5.5.08

เรื่องย่อ ตำนานจอมกษัตริย์เทพสวรรค์ (ตอนที่ 11)

...ตอนที่ 11...

เสนาบดียอน ขอให้องค์ชายวางอาวุธก่อนและให้คุกเข่าหน้าต่อพระบรมศพ เพื่อรอการตัดสินจากสวรรค์
องค์ชายทรงพระดำเนินไปที่หีบพระบรมศพ ยอนโฮแก เข้ามาขวาง บอกว่า ตนเองก็มีสายเลือดราชวงศ์ ขอเป็นผู้รับพระแสงดาบดาบศักดิ์สิทธิ์ของกษัตริย์จูมงเอง แล้วทำท่าเอื้อมมือไปรับพระแสงดาบ
องค์ชาย ถามเบา ๆว่า เรื่องทั้งหมดนี้ ยอนโฮแก อยู่เบื้องหลังหรือ
ยอนโฮแก กระซิบตอบว่า องค์ชายเสด็จมาที่นี่ทำไม ไม่ควรเสด็จมาที่นี่
องค์ชายทรงถามต่อว่า ยอนโฮแก เป็นคนวางแผน และทำด้วยตัวเองหรือ การหลอกลวงผู้นำแคว้น ปลงพระชนม์กษัตริย์ กล่าวหาว่าทั้งหมดนี้ องค์ชายเป็นผู้กระทำ
ยอนโฮแก ตอบว่า องค์ชาย จะไม่ทรงรอดชีวิตไปจากที่นี่ เสด็จมาทั้งๆที่ทรงทราบเช่นนั้นหรือ


เสนายดียอน พูดเสียงดังขึ้นว่า ทำไมเทวีพยากรณ์ ไม่ทำสิ่งใด ฆาตกรมาที่นี่ตามอำเภอใจ ทำไมท่านยืนมองเฉยอยู่ได้ องค์ชาย ตรัสกับยอนโฮแก ต่อว่า : ข้าอยากจะชื่นชมเจ้า หากว่าทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของเจ้า ข้าคิดแม้แต่ว่าเจ้าเหมาะที่จะปกครองอาณาจักรนี้ ถ้าหากเจ้าฉลาดและกล้าหาญเช่นนั้น บางทีเจ้าจะปกครองทั้งหมด
ยอนโฮแก : เพราะเหตุนี้ถึงเสด็จมา เพื่อที่จะมอบมงกุฎให้หม่อมฉันหรือ แล้วหัวเราะเบา ๆ มันสายไปเสียแล้ว พระองค์ควรหนีไปไกลๆ ถ้าหากยังทรงต้องการมีชีวิตอยู่ พระองค์ไม่ควรเสด็จมาที่นี่พร้อมพระแสงดาบ แล้วองค์ชายก็หันไปตรัสถามเทวีพยากรณ์ถึง บุคคลที่อยู่กับกษัตริย์ในสุสานหลวงนอกจากองครักษ์ กั๊กตังเมื่อเทวีเพยากรณ์ ทูลเล่าเรื่องจบ ทรงตรัสว่า : ท่านช่วยถามนางคนนั้นได้หรือไม่ ทำไมนางถึงต้องฆ่าเสด็จพ่อ ท่านช่วยถามนางด้วย
แต่เทวีพยากรณ์ทูลตอบว่า : ผู้หญิงคนนั้นเรียกตัวเองว่าผู้พิทักษ์หัวใจฟินิกซ์ นางมาจากสวรรค์ หม่อมฉันก็รับใช้สวรรค์ หม่อมฉันไม่กล้าถามนาง
ยอนโฮแก พยายามกล่าวหาองค์ชายว่า : ทรงใช้ให้ผู้หญิงที่บริสุทธิ์ มาเกี่ยวข้องความผิดของพระองค์ ทรงทำเรื่องต่ำช้าเพียงนี้เชียวหรือ
องค์ชาย : นางเป็นอย่างใดกันแน่ ผู้หญิงบริสุทธิ์ หรือผู้พิทักษ์หัวใจฟินิกซ์
โซคีฮา เจ็บปวดเหลือเกิน ตัดสินใจ ทูลว่า หม่อมฉันจะตอบถ้าพระองค์ถามหม่อมฉันโดยตรง หม่อมฉันจะตอบ
ยอนโฮแก รีบกลบเกลื่อน ร้องขอกับเทวีพยากรณ์ ให้ตัดสินการทำผิดของรัชทายาท โดยดาบแห่งคำพิพากษา (ดาบ Kauri ) เสนาบดียอน และคนสนิทจอมสอพลอ โชจูโด ช่วยกันเสริม คำร้องของยอนโฮแก
เทวีพยากรณ์ : ดาบแห่งคำพิพากษา ใช้แทงเข้าไปที่หัวใจที่กำลังเต้น แล้วรอฟังคำตัดสินจากสวรรค์ หากผู้นั้นบริสุทธิ์ ก็จะรอดชีวิต แต่ดาบแห่งคำพิพากษา ต้องกระทำโดยกษัตริย์ หรือผู้มีสายเลือดแห่งราชวงศ์ เท่านั้น มิใช่ใครๆ จะทำได้
ยอนโฮแก : ข้าจะทำเอง ข้ามีสายเลือดแห่งราชวงศ์ ข้าจะกระทำโดยใช้ดาบที่ส่งมาจากสวรรค์ พระแสงดาบศักดิ์สิทธิ์ของกษัตริย์ จูมง



ผู้นำแคว้นกวานโน ก็ร้องบอกว่า ต้องการเสียงแห่งสวรรค์ และโชจูโด ก็ทำให้ ทุกคนในที่ประชุม ตบเท้าลงพื้น ตะโกนพร้อมๆกัน ดาบแห่งคำพิพากษา ดาบ kauri ๆๆๆๆ จน ซูจินี ทนไม่ได้ ตะโกนขัดขึ้นว่า : พวกท่านบ้ากันไปหมดแล้ว ถ้าแทงดาบไปที่หัวใจ จะมีใครรอดชีวิต ซูจินี ดิ้นรนจากการจับของ ฮยอนโก : ปล่อยข้าหัวหน้า ข้าต้องพาองค์ชายออกไปจากที่บ้า ๆแห่งนี้ ที่นี่ไม่มีใครถูกต้องปล่อยข้า



องค์ชายหันมาปราม ซูจินีด้วยสายพระเนตร จน ซูจินี สงบลง และทรงยื่นพระแสงดาบให้ ยอนโฮแก ทรงพระดำเนินผ่านโซตีฮา โซคีฮา ทำท่าทางเหมือนจะคว้าหัตถ์องค์ชายห้ามไม่ให้ทำอย่างที่ทรงกระทำอยู่
องค์ชาย : มีคนเรียกข้าว่ากษัตริย์แห่งจูชิน
เทวีพยากรณ์ : มีหม่อมฉันคนหนึ่งในนั้นเพคะ
องค์ชาย : ข้าไม่เข้าใจ..... ข้าเองก็ปรารถนาจะได้ยินเสียงแห่งสวรรค์ ...... สวรรค์มีจริงหรือ สวรรค์รู้จักข้าหรือไม่
เทวีพยากรณ์ : รัชทายาท......ไม่เคยมีใครรอดชีวิตจากดาบแห่งคำพิพากษา.....ทรงยอมแพ้แล้วหรือ เสด็จมาที่นี่เพื่อตามฝ่าบาทไปหรือเพคะ
องค์ชาย : เทวีพยากรณ์ทำไมท่านไม่เชื่อสวรรค์เล่า ถ้าหากอาณาจักรจูชินสร้างโดยสวรรค์ ดังนั้นกษัตริย์แห่งอาณาจักรนี้ก็ไม่ควรตายด้วยดาบแห่งคำพิพากษาของสวรรค์เอง ทรงหันพระพักตร์มาทางด้าน คณะเสนาบดี อีกด้านหนึ่ง ข้า....ทัมด๊ก ยอมรับดาบแห่งคำพิพากษา ตลอดเวลา แทจังโร ที่ยืนแอบด้านนอกห้องโถงของอารามหลวง( ก็ แสดงบทบาท พอใจ สมใจ เป็นระยะ ๆ)


เทวีพยากรณ์ นำนักพรตหญิง สวดมนต์ ยกสองมือขึ้น ......ดาบแห่งคำพิพากษา...โอมเทพเจ้าบนสวรรค์.....ทรงเฝ้ามองลงมา......
องค์ชาย อ้าสองหัตถ์ ออกกาง หลับพระเนตร เตรียมองค์รับดาบแห่งคำพิพากษา ยอนโฮแก เดินถือพระแสงดาบขึ้นมา ผ่านหน้า โซคีฮา ฉับพลันทันใด โซคีฮา ก็แย่งพระแสงดาบ ด้วยสองมือจับด้าม แทงไปสุดแรงที่ดวงหทัยขององค์ชาย พระแสงดาบปักลงที่พระอุระ ทุกคนรวมทั้ง ยอนโฮแกตกตะลึง แทจังโร ถูกใจสุด ๆ
องค์ชายลืมพระเนตร ประสานสายพระเนตรกับสายตาของโซคีฮา ที่ยังกำด้ามพระแสงดาบค้างอยู่
สายพระเนตร ถามว่า : เจ้าทำสิ่งนี้กับเสด็จพ่อของข้าใช่ไหม
สายตาตอบของโซคีฮา : หม่อมฉันเชื่อว่าพระองค์ ..ต้องเชื่อหม่อมฉัน...
สายพระเนตรถามต่อ : เสด็จพ่อของข้าสิ้นพระชนม์เพราะเชื่อเจ้าหรือ
สายตาของคำตอบ : หม่อมฉันจะไม่ยอมให้สิ้นพระชนม์แต่ลำพัง เรา...จะไปด้วยกัน (ไปไหนมา สามวาสองศอก นี่เป็นการคุยคนละเรื่องเดียวกันแล้ว)



อีกอึดใจหนึ่ง องค์ชายทรงหลับพระเนตรลงใหม่ ทรุดองค์ลง ซูจินี ปราดเข้ามาประคององค์ชายก่อนจะทรงกองลงที่พื้นอาราม ร้องไห้โฮ เทวีพยากรณ์ ตกใจ ยืนนิ่ง โซคีฮา ทรุดตัวลงเหมือนกัน คว้าดาบสั้นที่เหน็บไว้ที่เอว เงื้อง่า เหมือนจะฆ่าตัวตาย ตามอง องค์ชาย ร้องไห้ปิ้มว่าจะขาดใจ (อีกแล้ว ... เฮ้อ ..เบื่อ...)



ยอนโฮแก ตกใจยิ่งกว่าใครๆกับท่าทางของโซคีฮา ดาบสั้นของโซคีฮา ค้างอยู่อย่างนั้น เพราะโซคีฮา ที่ไม่ได้ละสายตาจากองค์ชาย เห็นประกายแสงสว่างวาบขึ้นที่บริเวณปากแผล แล้วกระจาย ไปตามคมพระแสงดาบ จนสว่างจ้า ที่ทุกคนในที่นั้น ต้องผงะ บางคนเซถอยหลังกับแสงที่เจิดจ้าบาดสายตาผู้คน แล้วพระแสงดาบศักดิ์สิทธิ์ ก็ค่อยๆละลาย เหลือเพียงด้ามหล่นลงพื้น องค์ชายลืมพระเนตรขึ้น เหมือนเพิ่งตื่นจากบรรทม ลุกขึ้นประทับยืน ทรงเหลียวมองรอบ ๆองค์ อย่าง งง งง ทุกคนตกตะลึง อีกครั้ง แทจังโร ผิดหวังอย่างรุนแรง ซูจินี ก้มเก็บด้ามดาบ งง งวย แต่ดีใจ
เทวีพยากรณ์ ได้สติแล้ว กางสองมือออก : สวรรค์ได้เปล่งเสียงแล้ว รัชทายาท ทัมด๊ก ทรงเป็นผู้บริสุทธิ์ สวรรค์ได้กล่าวผ่านดาบแห่งคำพิพากษา
(ขนาด ฮยอนโก ยังตะลึง ตะลึง ตะลึง กับอภินิหารจากสวรรค์ครั้งนี้เลย เต่าดำ... เอ๊ย... ตัวเองก็มาจากสวรรค์มาหลงหลับใหลไม่รู้ตื่นอยู่ในโลกมนุษย์ แค่ 2 พันปี อาจจะเป็นแค่ 2 วันของเวลาบนสวรรค์เองนะจ๊ะคุณลุงเต่าดำ......) ทหารออกไปติดประกาศ ตามวาจาที่ยืดยาวของเทวีพยากรณ์ ขอแบบย่นย่อก็แล้วกัน



ขณะนี้สัญลักษณ์ผู้พิทักษ์ เต่าดำและฟินิกซ์ ปรากฏขึ้น 2 อย่าง แต่อ้างกษัตริย์ต่างกัน ใครก็ตามที่ได้รับการยอมรับจากอีก 2 ผู้พิทักษ์ คือ มังกรน้ำเงินและเสือขาว อารามหลวงจะประกาศ ให้เป็นกษัตริย์แห่งจูชิน และจะเป็นกษัตริย์แห่งโคคุเรียวด้วยเช่นกัน ในระหว่างนี้องค์รัชทายาท ทัมด๊ก จะเป็นผู้สำเร็จราชการ จนกว่าจะถึงวันนั้น ตอนกลางคืน ทัมด๊ก เสด็จไปที่ท้องพระโรง ทรงรำลึกถึงพระปิตุลาเมื่อวันเข้าเฝ้า และสิ้นพระชนม์ ทรงตรัสกับ ซูจินี ที่ติดสอยห้อยตามพระองค์ตลอดว่า : ทรงไม่เคยต้องการให้ข้าเป็นกษัตริย์โคคุเรียว แต่ทรงต้องการให้ข้า เป็นกษัตริย์แห่งจูชิน
ซูจินี ทูลว่า : การเป็นกษัตริย์จูชินนั้นต้องเป็นกษัตริย์แห่งโคคุเรียวก่อน
ทัมด๊กทรงถามว่า : เจ้ารู้ไหม การเป็นกษัตริย์หมายถึงอะไร
คราวนี้ซูจินี ตอบไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไร (เลยไม่เล่า ) ทัมด๊ก ทรงคิดถึงพระบิดา อีก ที่ให้ปิดบังตัวตนที่แท้จริงขององค์ชายไว้ แสดงให้คนทั่วไปเห็นว่าไม่ฉลาด อ่อนแอ ขี้โรค ให้ทุกคนลืมองค์ชาย ไม่ใส่ใจองค์ชาย…. ทรงเอื้อมหัตถ์แตะพนักพิงของราชบัลลังก์ ทูลฝากพระวาจาถึงพระบิดาว่า : หม่อมฉันจะเป็นกษัตริย์ที่เหมาะสมกับราชบัลลังก์ เสด็จพ่อได้โปรดคุ้มครองหม่อมฉัน จนกว่าจะถึงวันนั้น พะย่ะค่ะ


รุ่งเช้าที่ลานระเบียงชั้นบนของพระราชวัง ทรงมีรับสั่งกับหัวหน้าและลูกศิษย์คนโปรด แห่ง
ชาวโคมิล ว่า : หัวหน้าหมู่บ้านโคมิล เจ้าบอกว่าเจ้ารอคอยกษัตริย์จูชินมาเป็นเวลานาน ถ้าเช่นนั้น เจ้าต้องรู้เรื่องเกี่ยวกับกษัตริย์ทุกอย่างดี สอนข้า ..สอนข้าให้เป็นกษัตริย์ที่ดี ข้าพร้อมจะเรียนรู้แล้ว
ฮยอนโก กราบทูลว่า รอพระองค์ มามากกว่า 1 พันปี และทวนรับสั่งว่า ไม่ใช่แค่กษัตริย์ แต่ต้องเป็นกษัตริย์ที่ดีหรือพะย่ะค่ะ ฮยอนยอง ไปเล่าเรื่องกษัตริย์ของชาวโคมิล ถูกดาบแทงที่หัวใจ แต่ทรงรอดชีวิต ด้วยความปลาบปลื้ม ในบุญบารมี แต่บาซอนกลับตะลึง ที่พระแสงดาบของกษัตริย์จูมง ละลายเป็นผง เพราะเป็นสิ่งที่อยากเห็นในชีวิตของบาซอน
ที่บ้านเสนาบดียอน เสนาบดีก็พยายามโน้มน้าวผู้นำแคว้น ว่า เหตุการณ์ในอารามหลวง เป็นการร่วมมือกันหลอกลวง สภาเสนาบดี ของเทวีพยากรณ์และรัชทายาท นั่นเป็นดาบปลอม ไม่ใช่พระแสงดาบศักดิ์สิทธิ์ของกษัตริย์จูมงจริง มีเพียง จอกฮวาน หัวหน้าทหารม้าเหล็ก ที่ยอมรับว่า สวรรค์ได้กล่าวออกมาแล้ว แม้เป็นการชั่วคราวแต่ขณะนี้ องค์รัชทายาท คือกษัตริย์ของโคคุเรียว และข้าจะไม่ยอมให้ใครลบหลู่พระองค์ เพราะนั่นคือลบหลู่ประเทศชาติด้วย


เสนาบดียอนต้องคิดหนัก กับคำพูดของโชจูโดว่า (คนสนิทตัวแสบ) ทำไม ผู้พิทักษ์หัวใจฟินิกซ์ไม่รู้ว่าเป็นดาบปลอม หรือนางสมรู้ร่วมคิดด้วย
ส่วน แทจังโร นั้นยอมรับกับตัวเองแล้วว่า องค์ชาย คือคนที่มาจากสวรรค์ และ พยายามจะลบความทรงจำ ของ โซคีฮา หรือคาจินในชาติก่อน ที่เฝ้าหลงรัก ผู้ชายที่มาจากสวรรค์ ทำพิธีเช่นเคย
“อย่าถอยไปจากข้า ข้าจะลบมันออกไปจากใจเจ้า เจ้าจะได้ไม่ต้องเจ็บปวดอีกต่อไป” แต่คราวนี้ มีพลังต้าน แทจังโร จนผงะเซออกไป (โซคีฮา กำลังเห็นภาพ ที่คาจินกระเด็นลอยตกพื้นในป่าเมื่อใช้พลังไฟทำร้ายเทพฮวานอุง และคาจินต้องสูญเสียพลังไฟ ถูกเก็บพลังไฟในจี้ฟินิกซ์) ซารยางเข้าประคอง โซคีฮา ละล่ำละลักตกใจ แทจังโรบอกว่า มีอะไรบางอย่างในตัวของคีฮา..
ดัลบี ขอให้จูมูชิสอนการต่อสู้ นางจะยอมรับใช้ ทำอาหารให้กินซักผ้าไว้ให้ใส่ ถ้าสั่งให้ไปตาย นางก็จะตาย ในขณะนั้นก็มีคนมาว่าจ้างให้จูมูชิ ไปเข้าร่วมเป็นทหารกับ ยอนโฮแก คนว่าจ้างก็เป็นอาสาสมัครที่อยากได้จูมูชิ มาร่วมสร้างความสนใจในฝีมือ แต่จูมูชิไม่สนใจ มีผู้คนหลั่งไหลกันมาเป็นอาสาสมัคร ที่บ้านตระกูลยอนไม่ขาดสาย ฮยอนยอง แอบดูด้วยความใส่ใจ
ที่หมู่บ้านโคมิล ทัมด๊ก ทรงง่วนอยู่กับการเรียนรู้ที่ ฮยอนโก และผู้อาวุโสของโคมิลถ่ายทอด
“ การเป็นกษัตริย์พระองค์ต้องมีความรู้ก่อน การเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่แห่งจูชิน ต้องเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ของโคคุเรียวก่อน ต้องรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของประเทศเพื่อนบ้าน เพราะประเทศพวกนี้ จะต้องรวมกับเราในฐานะอาณาจักรแห่งจูชิน


กษัตริย์ จินซา แห่งแพคเจได้สูญเสียอำนาจไปมาก เพราะพ่ายแพ้ ต่อปราสาท ซุกฮยุน กษัตริย์ จินซา ขึ้นครองราชย์ เพราะรัชทายาทที่ชอบธรรม องค์ชาย อาชิน ยังทรงพระเยาว์ ทั้ง 13 เมืองทางใต้ของแพคเจ ยอมรับ รัชทายาท อาชิน ว่าคือกษัตริย์ที่ชอบธรรมของพวกเขา “
ทัมด๊ก ได้รับคำถวายรายงานว่า มีผู้คนหลั่งไหลจากทั่วทิศของประเทศ เพื่อเข้าร่วมกับตระกูลยอน พวกเขาเชื่อกันว่า ยอนโฮแก เป็นกษัตริย์จูชิน ที่แท้จริง และตกเป็นเหยื่อของแผนการที่วางไว้อย่างดี ของ ทัมด๊ก และเทวีพยากรณ์ พวกเขาพากันพูดว่ามันไม่ยุติธรรม ต่อ ยอนโฮแก

ฮยอนยอง เล่ากับชาวโคมิลว่า มีคนเป็นหมื่นไปรวมตัวบ้านตระกูลยอน แต่ทำไมกษัตริย์ของเราทรงเยือกเย็นนัก แล้วนี่หัวหน้ามัวไปอยู่ที่ไหน ผู้อาวุโส คนหนึ่งเสนอว่า เราควรจัดการรวบรวมคนบ้างไหม กัมดง องครักษ์ชาวโคมิล ถูกถามเรื่องของกองทหารราชองครักษ์ ได้ความว่าพวกเขารอ ขุนพล โก อูซุง กลับมา ขุนพลโก อยู่ฝั่งไหน กองทหารก็อยู่ฝั่งนั้น ส่วนกองทหารม้าเหล็กของ จอกฮวาน คงอยู่ฝ่ายตระกูลยอน

ฮยอนโกไปค้นหาภาพด้ามดาบในภาพ เทียบกับด้ามพระแสงดาบของกษัตริย์จูมง แล้ว ก็ดีใจ มีฝุ่นคลุ้งบอกอายุของภาพนี้ ตอนคลี่ม้วนภาพออกมาดู

ขุนพลโกอูซุง กลับมา ทัมด๊ก และขุนพลโก กอดกัน น่าซาบซึ้งในความจงรักภักดี และความรักนับถือเชื่อใจระหว่างขุนพลโกและ ทัมด๊ก ที่มีต่อกัน ขุนพลโกกราบทูลว่า เห็นพระองค์ปลอดภัยและปกติสุขดี ถึงตายก็นอนตายตาหลับได้ ส่วนทัมด๊ก ตรัสว่า ขอบใจที่ท่านมา...ข้ารอท่านนานแล้ว ขุนพลโก พา หัวหน้าแคว้นจุนโนมาด้วย
ฮีกแก : หม่อมฉันคือผู้นำแคว้นจุนโน แล้วก้มคำนับ
ทัมด๊ก : ข้าทัมด๊ก คนที่เป็นต้นเหตุให้บุตรชายของท่านตาย
ฮีกแก : หม่อมฉันทราบแล้ว ลูกชายของหม่อมฉันตายเพื่อช่วยชีวิตพระองค์ หม่อมฉันทราบว่าพระองค์ขึ้นเป็นกษัตริย์ และเตรียมการสงครามกับตระกูลยอน ตระกูลยอนกำลังรวบรวมคนทั่วดินแดน แต่พระองค์กลับอยู่ในห้องสมุดเปื้อนฝุ่น อ่านตำราเก่าคร่ำคร่า
ทัมด๊ก : จากการประเมินสถานการณ์ เมื่อวานตระกูลยอนมีทหารมากกว่า1 หมื่น 9 พันคน ในขณะที่ทหารของประเทศ ยังมีไม่ถึง 8 พัน คน
ฮีกแก หลับตาลงแบบเหนื่อยใจ ทูลถามว่า พระองค์ทรงต้องการเป็นกษัตริย์แห่งจูชิน จริงหรือพะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก : ข้าพยายามทุกวิถีทาง นั่นเป็นทางเดียว ที่ชีวิตของลูกชายท่าน และคนของจุนโนไม่สูญเปล่า แล้วหันไปที่บุตรชายที่เหลือของฮีกแก ที่สะอื้นน้อยๆ น้ำตาไหล ทัมด๊ก ทรงประทับยืนตรงหน้าถามว่าเจ้าหายดีแล้วหรือ ทรงได้รับคำตอบ จากการพนักหน้า ทัมด๊ก ตรัสว่า ข้า...
แต่ถูกขัดว่าไม่ต้องตรัสสิ่งใด ดูริน้อย และโซว ดูรู พวกเขารู้ว่าทรงรู้สึกอย่างไร ไม่ต้องตรัสสิ่งใดอีกพะย่ะค่ะ

ฮยอนยอง และ ซูจินี ไปตลาด พบประกาศจัดงานประลองฝีมือนักรบ ที่บ้านตระกูลยอนจัดขึ้น ผู้ชนะจะได้รางวัล 100 เหรียญ นักสู้ 7 อันดับแรก จะได้ตำแหน่งและค่าจ้างในกองทหารตระกูลยอน ซูจินี ก็บ่นโวยวาย เกือบมีเรื่องกับทหารบ้านตระกูลยอน ฮยอนยอง รีบฉุด ออกมาเสียก่อน แล้วก็เห็นสิ่งที่น่าสนใจ คือขวดสุราเต็มตะกร้าที่พ่อค้าหาบขายอยู่
ขณะจะดื่มเหล้า ที่ซูจินีขโมยมาจากพ่อค้า (ว่างเว้นไปนานแต่ฝีมือยังไม่ตกเลย)ก็พบสิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าเหล้า นั่นคือแทจังโรและเกี้ยว(ที่มีโซคีฮาอยู่ในนั้น) มุ่งหน้าไปบ้านตระกูลยอน ซูจินี ไม่สนเหล้าแล้ว สอง คนกับ ฮยอนยอง ลอบตามเข้าบ้านตระกูลยอน ที่โซคีฮา เดินตัวแข็งทื่อ เข้าไปในบ้านกับ แทจังโร

เสนาบดียอนคุยให้ แทจังโรฟังว่า ขุนพล โกอูซุง กลับมาแล้ว และอยู่ฝ่าย ทัมด๊ก รวมทั้งกองทหารองครักษ์ด้วย และยังมี ฮีกแก แห่งแคว้นจุนโน แทจังโร ไม่สนใจข่าวนี้ เร่งให้เสนาบดี ไปดู โซคีฮา ที่นอนสลบหลับใหล อยู่บนเตียง และบอกว่า โซคีฮา ไม่สามารถเดินไปตามเส้นทางของนางได้ เพราะมีบางสิ่งมาเบี่ยงเบนความตั้งใจของนาง เราได้ทำพิธีกรรมให้แล้ว เพื่อให้ความตั้งใจนั้นกลับคืนมาอีกครั้ง แต่มีบางสิ่งผิดปกติ นางไม่รู้สึกตัวมาหลายวันแล้ว นางเข้าสู่ภวังค์ของตนเอง และยังไม่กลับออกมา ข้าคิดว่า ท่านโฮแก จะปลุกให้นางตื่นขึ้นมาได้ ข้าเลยพานางมาที่นี่

โซคีฮา เห็นคาจิน กรีดร้องตะโกน ตอนพุ่งดาบเพลิงใส่เทพฮวานอุง แต่เหมือนมีแรงดูด พลังไฟ คาจิน พยามยื้อไว้
ยอนโฮแก เข้ามาในห้อง พบไอร้อนแผ่ซ่านไปทั่วห้อง เทียนที่จุดไว้หลอมละลายแบบถูกความร้อนสูง ดอกไม้ในห้อง เหี่ยวเฉา และยอนโฮแกเองต้องถอดเสื้อคลุมออกเหงื่อซึม มานั่งข้างเตียงที่ โซคีฮา กำลังเหมือนอยู่ในฝันร้าย ตัวสะดุ้งบ่อย ๆ ซูจินี ที่แอบดูอยู่ ยังสัมผัสผิวพื้นหน้าต่างฉลุลวดลาย ไม่ได้เพราะร้อนจัด แล้ว โซคีฮา ก็เห็น คาจินกระเด็นลอยตกพื้น เมื่อ เทพฮวานอุงเก็บพลังไฟของเธอไปหมด น้ำตา โซคีฮาไหลรินทั้งที่หลับตา แล้วก็เห็น แซโอ กลายเป็นฟินิกซ์ ดำ เปลวเพลิงที่ร้อนแรง เทพฮวานอุงยกฝ่าพระหัตถ์ ยับยั้งเปลวเพลิง คาจิน กระเด็นกองริมหน้าผา แล้วภาพสุดท้ายที่คาจิน หงายหลังลงหน้าผา โซคีฮา ผวาสุดตัว ยอนโฮแก รีบสวมกอดและประคอง เธอขึ้นครึ่งตัวบนเตียง โซคีฮา ทั้งที่หลับตา ทำท่าเจ็บปวด ร้องไห้ น้ำตาไหลพราก ยึดแขน ยอนโฮแกแน่น แบบหาที่พึ่ง ยอนโฮแก แสนสงสาร แสนรัก กอด โซคีฮา แน่น ใบหน้า ทั้ง 2 คน ชิดใกล้กัน นั่น ทำให้ ซูจินี ที่แอบดูอยู่ แต่ไม่รู้สถานการณ์ แท้จริง ตกใจ ทำตาโต ถอยห่างออกมา



บาซอนถูกทาบทามให้ขายโรงตีเหล็กและไปเข้าร่วมกับ บ้านตระกูลยอน เพื่อคอยซ่อมแซมอาวุธ บาซอน ไม่สนใจจำนวนเงินที่ผู้ชักชวนจะเสนอ แถมไล่ส่ง และบอกว่า ตนเองไม่ถูกกับบ้านตระกูลยอน ขุนพลโก และทหาร หลายนายก็มาหาบาซอน เช่นกัน บาซอนเข้ามาทักทายขุนพลโก คิดว่าขุนพลโกจะมาหาจูมูชิ ส่งเสียงตะโกนเรียกหาจูมูชิ แต่มีเสียงทักทายจาก ฮยอนโก ตอบกลับมาแทน ทัมดัก เสด็จมาด้วยพระองค์เอง บาซอนตกใจ แล้วยิ่งตกใจขึ้นไปอีก เมื่อขุนพลโก บอกว่า : พระองค์คือกษัตริย์ของเจ้า คำนับเสีย
บาซอน เงอะงะ แล้วทรุดตัวลงคำนับ และหมอบลงไม่เงยหน้า
ทัมด๊ก โน้มองค์ลงตรัสด้วยอย่างอ่อนโยน ว่า : พวกเขาพูดกันว่าเจ้าเป็นช่างตีเหล็กที่เก่งที่สุดในปราสาทโกกแน
บาซอน หมอบอยู่ ทำตัวขยุกขยิก ( จะว่าสั่นก็ไม่เชิง)
ทัมด๊ก แย้มพระโอษฐ์ละมุนละไม ยังโน้มองค์ ดำรัสด้วยใกล้ ๆ บาซอน : นี่ทำไมเจ้าไม่ลุกขึ้น ข้าเป็นคนที่ต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า นะ อีกไม่ช้า เราจะต้องเข้าสู่สงคราม เจ้าจะช่วยข้าปกป้องคนของข้าได้หรือไม่ หัวหน้า ฮยอนโก เล่าให้ข้าฟังว่า เจ้าสามารถช่วยข้าในเรื่องนี้ได้
บาซอนขยับตัวลุกขึ้น แล้วก็มุดลงไปอีก
บาซอน : เอ้อ ... เอ้อ ... พระองค์ไม่ต้องการให้หม่อมฉัน ทำอาวุธฆ่าคน แต่... ปกป้องเขาหรือเพคะ
ทัมด๊ก : เจ้าช่วยได้หรือไม่

บาซอน พา ทัมด๊ก ฮยอนโก และขุนพลโก ไปดู ชุดเสื้อเกราะที่ สะสมไว้ บาซอน บอก คุณสมบัติข้อดีข้อเสียของแต่ละชุด ทัมดัก ฟัง บาซอน อธิบายชุดเกราะ ทรงพระสรวล ขำขัน ไปด้วย ทรงสนพระทัยชุดสุดท้าย และทรงประทานคำวิจารณ์ ชุดนี้ บาซอนเขินและดีใจมาก นั่นเป็นชุดของบาซอนเอง (3-4 ชุด ที่แล้วมา เป็นตัวอย่างของคนอื่นที่บาซอนสะสมไว้เฉยๆเพื่อศึกษา) แล้วบาซอนก็สวมใส่มาให้ขุนพลโก ยิงด้วยธนูเพื่อทดสอบ เพราะหากทรงทอดพระเนตรเองจะเข้าพระทัยมากกว่า การอธิบาย บาซอนทรุดตัวลงตอนโดนลูกธนู ยิงใส่ (คงเป็นเพราะความแรงของลูกธนู) ทัมด๊ก ทรงวิ่งมาดูบาซอน บาซอนเก็บลูกธนูถวาย ทัมด๊ก ทรงพยุงให้บาซอนลุกขึ้นและยื่นพระหัตถ์ให้บาซอนจับเป็นหลักยึดตอนลุกขึ้น และแย้มพระสรวลให้ บาซอน มองมือตัวเองเหมือนว่าตัวเองฝันไป ปลื้มใจสุดๆ อีกต่างหาก

ยอนโฮแก ถือต้นไม้มาเปลี่ยนให้ที่ห้องโซคีฮา แล้ว นั่งลงที่ขอบเตียงจัดผมให้ และ พูดกับ โซคีฮาว่า เมื่อไหร่เจ้าจึงจะตื่น ...ตื่นเถอะได้โปรด ลืมตาขึ้นมาดูข้า ข้ากำลังจะไปแล้ว เพื่อความมั่นคงต่อเจ้า ข้าอยากอยู่กับเจ้า ข้าต้องการให้เจ้าอยู่ข้างข้า แบบนี้ ข้าคิดว่า ข้าสามารถเป็นคนดี แล้วก็ก้มลงจูบหน้าผากโซคีฮา แล้วก็ออกจากห้องไป ในขณะนั้นโซคีฮา กำลังฝันเห็นภาพ ตัวเองนอนแนบชิดองค์ชาย ในชุดนอนสีขาว องค์ชาย ที่สวมฉลองพระองค์เปิดพระอุระลงมาลึก (ถ้าเป็นเสื้อแบบติดกระดุม ก็ คือ ไม่ติดดุมเสื้อเลย) หัตถ์ขององค์ชายกุมมือโซคีฮา วางบนอุระขององค์ชาย ที่บ้านชายแดนผู้ลี้ภัย คืนวันที่วาบหวานของเธอและองค์ชาย แล้วก็กลายเป็นภาพที่เธอเองใช้ดาบแทงไปที่ดวงหทัยขององค์ชาย องค์ชายหลับพระเนตร ทรุดองค์ลงที่พื้นอาราม โซคีฮา บนเตียงสะดุ้งลืมตาตื่นลุกขึ้นนั่ง รู้สึกมีสิ่งผิดปกติที่ท้อง เธอเอาสองมือมากุม ทำท่าทางรำลึกถึงเรื่องบางอย่าง แล้วก็ร้องไห้ น้ำตาไหล คลื่นไส้ ทำท่าขย้อนจะอาเจียน จนซารยางที่ประคองถาดยาและอาหารมาต้องค่อยๆ ถอยหลังกลับไป ( น่าสงสาร ซารยางอีกคนแล้ว)


ที่โรงตีเหล็กของบาซอน ทัมด๊ก และคณะยังไม่กลับ เสียงจูมูชิ ดังมาก่อนบอกบาซอนว่าข้ากลับมาแล้ว ทัมด๊ก ที่ประทับนั่งทอดพระเนตรหัวลูกธนู หันพระพักตร์ไปตามเสียง ฮยอนโก ถวายคำรายงานว่า เขานั่นเอง เป็นนักรบที่เก่งกล้าที่สุดในโคคุเรียว เป็นคำพูด ที่คนอื่นพูดถึงเขา คนที่มาจากชนบทก็เป็นนักขี่ม้าโดยธรรมชาติอยู่แล้ว แล้ว ฮยอนโก ก็นำ ทัมด๊ก พระราชดำเนินไปหา จูมูชิ ทูลถวายคำรายงานต่อว่า พวกเขาถูกพาขึ้นหลังม้า ตั้งแต่ยังเป็นทารก ถ้ามีม้าดี ๆ พวกเขาสามารถขี่ม้าได้ 500 ลี้ในคืนเดียว พะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก ไปถึง จูมูชิ : เจ้าคือจูมูชิหรือ ข้า ทัมด๊ก เมื่อเร็วๆนี้ข้าขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งโคคุเรียว
ขุนพลโก : เจ้าไม่รู้วิธีปฏิบัติตัวต่อหน้ากษัตริย์หรือ
ทัมด๊ก ยกพระหัตถ์กันทำท่าห้ามขุนพลโก : ชายคนนี้เป็นทหารรับจ้างเผ่ามัลกัล เราไม่ควรบังคับให้เขาปฏิบัติเช่นเดียวกับพวกเรา แล้วทรงหันมาทาง จูมูชิ พระเนตรสบตาจูมูชิ จูมูชิ ก้มศีรษะลงนิดเดียว พอเป็นพิธีจริงๆ(ลูกน้องก็ทำตาม) แล้วจูมูชิก็พูดว่า เราไม่รับงานที่อยู่ในเงื่อนไขนี้ ประการแรกเราไม่โจมตีข้างหลัง ข้อสอง เราไม่ทำร้ายผู้หญิงคนแก่และเด็ก ข้อสามเราไม่รับงานถ้าไม่ชอบผู้ว่าจ้าง
ทัมด๊ก : แล้วข้าล่ะ
จูมูชิ : ข้าไม่ชอบท่าน ดัลบี ที่ยืนลุ้นอยู่ทำท่าผิดหวัง
ทัมด๊ก สายพระเนตรมองต่ำ ทำท่าถอนพระทัย : แย่จริง...ข้าก็ไม่มีเวลาเสียด้วย เงยพระเนตรขึ้นดำรัสไปแย้มพระโอษฐ์ไป : ข้าจะต้องรอจนกว่าเจ้าจะชอบข้าหรือ แย้มพระโอษฐ์ให้ จูมูชิ อีกครั้ง พระราชดำเนินออกจากตรงนั้นกับ ฮยอนโก และขุนพลโก สองสาม ก้าว ทรงหันมาทอดพระเนตร จูมูชิ ฮยอนโกและขุนพล โก ก็หันมามองตาม พอดีมีทหารมาส่งข่าวเป็นสาร ขุนพลโกรับมาอ่าน แล้วเข้ามากราบทูล ทัมด๊ก ที่ประทับนั่งทอดพระเนตรแผนที่กับ ฮยอนโก

ตระกูลขุนนางกำลังร้องขอให้มีการประชุมสภาเพื่อพิจารณากองกำลังทหารของยอนโฮแก... กำลังปรึกษากันด้วยข่าวนี้
ดัลบี ก็เข้ามาลาจูมูชิ กล่าวขอบคุณในสิ่งที่แล้วมา นางกำลังจะไปรวมกับกษัตริย์ ที่กำลังต่อสู้กับตระกูลยอน : ถ้าเราช่วยพระองค์ พระองค์จะชนะใช่ไหม ดังนั้นข้าต้องไปกับพระองค์
ลูกน้อง มันดัก เข้ามาย้ำอีกว่า หัวหน้านางจะไปแล้ว จูมูชิ นิ่งไปอึดใจก็คว้าขวานพาดบ่า เข้าไปหา ทัมด๊ก ตะโกนถามว่า ท่านต่อสู้เป็นไหม ทัมด๊ก ฮยอนโก และขุนพลโก เงยหน้าจากแผ่นแผนที่บนโต๊ะ ขุนพลโก ขยับเข้าขวาง
ทัมด๊ก : เจ้าต้องการสู้กับข้าหรือ
จูมูชิ : ข้าไม่สามารถรับงานได้เพราะข้าไม่ชอบหน้าท่าน ข้าไม่ชอบรับใช้กษัตริย์องค์ไหน ถ้าเอาชนะข้าได้ ข้าจะรับใช้ท่าน 1 ปี
ทัมด๊ก และฮยอนโก อมยิ้ม
ทัมด๊ก : แต่ข้าได้ยินมาว่า เจ้าสามารถดึงเขาควายได้ด้วยมือเปล่า และฝีมือขวานของเจ้าก็หาคนสู้ด้วยยาก ข้าไม่แน่ใจว่าจะเอาชนะเจ้าได้
จูมูชิ หันไปทางขุนพลโก : ถ้าอย่างนั้นท่านจะสู้กับข้าไหม
ขุนพลโก หันไปมอง ทัมด๊ก ทัมด๊ก ทรงพระสรวล ตรัสว่า : ถ้าขุนพลโกชนะเจ้า เจ้าต้องรับใช้ขุนพลโก
จูมูชิ หงุดหงิดผิดหวัง (อุตส่าห์อ่อนข้อง้องอนแล้วนะนี่) : ถ้าเช่นนั้น ก็ลืมไปเสียเถอะ แล้วก็เดินหันหลังให้ ทัมด๊ก
ทัมด๊ก : 30 ครั้ง จูมูชิชะงัก ขุนพลโกก็หันมา
ทัมด๊ก : ข้าจะพยายามต้านทานขวานของเจ้าให้ได้ 30 ครั้ง จูมูชิหันมามอง
ทัมด๊ก ทรงลุกจากพระเก้าอี้ : ถ้าข้ารอดชีวิต แสดงว่าข้าชนะ
จูมูชิ : แค่ 2 ครั้ง ท่านจะรอดหรือ ( ชิ... ชิ.. เจ้า เสือขาว เจ้าเสือดื้อ เมื่อไรเจ้าจะตื่นเสียที)
ทัมด๊ก : ถ้าเช่นนั้น 10 ครั้ง
จูมูชิ : ตกลง 10 ครั้ง จูมูชิ หันไปมอง ดัลบี ดัลบี ยืนสองมือกุมประสานไว้ข้างหน้า หลบสายตา จูมูชิ ลงต่ำ

Copyright @ Amornbyj & SUE

No comments:

Post a Comment

Note: Only a member of this blog may post a comment.