11.12.08

Winter Sonata in My Memory Part 1


ขอเกาะกระแส Winter Sonata ด้วยคนนะคะ ด้วยการเล่าขานความทรงจำที่มีต่อละครเรื่องนี้...

ปี 2001 ผู้กำกับยุนซุกโฮได้สร้างละครที่ทำให้คนทั่วเอเชียต้องหลั่งน้ำตาด้วยความซาบซึ้งใจ นั่นก็คือ Autumn In My Heart ต่อมาเขาได้เตรียมสร้างละครเรื่องต่อไปในชุด 4 ฤดูของเขา ซึ่งเขาเลือกหยิบเอาฤดูหนาวมาทำเป็นลำดับที่ 2 ละครเรื่องนั้นก็คือ Winter Sonata หรือ Winter Love Song หรือในชื่อภาษาไทย “เพลงรักในสายลมหนาว” ซึ่งละครเรื่องนี้เป็นโครงการร่วมกับทาง KBS เพราะความโด่งดังจากผลงานที่ผ่านมา ทำให้เขายิ่งต้องพิถีพิถันในการผลิตผลงานลำดับต่อไป และระหว่างนั้นเขาก็นึกถึงเบยงจุนขึ้นมา เด็กหนุ่มคนนั้นที่เคยประหม่าจนตัวแข็งในวันแรกที่เริ่มถ่ายทำ Love’s Greeting ซึ่งเป็นละครเรื่องแรกและเป็นวันแรกของยงจุน เขาโดนผู้กำกับด่าซะจนเสียผู้เสียคน และผู้กำกับคนนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น คือผู้กำกับยุนคนนี้นั่นเอง

ในเวลานั้น KBS ไม่ปลื้มเท่าไหร่ที่ผู้กำกับอยากได้เจ้าเด็กหัวแข็งอย่างเบยงจุนมาแสดงเรื่องนี้ เพราะหมอนี่เคยเชิดใส่พวกเขามาแล้ว แต่ผู้กำกับยุนยังคงยืนกรานคำเดิม

ทางด้านยงจุนเอง เพื่อตอบแทนผู้กำกับยุนที่คอยช่วยเหลือเขาเมื่อตอนเข้าวงการใหม่ๆ เขาจึงยอมถอยหนึ่งก้าวและกลับมาร่วมงานกับ KBS อีกครั้ง เขาถึงขนาดยอมลดค่าตัวให้ เขายอมรับค่าเหนื่อยแค่ 4.5 ล้านวอน (ประมาณ 4,700 ดอลลาร์ในเวลานั้น) ต่อตอน ซึ่งห่างไกลกันนักเมื่อเทียบกับค่าตัว 15 ล้านวอนของซงซึงฮอน ใน Autumn In My Heart นี่จึงเป็นจุดกำเนิดของปรากฏการณ์สะท้านสะเทือนวงการบันเทิงเกาหลี ที่ส่งผลกระทบแบบที่ไม่มีใครนึกฝันมาก่อน

เมื่อถูกถามว่าทำไมถึงเลือกเบยงจุนมาเป็นพระเอก Winter Sonata ผู้กำกับยุนตอบว่า
“โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่าความบริสุทธิ์คือสิ่งที่สวยงามที่สุด ความรักที่บริสุทธิ์ก็สวยงาม ในหัวของผมเห็นภาพเหล่านี้ ผมจึงต้องการนักแสดงที่สามารถสื่อความรู้สึกเช่นนี้ออกมาได้

เบยงจุนมีรัศมีพิเศษบางอย่างที่ดูสะอาดและบริสุทธิ์ คุณสมบัติเช่นนี้ไม่ใช่ใครเห็นปุ๊บก็สัมผัสได้ทันที แต่มันมีอยู่ในตัวเขา เราจะเห็นคุณสมบัติหลากหลายอยู่ในตัวเขา ทั้งความบริสุทธิ์ ความโรแมนติก ความอ่อนไหว ความเซ็กซี่ ทั้งหมดนี้ช่างเหมาะเจาะลงตัวกับฉากในละครของเรา สำหรับบทจุงซางแล้ว เขาคือคนที่เหมาะสมที่สุด”

ผู้กำกับยุนย้อนนึกถึงวันแรกที่เขาได้พบกับเบยงจุน “ตอนนั้นเป็นปี 1994 ผมได้พบกับเบยองจุนครั้งแรกตอนที่กำกับ Love’s Greeting ตอนนั้นผมรู้สึกได้เลยถึงความบริสุทธิ์ราวเจ้าชายจากผู้ชายคนนี้ นั่นเป็นละครเรื่องแรกของเขา เขาทั้งตื่นเต้นและประหม่า แต่ถึงอย่างนั้นความบริสุทธิ์สะอาดของเขายังฉายชัดออกมา มันเป็นอะไรที่ผมไม่เคยพบในตัวนักแสดงคนอื่นมาก่อน ผมยังไม่ลืมคุณสมบัติพิเศษนี้ของเขาจนถึงวันนี้

หลายปีต่อมาเมื่อได้พบกับเบยงจุนอีกครั้ง ผมรู้สึกได้เลยว่าเขาเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก เขาสามารถแสดงความรู้สึกทั้งรักทั้งเศร้าออกมาได้ดีกว่าแต่ก่อนเยอะเลย เขาเป็นคนที่เวลาเห็นทีไรทำให้ผมนึกถึงเด็กน้อยไร้เดียงสาขึ้นมาทุกที ซึ่งคุณสมบัติแบบนี้หาได้ยากมากๆ หายากและล้ำค่ามากๆ”

Winter Sonata เริ่มถ่ายทำเมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 2001 ยงจุนต้องแสดงถึง 2 บทบาทในเรื่องนี้ เขาต้องเป็นเด็กมัธยมเงียบขรึมที่ชื่อ คังจุงซาง และเป็นหนุ่มเกาหลี-อเมริกันที่สดใสร่าเริงชื่อ ลีมิงฮุง ยงจุนเจอปัญหาหนักอกเรื่องที่ต้องแสดงเป็นเด็กมัธยมอายุ 18 เขาคิดหัวแทบแตกว่าต้องทำยังไงคนดูถึงจะเชื่อ

“ตัวละครทั้ง 2 ตัวนี้ชื่อก็ไม่เหมือนกัน บุคลิกก็แตกต่างกันด้วย พอเราถ่ายทำ 2 ตอนแรกจบไป และเริ่มตอนที่ 3 ผมรู้สึกเหมือนได้แสดงละครจบไปแล้วเรื่องหนึ่ง และกำลังจะเริ่มเรื่องใหม่ มันยากมากสำหรับผมที่ต้องแสดงเป็นเด็กมัธยม

อายุผมก็ไม่ใช่เด็กมัธยมแล้ว ผมจึงกังวลว่าคนดูจะไม่เชื่อว่าผมเป็นเด็กมัธยมจริงๆ นั่นทำให้ผมกดดันมากครับ”

ตอนแรกยงจุนแนะนำให้ไปหาเด็กมัธยมจริงๆ มาแสดง 2 ตอนแรกนี้ แต่มันติดอยู่ที่ว่าไฮไลท์สำคัญของเรื่องอยู่ตรงที่เมื่อยูจินได้พบหน้าลีมิงฮุงครั้งแรกอีก 10 ปีต่อมา ใบหน้านั้นช่างเหมือนจุงซางราวกับพิมพ์เดียวกัน ผู้กำกับยุนต้องกล่อมให้เขาลองแสดงดูก่อน หลังจากคิดแล้วคิดอีก ในที่สุดยงจุนก็ยอมรับบทที่ยากลำบากที่สุดในชีวิต นั่นคือการเล่นเป็นคังจุงซาง

หลายคนที่ดูการแสดงของยงจุนในเรื่องนี้ คงเห็นแล้วว่าเราแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าทั้ง 2 บทนี้แสดงโดยคนๆ เดียวกัน มันช่างแตกต่างกันเหลือเกิน บทจุงซางที่ยงจุนเล่นเป็นบทที่น่าสนใจมาก เพราะเต็มไปด้วยสีสัน มีทั้งความเศร้า ความเปล่าเปลี่ยว ความอ่อนไหว เจืออารมณ์ขบถนิดๆ แบบเด็กวัยรุ่น เขาเป็นเด็กหนุ่มที่ภายนอกดูเย็นชา แต่กลับแฝงความอ่อนโยนเอาไว้ข้างใน เขาเป็นเด็กหนุ่มไร้เดียงสาที่ซุกซ่อนความสดใสร่าเริงเอาไว้ เขาโหยหาความรักจากพ่อ การที่ชายหนุ่มอายุ 30 ต้องมาเล่นเป็นเด็กอายุ 18 แน่นอนมันย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย

ภาพที่เราเห็นก็คือเด็กชายอายุ 18 ในชุดนักเรียนมัธยม ทั้งสีหน้าและอากัปกิริยาก็ดูราวเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ทั้งการยืน การนั่ง การเดิน แตกต่างจากลีมิงฮุงอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งในฉากปาหิมะ ในดวงตาของเขาแฝงแววไร้เดียงสา เปล่งประกายความสุขแบบเด็กๆ ออกมา เป็นความสดใสแบบเด็กวัยรุ่น แม้แต่ท่าทางหงุดหงิดแบบเด็กมีปัญหาที่เขาแสดงต่อคนรอบข้าง ก็ช่างเหมือนอาการของเด็กวัยรุ่นไม่มีผิดเพี้ยน

ระหว่างการถ่ายทำ คราวนี้ยงจุนมีวิธีการทำงานที่แตกต่างจากทุกครั้ง คราวนี้เขาเจตนาไม่อ่านบทมาก่อน เพราะเขาอยากให้การแสดงของเขาเป็นไปตามธรรมชาติสำหรับ Winter Sonata


“แม้จะเป็นแค่ลมหายใจ แค่ท่าทางอะไรสักอย่างก็จะออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ ตัวอย่างเช่น ถ้าเราบังเอิญทำอะไรตกระหว่างอยู่ในฉาก ผมก็จะแค่หยิบมันขึ้นมา แล้วก็แสดงต่อไป เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมเหนื่อยแล้วกับการแสดงที่ต้องท่องจำบทจนขึ้นใจ แล้วแสดงไปตามที่ซ้อมมาเป๊ะๆ ผมอยากแสดงให้ดูเป็นธรรมชาติ เหมือนกับทุกอย่างออกมาเองตามธรรมชาติ”

สำหรับนางเอกของ Winter Sonata ก็ไม่ใช่ใครอื่น คือชอยจีวู นั่นเอง เธอเคยแสดงร่วมกับยงจุนมาแล้วใน First Love เมื่อปี 1996 ทั้ง 2 คนเคยร่วมงานกันมาก่อน แล้วมาพบกันอีกครั้งใน Winter Sonata อีก 5 ปีต่อมา ทั้งคู่จึงเข้ากันได้ดี พวกเขาแสดงฉากรักหวานซึ้งด้วยกัน บางฉากก็สวยงาม บางฉากก็เศร้าสะเทือนใจ ยงจุนเองก็รู้สึกผ่อนคลายที่ได้ทำงานร่วมกับทีมงานนี้ ทุกคนที่อยู่เบื้องหลังก็พอใจกับความเปลี่ยนแปลงของเขา เดี๋ยวนี้เขาดูผ่อนคลายขึ้นกว่าเก่าเยอะ

สำหรับคนเขียนบทก็บอกว่า
“เขาทำตัวเหมือนเป็นพี่ชายใหญ่ บางทีเขาอาจเคยชินกับการเป็นลูกชายคนโตของบ้าน ในเกาหลี ลูกชายคนโตของครอบครัวจะถูกสอนให้มีน้ำใจต่อผู้ที่อาวุโสกว่า และคอยดูแลช่วยเหลือผู้ที่เด็กกว่า เวลาที่ฉันเห็นเขาคอยช่วยเหลือบรรดารุ่นน้องหรือทีมงานที่เด็กกว่า ฉันเกิดความรู้สึกเหมือนเขาเป็นพี่ชายใหญ่ของฉันเลย”

ถึงแม้ภาพในละครจะออกมาดูแสนสวยงามน่าประทับใจ แต่ขั้นตอนการถ่ายทำนั้นสุดแสนจะทรหด ผู้กำกับยุนเป็นคนประเภทที่ยอมสละวิญญาณเพื่อให้ได้ภาพสวยๆ ออกมา ถ้าเขาอยากได้ภาพพระอาทิตย์ขึ้น เขาก็จะยอมอดทนรอจนกว่าพระอาทิตย์จะโผล่พ้นขอบฟ้า ถ้าเขาจำเป็นต้องขึ้นไปถึงยอดเขาเพื่อถ่ายภาพสายรุ้ง เขาก็จะแบกกล้องขึ้นไปโดยไม่ลังเลเลย บางครั้งระหว่าทางถ้าเกิดเขาเจอจุดที่สวยกว่าที่กำหนดไว้ เขาก็จะรื้อของเก่าทิ้ง แล้วให้ทุกคนย้ายมาตรงที่เขาคิดว่าดีกว่า

เป็นเพราะความพิถีพิถันในทุกฉากทุกตอนเช่นนี้ เราจึงได้ชมภาพสวยๆ ที่น่าประทับใจ แต่เป็นเพราะต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจกันมากขนาดนี้ บวกกับการที่ละครต้องถ่ายทำไปออกอากาศไป ทำให้ทีมงานทุกคนเหนื่อยแทบขาดใจ เบยงจุน ในฐานะดารานำ เขายิ่งมีภาระหนักยิ่งกว่าใคร และตัวยงจุนเองก็รักความสมบูรณ์แบบไม่แพ้ผู้กำกับยุนเช่นกัน

ระหว่างถ่ายทำ Winter Sonata ยองจุนได้นอนแค่วันละ 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น เขาเคยถึงขนาดไม่หลับไม่นอนติดต่อกัน 4 วันรวด หลังจากถ่ายทำกันแบบหามรุ่งหามค่ำ เมื่อถึงฉากที่มิงฮุงต้องนอนอยู่บนเตียงโรงพยาบาล โดยมียูจินนั่งอยู่ข้างๆ ด้วยความห่วงใย ในที่สุดยงจุนก็ฝืนความง่วงต่อไปไม่ไหว เขาจึงหลับไปจริงๆ กลางฉากนั้น แถมยังกรนเบาๆ ซะด้วย ชอยจีวูซึ่งกำลังทำอารมณ์อยู่ เธอจะทำอะไรได้นอกจากหัวเราะออกมา เหตุการณ์แบบนี้ใช่จะเกิดกับยงจุนคนเดียวเท่านั้น ผู้กำกับยุนเองก็เคยเป็น หลังจากตะโกนบอกว่า “โอเค” เขาก็ล้มตัวลงนอนบนพื้นต่อหน้าต่อตาทุกคนตรงนั้นเลย เรื่องขำๆ เหล่านี้จึงกลายเป็นหัวข้อที่ถูกยกขึ้นมาแซวกันในหมู่ทีมงานและนักแสดงอยู่บ่อยๆ

ภาพที่เราได้ชมกันนั้นอาจดูสวยงามตรึงใจราวออกมาจากภาพวาด แต่บรรดานักแสดงและทีมงานต้องทนต่อความหนาวเย็นท่ามกลางหิมะ แถมละครเรื่องนี้เป็นละครรักหวานซึ้ง เราคงปล่อยให้พระเอกนางเอกสวมเสื้อหนาๆ จนตัวพองแล้วกล่าวถ้อยคำรักหวานซึ้งกันไม่ได้แน่ๆ เสื้อผ้าที่สวมต้องดูดีมีสไตล์มากกว่าให้ความอบอุ่นได้จริงๆ แล้วการถ่ายทำท่ามกลางลมหนาว ที่อุณหภูมิต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียส มันสุดแสนทรหดเกินกว่าใครจะคาดคิด

อย่างฉากที่ถ่ายทำบนสกีรีสอร์ท ตอนที่มิงฮุงถามยูจินว่า จริงๆ แล้วเธอรักใครกันแน่ เกล็ดหิมะที่ปลิวว่อนไปทั่วเกาะบนเส้นผมพวกเขาจนขาวโพลน ทั้งใบหน้าและลิ้นของทั้งคู่แข็งจนพูดไม่ออก พวกเขาพูดผิดๆ ถูกๆ จนต้องเทคหลายต่อหลายครั้ง

สุดท้ายยงจุนก็ต้องล้มป่วยเนื่องจากสภาพอากาศที่เลวร้ายบวกกับความอ่อนเพลีย เขาถูกพาตัวส่งโรงพยาบาล เมื่อผู้ช่วยผู้กำกับอยากให้เขานอนพักที่โรงพยาบาล แล้วเลื่อนตารางถ่ายทำออกไป แต่ยงจุนยืนกรานที่จะกลับไปถ่ายต่อ เพื่อให้ตัวเองทำงานได้ตลอดรอดฝั่ง ยงจุนจึงต้องพึ่งยากับบุหรี่ ทุกคนในทีมต่างทึ่งกับความเป็นมืออาชีพและความทุ่มเทของเขา ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ดาราคนนี้เป็นคนพิเศษจริงๆ”

ผู้กำกับยุนก็กล่าวเอาไว้เช่นกัน “พอเราได้ร่วมงานกันนานๆ ขึ้น ผมยิ่งทึ่งกับความเป็นผู้ใหญ่ของยงจุน ผมแปลกใจกับเสน่ห์อันร้ายกาจของเขา ถึงยงจุนจะดูเหมือนคนรักผู้แสนอ่อนโยน แต่ในยามที่เขายืนอยู่เบื้องหน้าคุณ คุณจะคิดทันทีว่าเขาเป็นลูกผู้ชายเต็มตัว เขาทุ่มเทและจริงจังกับงานที่เขาทำอยู่”

No comments:

Post a Comment

Note: Only a member of this blog may post a comment.