15.12.09

[HK Movie] The Storm Warrior II (ฟงอวิ๋น ขี่พายุทะลุฟ้า ภาค 2 )


“มันยากที่จะเป็นผู้ทรงคุณธรรม แต่มันง่ายที่จะกลายเป็นมาร
ต่อให้ฝึกฝนจิตวิญญาณนานนับพันปี ก็ยังอาจตกเป็นเหยื่อของมารร้าย
เจ้าจะเสียใจหรือไม่? ”

ฟงอวิ๋น ขี่พายุทะลุฟ้า ภาค 2 หรือ Storm Warrior II ซึ่งเป็นภาคต่อของ ฟงอวิ๋น ขี่พายุทะลุฟ้า ภาค 1 หรือ Storm Riders ที่ออกฉายเมื่อปี 1998 และมีภาคต่อหลังจากผ่านไป 11 ปี และใช้ผู้แสดงนำคนเดิม คือ กัวฟู่เฉิง (AARON KWOK) รับบทเป็นปู้จิ้งอวิ๋น (CLOUD) และเจิ้งอี้เจี้ยน (EKIN CHENG) รับบทเป็นเนี่ยฟง ( WIND) ซึ่งต้องขอบอกว่าน่าทึ่งมากที่กาลเวลาทำอะไร 2 เฮียไม่ได้เลยจริงๆ (เฮียแกสตัฟฟ์หน้าตาเอาไว้หรือไง)


ฟงอวิ๋น ขี่พายุทะลุฟ้า ภาค 2 นี้กำกับโดย 2 พี่น้องตระกูลแปง แดนนี่กับอ๊อกไซด์ แปง คุ้นหน้าคุ้นตากันดีสำหรับคนไทย เพราะพี่แกมาวนเวียนทำหนังอยู่แถวเมืองไทยนี่นานแล้ว ขนาดทำหนังฮ่องกง พี่แกยังหอบหิ้วทีมงานมาถ่ายทำในเมืองไทยจนได้ โดยปักหลักถ่ายทำกันในสตูดิโอขนาด 60,000 ตารางฟุต แถวปากเกร็ด โดยใช้เวลาถ่ายทำประมาณ 4 เดือน และเป็นภาพยนตร์จีนเรื่องแรกที่ใช้เทคนิคการถ่ายทำบนบลูสกรีนทั้งหมด เช่นเดียวกับภาพยนตร์อเมริกันเรื่อง “300” โดยใช้ทุนสร้างกว่า 100 ล้านเหรียญฮ่องกง

ฟงอวิ๋น ขี่พายุทะลุฟ้า ภาค 2 เริ่มฉายในฮ่องกงวันที่ 10 ธันวาคมที่ผ่านมา และคนไทยจะได้ชมกันในวันที่ 24 ธันวาคมนี้

การถ่ายทำเริ่มเปิดกล้องในประเทศไทยจึงมีการบวงสรวงแบบไทยก่อนเปิดกล้องด้วย ซึ่งดารานำแสดงรวมทั้งผู้กำกับก็เข้าร่วมพิธีนี้ด้วย (มันแปลกดีมั้ยล่ะ หนังจีนแต่ทำพิธีบวงสรวงแบบพราหมณ์) ทีมงานหลักทั้งหมดใช้คนไทย ซึ่งพี่แปงแกให้เหตุผลในการมาถ่ายทำในไทยแทนที่จะถ่ายทำที่บ้านแก (ฮ่องกง) ว่า “เราอยากถ่ายทำแบบรวดเดียวจบ และเราเชื่อฝีมือทีมงาน (ไทย) และค่าใช้จ่ายก็ถูกกว่าด้วย ถึงแม้จะต้องขนอุปกรณ์และเสื้อผ้ามาจากที่โน่นก็ตาม”


สำหรับนักแสดงนำที่มีหลายคนกังขาว่า 2 เฮียแกจะไม่แก่เกินไปแล้วหรือ (ก็มันผ่านไปตั้ง 10 ปีแล้ว ตอนแรกดิฉันยังแอบคิดเลยว่าเฮียแกจะยังเหาะกันไหวหรือเปล่าเนี่ย คอยติดตามข่าวด้วยใจระทึก กลัวว่าเฮียกัวของดิฉันจะกระดูกป่นไปซะก่อน ) ซึ่งหม่าหย่งเฉิน ผู้เป็นเจ้าของการ์ตูนต้นฉบับเรื่องนี้ แกยืนยันหนักแน่นว่าต้องเป็น Aaron กับ Ekin เท่านั้น (ขออนุญาตใช้ชื่อภาษาอังกฤษของเฮียแกนะคะ เพราะคุ้นเคยกว่า) เฮียหม่าแกบอกว่า “ปู้จิ้งอวิ๋นในความคิดของผมคือคนที่ทุกข์ระทม และเดี๋ยวนี้ Aaron ยิ่งเหมือนตัวละครที่ผมวาดไว้กว่าเมื่อ 11 ปีก่อนซะอีก เขาดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น (เฮียแกใช้คำว่า “หน้าเด็กน้อยลง” ค่ะ มันผิดหรือนี่ที่เฮียกัวของดิฉันแกเกิดมาหน้าเด็ก) และดูสมชายชาตรี สำหรับ Ekin ในภาคแรกเขาดูรักอิสระเสรี แต่ในภาคนี้จะยิ่งท้าทายสำหรับเขาเพราะเขาต้องเปลี่ยนเป็นมารร้าย”

ก่อนจะเล่าถึงเรื่องราวในภาค 2 นี้ ขอท้าวความถึงภาค 1 ก่อนสักนิดนะคะ เผื่อว่าใครจะไม่เคยได้ดู (หรือเกิดไม่ทันดู) สำหรับ ฟงอวิ๋น ขี่พายุทะลุฟ้า ภาค 1 นั้น (ปี 1998) ถือเป็นปรากฏการณ์ในวงการบันเทิงเอเชียเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่ใช้ CG มาช่วยในการถ่ายทำ (เมื่อก่อน CG ยังไม่เฟื่องเท่าเดี๋ยวนี้ค่ะ ก๊อตซิลล่ายังเดินตัวแข็งโป๊กอยู่เลย) ทำให้พี่อวิ๋นสามารถขึ้นไปนั่งทอดอารมณ์บนหลังคาโดยมีผ้าคลุมไหล่ปลิวไสวอย่างสวยงามราวกับภาพวาดในการ์ตูนเลยทีเดียว ถือว่าน่าตื่นตาตื่นใจมากในยุคนั้น มารู้จักตัวละครในภาค 1 กันก่อนนะคะ


ปู้จิ้งอวิ๋น (กัวฟู่เฉิง)เป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของบิดาซึ่งเป็นนักตีกระบี่และมารดาซึ่งไม่เคยมีความสุขเลยนับตั้งแต่แต่งงานมา เพราะบิดาของปู้จิ้งอวิ๋นมักจะออกเดินทางไปเสาะแสวงหาวัตถุดิบตามสถานที่ต่าง ๆ เพื่อทำเป็นกระบี่ชั้นยอด (กระบี่เลิศภพจบแดน ซึ่งต่อมาเป็นอาวุธของพี่อวิ๋นค่ะ คุณบิดาเธอฝังไว้ใต้ดิน และจะถูกเรียกออกมาได้โดยเลือดของพี่อวิ๋นเท่านั้น ไฮเทคสุดๆ) เมื่อบิดาของปู้จิ้งอวิ๋นเสียชีวิต มารดาจึงได้แต่งงานใหม่กับ ฮั่วปู้เทียน แห่งตระกูลฮั่ว ฮั่วปู้เทียนรักและให้ความเมตตาแก่ปู้จิ้งอวิ๋นเป็นอันมาก ได้ตั้งชื่อใหม่และให้ใช้แซ่ฮั่วเช่นเดียวกับตน ว่า "ฮั่วจิงเจี่ย" อีกทั้งได้สอนวิชากระบี่สกุลฮั่วให้แก่ปู้จิ้งอวิ๋น ทำให้ปู้จิ้งอวิ๋นซึ่งมีบุคลิกแปลกแยก เกิดมีความรักในบุคคลรอบข้างเป็นครั้งแรกและนับถือบุคคลผู้นี้เสมือนบิดาบังเกิดเกล้า

ต่อมาเมื่อ สงป้า ได้กวาดล้างโคตรตระกูลฮั่ว (เพื่อหากระบี่เลิศพบจบแดน) ทุกคนตายหมด ปู้จิ้งอวิ๋นไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ จึงรอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด เมื่อทราบว่าเป็นฝีมือของพรรคใต้หล้าโดยสงป้า จึงผูกใจเจ็บและคิดจะล้างแค้นมาโดยตลอด จึงได้เข้าในพรรคใต้หล้า สร้างผลงานเป็นที่เลื่องลือ ทำให้สงป้ารับเป็นศิษย์เอกคนที่ 2 และถ่ายทอดฝ่ามือเมฆาล่อยลองให้

ปู้จิ้งอวิ๋น เป็นคนมีบุคลิกแปลกแยก ไม่เคยยิ้ม ไม่ค่อยพูด มีนิสัยเย็นชา โดยเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เกิด เมื่อคลอดก็ไม่ร้อง ไม่พูดจนกระทั่งอายุได้ 3 ขวบ คำแรกที่หลุดออกจากปากของปู้จิ้งอวิ๋น คือ "เมฆ" จึงได้ชื่อนี้ เมื่อปู้จิ้งอวิ๋นได้กลายเป็นศิษย์เอกของสงป้าแล้ว ก็เสมือนมือขวาที่ทำการแทนทุกอย่าง เช่น เข่นฆ่าล้างตระกูลต่าง ๆ ในยุทธภพ โดยปราศจากความรู้สึกใด ๆ ผู้คนเมื่ออยู่ใกล้จะมีความรู้สึกกลัวเนื่องจากมีรังสีฆ่าฟันรุนแรง จึงได้ฉายาว่า "เทพมฤตยูไม่ร่ำไห้"

ปู้จิ้งอวิ๋นได้พบกับจุดพลิกผันของชีวิต เมื่อได้พบกับอดีตยอดฝีมืออันดับหนึ่งของยุทธภพ ผู้ลึกลับในชุดสีดำคือ บุรุษนิรนาม และเจี้ยนเฉิน ลูกศิษย์ ปู้จิ้งอวิ๋นได้รับการถ่ายทอดวิชากระบี่คับแค้นเหลือคณา ซึ่งเป็นสุดยอดเพลงกระบี่ที่ซึ่งเจี้ยนเฉินก็ไม่อาจบรรลุได้ เนื่องจากไม่มีความแค้นมากพอ ปู้จิ้งอวิ๋นได้ประลองกับบุรุษนิรนาม และเป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ ซึ่งต่อมาคนทั้งคู่ก็ได้มีความผูกพันและได้พบกันอีกหลายต่อหลายครั้ง

ปู้จิ้งอวิ๋น เป็นคนที่รักใครไม่เป็น แต่เมื่อได้รักแล้วรักจริงและทำได้ทุกสิ่งเพื่อคนรัก คนรักของปู้จิ้งอวิ๋น คือ ขงฉือ บุตรสาวของสงป้า (แต่ในนิยายเป็นแค่สาวใช้ในพรรคใต้หล้า) สุดท้ายถูกสงป้าฆ่าตาย (เพราะกระโดดเข้ามาขวางทางไม่ให้พี่ฟงกับพี่อวิ๋นฆ่ากันเอง) ปู้จิ้งอวิ๋นเศร้าเสียใจมาก เเละเป็นอีกแรงหนึ่งที่ทำให้อยากฆ่าสงป้ามากขึ้น ฉูฉู่ บุตรสาวของจอมยุทธที่สละแขนซ้ายให้ปู้จิ้งอวิ๋นที่ขาดไปในการปะทะกับสงป้านั้นก็แอบรักปู้จิ้งอวิ๋น ปู้จิ้งอวิ๋นมิได้รักฉูฉู่ แต่ฉูฉู่เป็นฝ่ายที่รักปู้จิ้งอวิ๋น และเฝ้าติดตามมาตลอด เมื่อฉูฉู่ถูกเจี้ยนเฉินข่มขืนจนตั้งครรภ์ นางอับอายและปู้จิ้งอวิ๋นจึงรับเป็นสามีของนาง

ปู้จิ้งอวิ๋น อายุมากกว่าเนี่ยฟง (เจิ้งอี้เจี้ยน) 2 ปี มีบุคลิกแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เนี่ยฟงนั้นรวดเร็วปานสายลมและเยือกเย็น ส่วนปู้จิ้งอวิ๋นเป็นเมฆาล่องลอยไม่หยุดนิ่ง ทั้งคู่ประสบกับชะตากรรมเดียวกัน จึงเข้าใจกัน บิดาของเนี่ยฟงถูกกิเลนไฟฆ่าตาย ส่วนมารดาถูกสงป้าแย่งชิงไปครอบครอง เพราะนางเป็นหญิงงามแห่งแผ่นดิน อาวุธของเนี่ยฟงคือดาบดื่มหิมะ เมื่อทั้งคู่รวมจิตใจเป็นหนึ่งเดียวกันจะก่อให้เกิดเป็น วาตะ เมฆา มังกรสวรรค์ชั้น 9 ที่ใคร ๆ ในยุทธภพก็มิอาจเทียบเทียมได้


สำหรับในภาค 2 นี้ พี่น้องตระกูลแปงได้เปลี่ยนชื่อจาก Storm Riders มาเป็น Storm Warriors เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ (ไม่งั้นอีก 10 ปีก็ยังไม่ได้สร้าง พอดีพี่ฟงพี่อวิ๋นกลายเป็นปู่กันซะก่อน) โดยสร้างจากบทภาพยนตร์ของหม่าหย่งเฉิน ซึ่งเป็นผู้สร้างตัวการ์ตูนฟงอวิ๋นขึ้นมาเมื่อปี 1984

เรื่องราวเริ่มจากเจวี๋ยอู๋เซิน หรือ Lord Godless (แสดงโดยเยิ่นต๊ะหัว Simon Lam) บุกมายังประเทศจีนแล้วจับตัวฮ่องเต้และเหล่ายอดฝีมือไว้โดยใช้ยาพิษชนิดพิเศษ ในบรรดาคนที่ถูกจับมีปู้จิ้งอวิ๋นอยู่ด้วย ซึ่งยอมจำนนเพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของฉูฉู่ และอู๋หมิง (เหอเจียจิ้งหรือพี่จั่นเจานี่เอง) “นิรนาม” จอมกระบี่ในตำนาน แต่เนี่ยฟงแอบเข้ามาเอายาถอนพิษให้ อู๋หมิงจึงใช้กำลังภายในเรียกกระบี่หมื่นเล่มออกมาเพื่อเล่นงานเจวี๋ยอู๋เซิน ถึงพวกเขาจะหนีรอดมาได้ แต่อู๋หมิงเจ็บหนัก ในขณะที่เจวี๋ยอู๋เซินให้เจวี๋ยซิน (เซียะถิงฟง) ผู้เป็นบุตรชายออกตามล่าพวกเขา

อู๋หมิงจึงให้ฟงอวิ๋นไปตามหา Lord Wicked เพราะมีแต่เขาถึงจะปราบเจวี๋ยอู๋เซินได้ ตี้เอ้อม่ง (อาซา) ตามมาช่วยเนี่ยฟงเกลี้ยกล่อม Lord Wicked จนเขาปรากฏตัว ปรากฏว่าเขาตัดแขนทั้งสองข้างของตัวเองทิ้งไปแล้วเพื่อไม่ให้มันเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ เขาได้ทดสอบฟงอวิ๋นและพบว่า อวิ๋นนั้นมีพลังที่ก้าวร้าวดุดันหากถูกจิตมารครอบงำคงไม่อาจนำตัวเองให้หลุดพ้นจากอำนาจของมันได้ จึงตัดสินใจสอนวิชาให้กับฟง แต่ฟงจะต้องถูกจิตมารครอบงำและกลายเป็นปีศาจเช่นเดียวกัน

อู๋หมิงตัดสินใจสอนวิชากระบี่ที่เขาคิดค้นขึ้นมาใหม่ให้กับอวิ๋น มันเป็นการผสาน “เมฆา” กับ “กระบี่” เข้าด้วยกัน

เจวี๋ยอู๋เซินต้องการกระดูกมังกรใน “สุสานมังกร” เพื่อครอบครองแผ่นดินจีน ฟงอวิ๋นต้องหยุดเขาให้ได้ ขณะที่ฟงก็ถูกจิตมารครอบงำจนทำร้ายทุกคนรอบตัวและต่อสู่กับอวิ๋น ฟงอวิ๋นจะเอาชนะมารร้ายอย่างเจวี๋ยอู๋เซินได้หรือไม่? ฟงจะกลายเป็นปีศาจร้ายไปจริงๆ น่ะหรือ? แล้วแอวิ๋นจะหยุดเขาได้หรือไม่? หรือว่าเขาต้องสังหารเพื่อนที่รักกันดุจพี่น้องด้วยมือตัวเอง? หาคำตอบได้ใน “ฟงอวิ๋น ขี่พายุทะลุฟ้า ภาค 2”

นักแสดง

กัวฟู่เฉิง เป็น ปู้จิ้งอวิ๋น / เจิ้งอี้เจี้ยน เป็น เนี่ยฟง / เยิ่นตะหัว เป็น เจวี่ยอู๋เซิน / เซียะถิงฟง เป็น เจวี่ยซิน / เหอเจียจิ้ง เป็น นิรนาม (อู๋หมิง) / อาซา เป็น ตี้เอ้อม่ง / ถังเหยียน เป็น ฉูฉู่ / ถันเย่าเหวิน เป็น ฮ่องเต้

อันนี้เป็น Music Video จาก Storm Warriors ร้องโดยกัวฟู่เฉิงกับเจิ้งอี้เจี้ยน ทั้งคู่เป็นนักร้องชื่อดังของฮ่องกงนะคะ โดยเฉพาะเฮียกัวแกจัดคอนเสิร์ตทีสุดเลิศหรูอลังการงานสร้าง ศิลปินทั้งฮ่องกง/ไต้หวัน เป็นปลื้มเฮียแกกันทั้งนั้น ถือเป็น IDOL ของศิลปินหลายๆ คนเลยทีเดียว ขนาดสาวๆ วง S.H.E ยังบอกว่าเป็นแฟนเฮียแกเลยค่ะ

The Storm Warriors 風雲I (Storm Riders 2) Music Video
Song performed by Aaron Kwok & Ekin Cheng





The Storm Warriors (simplified Chinese: 风云II; traditional Chinese : 風雲II) is a 2009 Hong Kong martial arts/wuxia film, produced and directed by the Pang brothers. It is the second live-action film adaptation of screenwriter Ma Wing-Shing's manhua Fung Wan, following the 1998 film, The Storm Riders. The Storm Warriors is based on Fung Wan′s popular Japanese invasion story arc The Death Battle. Ekin Cheng and Aaron Kwok respectively reprise their roles as Wind and Cloud, who this time find themselves up against Lord Godless (Simon Yam), a ruthless Japanese warlord bent on invading China. The film is a co-production between Universe Entertainment and Sil-Metropole Organisation.

The Pangs aimed on creating a big-budgeted film involving visual effects and stated that The Storm Warriors would not be a direct sequel to its 1998 predecessor. Principal photography for The Storm Warriors began in April 2008 and ended in July; filming took place in three studios located in Thailand. The film is notable for being the first Chinese language film shot in bluescreen. During post-production, effects artists worked on scenes involving computer-generated imagery, focusing on the film's setting and backgrounds.

The Storm Warriors was released theatrically in Hong Kong on 10 December 2009.


Ma Wing-Shing was very concerned about the film's casting. He was especially adamant of Ekin Cheng and Aaron Kwok reprising their respective role. Ma also dismissed that the actors might be too old for the film. Ma commented on the actors and their roles: "My concept of Cloud was someone with a tortured soul, and Aaron resembles the actual comic Cloud more today than he did 11 years ago. He is less baby-faced, and looks more mature and manly now...As for Ekin, he was more carefree in the first movie, but it will be more challenging for him this time around because he has to turn evil"

Filming for The Storm Warriors began in April 2008 and ended in July 2008. Pincipal photography for the film took place entirely in three studios occupying 60,000 square feet (5,600 m2) in Pak-Gret district, Thailand. Members of the media and the film’s distributors across Asia were invited to visit the shooting location.

Ekin Cheng and Aaron Kwok, along with the Pang brothers, executive producer Daneil Lam and the film's crew kicked off with a traditional Thai blessing ceremony. Filming consisted mainly of a Thai production crew, as the Pangs decided to shoot the film in Thailand, rather than in their native Hong Kong: "We wanted to shoot the whole film...because we trust them, and because it's probably cheaper than shooting in Hong Kong, even though we have to fly in some of the props and costumes."


No comments:

Post a Comment

Note: Only a member of this blog may post a comment.