5.5.08

เรื่องย่อ ตำนานจอมกษัตริย์เทพสวรรค์ (ตอนที่ 10)


...ตอนที่ 10...

แทจังโร บอกเสนาบดียอน ว่า ตนเองไม่เห็นด้วยกับความเชื่อที่ว่า โองการสวรรค์ส่งผ่านอารามหลวงโดยเทวีพยากรณ์ ความต้องการของประชาชนต่างหาก คือความต้องการของสวรรค์ แทจังโร ได้สร้างข่าวลือ มากมาย ที่ เสนาบดียอนเอง ก็สงสัยว่า ว่าข่าวลือที่มีอยู่ทั่วไปนั้น เป็นเรื่องที่สร้างขึ้น แล้วเรื่องจริงคืออย่างไร จริงหรือไม่ที่มีสัญลักษณ์ผู้พิทักษ์ ปรากฏขึ้นอีก 1 อย่าง แทจังโร ตอบว่า เขาพูดกันว่า มีแสงส่องสว่างและรัชทายาท หายพระองค์ไปทันทีพร้อมกับผู้คนจำนวนหนึ่ง ดังนั้นรัชทายาท ก็ควรเป็น กษัตริย์จูชินด้วย เสนาบดียอน ย้อนว่า ท่านเป็นคนบอกข้าเองว่า ลูกชายข้า ยอน โฮแก คือกษัตริย์จูชิน ที่ พวกท่าน ฮวาเซิน รอคอย
แทจังโร หัวเราะอย่างชั่วร้ายและมีเล่ห์เหลี่ยมว่า เผ่าฮวาเซิน และตัวข้าเอง กำลังไตร่ตรองอย่าง ลึกซึ้งว่าเราควรรับใช้ ท่าน ยอน โฮแกหรือไม่ เราจะไม่รับใช้กษัตริย์ผิดพระองค์ ในเมื่อพวกเราใช้เวลารอคอยมาถึง 2 พันปี เสนาบดียอน ส่ายหน้าย้อนว่า มันไม่สายไปหรือที่จะเปลี่ยนใจ หรือจะให้ข้ากล่าวหาท่านว่า เป็นคนปลงพระชนม์กษัตริย์ แต่ แทจังโร ย้อนว่า เราสามารถเปิดเผยได้ว่าใครเป็นผู้ชักใยอยู่เบื้องหลัง เสนาบดี ต้องรำพึงขึ้นว่า ข้ากำลังจับหางเสืออยู่หรือนี่ !!แทจังโรตอบว่า ในเมื่อท่านจับมันได้แล้ว ทำไมไม่ใช้ประโยชน์ให้มันเหมาะสมเล่า เสนาบดียอนได้แต่ถามว่า ท่านต้องการอะไร........

ยอนโฮแก ตื่นจาก นอนฝันเห็นภาพที่ต่อสู้กับองค์ชาย และเกิดแสงสว่างล้อมรอบองค์ชาย ด้วยท่าทางตระหนก และกลายเป็นโกรธอาละวาด เมื่อ ออกจากห้องก็ถูก โซคีฮา ใช้มีด จี้ที่ ลำคอ ถามว่าฆ่าองค์ชายสำเร็จหรือไม่ ยอนโฮแก ถามว่าถ้าทำสำเร็จเล่า โซคีฮาบอกว่าข้าจะเป็นคนแรกที่แก้แค้นให้กับคนที่ข้ารัก แล้วชดเชยการกระทำทีหลัง
ยอนโฮแก : คนที่ท่านเรียกว่าคนรัก คือญาติของข้า ทัมด๊ก เขาเป็นกษัตริย์จูชินที่แท้จริงหรือ ข้าเห็นมันตอนที่ข้าเคลื่อนไหวไม่ได้เพราะแสงสว่างจ้านั้น คีฮา ผู้พิทักษ์ฟินิกซ์ ทำไมจึงคุกเข่าต่อหน้าข้า ท่านแน่ใจหรือว่าข้าคือกษัตริย์หรือ จริงไหม พูดอะไรสักอย่าง..... ข้า โฮแก อาจไม่ใช่กษัตริย์จูชิน เพราะฉะนั้น ฟินิกซ์ แทงข้าสิ ถ้าท่านเป็นผู้พิทักษ์หัวใจฟินิกซ์จริง ท่านไม่ควรฆ่าข้า ถ้าท่านเป็นฟินิกซ์จริง ข้าไม่ควรตายด้วยมือท่าน แล้วก็เปิด เสื้อออก ท้าว่า นี่คือหัวใจของข้า แทงข้าด้วยมือของนางสิ เอาเลย

ฮีกแก หัวหน้าแคว้นจุนโนจัดพิธีเผาศพ บุตรชาย และผู้ร่วมทีมโปโลสีดำ ณ.ทีนี่เราขอส่งนักรบของจุนโนไปยังสวรรค์ พวกเขาตายเพื่อกษัตริย์จูชิน นกสามขาทอง ได้โปรดมารับ วิญญาณเขาเหล่านี้ไปสู่สรวงสวรรค์ ด้วยเถิด มีขุนพลโกอูซุง ร่วมงานนี้ด้วย (นกสามขาทอง-สัญลักษณ์ ของชนเผ่าจูชิน)


องค์ชาย ตื่นบรรทมที่หมู่บ้านโคมิล และไม่คิดจะอยู่ที่หมู่บ้านนี้ หัวหน้า ฮยอนโก และผู้อาวุโสของเผ่า ทูลองค์ชายว่า ทรงถูกกล่าวหาว่าร่วมมือกับเผ่าจุนโน ในการลอบปลงพระชนม์กษัตริย์ รัชทายาทลักพาตัวบุตรชายผู้นำ 3 แคว้น และใช้ข่มขู่ เพื่อจะขึ้นเป็นกษัตริย์ แต่ไม่ได้ผล จึงต้องปลงพระชนม์เพื่อสถาปนาพระองค์เองเป็นกษัตริย์ นอกจากนี้ ยอนโฮแก ได้ตามล้างแค้น และประหารองค์ชาย ทุกอย่างจบลงแบบนี้ แล้ว แต่การที่องค์ชายยังมีพระชนม์อยู่ ก็จะทำให้ คนเหล่านี้กลัว และตามฆ่าพระองค์ กษัตริย์ พระบิดา ขององค์ชาย สิ้นพระชนม์แล้ว พระองค์และหม่อมฉันได้ยินพร้อมกันว่า นักพรต โซคีฮา เป็นคนปลงประชนม์กษัตริย์ นางเป็นคนของฮวาเซิน ซึ่งเป็นเผ่าที่ชั่วร้าย ต่อต้านกษัตริย์จูชิน พระองค์ต้องอยู่ให้ห่างจากนาง พวกเราโคมิล มิได้รับใช้กษัตริย์ โคคุเรียว พวกเรารับใช้กษัตริย์จูชิน ที่ อยู่ตรงหน้าพวกเราในขณะนี้องค์ชาย ตรัส ด้วยแรงแห่งพระอารมณ์ ในขณะนั้น กับ ฮยอนโก และคนในเผ่าโคมิลที่ยืนเป็นกลุ่มอยู่ว่า เจ้า ไม่มีหูฟังหรือ ไม่มีสมองคิดหรือ ข้า ทัมด๊ก ข้าต้องการมีชิวิตอยู่เสียเหลือเกิน ข้าใช้คนมายืนกำบังลูกธนูให้ตัวเอง ข้าคนนั้นที่ละทิ้งบ้านเมืองและพระบิดา เพียงผู้หญิงเพียงคนเดียว น้ำพระเนตรกลิ้งลงมา เจ้ายังจะเรียกข้าว่ากษัตริย์ อีกหรือ ไปหาคนอื่นเถอะ ไปหาคนที่บ้าเช่นเดียวกับพวกเจ้า



องค์ชายออกจากหมู่บ้านโคมิล เพื่อ จะไปให้เห็นด้วยองค์เอง เรื่องกษัตริย์สิ้นพระชนม์แล้ว ซูจินี ตามออกมาข้างหลังองค์ชาย ฮยอนโก พยายามคว้าไหล่ ซูจินี ไว้ แต่ไม่ทันการ
เสนาบดียอน ไปหาเทวีพยากรณ์ เพื่อให้เทวีพยากรณ์ หาผู้กระทำผิด เรื่องกษัตริย์ถูกลอบปลงพระชนม์ เทวีพยากรณ์ บอกว่า ถ้าพบผู้กระทำผิด ก็ย่อมต้องมีการลงโทษ และเทวีได้แสดงออกที่ จะไม่เดินตามเส้นทางที่เสนาบดียอนต้องการ เสนาบดี จึงพูดทิ้งท้ายไว้ว่า ถ้าท่านต้องการ เป็นเทวีพยากรณ์ไปชั่วอายุขัย ก็ควรคิดให้ลึกซึ้งกว่านี้


ที่ท้องพระโรง ผู้บัญชาการปราสาท ดัลจา และโชจูโด คนสนิทของเสนาบดียอน เข้ามา เสนาบดียอน สอบสวน โชจูโด และผู้บัญชาการปราสาท ดัลจา ทั้งเสนาบดียอนและโชจูโด ช่วยกันทำให้การสอบสวนชี้นำประเด็น ที่ ผู้บัญชาการปราสาท ดัลจา เอง ออกอาการ พูดไม่ออกบอกไม่ถูก อึดอัด อยากคัดค้าน แต่จนปัญญา เรื่องสรุปโดยเสนาบดียอน ว่า หัวหน้าหน่วยองครักษ์หญิง กั๊กตัง ถูกรัชทายาทหลอกลวงให้ละเมิดกฎราชสำนักเข้าไปปลงพระชนม์กษัตริย์ ในสุสานหลวง ( ที่สุสานหลวงนี้ จะมีแต่เชื้อพระวงศ์ เท่านั้นที่จะสามารถเข้าไปข้างในได้) แล้วยัง ขโมย พระแสงดาบศักดิ์สิทธิ์ของกษัตริย์จูมง นำไปมอบให้รัชทายาท ที่นอกประตูปราสาท ดัลจา เสนาบดียอนยังประกาศต่อสภาเสนาบดีว่า ข้า ยอน การยอ ผู้นำแคว้นเครุ และ เสนาบดีของโคคุเรียว ขอเสนอแนะต่อสภาดังนี้ จนกว่าเราจะสอบสวนเรื่องการสวรรคตของฝ่าบาทได้ รัชทายาทจะถูกถอนสิทธิ์ ทุกคนในท้องพระโรงขยับตัว สีหน้าผู้บัญชาการปราสาทดัลจาไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง เสนาบดี ยอน รีบกล่าวต่อ ข้าจะออกประกาศจับองค์รัชทายาททัมด๊ก ก่อนที่จะทรงถูกประชาชนจับพระองค์ได้ และรัชทายาท จะต้องเดินเข้ามาด้วยองค์เอง ผู้บัญชาการปราสาทดัลจาทำท่าจะค้านแต่ไม่มีโอกาส เสนาบดียอน กล่าวต่ออีกว่า ยิ่งไปกว่านั้น จนกว่าจะมีการสถาปนากษัตริย์พระองค์ใหม่ โดยการสืบจากสวรรค์สู่บัลลังก์ เรื่องต่างๆ ในอาณาจักรนี้ จะตัดสินโดย ผู้นำแคว้นทั้ง 5 ของโดคุเรียว ทุกคนจะเห็นด้วยหรือไม่ สักครู่ก็มีเสียง ข้าเห็นด้วย ตามมาด้วย ข้าเห็นด้วย ๆ พร้อมเสียงตบเท้ากระแทกลงกับพื้น ผู้บัญชาการปราสาท หมุนตัวเองไปรอบ ๆตามเสียง ตะโกนเห็นด้วย
แล้วทหารก็นำประกาศไปติดทั่วเมือง



ประกาศที่ติดไว้มีความว่า ในคืนข้างแรมนี้ อารามแห่งเทวีพยากรณ์ จะติดต่อกับสวรรค์ องค์รัชทายาททัมด๊ก จะต้องเสด็จมาและทรงอธิบายด้วยพระองค์เอง ว่าใครปลงพระชนม์กษัตริย์ และใครมีพระแสงดาบของกษัตริย์จูมงประชาชนพากันวิพากษ์วิจารณ์ ว่ารัชทายาทปลงพระชนม์พระบิดา เพื่อขึ้นเป็นกษัตริย์ซึ่งแม้แต่สุนัข ก็ยังไม่กัดพ่อของมันเอง หาก รัชทายาทไม่มาประชาชนจะเป็นหูเป็นตาให้บ้านเมือง คนแบบนี้ ก็จะถูกลูกของตัวเองฆ่าเช่นกัน



องค์ชายเสด็จปะปนมากับชาวบ้านมี ซูจินี ตามมาห่างๆ องค์ชายหันมาไล่ ซูจินี ให้กลับไป พระองค์ไม่มีอะไรยุ่งเกี่ยว กับหมู่บ้านโคมิล ซูจินี ไม่สนใจ ถามว่าองค์ชายว่ากลัวว่า หัวหน้ากับหม่อมฉันจะถูกฆ่าตายเหมือนพวกคนจุนโนหรือ องค์ชายให้เธอหยุดพูด ซูจินี ยังเซ้าซี้ว่าเพราะเหตุนี้ใช่หรือไม่องค์ชาย : ถ้าข้าหักขาของเจ้า เจ้าจะเลิกตามข้าไหมซูจินี : เราจะไปไหนดี พระศพอยู่ที่อารามหลวง จะเสด็จไปที่นี่ก่อน หรือจะเสด็จไปหาผู้หญิงคนนั้นหม่อมฉันจำอารามหลวงไม่ได้ว่าอยู่ที่ใด แต่หม่อมฉันรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นอยู่บ้านตระกูลยอน มันอันตรายแต่หม่อมฉันจะไปรับนางมา แต่ทรงคิดบ้างไหมว่าหม่อมฉันจะปลอดภัยหรือเปล่าองค์ชาย : หมายความว่าอย่างไรซูจินี : หัวหน้าทั้งหลายของหม่อมฉันบอกว่า นางคือมือสังหารจากฮวาเซิน นางต้องพยายามปลงพระชนม์พระองค์ และนางเป็นคนปลงพระชนม์กษัตริย์องค์ชาย ทรงกริ้ว : คนที่ข้าไม่เชื่อถือ ตอนนี้ก็คือเจ้า กับพวกหัวหน้าของเจ้า นั่นแหละ ผู้หญิงคนนั้น.............ข้ารู้จักและเชื่อนางมาตั้งแต่อายุ 11 ปี เจ้าเข้าใจหรือยัง แล้วก็เสด็จจากไป ส่วน ซูจินี ซึมและเจ็บปวดกับประโยคนี้ขององค์ชาย
ที่โรงตีเหล็กของบาซอน จูมูชิ แอบชอบ ดัลบี ลูกน้องของ จูมูชิ มาเล่าเรื่อง แสงสว่างประหลาด ที่ปราสาทดัลจา และยอนโฮแก ต่อสู้กับรัชทายาท ให้บาซอนและ จูมูชิ ฟัง แต่กลายเป็นว่า ลูกน้อง มันดัก ถูกกล่าวหาว่า เมาเหล้าและเพ้อเจ้อ


องค์ชายเข้าไปถวายบังคมพระบรมศพศพที่อารามหลวง ทรงรำลึกถึง คำบอกเล่าต่างๆ ที่กษัตริย์ เคยเล่าประทานให้ฟังเมื่อครั้งยังเยาว์ชันษา พระบิดาทรงย้ำถึงสายเลือดโคคุเรียวขององค์ชาย รวมทั้งวันที่จะประกอบพิธีราชาภิเษก กษัตริย์ ทรงกอดพระองค์ ที่เป็นหนุ่มตัวโตเกินวัยของพระองค์ อย่างรักใคร่ห่วงใยระคนตัดพ้อ ที่องค์ชาย ช่างไม่รู้ว่าองค์เองคือใคร มีคนรอองค์ชายมากมายแค่ไหน เทวีพยากรณ์เล่าเหตุการณ์ในวันสิ้นพระชนม์ว่า มีทหารองครักษ์ตายมากมาย และได้พาองครักษ์หญิงที่รอดชีวิตในวันที่กษัตริย์สิ้นพระชนม์ มาทูลตอกย้ำ คำพูดว่า โซคีฮา คือผู้ปลงพระชนม์ องครักษ์หญิงที่บาดเจ็บขอให้องค์ชายไปให้ไกลอย่าได้กลับมาที่นี่อีก นั่นเป็นวิธีที่องค์ชายจะต้องทรงมีชีวิตอยู่ ประเทศชาติในขณะนี้ อยู่ในเงื้อมมือของยอน การยอ องค์ชายใช้พระแสงดาบที่ทรงถืออยู่ ฟันลงไปที่ต้นเสา ในอารามหลวงด้วยความแค้นพระทัย


ส่วน ซูจินี ก็ลอบเข้าไปในบ้านตระกูลยอน ปลอมตัวเป็นสาวใช้ นำจดหมายจากองค์ชายไปส่งให้ โซคีฮา ซารยางที่เดินสวนกัน จำได้ และไปบอก แทจังโร เมื่อโซคีฮา ออกมาจะขึ้นหลังม้าก็พบ แทจังโร ยืนขวางทางอยู่ และถามว่า....เจ้าจะไปไหน ฝนกำลังจะตก ร่างกายเจ้ายังไม่แข็งแรง โซคีฮา ทำท่าจะกระตุ้นม้า แทจังโร รีบบอกว่าถ้าเจ้าจะไปพบใครเพื่อสงบจิตใจของเจ้า ข้าก็ขอแนะนำว่าไม่ควรทำ เพราะหัวใจของเจ้าเองจะแหลกสลาย โซคีฮา ฟังแล้วต้องหลับตาลง กล้ำกลืน ความรู้สึกลงไปในอก เมื่อลืมตาใหม่ แทจังโรยิ่งบอกย้ำว่า ไม่ใช่แค่แตกสลาย แต่จะแหลกเป็นผงเลยทีเดียว องครักษ์หญิงที่รอดชีวิตได้ทูลรัชทายาทไปแล้วว่าใครอยู่กับกษัตริย์ ใครเป็นคนแทงดาบที่หัวใจของกษัตริย์ เจ้า..... คีฮา....เป็นคนฆ่าพระบิดาของเขา แล้วเจ้าจะยังไปพบเขาอีกหรือคีฮา : ข้าบอกให้ท่านถอยไปแทจังโร เบี่ยงกายทำท่าหลบให้ แสยะยิ้มมองตามหลัง โซคีฮา ที่ควบม้าออกไป


ที่นอกเมือง องค์ชายและ ซูจินี นั่งรอ โซคีฮา ซารยางนำทหารฮวาเซินมาเพื่อฆ่าองต์ชายอีกกำลังต่อสู้กัน โซคีฮา ก็มาถึงลงจากหลังม้า วิ่งเข้าจะไปหาองค์ชาย แต่ซารยางเข้ามาขวางหน้าส่งสายตาห้ามปรามอย่างเข้มงวด โซคีฮา ได้แต่ยืนมองน้ำตาไหลไม่สามารถจะทำอะไรได้เลย นอกจากยืนมอง องค์ชายสู้ไปก็ทอดพระเนตรโซคีฮา ไป ซูจินี เปลี่ยนเป็นใช้ดาบเข้าต่อสู้ และในที่สุดก็เพลี่ยงพล้ำ องค์ชายเหลียวพระเนตรไปทาง ซูจินี แล้วก็หันกลับมาทอดพระเนตร โซคีฮา ซารยางเองก็พลอยต้องหลบสายตาที่มองบังคับห้ามปราม โซคีฮา อยู่ (ก็คงสงสาร โซคีฮา ที่กำลังยืน เจ็บปวดรวดร้าวแสนสาหัสน้ำตาที่รินร่วงแข่งกับสายฝน เหมือนคน ที่ หัวใจกำลังจะขาดรอน ๆ) โซคีฮา มององค์ชายด้วยสายตา ที่พยายามจะทูล ว่า หม่อมฉันเปล่าทำ นี่ไม่ใช่หม่อมฉันทำ อย่าเข้าใจหม่อมฉันผิด เธอไม่มีวาจาใดที่จะกล่าวทูลได้ นอกจากหยาดน้ำตาที่ไหลรินเป็นสายปะปนกับหยาดฝน บน ใบหน้าของ โซคีฮา ผู้ที่หัวใจกำลังจะแหลกสลายเป็นผงธุลีอย่างที่ แทจังโร พูดไว้ไม่มีผิด องค์ชาย พา ซูจินี ขึ้นม้าหนีไป
ที่หมู่บ้านโคมิล ผู้อาวุโสช่วยกันใส่ยาและรักษาบาดแผลให้ซูจินี
ฮยอนโก ทูลองค์ชายว่า เราถอนพิษให้นางแล้ว ปัญหาอยู่ที่ยาพิษ มิใช่บาดแผล เพราะ....แล้วก็ต้องหยุด เพราะองค์ชายเหมือนไม่ทรงได้ยิน องค์ชายประทับนั่งนิ่งกับพื้นที่หน้าห้องไม่ตรัสอะไร ทอดพระเนตรพระแสงดาบของกษัตริย์จูมง ที่วางพิงฝาห้องอย่างเศร้าเคล้าสะเทือนใจ
ซูจินี ที่นอนหลับเริ่มขยับตัวและพลิกตัว แล้วก็นอนตะแคงข้าง องค์ชายเอาผ้าที่ชุบน้ำมาแล้ว บิดให้น้ำไหลมาที่ปาก ซูจินี คือเหมือนช่วยให้ ซูจินี ดื่มน้ำ องค์ชายเอาผ้าไปชุบน้ำที่อ่างใหม่บิดน้ำแล้วหันมาพบว่า ซูจินีลืมตาเอียงข้างอยู่ก็เลยเอาผ้าวางพาดไว้ที่เหนือขอบอ่างน้ำ
องค์ชาย : เจ้ารอดชีวิตกลับมาแล้ว
ซูจินี : หม่อมฉันเคยตายหรือ
องค์ชาย : ข้าคิดว่าเจ้าตายไปแล้ว
ซูจินี : หม่อมฉันแข็งแกร่งไม่ตายง่าย ๆ หรอก
องค์ชายประทับนั่งลง : ข้าบอกกับเจ้าว่านาง...เป็นคนที่ข้าเชื่อใจมาตั้งแต่ข้า อายุ 11 ปี
ซูจินี : ปกติแล้วคนที่ใกล้ตัวเราที่สุด จะเป็นคนที่ทรยศเรา
องค์ชาย : เจ้า...
ซูจินี : หม่อมฉันชื่อ ซูจินี
องค์ชาย : ข้าผิด ความผิดของข้าเกือบจะฆ่าเจ้า ความผิดของข้าฆ่าเสด็จพ่อ ความผิดของข้าฆ่าคนที่ปราสาทดัลจา
ซูจินี : แล้วอย่างไร
องค์ชาย : เจ้า....
ซูจินี : ซูจินี
องค์ชายลุกขึ้นจากที่ประทับเดิม มาทรุดองค์ใกล้ๆ ซูจินี แล้วตรัสว่า หัวหน้าของเจ้าเรียกข้าว่ากษัตริย์เพราะไม้เท้าของเขาส่องแสงสว่างแล้วเจ้าล่ะ
ซูจินี : หม่อมฉันหรือ
องค์ชาย : เจ้าแค่เชื่อคำบอกของหัวหน้าของเจ้าหรือ
ซูจินี : ขยับตัวลุกขึ้นนั่ง เอี้ยวตัวแล้วทูลว่า ทรงช่วยดูบาดแผลของหม่อมฉันหน่อย แล้วก็เปิดชายเสื้อด้านหลังของตัวเอง องค์ชายทรงกระแอมเสียง เบือนพระพักตร์หนี แล้วก็หันมาทอดพระเนตรแผล
ซูจินี : มันหายแล้วใช่ไหม ปิดชายเสื้อลง ทูลต่ออย่างแจ่มใสว่า หม่อมฉันเป็นอย่างนี้ตั้งแต่เด็กแล้ว ไม่ว่าจะเจ็บหรือเลือดตกยางออกแค่ไหน วันรุ่งขึ้นหม่อมฉันก็จะหายดี มันมีปัญหาเพราะมันมียาพิษ มีแต่พวกฮวาเซินสารเลวเท่านั้นที่ใช้มัน แล้วก็หันมาหาองค์ชาย หม่อมฉันเชื่อว่าพระองค์เป็นเหมือนหม่อมฉัน ถ้าทรงเป็นกษัตริย์ จะมีคนมากมายสูญเสียชีวิตของเขา แล้วถ้าเกิดสงคราม ถ้ากษัตริย์สั่ง “โจมตี” ทหารนับพันจะต้องเสียชีวิตเพื่อพระองค์ ซูจินี พูดต่อ ว่าถ้ากษัตริย์ท้อถอยทุกครั้งที่มีคนตาย แล้วจะเป็นกษัตริย์ได้อย่างไร (เพราะคงมีเรื่องราวที่ต้องเสียพระทัยมากมายเหลือคณานับทีเดียว)




องค์ชาย ดูมีทีท่าผ่อนคลายและสบายพระทัยขึ้นมากทีเดียว
ทรงรู้ไหมว่า กษัตริย์ควรจะ..อืม.. ทรงควรมีความสามารถในการรักษาแผลภายในวันเดียว เพื่อว่าวันรุ่งขึ้น จะทรงลุกขึ้น และทำในสิ่งที่ต้องกระทำ
“ตามข้ามา ข้าคือกษัตริย์ของพวกเจ้า” จะทรงกล่าวเช่นนั้น
องค์ชาย : ทอดพระเนตร ซูจินี อย่างแปลกพระทัย และสำราญพระอารมณ์ขึ้นมาก จน ซูจินี ชักเขิน ยกสองมือของตัวเองจับศีรษะ ทูลว่า หม่อมฉันได้พูดฉลาด ๆ มากมาย จนหม่อมฉันปวดหัว ตอนนี้ขอนอนก่อน แล้วก็ล้มตัวลงนอนจริง ๆ องค์ชาย ทรงพระสรวล ในความใสซื่อ และช่างพูดของ ซูจินี
ซูจินี นอนเอียงข้างหันหลังให้องค์ชาย ลืมตาแป๋ว
องค์ชาย : ข้าเคยบอกสิ่งนี้กับเจ้าไหม
ซูจินี : อะไร
องค์ชาย : ขอบใจ
ซูจินี ทำตาโต อมยิ้ม สุขใจเหลือเกิน กับที่นอน

แทจังโรและเสนาบดียอน ปรึกษากันเรื่องที่องค์ชายเสด็จมาถวายบังคมพระบรมศพ ที่อารามหลวง
แทจังโร : บุตรชายผู้นำแคว้นได้เสียชีวิต นั่นมิใช่โศกนาฏกรรมหรือ บางทีนี่อาจเป็นเลือดที่ถวายเพื่อกษัตริย์ จูชิน (หว่านล้อมให้เสนาบดียอนเห็นกงจักรเป็นดอกบัว อีกตามเคย)
เสนาบดียอนห่วงว่า ประชาชนจะเชื่อหรือไม่ว่ารัชทายาทปลงพระชนม์พระบิดาเพื่อจะขึ้นครองราชย์
แทจังโร : ประชาชนเป็นสัตว์โลกธรรมดา เราได้วางคนไว้ทุกแห่ง เมื่อพวกเขาพูดกัน ปล่อยข่าว ไม่ว่าพวกนั้นจะพูดอะไรมันก็จะกลายเป็นจริง มีคนไม่มากนักหรอกที่ต้องการรู้ความจริง พวกเขาต้องการแค่บางอย่างที่จะพูดกัน (นี่คือความคิดของเจ้าตัวร้ายเมื่อเกือบ 2 พันปีก่อนทันสมัยกับปัจจุบันมากเลย เพราะนักเขียนเขาเพิ่งเขียน ขอแปลว่า เขาต้องการบางอย่างที่จะพูดกัน นั่นคือ ความสะใจ ที่ได้พูดกัน ปากต่อปาก เอามันส์เข้าว่า ใครจะเสียหายช่างหัวมันได้เข้าร่วมสมัยการนินทาว่าร้ายกระจายข่าว ปล่อยข่าวลือ ไม่ก็ ข้ารู้ดี ประมาณนั้น)
เสนาบดียอน : รัชทายาทอาจปรากฏพระองค์ในพระราชพิธีปลงพระศพ ทรงต้องการแสดงความบริสุทธิ์ ยังมีคนที่จงรักภักดีต่อฝ่าบาท
ความคิดชั่วร้ายปรากฏทันทีในหัวคิดของ แทจังโร แทจังโร เสนอเสนาบดียอนให้มีการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ มันเป็นวิธีการใช้ลงโทษของผู้ที่อยู่เหนือกฎหมาย ที่ไม่เคยได้มีใครแก้ตัวได้ว่าตัวเองบริสุทธิ์ ด้วยการใช้ดาบ Kauri ซึ่งเป็นดาบศักดิ์สิทธิ์ แทงตรงหัวใจ ของผู้ที่จะถูกพิสูจน์ความบริสุทธิ์ จากข้อกล่าวหา ซึ่งยังไม่เคยมีใครรอดพ้นจากความตายได้เลย (เสนาบดียอนไม่พอใจ แทจังโรเ ล็กน้อย ที่เป็นคนอาณาจักรอื่น มาสอดรู้สอดเห็น วิธีปฏิบัตินี้ ซึ่งจะมีแต่คนในตระกูลสูงของโคคุเรียวเท่านั้นที่รู้ เป็นวิธีการที่อารามหลวงใช้ในการหาตัวผู้ทำความผิด) แต่เสนาบดียอนก็คล้อยตามที่จะนำมาใช้ในการกำจัดรัชทายาทหากเสด็จมาอารามหลวงในพระราชพิธีปลงพระศพ



ยอนโฮแก บอกกับ โซคีฮา ให้ ทูลองค์ชายไม่ให้กลับมาปราสาทโกกแน หากองค์ชายกลับมา ยอนโฮแก จะเป็นคนตัดสินองค์ชาย ด้วยวิธีของ ดาบ Kauri ด้วยตัวเอง
โซคีฮา ก็มั่นใจว่าองค์ชายจะเสด็จมาแน่นอน จึงบอกกับ แทจังโรว่า จำเป็นที่ข้าจะต้องเข้าร่วมพิธีด้วยเพราะใครๆรู้แล้วว่าข้าเป็น ฟืนิกซ์ รับใช้ ยอนโฮแก
แทจังโร. ถ้าองค์ชายมา ยอนโฮแกจะเป็นคนใช้ดาบ Kauri มันจะแทงเข้าที่หัวใจเพื่อตัดสินความผิด ใครเล่าจะรอดชีวิตจากดาบที่แทงเข้าที่หัวใจ มันเป็นวิธีการเหนือกฎหมาย ที่ใช้เพื่อกำจัดศัตรู
โซคีฮา.. : หากทรงเป็นชายที่ข้ารู้จัก จะต้องเสด็จมา
แทจังโร : หากเสด็จมา เขายินดีที่จะเห็นเจ้าที่นั่นหรือ เจ้าเป็นหญิงที่ฆ่าพ่อเขา เจ้าจะทำอย่างไรเมื่อเห็นหน้าเขา
โซคีฮา : ข้าต้องพบพระองค์ ข้ารู้ว่าถ้ามาจะไม่ทรงรอด ข้าอยากเห็นเขาเป็นครั้งสุดท้าย ข้าต้องการเห็นพระองค์จนลมหายใจสุดท้าย นี่เป็นหนทางทางเดียวที่ข้าเชื่อ ข้าไม่ได้ขอร้องท่าน ถ้าท่านต้องการเก็บหัวใจฟินิกซ์ไว้ ข้ากำลังขู่เข็ญท่าน


ที่หมู่บ้านโคมิล ฮยอนโก กลุ้มใจเหลือประมาณ พระองค์ไม่ต้องการให้เรียกกษัตริย์ แล้วจะให้หม่อมฉันเรียกพระองค์ว่าอย่างไร หากเรียกรัชทายาท ก็คงไม่ทรงโปรดอีก และ ฮยอนโก ยังห้ามมิให้พระองค์ไปอารามหลวง และทูลถามองค์ชายว่า ทรงภูมิใจหรือที่ทำลายพระองค์เองแบบนี้ เขาจ้องสังหารพระองค์ ทำไมไม่ใช้สติปัญญาบ้างพะย่ะค่ะ
องค์ชาย : ถ้าข้าเป็นกษัตริย์จูชินที่แท้จริง สวรรค์จะปกป้องข้า......เจ้าไม่เชื่อหรือ เจ้าคิดว่าข้าเป็นกษัตริย์จูชิน จริงๆหรือ...... ข้าเองยังไม่เชื่อเช่นกัน ข้ากำลังจะถามสวรรค์ ฮยอนโกได้แต่ อึกอักลังเล มัวแต่ เอ้ออ้า.. ทรงพระดำเนินจากไป ซูจินี และฮยอนโก จะทำอะไรได้ นอกจากเดินตาม ฮยอนโกครวญครางว่า
ข้าเชื่อ... แต่ว่า....



ที่อารามหลวง
ผู้นำแคว้นขอให้ตัดสินคดีปลงพระชนม์กษัตริย์ เสนาบดียอนสรุปว่า มันชัดเจนว่าหัวหน้าองครักษ์ ปลงพระชนม์กษัตริย์ ขโมยพระแสงดาบศักดิ์สิทธิ์ไปและส่งให้รัชทายาท มีพยานรู้เห็นมากมาย
เสียงองค์ชายดังขึ้นว่า นั่นถูกต้องแล้ว ข้าได้รับดาบของกษัตริย์จูมง จากหัวหน้าองครักษ์หญิง Kakdan ที่จงรักภักดีต่อเสด็จพ่อจนลมหายใจสุดท้าย นางยอมสละชีพเพื่อ ภารกิจสุดท้ายของเสด็จพ่อ ข้า ทัมด๊ก ผู้ซึ่งเป็นรัชทายาท ภายใต้เส้นทางบัญญัติแห่งสวรรค์ มาที่นี่เพื่อตอบคำถามของสวรรค์

Copyright @ Amornbyj & SUE

No comments:

Post a Comment

Note: Only a member of this blog may post a comment.