ที่กระโจมที่พักของ ยอนโฮแก อิลซู จะเข้าไปในกระโจม แต่ ทหารยามไม่ให้เข้า ส่วนภายในกระโจม โซคีฮา นำชุดเกราะมาและช่วยสวมให้ พลางพูดว่าเราไม่มีเวลาอีกแล้วและอ้อมไปผูกด้านหลังให้ ขณะที่ท่านกำลังหาสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ จงเอาชนะแผ่นดินและคนที่ท่านได้พบ ยึดเอาสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ และแผ่นดินทั้งหลายทางด้านเหนือ แล้วกลับไปปราสาทโกกแน พร้อมกับอำนาจที่มากขึ้นกว่าเดิม และกลับไปเป็นกษัตริย์แห่งจูชิน ข้าจะรอท่านอยู่ แถมแนบหน้าลงที่หลังเสื้อเกราะของ ยอนโฮแก แต่เมื่อยอนโฮแกหันกลับมาอีกทีก็ไม่มีแม้แต่เงาของโซคีฮาแล้ว
ยอนโฮแก นำกองทหารบุกขึ้นไปทางเหนือ ผ่านหมู่บ้าน ของชนเผ่าอื่น ก็บุกเข้าไปโจมตีฆ่าฟัน ผู้คนล้มตายมากมาย เลือดกระเซ็นที่ใบหน้า หน้าตาท่าทางเหมือนคนบ้ากระหายเลือด
ป้อมปราการควานมี ของแพคเจ
ทัมด๊ก และทหารเข้าไปอยู่ในป้อมปราการ ควานมี
ทหารแพคเจ ต่อว่าต่อขาน ฮีกแก และบุตรชายว่า : พวกเราเปิดประตูให้ทหารโคคุเรียวเข้ามาด้วยตัวเอง ตอนนี้พวกทหารแพคเจ กำลังมา พวกเราจะต้องตายกันหมด พวกท่านทำกับเราเช่นนี้ได้อย่างไร กษัตริย์ โคคุเรียว ทรงสัญญาว่า เราจะไม่เป็นอันตรายไม่ว่าจากแพคเจ หรือโคคุเรียว ทรงสัญญาจะแบ่งอาณาเขตให้พวกเรา พวกเราจึงอยู่ฝ่ายของท่าน แล้วพวกท่านจะแค่มาแล้วกลับไปได้อย่างไร ดูแลพวกเรา
ตอนนี้พวกเราเป็นคนของโคคุเรียว เพราะฉะนั้นดูแลพวกเรา รับผิดชอบพวกเรา ฮีกแก จึงบอก ว่า ดัลโก (ลูกชาย) เขาเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ดัลโก ยืดอกอย่างภาคภูมิใจ แล้ว ฮีกแก ก็เดินฝ่าผู้คนออกไป ทุกคนหันไปที่ดัลโก เรียกร้องให้รับผิดชอบและดูแลพวกเขาอีก ผลที่สุด ดัลโก ก็ ต้องวิ่งหนี คนกลุ่มนี้เช่นเดียวกับฮีกแก กองทัพแพคเจตะวันตกที่จะไปต่อสู้กับกองทัพยอนโฮแก ถอยกลับ (แต่ยอนโฮแก เปลี่ยนเส้นทาง ไม่ยอมตีตลบไล่หลัง ตามแผนการของทัมด๊ก) จะมาถึงป้อมปราการควานมี ใน 2 วัน กองทหารมีประมาณ 1 หมื่นคน ทหาร และเผ่าซีอู คุยกันว่า : ทั้งที่ กษัตริย์ แห่งโคคุเรียว อยู่ที่นี่ และยอนโฮแก มีทหาร 4 หมื่นคน แต่ ยอนโฮแก กลับไม่มาช่วย และ : แค่ทหาร 2 หมื่นนาย เราก็รักษาป้อมปราการ แพคเจ ที่เรายึดมาได้แล้ว
ฮยอนยอง เข้ามารายงาน เรื่องลูกน้องของบาซอนถูกฮวาเซินจับตัวไปทรมาน
บาซอนเป็นลูกสาวของหัวหน้าเผ่าฮีกซู มัลกัล อันเป็น สถานที่ มีแสงสว่าง สีขาวของสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธ์ เสือขาว ส่องสว่างในคืนแห่งดาวจูชิน ครอบครัวนี้รักษาสัญลักษณ์ของเสือขาวมาหลายชั่วคน ในคืนนั้นพี่ชายของบาซอนเป็นคนเอาสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธ์ หนีไปจากการตามล่า ไปทางด้านเหนือ
ขุนพลโก สงสัยว่าทำไมบาซอนไม่กราบทูลทัมด๊กในเรื่องนี้ : นางเดินทางมาด้วย เพราะนางต้องการสนับสนุนฝ่าบาท แต่ทำไมนางไม่กราบทูล เพื่อให้พระองค์เสด็จไปทางเหนือ เพื่อไป คอรัล นางควรจะตามหาพี่ชาย และสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์
ทัมด๊ก ทรงเล่าประทานว่า บาซอนเคยมาเข้าเฝ้าพระองค์ (และทัมด๊กน่ารักมาก รินน้ำชาให้บาซอนเองด้วย) บาซอน : หม่อมฉันได้ยินว่าเทวีพยากรณ์พูดว่าหากทรงพบสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ อื่น ๆ พระองค์จะเป็นกษัตริย์ที่แท้จริง ฝ่าบาทควรไปตามหาสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ แต่กลับจะทรงเสด็จไปป้อมปราการควานมี เพื่อเช็ดก้นให้กับ โฮแก หม่อมฉันเป็นคนโง่เก่งแต่เรื่องตีเหล็กหม่อมฉันไม่เข้าใจ
ทัมด๊ก ทรงตอบว่า : มันมีสิ่งสำคัญกว่านั้น คนที่ไปกับโฮแก เป็นคนของข้าเช่นกัน มันเป็นหน้าที่ของข้า ที่จะต้องให้พวกเขากลับมาอย่างปลอดภัย ทรงแย้มพระโฮษฐ์ให้บาซอน
บาซอน : ถ้าหม่อมฉันเกิดรู้ว่าสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ อยู่ที่ใด ฝ่าบาทจะยังเสด็จไปป้อมปราการควานมีอีกหรือไม่
ทัมด๊ก ทรงทำท่าจริงจัง : บาซอนเจ้าทำงานตีเหล็กมา มามากกว่า 10 ปีที่ปราสาทโกกแน มีทหารมากมายที่เจ้ารู้จัก เดินทางไปกับโฮแกในคราวนี้ เจ้ารู้จัก พ่อ แม่ เมีย และลูก ๆของเขาด้วยเช่นกัน ทหารพวกนั้นอาจจะต้องตายหมด ให้ข้าถามเจ้าสักนิดในสถานการณ์เช่นนี้ เจ้าจะทำอย่างไรบาซอน
และบาซอนได้กราบทูลว่า นางอยู่ที่นี่มา 17 ปีแล้ว และนางคงต้องไปป้อมปราการควานมี เพื่อช่วยชีวิตเพื่อน ๆทหารของนาง แล้วหลังจากนั้น บาซอนจะบอกเรื่องสิ่งหนึ่งกับข้า
ฮยอนโก : เพราะเหตุนั้นนางถึงได้ไปพบกับฝ่าบาทในคืนนั้น
ขุนพลโก : นางตั้งใจจะกราบทูลว่า พี่ชายของนางและสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ อยู่ที่ คอรัล
ฮยอนโก ให้ฮยอนยอง ไปพาชายที่เป็นลูกน้องตีเหล็กที่ พามาด้วย เข้ามา ปรากฏ ว่า ชายคนนี้ หายตัวไปจากที่ ฮยอนยอง ให้เขานั่งกินอาหาร ที่ระเบียงด้านนอกเสียแล้ว
ทัมด๊ก ทรงนิ่งไปอึดใจ ก็ทรงลุกขึ้น คว้าพระแสงดาบออกไปจากโต๊ะ ขุนพลโกรีบตามเสด็จ ไปยังสถานที่ตีเหล็ก ที่บาซอนพำนักและเป็นที่ทำงาน แต่สายไปเสียแล้ว
ชายคนนั้นไปหลอกบาซอนว่า พี่ชายของนางมาหา บาซอน รีบตามชายผู้นี้ไประหว่างนั้น ดัลบี เห็นเข้าจึงตามบาซอนออกมาด้วย เมื่อไปถึงที่นัดหมายกับทหาร ชายคนนั้น ก็ร้องไห้ขอโทษบาซอน แล้วบาซอนกับดัลบี ก็ถูกจับตัว ขึ้นรถม้า มีของใช้ของทหารที่มาจับตัวตกอยู่
เมื่อทักด๊ก เสด็จตามมาถึง ทอดพระเนตรเห็นของใช้ที่ตกอยู่ทรงสั่งให้ แยกย้ายกันค้นหา ตามด่าน ต่างๆ แต่ไม่พบเพราะมีฝูงชนมากมายปะปนกันอยู่ : เราต้องหานางให้พบก่อนที่พวกนั้น จะพาออกไปนอกเขต แต่แม้ว่าจะค้นหาทุกกองคาราวาน ก็หาบาซอน ดัลบีไม่พบ
ทรงให้จูมูชิไปกับ ฮีกแก เพราะ ที่นี่เป็นดินแดนของแพคเจ อาจจะมีบางเผ่าที่ฮีกแกเคยทำการค้าด้วย จูมูชิ จะได้ ไม่ต้องไปต่อสู้กับพวกนี้
ฮีกแก กราบทูลว่า ถ้าพบว่าบาซอนเข้าไปในค่ายทหารของ ยอนโฮแก จะจัดการกับบาซอน เพื่อไม่ให้สารเลวคนนั้น รู้ว่าสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ไหน ทัมด๊ก ทรงตอบว่า บาซอนช่วยชีวิตคนของพระองค์มากมาย ด้วยฝีมือตีเหล็กของนาง อย่าทำร้ายบาซอน ฮีกแกมีอาการสะอึก ได้แต่กลืนน้ำลาย รับพระบัญชา แต่ไม่มีใคร ตามหาบาซอนและดัลบีพบ
กองทัพแพคเจ ที่มุ่งหน้ามาป้อมปราการควานมี ออกจากปราสาทฮัน และใกล้จะถึงป้อมปราการโฮกัง จำนวน ทหาร 2 หมื่นนาย จากป้อมปราการโฮกังมาถึงป้อมปราการควานมี ใช้เวลาไม่ถึง 2 วัน พวกทหารและประชาชนแพคเจ เริ่มวิตกกังวล
จูมูชิ อยากไปตามหาบาซอนและดัลบี แต่ มันดัก ทักท้วงไว้ว่าสถานการณ์เช่นนี้ไม่เหมาะสม จูมูชิ ได้แต่ คว้าอกเสื้อมันดัก ดึงเข้ามา แล้วผลักออกไป เพื่อระบายอารมณ์
ในห้องบัญชาการ
ขุนพลโก กราบทูลว่า กองทัพแพคเจมาถึงป้อมปราการโฮกังเมื่อเช้านี้ ทหารกองหน้ามีประมาณ 5 พันนายถ้ารวมเข้าด้วยกันทั้งหมดคงมากกว่า 3หมื่นนาย
หัวหน้านายทหารคนหนึ่ง พูดว่า ถ้าเรามัวแต่นั่งตรงนี้ ไม่ทำการใด ๆ กองทหารแพคเจก็จะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเราขังตัวเองอยู่ในป้อมควานมี เราจะอยู่ได้แค่ 1 เดือน
ฮีกแก ตบโต๊ะปัง : เหลวไหล (ทุกคนหันมามอง) ยุทธวิธีที่ท่านคิดออก คือการฝังตัวเองและซ่อนตัวหรือ
หัวหน้านายทหาร : เรามีทหารเหลือแค่ 3 พันนาย หลายร้อยคนกำลังบาดเจ็บ นี่คือผลที่ท่านไม่เชื่อฟัง
ฮีกแก ตะคอก : ผลหรือ อย่างไร ป้อมปราการควานมีก็ตกเป็นของเราแล้ว ท่านไม่เห็นหรืออย่างไร
หัวหน้านายทหาร : นี่ไม่ใช่ฝีมือของท่าน... แต่เป็นของฝ่าบาท..
ทัมด๊กทรงขัดขึ้นว่า : กองทหารแพคเจจะไม่มาที่นี่ (ทรงหันพระปฤษฏางค์ (หลัง)ให้กับทุกคนในที่นั่น ทอดพระเนตรไปยังนอกที่ประทับ) ทรงย้ำ อีก : กองทหารแพคเจจะไม่มาที่ป้อมปราการควานมี ทุกคนในที่นั้น งง และรอฟังรับสั่งต่อ
ทรงมีรับสั่งต่อว่า : กษัตริย์จินซา กษัตริย์องค์ปัจจุบันของแพคเจ ชิงราชสมบัติ จากพระนัดดา องค์ชาย อาชิน ที่ยังทรงพระเยาว์ ถ้าไม่นับรวมปราสาทฮัน ดินแดนภายนอกต่างพากันสนับสนุน องค์ชายอาชินมากกว่ากษัตริย์ จินซา ทั้ง 2 พระองค์ กำลังต่อสู้เพื่อสิทธิในราชบัลลังก์ กองทัพทั้ง 2 ฝ่าย มีฝีมือและขนาดกองกำลังเท่าเทียมกัน แม้แต่การเพิ่มกองกำลังเพียงไม่กี่พันคน ก็อาจทำลายความเท่าเทียมนี้ได้ ทรงหันกลับมาถามว่า กองทัพของใครอยู่ที่ป้อมปราการ โฮกัง ขุนพลโก กราบทูลว่าเป็นขององค์ชายอาชิน
ทัมด๊ก : ถ้าเช่นนั้น กษัตริย์จินซาก็จะไม่ส่งกำลังเสริมมาช่วย
ขุนพลโก : แต่พวกเขาได้สูญเสียป้อมปราการควานมีที่มีค่ายิ่งไป นะพะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก : ท่านพูดถูก เมื่อคนเรามัวเมากับความโลภในราชสมบัติ เขาก็จะไม่คิดถึงแผ่นดินหรือคนของเขา กษัตริย์ จินซา คงจะทรงหวังว่า องค์ชายอาชินจะต่อสู้กับข้าและสูญเสียกองทหารไป และพระองค์จะทรงสามารถเป็นกษัตริย์ ต่อไปได้ กษัตริย์จินซา จะไม่ส่งกองกำลังทหารเสริมเข้ามาเมื่อกองกำลังทหารเสริมไม่มา กองทัพขององค์ชายอาชินจะต้องกลับไปปราสาทฮัน
ขุนพลโก : แต่ถ้าองค์ชายอาชิน ทรงพบว่า เรามีกำลังทหารไม่กี่พันคนเท่านั้น อาจจะทรงโจมตีป้อมปราการควานมี ด้วยกำลังทหารกองหน้า 5 พันนายพะย่ะค่ะ อาจจะทรงคิดได้ว่า ถ้าเอาชนะฝ่าบาทได้ ประชาชนที่นี่จะเป็นพวกของพระองค์
ทัมด๊ก : ข้าได้คิดเรื่องนั้นไว้แล้ว ตามยุทธวิธีที่ท่านเคยสอนข้า (ขุนพลหน้าชื่น แต่ก็ก้มหน้าลงซ่อนไว้)
ทัมด๊ก : พวกนั้นไม่รู้ว่าเรามีทหารแค่ 3 พันนายให้เขาคิดเป็นอย่างอื่น เราต้องบอกแม่ทัพของแพคเจว่ากษัตริย์ของโคคุเรียวมีทหาร 1 หมื่นนาย อยู่ภายในป้อมควานมี และจะยังมีอีก 2 หมื่นนาย กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ หรืออาจมากกว่านั้นอีก นั่นแหละทหารโคคุเรียวถึงได้สามารถเอาชนะ ป้อมปราการต่าง ๆมาได้ ให้บอกกับทหารแพคเจในป้อมว่าถ้าพูดเช่นนี้ ทหารแพคเจที่ยกมาจะกลับไปเงียบ ๆ ครอบครัวของทหารที่ป้อมปราการควานมี ก็ไม่ต้องถูกว่าว่าเป็นกบฏ และพวกเขาจะไม่มีสงครามอีก บอกกับทหารและประชาชนของแพคเจ เช่นนี้ เมื่อไม่มีสงคราม ทหารพวกนั้นก็จะสามารถกลับบ้านได้
ดัลโก ออกไปสื่อความนี้ กับบรรดาชาว แพคเจ ในป้อม
ประชาชน : ไม่ว่าจะเป็นแพคเจ หรือโคคุเรียวมันก็ไม่เกี่ยวข้องกับเรา แต่ขอให้พวกเราได้เก็บเกี่ยวพืชผลที่เราปลูกไว้เพื่อฤดูใบไม้ร่วง ได้ก็พอแล้ว
จูมูชิ ไปที่โรงซ่อมแซมเหล็ก ก็อารมณ์เสียอาละวาดและ กลับมาเข้าเผ้า ทัมด๊ก กราบทูลว่า : หม่อมฉันควรไปได้เมื่อฝ่าบาททรงอนุญาตแล้ว หม่อมฉันคิดว่า ควรมาเฝ้าฝ่าบาทอีกครั้งก่อน หม่อมฉันกำลังจะไปช่วยบาซอน เรากำลังจะไปกันอยู่แล้ว แต่พวกผู้อพยพก็เข้ามาเสียก่อน หม่อมฉันจะเอาคนของหม่อมฉันไปสัก 100 คน หม่อมฉันจะกราบทูลรายงานให้ทรงทราบ และคิดว่าพระองค์จะทรงอนุญาต แล้วก็หันหลังทำท่าจะจากไป
ทัมด๊ก : ข้ายังไม่รู้ ...ข้ายังไม่รู้ว่า กองทหารแพคเจจะกลับไป หรือจะพยายามโจมตีเพื่อยึดป้อมปราการควานมีคืนไป
จูมูชิ ชะงัก หันมามองทัมด๊ก : แต่ฝ่าบาทดูเหมือนมั่นพระทัยมากนี่
ทัมด๊ก : เพราะข้าเป็นกษัตริย์ (จูมูชิ งง เอ๋... )
ทัมด๊กทรงลุกขึ้นจากพระเก้าอี้ที่ประทับนั่งอยู่ : ข้าไม่มีความสามารถที่จะไปต่อสู้โดยลำพัง เช่นเดียวกับผู้บัญชาการป้อมปราการควานมี แต่เจ้ารู้ไหม ข้า...ยังคงเป็นกษัตริย์ (จูมูชิยิ่ง งง หนักขึ้นไปอีก)
ทัมด๊ก : ในฐานะกษัตริย์ ข้าไม่ควรจะบอกพวกเขาว่าเราอาจจะต้องพ่ายแพ้
จูมูชิ : ทรงไม่ทราบว่าเราจะแพ้หรือชนะ
ทัมด๊ก : ข้าจะส่งทหารแพคเจกลับไป
จูมูชิ เสียงหลงว่า อะไรนะ
ทัมด๊ก : จนถึงเช้านี้ พวกเขาเป็นนายทหารของแพคเจ พวกนั้นไม่สามารถร่วมรบกับเราได้ และต่อสู้กับพี่น้องของเขากันเอง ข้าบอกให้พวกเขากลับไปที่ป้อมปราการทั้ง สิบ ที่ยึดได้ และคุ้มครอง คนของตัวเอง
จูมูชิ : ฝ่าบาททรงกำลังปล่อยพวกเขาไป พร้อมทั้งอาวุธและเสื้อเกราะหรือพะย่ะค่ะ( ท่าทางโมโหกษัตริย์ ) ฝ่าบาทกำลังเพิ่มกำลังให้กับศัตรู
ทัมด๊ก : ครอบครัวของพวกเขา แม่ทัพและผู้บัญชาการ ยังคงอยู่ในป้อม
จูมูชิ : ในฐานะตัวประกัน ?
ทัมด๊ก : การเป็นกษัตริย์ช่างยากเหลือเกิน ต้องพูดปดและขู่เข็ญ กษัตริย์ต้องเก่งในเรื่องเหล่านี้
ทรงหันมาทางจูมูชิ : ฉะนั้นกษัตริย์ถึงต้องขอร้องต่อ..ท่าน ที่จะให้อยู่กับเขา และถ้าเขาตาย ก็ตายด้วยกัน
จูมูชิ นั่งลงที่ขั้นบันได ถอนใจยาว : การอยู่ด้วยกันมันยากกว่าการตายด้วยกัน
ทัมด๊ก ประทับนั่งลงข้างๆ จูมูชิ
จูมูชิ : ทรงได้ยินอะไรจากเขาไหม....
ทัมด๊ก : ใครหรือ
จูมูชิ : หม่อมฉัน ควรจะสู้กับเจ้าผู้บัญชาการป้อม นั่น (ทุบกำปั้นกับฝ่ามือตัวเอง) ทัมด๊ก แย้มพระโอษฐ์
ขุนพล กากิน ยกถาดไปยังห้องของชอโร ไม่พบเจ้าของห้อง เพราะ ชอโร แอบตาม ซูจินี ที่เดินถือขวดเหล้า เดินไป พูดไป อยู่คนเดียว จนถึงธารน้ำตก
ซูจินี : ข้ารู้ ตอนนี้ข้ารู้แล้ว เจ้าได้รับคำสั่ง ให้ตามข้าไปทุกแห่งและจับตาดูข้า ข้าจะไปอาบน้ำตรงนั้น ถ้าเจ้าต้องการเฝ้าข้า ก็ไม่ต้องหลบหรอก เข้ามาดูใกล้ ๆเลย แต่เฝ้าไปจะเกิดประโยชน์อันใดเจ้าจะผิดหวัง คิดเช่นนั้นหรือไม่ ดูให้ดี อย่าให้ใครเอาเสื้อผ้าข้าไปล่ะ ในธารน้ำตก ซูจินี กินเหล้าไป พูดไป : เป็นไปได้อย่างไรกษัตริย์ของประเทศ กษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ แห่งโคคุเรียว ทำด้วยพระองค์เอง
ข้าจะไม่นับท่านหัวหน้าและจูมูชิ เพราะพวกนั้นไม่สำคัญ ทรงมาช่วยชีวิตข้าด้วยพระองค์เอง แต่ข้าขอบพระทัยไม่ได้ เพราะจะทรงปฏิเสธว่า เจ้าจะบ้าหรือ ทำไมข้าต้องไปที่นั่นเพื่อช่วยเจ้าล่ะ ข้าไปยึดป้อมควานมีต่างหากและต่อสู้กับผู้บัญชาการป้อม ข้าคงจะบ้า ไปแล้ว
แล้วก็บ่นเรื่องบาซอนและดัลบีถูกจับตัวไป แล้วก็ถอนใจ ไปเถอะ กษัตริย์ของเราอาจจะทรงลุกขึ้นแล้ว ข้าต้องไปช่วยพระองค์ใส่เสื้อเกราะ ...ไม่ง่ายเลยรู้ไหม ..เจ้าต้องยกขึ้นแบบนี้ (ทำท่าทาง) เจ้าต้องผูกแบบนี้ และหลังจากนั้นก็หัน.... มันไม่ง่ายเลย ไม่ใช่ใครๆก็จะทำได้
ชอโร แอบ อยู่ที่ต้นไม้ ส่งสายตา มองซูจินี
ในป้อมปราการ -ขุนพลโก ยืนอยู่ในกลุ่มทหาร : ตอนนี้อีกไม่นานแล้ว
คนของซีอู : ขอให้แน่ใจว่าทุกคนพร้อม เราต้องการให้ผ่านพ้นคืนนี้ไป ทำไมคืนนี้ช่างยาวนานเหลือเกิน
ฮยอนโก รวบรวม พลัง จะเรียกน้ำ ระหว่างพระจันทร์ กับดวงดาวบนท้องฟ้า เทพแห่งฝนกำลังมา .... แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฮยอนโกบ่นว่า ข้าสงสัยว่าทำไมมันถึงใช้การไม่ได้ ตัวข้าเอง... ข้าเป็นผู้นำของคนโคมิลจริงๆหรือ... เต่าดำ เป็นผู้พิทักษ์แห่งน้ำ น้ำก็ควรจะกระจาย ออกมา เช่นนี้ (ทำท่าทางน้ำพรูกระจายลงมา) แล้วตกใส่ทหารของศัตรู 1 หมื่นนาย นั่น
ฮยอนจัง ได้แต่ถอนใจ ตอบหัวหน้าไม่ถูก : ยังไม่มีข่าวจากกองทัพแพคเจ ข้าไม่คิดว่าพวกนั้นจะตัดสินใจ แล้วว่าจะบุกหรือจะถอย ฮยอนโก พยามรวบรวมพลังใหม่อีกครั้ง กำลังเรียกเทพแห่งฝนซ้ำอีก ฮยอนจังถอยออกไป อยอนยอง นั่งกรนส่งเสียดัง แล้วล้มตัวลงนอน ฮยอนโกถามว่า เจ้ากำลังหลับหรือ ตอนนี้หลับได้อย่างไร
รุ่งเช้า นกสื่อสารบินมา ดัลโก ขี่ม้าเข้ามายกมือชูขึ้นแล้วหัวเราะดีใจ ฮีกแก เข้าไปเฝ้าทัมด๊ก : ฝ่าบาท ฝ่าบาท
ดัลโก กราบทูลว่า กองทัพ แพคเจ เคลื่อนไปทางใต้ พวกนั้นกำลังข้ามทะเลกลับไปแพคเจตะวันตก หม่อมฉันเห็นพวกนั้นบนเรือด้วยตาตัวเอง พะย่ะค่ะ
ฮีกแก : ฝ่าบาท ทรงได้ยินหรือไม่ กองทัพข้าศึกกำลังถอย ป้อมควานมี เป็นของเราแล้ว มันเป็นของเรา ข้าศึก ถอยแล้ว แพคเจถอยแล้ว คนของแพคเจและโคคุเรียว โห่ร้องดีใจกันทั้งป้อม
ที่ปราสาทโกกแน
โซคีฮา ไปหาแทจังโร ที่บ้านพักลับ ๆของฮวาเซิน
แทจังโร : ข้าขอให้เจ้ามาที่นี่ เพราะข้าไม่มีอิทธิพลเหนือที่ ที่เจ้าอยู่
โซคีฮา : ข้าใช้โองการแห่งสวรรค์ กำจัด คนของเสนาบดี อีซิบออกจากสภา เพราะเขามาจากแคว้นจุนโนและ ซิซิน จาก เครุ ถูกจับเป็นนักโทษในวัดคังเชน เขาถูกกล่าวหาว่ามีความผิดในการใช้ที่ดินของวัดเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองเขาคงมั่นใจในการสนับสนุนจากเสนาบดียอน แทจังโร บอกว่า ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ให้ทำเรื่องนั้นอีกต่อไปแล้ว โซคีฮา ย้อนว่า ท่านบอกหรือและบอกกับแทจังโร ว่าต่อไปถ้ามีอะไร ไม่ต้องเรียกเธอออกมาให้ใช้สารเข้าไปบอก มันคงไม่ง่ายที่ข้าจะออกมาเช่นนี้
แทจังโรถามว่า : เจ้ากำลังบอกว่าเจ้าจะไม่ทำตามข้าอีกต่อไปหรือ
โซคีฮา ตอบว่า : ข้าจะยอมรับ ถ้าเป็นความต้องการที่ตรงกัน
แทจังโร : ทัมด๊กได้เป็นเจ้าของสัญลักษณ์ มังกรน้ำเงินแล้ว เขายังได้ป้อมปราการควานมีอีกด้วย เจ้าต้องแน่ใจว่า คนที่สนับสนุน คือ ยอนโฮแกให้มีอำนาจในปราสาทโกแน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราต้องให้ โฮแกขึ้นเป็นกษัตริย์ นั่นคือความต้องการของข้า มันเหมือนกับของเจ้าหรือไม่ ท่านคีฮา
(โซคีฮา กำจัด ขุนนางที่ยังจงรักภักดีกษัตริย์องค์ก่อนโดย ใช้เสนาบดียอน และขณะเดียวกัน ก็ แสดงอำนาจของเธอให้เสนาบดียอนเห็น และบอกทางอ้อมว่า เธอ ไม่ได้เห็นแก่หน้าของเสนาบดียอนด้วย รวมทั้ง เธอไม่ใช่คนที่แทจังโร จะมาสั่งให้ทำเรื่องต่างๆได้ หากความเห็นไม่ตรงกัน ร้ายกาจสุดๆผู้หญิงคนนี้)
ฮยอนโก แบ่งความรับผิดชอบ ทหารราชองครักษ์คุ้มครอง ทัมด๊ก และมุ่งหน้าไปคอรัล กองทหารซีอู กำลังมุ่งหน้าไปทางเหนือและรออยู่ที่ชายแดน จุนโน กองทหารของจุนโนแบ่งเป็น 2 กอง กองแรกป้องกันการบุกรุกป้อมที่เรายึดเอามาได้ กองที่สองจะไปตามลำแม่น้ำ โยฮา และ..... ... แต่กลับกลายเป็น กษัตริย์จะเสด็จ กลับปราสาทโกกแนให้ฮยอนโกวางแผนการเคลื่อนพลใหม่
ทัมด๊ก และซูจินี ไปหาชอโร ที่ห้องพัก แต่ไม่พบ ขุนพลกากินทูลว่าหม่อมฉันหาเขาทุกแห่งแล้วแต่ไม่พบ ทัมด๊ก : ข้าเองไม่อยากกลับมาอีกเช่นกัน บอกเขาว่า ข้ากำลังรอเขาอยู่ เขาจะไม่ได้รับอันตรายบอกให้เขาไปหาข้าได้ตลอดเวลา ช่วยบอกเขาแทนข้าที
ส่วนซูจินี ถามว่า : เขาต่อสู้อีกไม่ได้แล้วใช่ไหมผู้บัญชาการไม้ ของท่านน่ะ ตอนที่ผิวหนังเขาเป็นไม้ เขาสู้ราวปีศาจ ตอนนี้ไม่เป็นแล้วใช่ไหม กากินตอบว่า เขาเป็นผู้มีทักษะด้านทวน ก่อนที่จะถูกเสียบด้วยสัญลักษณ์มังกรน้ำเงิน ต่อให้ไม่มีอำนาจนั่น ด้วยความสามารถทางด้านทวนของเขาก็เป็นที่เกรงขามแล้ว เขาจะไม่สู้แบบปีศาจอีกต่อไป
ซูจินี : ถ้าท่านพบเขาบอกเขาว่า ข้ากำลังรอเขา บอกเขาว่าเราควรสู้กัน ระหว่างธนูของข้า และทวนของเขา แล้วกระซิบต่อ คนที่แพ้ต้องเลี้ยงเหล้า เราจะดื่มจนกว่า จะพ่นออกมาทางจมูก
ชอโร ไม่ได้ไปไหน หลบอยู่ ไม่ไกลนัก บอกกับกากินว่า : ข้ากำลังจะไปปราสาทโกกแน
กากิน : ท่านตัดสินใจรับใช้กษัตริย์แล้วหรือ
ชอโร : ข้ากำลังจับตาดูพระองค์ ข้าอยากจะดูว่า พระองค์จะใช่กษัตริย์ที่ข้าต้องรับใช้หรือไม่
ฮยอนโก วิ่งมากราบทูลทัมด๊ก ให้ไปตามหาสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ เสือขาว ที่คอรัล จะเสด็จกลับปราสาทโกกแนได้อย่างไร เราต้องไปหาบาซอน ก่อน ยอนโฮแก และจากนั้นก็ไปตามหาพี่ชายของนางและสัญลักษณ์ของเสือขาว ทัมด๊ก : พวกนั้นบอกว่า นางกลายเป็นเทวีพยากรณ์ คนที่ปลุกโองการสวรรค์ และสั่งให้โฮแกไปคอรัล คนที่กำจัดบุคคลที่จงรักภักดีกษัตริย์พระองค์ก่อน แล้วแทนที่ด้วยคนของเสนาบดียอน ก็คือเทวีพยากรณ์ ทรงต่อว่า ฮยอนโก ที่ไม่เล่าเรื่องนี้ให้พระองค์ฟัง
ฮยอนโก : หม่อมฉันกำลังจะกราบทูล …
แต่ ทัมด๊ก ทรงขัดว่า ท่านหมายถึงจะพูดปดต่อข้าหรือ ฮยอนโกกราบทูลว่า จะทำอย่างนั้นได้อย่างไร
ทัมด๊ก ทรงตรัสว่า : ข้ากำลังจะไปปราสาทโกกแน
ฮยอนโก : ฝ่าบาทจะเลิกตามหาสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์เสือขาว ฝ่าบาทจะไปปราสาทโกกแน เพราะผู้หญิงคนนั้นคน
ทัมด๊ก ทรงนึกถึง คำทูลของเทวีพยากรณ์ : ฝ่าบาททรงทอดพระเนตรเห็นเส้นลายมือหม่อมฉันไหม มันบอกว่าหม่อมฉันจะมีชีวิตที่ยืนยาว แต่หม่อมฉันจะทูลว่า หากมีการเปลี่ยนแปลงเทวีพยากรณ์ ก่อนสิ้นปีนี้ ขอให้ทรงระวังเทวีพยากรณ์นั่นด้วย ผู้หญิงคนนั้นจะเป็นศัตรูกับฝ่าบาท
ทัมด๊ก ทรงโยน สัญลักษณ์มังกรนำเงินให้ฮยอนโก ซึ่งรับไว้แทบไม่ทัน : รับไปและศึกษาดู หาว่ามันทำสิ่งใดได้
ที่ปราสาทโกกแน
โชจูโด วิ่งไปรายงานเรื่องทัมด๊กเสด็จกลับ และจะมาถึงภายใน 3 วันเสนาบดียอนแปลกใจ ที่ทรงเดินทางได้รวดเร็วเช่นนี้
แทจังโร บอกว่า : คนของฝ่าบาทมาจากทหารม้าเหล็ก ขี่ม้าได้ พันลี้ ใน 1 วัน กระโดดกำแพงป้อมได้ด้วยม้าของพวกเขา
โชจูโด บอกว่า : ทรงได้สัญลักษณ์ มังกรน้ำเงินมาด้วย ผู้บัญชาการเป็นผู้พิทักษ์สัญลักษณ์ ทรงฆ่าเขาและเอาสัญลักษณ์มา ( นี่เป็นนิสัยของมนุษย์อีกเช่นกันที่ชอบแต่งเติมเสริมเรื่องที่รู้มา คนโบราณ เมื่อพันกว่าปีก็เป็น)
แต่แทจังโร หาว่าเป็นข่าวลือ เพราะ มีคนของฮวาเซิน อยู่ที่ป้อมควานมี แต่ไม่มีการรายงานว่า มี ปรากฏการณ์ ที่สัญลักษณ์ฟื้นขึ้นมา
แทจังโรบอกว่า มีบันทึกสมุดโบราณ ที่บอกว่า สัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ จะไม่ฟื้นขึ้นมาใน สภาวการณ์ที่ไม่ถูกต้อง และหากไม่ฟื้น สัญลักษณ์นั้นก็เหมือนก้อนหิน ประการแรก ผู้พิทักษ์สัญลักษณ์และกษัตริย์ ต้องอยู่ที่เดียวกัน แต่นั่นยังไม่พอ ท่านฮวานอุงสร้างสัญลักษณ์เหล่านี้ได้เพื่อเป็นกุญแจสำหรับบางสิ่ง สัญลักษณ์จะใช้การได้มันต้องการความรู้สึก
ฟินิกซ์ ด้วยความรู้สึกดูดดื่มอย่างรุนแรง ความรู้สึกที่พลุ่งพล่านต่อกษัตริย์จูชิน จะทำให้ฟื้นขึ้นมา
เต่าดำ เป็นความรู้สึกกริ้วโกรธ มันจะฟื้นขึ้นมาเมื่อกษัตริย์จูชินเต็มไปด้วยความกริ้วโกรธ
มังกรน้ำเงิน รอคอยความหนาวเย็น เยือกเย็น และเสือขาว รอคอยความกล้าหาญที่บริสุทธิ์
เสนาบดียอน : นั่นคือสิ่งที่คนในดินแดนนี้ไม่รู้ ไม่ว่าอย่างไร ทรงเอาชนะป้อมควานมี พบสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ และเสด็จกลับปราสาทโกกแน ท่านคิดว่า ตัวท่านและข้าจะปลอดภัยหรือไม่
แทจังโร : นั่นเป็นเหตุผลที่เทวีพยากรณ์ ไม่ยอมให้ฝ่าบาท เสด็จเข้ามาในปราสาทโกกแน เราจึงต้องไม่ยอมให้ฝ่าบาทเสด็จเข้ามาได้ เสนาบดียอนคิดหนักและก็เหมือนเดิมทุกครั้งคือคล้อยตาม(ทั้งคล้อยทั้งเคลิ้มไปกับความหลงผิดที่แทจังโร หว่านล้อม ทั้งที่เสนาบดีก็ไม่ใช่คนโง่ แต่เพราะ ความทะยานอยาก ให้กับลูกชาย)
ในท้องพระโรง
ผู้นำแคว้นไม่เห็นด้วย : ท่านกำลังพูดอะไร ใครเป็นผู้ปกครองประเทศ ท่านจะห้ามผู้ปกครองเข้ามาในอาณาเขตของตัวเองเช่นนั้นหรือ โชจูโด แย้งว่า เราแค่ขอให้พระองค์เสด็จมาในเวลาที่เหมาะสม ผู้นำแคว้นถามเสนาบดียอนว่า ว่า นี่คือความประสงค์ของท่านหรือ
แล้วโซคีฮา ก็แอบอ้างใช้โองการสวรรค์ แจ้งกับสภาเสนาบดี ว่า ถึงกษัตริย์ได้รับชัยชนะการในทำศึก แต่ ก่อให้เกิดการนองเลือดมากมายในระยะเวลาอันสั้นนั้น สวรรค์โศกเศร้าอย่างลึกซึ้ง กษัตริย์ ต้องเสด็จเข้ามาชำระบาป เพียงพระองค์เดียว ที่อารามหลวงหลังจากเสร็จพิธีชำระล้างบาป แล้ว กองทหารของกษัตริย์จึงจะเข้ามาในปราสาทโกกแนได้ คณะ เสนาบดี สับสน
องครักษ์ศิษย์โคมิล (กัมดง)จะออกมาส่งข่าว แต่ถูก จับได้เสียก่อน
และแทจังโร ได้ วางแผนการนำกองทัพ เว่ยเหนือ (ชนชาติ ของจีนทางเหนือ) 1 หมื่น 5 พันคน ซึ่งกำลังติดตามกองทัพของทัมด๊กอยู่เบื้องหลัง กองทหารนี้ เป็นกองกำลังของฮวาเซิน
แทจังโรขอให้เสนาบดีช่วย เปิดทางให้กองทัพนี้เข้ามาในปราสาทโกกแน
เสนาบดียอน ไม่ยินยอม ถามว่า แทจังโรเป็นผู้สอดแนมจากเว่ยเหนือหรือ
แทจังโร : ท่านคิดว่าฮวาเซินจะเป็นเผ่าที่ทำการค้าธรรมดาหรือ
เว่ยเหนือเป็นชนชาติหนึ่งที่ให้การเกื้อหนุนฮวาเซิน ในขณะที่ผู้สืบทอดของกษัตริย์จูชินก่อตั้งโคคุเรียวบนดินแดนพูยอ มีอีกหลายชาติที่เกิดขึ้น และทำลายล้างดินแดนเพื่อนบ้าน เราฮวาเซินอยู่เบื้องหลังสิ่งเหล่านี้ ชนชาติที่เติบโตใหญ่มากเกินไปได้ถูกทำลายและแบ่งเป็นชาติเล็กๆ เราต้องมั่นใจว่าแต่ละชาติจะมีขนาดและอำนาจเท่า ๆกัน มันเป็นภาระหน้าที่ที่น่าเบื่อหน่ายสำหรับพวกเรา ต่อไปท่านโฮแก จะได้รับดินแดนเหล่านี้ เพราะฉะนั้นท่านต้องจำกัดตัวเอง กับเรื่องเล็ก ๆน้อยๆเช่นอาณาเขตแห่งชาติ
โซคีฮา : ข้าขอแนะนำให้ท่านควบคุมปราสาทโกกแนและโคคุเรียว รอคอยท่านโฮแก กษัตริย์ของพวกเราที่จะนำสัญลักษณ์เสือขาว กลับมาด้วย
ยอนโฮแก ได้เข้าโจมตีหมู่บ้านเขตภูเขา บูคอรัล ฆ่าคนในเผ่าอย่างโหดร้าย ทั้งฆ่าและเผา เก็บทรัพย์สินมีค่าของเผ่า เสียงผู้หญิงของเผ่ากรีดร้องระงม( ตอนนี้ ก็ผู้ร้ายเต็มตัววิญญาณโหด จิตเหี้ยม เป็นซาตานไปเลยละ) ทหารพาบาซอน และดัลบีมาถึง
ยอนโฮแก ถามว่า เจ้ามาจาก ตระกูลที่คุ้มครองสัญลักษณ์เสือขาวใช่ไหม
บาซอนถามว่า นี่มิใช่กองทหารของโคคุเรียว หรือ ? ข้าบาซอนนักตีดาบที่จงรักภักดีต่อกองทัพโคคุเรียว ทำไมถึงทำกับข้าแบบนี้
ยอนโฮแก ให้นำ เชลยผู้ชายที่จับมาจากหมู่บ้าน เข้ามา ถามบาซอนว่า รู้จักคนพวกนี้ไหม
พี่ชายของเจ้าอยู่ในดินแดนแถบนี้ และเมื่อมาจากตระกูลนักตีดาบ เขาน่าจะเป็นนักตีดาบ ข้าเลยจับนักตีดาบของที่นี่มา เจ้ารู้จักใครในนี้ไหม แล้วโฮแก ก็ให้อิลซู ต่อย ๆฆ่าเชลยทีละคน ดัลบีกรีดร้อง ถามว่าจำเธอได้ไหม เธอเคยอยู่บ้านตระกูลยอน ท่านไม่เคยเป็นเช่นนี้ ทำไมท่านเปลี่ยนไป โปรดอย่าทำเลย บาซอนบอกว่า เขาไม่ได้อยู่ที่นี่ พวกนั้นไม่มีใครเป็นพี่ชายของข้า ข้าไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ใด ข้าเคยได้ยินแต่ที่ๆเขาเคยอยู่ โฮแก เก็บดาบ เมื่อออกมาเดินข้างนอก อิลซูบอกว่า เราใช้เวลา 2 วัน ขี่ม้า ก็จะไปถึงที่นั่น ยอนโฮแกบอกกับอิลซู ว่า ดัลบีเป็นคนดูแลเสื้อผ้าและอาหารให้ตนเองในวัยเด็ก นางพูดถูก ทำไม..ทำไม..ข้ากลายเป็นเช่นนี้
อิลซู บอกว่าจะจัดการดูแล นางให้ดี ได้รับความสะดวกสบายยิ่งขึ้น ยอนโฮแก บอกว่า เราจะไปหมู่บ้านที่ไกลลิบบนภูเขา นั่นด้วยทหารกลุ่มเล็กๆ ในวันพรุ่งนี้ และนำบาซอนกับดัลบีไปด้วย
ผู้นำแคว้นและสภาเสนาบดีมาที่บ้านเสนาบดียอน
ปรึกษาหารือ กันเรื่องโองการสวรรค์ที่เทวีพยากรณ์ ใช้อ้างที่จะไม่ให้ กษัตริย์ เข้ามาในปราสาทพร้อมกองทัพ เสนาบดียอนพยายามยุยงว่า กษัตริย์องค์ที่ออกไป มิใช่กษัตริย์องค์ที่กลับมา ทรงมีทหารม้าเหล็กมาด้วย พวกเราไม่มีกำลังทหารเพราะทหารส่วนใหญ่ ไปกับ โฮแกหมด พวกเราขัดพระบรมราชโองการ ที่ให้ โฮแก เคลื่อนพลไปทางเหนือ ไม่ไปพบพระองค์ ที่ป้อมปราการควานมี
ผู้นำแคว้นแย้งว่า นั่นเป็นการกระทำของเสนาบดียอน กับเทวีพยากรณ์ แต่เสนาบดียอน ก็อ้างอีกว่า เมื่อ ลูกชายของผู้นำแคว้นทั้ง 3 ตาย ทุก แคว้นจับดาบต่อต้านกษัตริย์ ทำให้ทุกคนกลัวเรื่องนี้ และถามว่า จะหยุด กษัตริย์ได้อย่างไร ทรงมีทหารม้าเหล็กมาด้วยแบบนี้
เสนาบดียอน : ก่อนอื่น เอาผู้ชายและผู้หญิงของปราสาทโกกแนขึ้นไปบนกำแพง และใช้เป็นโล่มนุษย์ ทุกคนลุกขึ้นยืน ถามว่า ท่านแนะนำอย่างนี้ได้อย่างไร เสนาบดียอนไม่สนใจ
ประการที่สอง ใช้กองทัพเว่ยเหนือ และโจมตีฝ่าบาททางด้านหลัง
ผู้นำแคว้น ตวาด เสนาบดียอน เสนาบดียอน ถาม ทำไม ท่านไม่อนุมัติหรือ และพูดต่อ : กองทัพเว่ยเหนือมาถึงชายแดนเราแล้ว ถ้าเราส่งสารไปที่ป้อม อนุญาตให้พวกเขาผ่านทาง....
ผู้นำแคว้น ตะคอก ท่านจะขายชาติ เพื่อประโยชน์ของตัวท่านเองหรือ แล้วชักดาบออกมา นี่คือโคคุเรียวที่ยิ่งใหญ่ ท่านเสนาบดียอน ท่านบ้าไปแล้วหรือ วันนี้ข้าจะฆ่าคนทรยศ
ทหารของเสนาบดียอน กรูกันเข้ามา ชักดาบ ล้อม ทุกคนไว้
เสนาบดียอน ถามหัวหน้าแคว้นอีก 2 คนและคณะเสนาบดีว่าพวกท่านเห็นด้วยกับเขาหรือไม่ ใช่ข้าเองเป็นคนของโคคุเรียว หากไม่มีโคคุเรียว จูชินก็ไม่มีความหมาย
****ปล. ที่ 6. คำว่าสาร และสาสน์ มีการใช้ที่แตกต่างกัน****
สาร หมายถึง จดหมาย หรือหนังสือ เช่น เขียนสาร นิตยสาร เป็นต้น
สาสน์ เป็นจดหมายของประมุขของประเทศที่ใช้ในการเจริญสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศ หากเป็นจดหมายของพระมหากษัตริย์ ต้องเรียกว่าพระราชสาสน์ ถ้าเป็นจดหมายของประธานาธิบดี เรียกว่าอักษรสาสน์ ถ้าเป็นจดหมายของสมเด็จพระสังฆราช เรียกว่า พระ สมณสาสน์ และหมายถึง คำสั่ง คำสั่งสอน ทางศาสนาเช่นสาสนธรรม หากคนเล่าใช้ผิดที่ไปบ้างก็ขออภัย
Copyright @ Amornbyj & SUE
สนุกมากเลยค่ะ ขอบคุณค่ะพี่ amornbyj
ReplyDelete