9.9.10

2010 JKS Asia Tour The Last in Seoul – At the event (1)



I’ll share my experience with 2010 JKS Asia Tour The Last in Seoul with you here. Our group, Cri-J Thailand, had a chance to join this event in Seoul. I have another 13 eels with me and our local guide. We went to Korea University in the afternoon of Sep. 5th.

มาเริ่มเล่าเรื่องราวการเดินทางครั้งนี้ให้ฟังกันนะคะ ขอเริ่มที่บรรยากาศในงานปิดเอเชียทัวร์ของจางกึนซ็อกกันดีกว่าค่ะ เพราะถือได้ว่าเป็นไฮไลต์ของการเดินทางครั้งนี้ คณะเดินทางของเราครั้งนี้มีด้วยกันทั้งหมด 15 ชีวิต (รวมทั้งตัวดิฉันด้วย) เป็นหญิงสาว (สาวบ้างไม่สาวบ้าง) ล้วนๆ น่าแปลกใจอยู่เหมือนกันในตอนที่ลีลาวดีส่งชื่อหัวหน้าทัวร์มาให้ดิฉัน ปรากฏว่าเขาเป็นผู้ชาย ยังนึกเป็นห่วงชะตากรรมของเขาอยู่เหมือนกันว่าจะเป็นไงบ้าง เพราะเป็นชายหนุ่มเพียงหนึ่งเดียวในคณะนี้ ขอแนะนำผู้ร่วมคณะอีก 3 ท่านนะคะ ซึ่งเป็นตัวละครสำคัญ คุณจะได้พบเจอกับพวกเขาบ่อยๆ ในเรื่องราวการเดินทางของเราค่ะ ท่านแรกก็คือหนุ่มเดียวในคณะ เขาก็คือหัวหน้าทัวร์หรือทัวร์ลีดเดอร์ ซึ่งมาคอยอำนวยความสะดวกให้เราตลอดการเดินทางครั้งนี้ ชื่อจริงของเขาคือ วิรัช หรือ “รัชจัง” ค่ะ (ออกแนวญี่ปุ่นเล็กน้อย) อีกคนก็คือไกด์ท้องถิ่นของเรา เป็นสาวไทยที่ไปใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ที่เกาหลีใต้ เพราะเป็นไกด์อยู่ที่นั่น ชื่อน้องต่าย น้องน่ารักมากค่ะ ออกแนวเกาหลีจริงจังเลยทีเดียว ส่วนอีกท่านเป็นบุคคลที่จะขาดไม่ได้ หากขาดเขาเราจะไปไหนไม่ได้ เขาก็คือคุณลุงคนขับรถของเราค่ะ คุณลุงเป็นคนเกาหลีแท้ๆ เราไม่รู้ชื่อเสียงเรียงนามของคุณลุง แต่เราเรียกเขาว่า “คีซานิม” ที่แปลว่าคนขับรถในภาษาเกาหลีนั่นเองค่ะ

เป็นอันว่าคณะทัวร์สาวงามพร้อมแล้ว (อันนี้รัชจังไปหลอกคุณลุงคีซานิมไว้ค่ะว่าสาวๆ พวกนี้เป็นนางงามมาเก็บตัว...555) บ่ายวันอาทิตย์ที่ 5 ก.ย. หลังอิ่มกับอาหารมื้อกลางวันแล้ว เราก็เดินทางมุ่งหน้าสู่มหาวิทยาลัยเกาหลีกันค่ะ รถของเราเริ่มไต่ขึ้นเขาไปเรื่อยๆ มหาวิทยาลัยที่นี่อยู่บนภูเขาค่ะ ก็ไม่รู้ว่าอีตอนมาเรียน นักศึกษาต้องเดินขึ้นเขากันหรือเปล่า หรือว่านอนหอพักกันที่นี่เลย เราไต่ขึ้นเขาวกวนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเจอเจ้าซ็อก ซึ่งเป็นป้ายแปะเอาไว้คอยชี้ทางว่าไปทางนี้นะจ๊ะ สาวๆ เราก็ตามป้ายไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็เจอฮวาจุงยิมเนเซี่ยม นี่เป็นภาพด้านหน้าของฮวาจุงยิมเนเซี่ยมค่ะ เป็นตอนก่อนที่ฝนจะตกกระหน่ำลงมา

In Front of Hwajung Gymnasium before the rain pouring down. On that day, it’s raining so hard and staff have to moved all of their products from tents into the hall.



ตอนที่มาถึงเราก็ค่อนข้างจะดีใจที่มาถึงก่อนคนส่วนใหญ่จะได้รีบซื้อของที่รับออเดอร์กันมายาวเหยียด แต่ปรากฏว่าหลังจากนั้นไม่นานฝนก็ตกกระหน่ำลงมา ฝนที่เกาหลีนึกจะตกก็ตกไม่บอกกล่าวกันเลยค่ะ ตอนกลางวันยังแดดจ้าอญุ่เลยทีเดียว ฝนตกหนักมาก แค่พักเดียวน้ำก็เริ่มทะลักเข้าไปในเต๊นท์ที่สต๊าฟนั่งขายของกันอยู่ ทำให้ต้องเกิดการพาเจ้าตุ๊กตาวูดูและของอื่นๆ อพยพหนีน้ำกันยกใหญ่ ฝนตกแบบนี้อยู่พักใหญ่ๆ ค่ะ ไม่นานทางเจ้าหน้าที่ก็เปิดประตูให้เราเข้าไปได้เพื่อถ่ายรูปกับมุมต่างๆ ที่เขาได้จัดเตรียมไว้ให้ นี่คือบรรยากาศด้านในค่ะ

มุมสุดฮิตกับเวทียกพื้นที่เป็นรูปของจางกึนซ็อกค่ะ

Inside the hall, they set up platform with JKS’s photo for fans.




นี่คือแผ่นแบนเนอร์ขนาดใหญ่ยักษ์ ที่เป็นอีกมุมสุดฮิตเช่นกัน หาจังหวะเก็บภาพแบบพื้นที่ว่างๆ ยากมากเลยค่ะ

And the big banners…





นี่เป็นบอร์ดสำหรับให้เขียนข้อความบนโพสต์อิทแล้วแปะไว้ค่ะ ข้างๆ เป็นโต๊ะฝากของขวัญให้กับจางกึนซ็อก

And the post-it board…


บรรยากาศโดยรอบค่ะ ผู้คนล้นหลาม ที่ยืนต่อแถวนั่นคือซื้อของค่ะ ซึ่งอพยพมาจากข้างนอก ผู้คนแต่งตัวกันหลากหลายดีค่ะ มีสาวญี่ปุ่นใส่ชุดกิโมโนมาด้วย

So many fans around the place in various kinds of costume. So interesting!!!






อันนี้คือพวงหรีดข้าวค่ะ ของแปลกที่เราไม่เคยเห็น แต่เป็นไอเดียที่เลิศล้ำ ดิฉันชอบมากค่ะ โดยเขาเปลี่ยนจากพวงหรีดดอกไม้มาเป็นข้าวสารแทนค่ะ ข้าวจริงๆ นะคะเป็นถุงๆ กันเลยที่วางเรียงไว้นั่น เสร็จแล้วเขาจะนำข้าวนี้ไปบริจาคให้กับเด็กยากไร้ต่อไปค่ะ ได้ข่าวมาว่าได้ข้าวรวมทั้งหมด 1,500 กว่ากิโลกรัมค่ะ

This is the rice wreath. I love this idea. To change from flower into rice and give out for charity. That’s a good deeds.



สักพักเราก็เริ่มทยอยเข้าไปในงานกันได้แล้วค่ะ พวกเราไม่ได้นั่งรวมกลุ่มกันทุกคนนะคะ เป็นไปตามกติกาของทรีเจที่ให้จองบัตรได้สูงสุดคนละ 4 ใบ ดังนั้นที่นั่งจึงกระจายเป็นกลุ่มๆ ค่ะ กลุ่มของพวกเราอยู่ตรงนี้ค่ะ น้องต่าย ไกด์ท้องถิ่นก็อยู่กับเราด้วย ตอนแรกน้องเค้าไม่รู้จักจางกึนซ็อก (มันเป็นใครหว่า?) แต่พอเจ้าซ็อกโผล่ขึ้นมาบนเวทีเท่านั้น เสียงน้องดังอยู่ข้างๆ ดิฉันว่า “หล่อจริงๆ ค่ะพี่” ต่อจากนั้นคุณน้องก็เก็บภาพอย่างเอาเป็นเอาตายจนเราได้รูปสวยๆ พวกนี้มาฝากนี้แหละค่ะ ภาพถ่ายทั้งหมดในงานที่โพสต์ลงตรงนี้มาจากกล้องของดิฉันกับน้องต่าย (ที่ไม่รู้จักซ็อก) คนนี้แหละค่ะ ขอบคุณน้องต่ายด้วยค่ะ

Inside the event’s hall…


ไอ้แผ่นแดงๆ นี่ก็คือ ป้ายตัวหนังสือภาษาเกาหลีค่ะ แต่ละโซนจะได้ประโยคที่ไม่เหมือนกัน ของเราได้คำว่า “ซารางเฮ” และมีกระดาษอีกแผ่นที่เขียนบอกไว้ว่าเราจะยกป้ายนี้ตอนที่อวยพรวันเกิดให้ซ็อก พร้อมมีเนื้อเพลงให้ด้วย เพียงแต่ว่ามันเป็นภาษาเกาหลี (ช่างคิดได้ว่าเราจะอ่านออก) พูดถึงเรื่องภาษา อาจมีหลายคนสงสัยว่าไหนซ็อกบอกว่ามีการเตรียมเครื่องแปลภาษาไว้ให้ด้วย มันมีจริงค่ะ แต่เป็นภาษาจีนกับญี่ปุ่น แต่ไม่มีภาษาอังกฤษค่ะ (อยากจะฆ่ามันนน) แล้วดูเก้าอี้เค้านะคะไฮโซสุดๆ นึกว่าร้านข้าวต้ม

This red sheet of paper put on our seats. There’re different words for each zone. For us, we’ve got “saranghae”. We need to raise this sheet up when they celebrate his birthday and sing a song. But all the explanation is in korean, I don’t think overseas fan can understand that. Talk about language. Tree J had said they will prepare the translation machine for overseas fan. Of course, they do. But only in Chinese and Japanese, no English !!!! (I’ll kill you, JKS…)



นี่คือบรรยากาศโดยรอบก่อนงานเริ่มค่ะ

Before the event start…






งานกำลังจะเริ่มแล้วค่ะ...พอไฟดับคนก็เริ่มกรี๊ดกันเลย...ไว้ต่อตอน 2 นะคะ...

It’s starting now…R U READY?.....(to be continued…haha)

No comments:

Post a Comment

Note: Only a member of this blog may post a comment.