูจิน อึกอัก ..เอ้อ... แล้วหลบตาลงพื้น ไม่ตอบคำถามของซังฮวก
ซังฮวก ยื่นกล่องของขวัญ เล็ก ๆ ให้ ยูจิน : เอ้า ฉันให้เธอ ที่ฉันรอ เพราะเอานี่มาให้ ยูจิน รับมาถือไว้
ซังฮวก : จำได้มั๊ย เธอเคยพูดว่า เธอจะจับมือฉัน ถ้าฉันร้องขอ
ยูจิน ประหลาด ใจ หือ...
ซังฮวก : เธอบอกว่าจะจับมือฉัน ยามที่ฉันเศร้า และว้าเหว่
ยูจิน ตอบช้าๆ ว่า ใช่
ซังฮวก แบ มือ ของตัวเองไปข้างหน้า ยูจิน
ยูจิน จำต้อง ยื่นมือตัวเอง วางลงบนฝ่ามือของซังฮวก
ซังฮวก จับ นิ้วมือ ของ ยูจิน
ยูจิน หน้าตาเศร้ามาก

ซังฮวก ไม่ได้แสดงความโกรธ ยูจิน ที่ไปพบมินฮุง มา ซังฮวก ได้แต่สะกดความโกรธเอาไว้

เมื่อ ยูจิน วางมือลงมานั้น ซังฮวก รู้สึก โล่งใจ ยูจิน สร้างบ้านให้เขาในหัวใจของเธอแล้ว
แม้จะเป็นบ้านที่ไม่น่าดู ขอเพียงแต่อยู่ในใจของ ยูจิน ได้ ก็พอเพียงแล้ว
ซังฮวกยอมรับได้
การเข้าไปหลบ ๆช่อนๆใช้ชีวิตในบ้านที่คับแคบและใกล้พังลงมานั้น ช่างทุกข์ทรมาน
แม้ ซังฮวก จะมี ยูจิน เพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถ ปลอบประโลมหัวใจ ที่อ้างว้างและปวดร้าวของเขาได้
แต่ ยูจิน กลับไปสร้างบ้านไว้ในหัวใจของคนอื่นแล้ว

( เมื่อก่อน ยูจิน หวงมือของตัวเองมาก จำได้ไหมคะ)

เมื่อเข้ามาในห้อง ยูจิน เปิดกล่อง ที่ ซังฮวก มอบให้ ข้างใน คือสายสร้อยที่มีจี้ห้อยเช่นกัน
ยูจิน รู้สึกผิด ที่ ซังฮวก มอบสายสร้อยให้ และบอกว่า เขาโดดเดี่ยว
ยูจิน ไม่มี โพลาริส ที่ลำคอแล้ว
เวลานี้ ยูจิน หลงทางเสียแล้ว ดาวโพลาริส บนท้องฟ้า ก็ถูก ความมืดมิด บดบังไว้
ยูจิน ไม่สามารถ ก้าวออกมาพ้น จุดที่เธอยืนอยู่ในขณะนี้
ยูจิน ไม่ต้องการพบกับความเจ็บปวดและความลังเลใจจากการหลงทาง อีก
นี่เป็นเส้นทาง ที่ยูจิน เลือกเอง จริงๆ

ที่บ้าน อาจารย์คิม
ยูจินได้รับความเอ็นดู จาก แม่ของซังฮวก เพราะ นางสำนึกในบุญคุญ ที่ยูจิน ยอมหันกลับมาหา ซังฮวก
นางได้ผ่านห้วงเวลา ที่เผ้าดู ซังฮวก ทุรนทุรายที่สูญเสีย ยูจิน ไป

พอ ยูจิน รู้ตัวว่า ยังเหลือเวลาไม่ถึงเดือน ก็จะถึงงานแต่งงานแล้ว ยูจิน ยิ่งรู้สึก อ้างว้าง
ยูจิน กลับมาสู่จุดเริ่มต้น จะต้องใช้เวลาอีกนานเท่าใด ยูจิน จึงจะลืม มินฮุงได้ เพื่อทำให้ทุกคน ที่อยู่รอบตัวเธอ มีความสุข
หรือว่า พอเริ่มต้นก็กลายเป็นเรื่องที่ไกลสุดเอื้อม เสียแล้ว

มีแต่ซังฮวก ที่แจ่มใสร่าเริง กับงานแต่งงานที่ใกล้เข้ามา

ยูจิน จะกลับไปชุนชง กับ ซังฮวก เพราะเป็นวันครบรอบวันเกิด พ่อของ ยูจิน
แม่ขอ งซังฮวก ฝากของไปให้แม่ของ ยูจิน และบอกว่าถ้าอยากให้ช่วยอะไร ในการเตรียมงานแต่งงาน ก็ขอให้บอก เธอเต็มใจช่วย

ซังฮวก ขับรถไปส่ง ยูจิน กลับบ้าน นัดแนะ ถึง วันพรุ่งนี้ไปเจอกันที่สถานีรถ แล้วเดินทางไปชุนชง ด้วยกัน
จุงอา โทรศัพท์มาชวน ยูจิน ไปร่วม ฉลอง เลี้ยงอำลาก่อนกลับไปสกีรีสอร์ต จุงอา อยู่กับคุณคิม ที่ผับเดิมที่ไปเป็นประจำ
ยูจิน ปฏิเสธ อยากกลับไปพักผ่อน
แต่ จุงอา ก็ยังไม่ละความพยายาม และบอกว่า ลี มินฮุง ไม่ได้มาร่วมฉลอง
แต่ ยูจิน ก็ ยังคงปฏิเสธ
ซังฮวก ได้ยิน คำสนทนา ถามว่า มีใครอยู่ ร่วมฉลอง กับ จุงอา
ยูจิน : ก็มีคุณคิม เธอก็รู้จักนี่นา
ซังฮวก : ถ้างั้น ลี มินฮุง ก็คงอยู่ด้วย
ยูจิน : เปล่าหรอก เขาไม่อยู่
ซังฮวก หักพวงมาลัยรถ
ยูจิน: นั่นเธอจะไปไหนน่ะ
ซังฮวก : ฉันจะแวะไปหน่อยนึง ไม่ได้เจอ จุงอา ตั้งนานแล้ว ไปด้วยกันนะ


ในผับ เมื่อ ยูจินไม่มาร่วมฉลอง คุณคิม จึง โทรชวน มินฮุง มาแทน และอยากปลอบใจ มินฮุง
มินฮุง เดินเข้ามา
คุณคิม แซว มินฮุงว่า : นี่ผิดหวัง ที่ ยูจิน ไม่ได้อยู่ที่นี่ละซิ
มินฮุง : เลิกแซว ชะทีเถอะ




คุณคิม ยังตอแยไม่เลิก : ผมไม่ได้ แซว นะ ผมพูดจริงๆ ให้ผมโทรหาให้เอามั๊ย
มินฮุง ยกขวดเหล้าขึ้นดื่ม ทั้งขวด
คุณคิม เห็น ท่าทางของ มินฮุง แล้วเขาก็รู้สึกเศร้าใจ
หากเป็นไปได้ เขาอยากจะช่วย มินฮุง ด้วยการแปลงร่างเป็นนกกางเขน
พา มินฮุง ไปยังสะพานที่ทอดให้หนุ่มเลี้ยงวัว ไปพบกับสาวทอผ้า ในนิทานพื้นบ้าน
(คุณรำพรรณ แปลไว้ อ่านแล้ว รู้สึกดี กับคุณ คิม มากเลย
จริงๆ แล้ว คุณ คิม มีความจริงใจ ห่วง ใย มินฮุง มาก จะเห็นชัด ตอนใกล้จบ ด้วยนะคะ
คุณ คิม เหมือน พี่ชาย เหมือนเพื่อน ของ มินฮุง
อ้อ และนิทาน พื้นบ้านของเกาหลี เรื่องนี้ เหมือนนิทานพื้นบ้านของ ญี่ปุ่น เลยไหมคะ
แต่ของญี่ปุ่น สาวทอผ้า เป็นเจ้าหญิงทอหูก
ชายหนุ่มเลี้ยงแกะ และเจ้าหญิงทอหูก จะได้พบกันบนทางช้างเผือก บนฟากฟ้า เอใช่ไหมคะ)

ซังฮวก จอดรถ แล้ว จูงมือ ยูจิน เดินเข้ามาในผับ
แล้ว ซังฮวก ก็ชะงัก ที่ได้ยินเสียงหัวเราะของ คนทั้งสาม ที่ขำขัน เรื่องเล่าของคุณคิม
คุณคิม : คิดดู เขาจะอึ้งแค่ไหนนะ ตอนที่รู้ว่า พวกนักเรียนเอาหนังสือพิมพ์ไปหมดเลย ผมยังอึ้ง เลย
แล้ว ทั้ง ห้าคน ตัวละคร เรื่องนี้ ก็เลย อึ้งกันไปหมดจริงๆด้วย

จุงอา : อ้าว ยูจิน มาด้วยเหรอ มินฮุง หันมามอง
ซังฮวก หันมามอง ยูจิน แล้ว จูงมือ ยูจิน ไปที่ โต๊ะ มินฮุง หันไปมองคุณคิม
คุณคิม : มาเซอร์ไพรซ์กันเหรอ เนี่ยะ ไหนบอกว่าจะไม่มานี่นา
จุงอา ชวน ซังฮวก และยูจิน ให้นั่งลง
มินฮุง ก้ม หัวทักทาย ทั้งสองคนที่มาใหม่ ว่า สวัสดีครับ
มินฮุง มองยูจิน ที่เก็บงำสายตาตัวเองไว้ไม่พูดจา
คุณคิม แก้ไข สถานะการณ์ว่า : น่าจะบอกกันก่อนว่าจะมา นึกว่าไม่มาเสียอีก
จุงอา รีบเสริม : นั่นสินึกว่า จะไม่มาซะแล้ว
ซังฮวก : ที่จริงผมเป็นคนชวนมาเอง
คุณคิม และจุงอา อุทานพร้อมกัน ว่า อ้อ
มินฮุง ผุดลุกขึ้น : งั้นผมขอตัวก่อนนะ มองไปที่คุณคิม และจุงอา
ผมแค่แวะมาอวยพรให้พวกคุณเดินทางโดยสวัสดิภาพ
คุณคิม และจุงอา : อ้าวทำไมรีบไปนักล่ะ
ซังฮวก : ไม่ต้องหรอกครับคุณลี
ถ้าคุณรีบกลับเพราะเรา เราต่างหากที่ควรไป
ยูจิน เหลือบตามอง ซังฮวก
ซังฮวก : ไปเถอะ ยูจิน ซังฮวก เอามือโอบไหล่ ยูจิน คำนับลาแล้วพาเดินออกไป
ยูจิน แอบมอง มินฮุง
จุงอา เอามือแปะหน้าผาก คุณ คิม เอามือ วางข้างแก้ม
จุอา : โธ่ ทำไม เรื่องมากกันนักนะ....
คุณคิม ผมรู้น่า ผมรู้

ที่ด้านนอก
ซังฮวก เดินจำอ้าว ทิ้ง ยูจิน เดินตามหลัง ยูจิน ได้แต่เรียก ซังฮวก ซังฮวก
ซังฮวก ก้มลงไขกุญแจประตูรถ หันมาทาง ยูจิน ที่เดินแกมวิ่ง ตามมายืนข้างๆตัว ส่งเสียงเกรี้ยวกราด: จะโกหกฉันอีกนานแค่ไหน
เธอ จะโกหก ฉันอีกนานแค่ไหน ถ้าฉันไม่อยู่ด้วย เธอคงมาแล้ว ทำไมไม่บอกฉันล่ะ ฉันจะได้ปล่อยเธอมา
ยูจิน : ฉันไม่ได้โกหกเธอนะ ฉันก็ไม่รู้ว่า ลี มินฮุง ก็อยู่ที่นี่ด้วย ทำไม ฉันต้องโกหกเธอด้วยล่ะ
ซังฮวก เสียงดัง ขู่เข็ญ ยูจิน : แล้วเมื่อวานนี้ล่ะ ทำไมเธอต้องออกไปเจอ ลี มินฮุง ด้วย
ยูจิน : เพราะว่าฉันเอาของไปคืนเขา
ซังฮวก พาลพาโลไม่ไว้หน้า ยูจิน : แล้ววันนี้มีอะไรต้องคืนมั๊ย ถ้าฉันไม่อยู่ด้วย เธอก็คงมาเจอขาอีกสินะ
ยูจิน : ซังฮวก ทำไมเธอจึง…
ซังฮวก พูดสวนออกมา : ไม่ชอบให้พูดแบบนี้ใช่ไหม ไม่ชอบให้ฉันไม่เชื่อใจเธอเหรอ
ฉันก็ไม่ชอบ ฉันไม่ชอบสักนิดนึง ฉันก็เจ็บปวดที่จำใจต้องลาออกจากงานน่ะ ฉันเห็นเธอแค่เล่นๆเหรอ
ยูจิน ท่าทางอ่อนใจเมินหน้าไปอีกทาง
ซังฮวก : ที่ฉันต้องการก็คือเธอ แค่นี้ยังไม่พออีกเหรอใช่มั๊ย
ยูจิน หันมา : มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ (คนเล่า เบื่อประโยคนี้ ของ ยูจิน จังเลย คือพูด แค่นี้ ไม่อธิบายต่อทุกที)
ซังฮวก หันมามอง ยูจิน เปิดประตู ก้าวขึ้นไปนั่ง ปิดประตู แล้วสตาร์ท รถ
ยูจิน เรียก ซังฮวก
ซังฮวก ขับรถออกไป ทิ้ง ยูจิน ไว้ตรงนั้น .

ยูจิน ค่อยๆเ เดินไปที่ริมถนน เพื่อโบกเรียกรถ แท็กซี่
แต่ คันแล้วคันเล่า ก็ถูกคนอื่น ตัดหน้า แย่งขึ้นไปนั่งเสียหมด
ยูจิน หน้าเสีย กับภาวการณ์เช่นนี้
มินฮุง เดิน ออกมาจากผับ ด้านหลัง ยูจิน และมองเห็น ยูจิน มินฮุง เดินเข้าไปหา ยูจิน
มีรถ คันหนึ่ง แล่น มาเกือบเฉี่ยว ยูจิน ที่ชะโงกล้ำตัวเองออกไปจากริมถนน เพื่อจะมองหารถแท็กซี่
มินฮุง มาถึงพอดี และจับแขน ยูจิน ดึงเข้ามาด้านใน ได้ทันการณ์
ยูจิน หันมาตามแรงดึง แล้วพบว่า เป็นแขนของ มินฮุง ที่จับ เธอดึงเข้ามา
Scene-11: Falsehood

Make-believe:

Yoo-jin : Mom, I ... Can I just live by myself? It's just that .... I feel like I'm a bad person. If I still can't forget him, doesn't that make me a bad person? Mom. Whenever I look at Sang-hyuk now, I feel like there is a big hole in my heart. Isn't that bad? After Jun-sang died ... I've been bad. I was so sad, so sad that I didn't really care about Sang-hyuk ... And how can I stay beside Sang-hyuk now? Huh? How can I do that?

Mom : Still, you have to.

Yoo-jin : It's so hard ... I really feel sad. Mom ... did you know? It's so hard for me.

Mom: Stay strong, Yoo-jin ... Love is not the only important thing. Who you are to Sang-hyuk, the fact that you belong to someone is as important. That's destiny, Yoo-jin ... Don't be in pain. Don't hurt yourself. Yoo-jin ..
.
Psychological test:

Sang-hyuk : I saw Min-hyung Lee tonight.
Yoo-jin : Why are you telling me that?
Sang-hyuk: Just ... I thought you might want to know.

Yoo-jin : What do you want me to say? I feel like you are testing me. You know I don't do too well in tests. What is the right answer for that? Can you give me a clue? If I say I don't feel anything that's a lie. And if I say I felt something you are going to feel bad about it ... What do I have to say to make you feel better?

Sang-hyuk : It's okay. What you said is fine. You don't have to be more honest with me.

Return of the necklace: 【1/1】

Yoo-jinThe reason I called today is ...

Min-hyung : Hold on. Before you say anything, can I just look at you for a moment and imagine? Can I just imagine for a moment that you called me out because you missed me? Is it okay?

Yoo-jin : The reason why I called is ... This. I feel like I have to return it to you. It shouldn't belong to me anymore ... I'm sorry, Min-hyung.

Min-hyung: No. I'm sorry. When you called me ... I knew you wanted to see me because of the necklace ... But still there was this expectation. I'm so stupid, right? But I thank this necklace. Because of this I get to see you once more. It feels weird to be back in Seoul from the ski resort. What about you?

Yoo-jin:Winter seems over, here. There isn't any snow ... And everyone seem different. ...
Everything feels unfamiliar ...

Min-hyung: Me too. I seem to be the only one living in winter. Because what I should and what I shouldn't do is so clear here. I want to go back.

Broken signals:

Min-hyung : I guess it's broken. If I didn't look like Kang Jun-sang, you probably wouldn't even have given me a chance, right? At first, you thought that I might be Jun-sang right?

Yoo-jin : I did. Later, I knew that you weren't him.

Min-hyung:Yeah. I can't be Jun-sang ... These days, I feel like I'm waiting for a broken signal.

Yoo-jin: Don't do this, Min-hyung. Don't think like that.

Min-hyung : I know, it doesn't make sense. Shall we take the crosswalk down the road? Do you want to go?

Yoo-jin: There was a time like this when I was young. At that time, I took a different route. And I remember the way home seemed so long and hard. The road I should take is already decided. Even though the signals broken, I feel like this is the road I should take. No none would changed it. If I take a different route, I might get lost again. And feel more tired. Bye.

No comments:

Post a Comment

Note: Only a member of this blog may post a comment.