30.6.08

[SCAN] AERA31

Source : Daum/ byjgallery
Post by : hyejun / Thank you for sharing








29.6.08

เล่าขาน ตำนานชนชาติเกาหลี

ตามที่สัญญา ( ฝ่ายเดียวของคนเล่าเอง) ว่า

จะ มาเล่าเบื้องหลังการถ่ายทำ ละคร ตำนานจอมกษัตริย์เทพสวรรค์ ซึ่ง ตัวคนเล่าเองอ่อนแอ กับภาษาต่างประเทศ ส่วนการขึ้นภาพ ขึ้น คลิป VOD ก็ทำไม่เป็น เนื่องจาก เป็นคน Low tech ต้องรอ คุณ Roytavan หรือคุณ Kelly หรือคุณ Snowbyj แต่เพื่อไม่ให้ว้าเหว่ เวลาเพื่อนๆ มาหาแวะเยี่ยมเยียน Amornbyj ก็เลยขอทำงานในส่วนที่ตัวเองพอทำให้ได้ไปก่อน และเพื่อนๆหลายๆท่านก็อยากอ่าน เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ของเกาหลี โดยเฉพาะ คุณ Pagung คุณ Yimpan คุณ genbu เป็นต้น อาจจะเล่าไม่ตรงกับที่เพื่อนๆ อยากทราบ เพราะก็คงเล่าได้ตามวัตถุดิบที่มีอยู่เท่านั้น ( ประมาณ ว่า....ผลิตภัณฑ์ ต่างๆ ก็ผลิตได้ตาม วัตถุดิบที่มี น่ะค่ะ)

ถือว่าเล่าสู่กันอ่านสนุก ๆก็แล้วกันนะคะ เบื้องหลังครั้งนี้ ถอยหลังไปในอดีตกาล ก่อนการถ่ายทำละคร ยาวนานมากเลยทีเดียว หลายภพหลายชาติ กว่าจะมาถึง สมัยขององค์ชาย ทัมด๊ก

เป็นที่ทราบว่า ประวัติศาสตร์เกาหลี จริงๆ หาอ่านได้น้อยมาก เท่าที่ทราบมาที่ปรากฏอยู่ เป็นประวัติศาสตร์ ที่มาจาก จีนบ้าง ญี่ปุ่นบ้าง แล้วก็นำมาแปลอังกฤษกัน แต่ตอนนี้ ทราบว่า เกาหลี มี Web เล่าประวัติศาสตร์ของตัวเองแล้ว และแน่นอนเป็น ภาษาอังกฤษ ถ้า ให้ Amornbyj นำมาเล่า ต้องใช้เวลา เป็น ปี ๆ ค่ะ ถึงจะเล่าได้ ก็เลยขอนำข้อมูล ที่มีอยู่แล้ว มาเล่า

คาบสมุทรเกาหลี เป็นคาบสมุทรเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของทวีปเอเชีย มีประวัติความเป็นมาอันยาวนานกว่า 5 พันปี มีเรื่องราวชาติต่างๆก่อนที่จะมาเป็นประเทศเกาหลี ที่น่าสนใจ

เรื่องเล่าต่อไปนี้ เป็นข้อมูล ภาษาไทย ที่แปลมาจาก ภาษาเกาหลี คือหน้าหนังสือจะแบ่งครึ่ง ด้านซ้ายเป็นภาษาเกาหลี ด้านขวาเป็นภาษาไทย โดยในนิตยสาร บอกว่า เป็นข้อความที่ บันทึกในหนังสือประวัติศาสตร์เกาหลี ชื่อ “ซัมคุกยูซา” จะนำมาเล่าให้อ่าน แบบคงชื่อ และข้อความ ตามนิตยสาร about Korea นะคะ ( ถ้าเป็น วงเล็บภาษาไทย คือ คนเล่า แทรกลงไปเองนะคะ) หากข้อมูล มีความขัดแย้งกับ ข้อมูลแหล่งอื่น ขอให้ถือ ว่า นี่เป็นเรื่องเล่าประเภท ตำนาน หรือ บทความของนักเขียนคนหนึ่ง ที่ Amornbyj ไปอ่านเจอ และนำมาถ่ายทอดต่อ ไม่ขอฟันธงว่า เป็น ประวัติศาสตร์ทั้งหมดนะคะ

ในสมัยโบราณมีกษัตริย์องค์หนึ่งในฟ้าสวรรค์ ชื่อ ฮวัน-อิน ( Hwan In) พระองค์ มีพระโอรส ชื่อ ฮวัน-อุง(Hwan-ung) ฮวัน-อุง ใคร่ครอบครองโลกมนุษย์ ปรารถนาที่จะลงมาบนโลกนี้วันหนี่งกษัตริย์ ฮวัน-อิน เห็นว่าถ้าตั้งเมืองที่ ถูเขา แพ็กดูซัน จะเกิดประโยชน์ แก่มวลมนุษย์ จึงทรงประทาน ตราประทับ และผ้ากำยาน ซึ่ง แสดงถึงอำนาจของพระเจ้าให้แก่พระโอรสและอนุญาตให้ลงมาบนโลกนี้

ฮวัน-อุง พาเหล่าเสนาลงมา 3 พัน ( ไม่แน่ใจว่าจะใช้ ว่าคน หรือองค์ แต่ถ้ามาจากสวรรค์ ควรใช้คำว่าองค์ ) และตั้งเมืองที่ถูเขาแพ็กดูซัน ชื่อเมือง “ชินโด” แปลว่า “ เมืองแห่งพระเจ้า” และตั้งชื่อพระองค์เองว่า “ กษัตริย์ในสวรรค์ ฮวัน-อุง "

พระองค์ให้เหล่าเทพเจ้าควบคุม ฝน เมฆ ลม ดูแลมนุษย์ ในเรื่อง พืชที่เป็นอาหาร อายุ โรค การลงโทษ ความดี และความชั่ว นอกจากนี้ให้ควบคุม 360 เรื่อง ของมนุษย์ ทรงปกครองไพร่ฟ้าด้วยเมตตาธรรมเสมอมา

ในเวลานั้นมีหมีและเสือ อย่างละ หนึ่งตัว อาศัยอยู่ในถ้ำ มาทูลขอกับพระองค์ขอให้เป็นมนุษย์ พระองค์ ทรงประทาน ผักขมและกระเทียม ให้ พร้อมทั้งบอกว่า ถ้าเจ้ากินสิ่งนี้และไม่ได้เห็นแสงอาทิตย์ เป็นเวลา 100 วัน ก็จะเป็นมนุษย์ ( ความหมายคือ แปลว่าให้บำเพ็ญศีลอยู่ในถ้ำ ห้ามออกมา ล่าอาหาร หาอาหารไหมคะ )หมีและเสือ เข้าไปอยู่ในถ้ำ เสือ ทนไม่ได้ออกจากถ้ำไปก่อน หมี มีความอดทนกว่า กลายเป็นผู้หญิง หลังจากนั้น 21 วัน ได้ชื่อว่า “อุง-นิยอ” แปลว่าหญิงหมี ต่อมา อุง-นิยอ ใคร่ที่จะมีลูก แต่ไม่มีชายจะแต่งงานด้วย จึงไปอธิษฐานที่ใต้ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เสมอๆ ฮวัน-อุง สงสาร จึงแปลงกายเป็นมนุษย์ผู้ชาย แต่งงานกับหญิง อุง-นิยอ ( เพศหญิง เป็นเพศที่มีความอดทนเห็นไหมคะ สงสัยจริงๆว่า เสือ ตามตำนานตัวนั้นถ้าเป็นมนุษย์จะเป็นเพศอะไรหนอ)

ต่อมา อุง-นิยอ ได้คลอดบุตรชาย คนหนึ่ง ตั้งชื่อว่า “ ทัน-กุน-วัง-ค็อม” เมื่อ “ทัน-กุน “ เติบโตเขาได้ลงมาจากภูเขาแพ็กดูซันและสร้างประเทศชื่อ “ โคโซซอน “ ตั้งเมืองหลวง ที่เมือง “ อาซาดัล”

( ใน ละคร ตำนานจอมกษัตริย์เทพสวรรค์ จึงมี 3 เทพ คือ
-อุนซา –มังกรนำเงิน เป็นเทพเจ้าแห่งเมฆ ปกป้องดูแล รักษาทิศตะวันออก มีเครื่องรางคือหัวหอก
-พุงแบก – เสือขาว เป็นเทพเจ้า แห่งลม ปกป้องรักษาทางทิศตะวันตก มีเครื่องรางคือ โลหะ
-อูซา – งูเต่าดำ เป็นเทพเจ้า แห่งฝน ปกป้องรักษา ทิศ เหนือ มีเครื่องรางคือไม้เท้า
ยังขาดทิศใต้ และ Amornbyj ขอสันนิษฐานแบบคิดเอาเองไม่ได้มีข้อสมมติฐานใดๆว่า บนสวรรค์ ไม่ต้องใช้ไฟ เลยไม่มีเทพเจ้าแห่งไฟ ฮวัน-อุง เลยต้องหาเทพนี้เองเป็นเทพที่สี่คือ
-จูจัก หรือ ฟินิกซ์ เป็นเทพเจ้าแห่งไฟ คอยปกป้องรักษาทิศใต้ มีเครื่องราง คือจี้ทับทิม

นอกจากนี้ก็มี ชนเผ่า เสือ ชนเผ่าหมี มีต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ มีเมือง จูซิน รวมทั้ง มี สิ่งศักดิ์สิทธิ์ คือดาบจูมง ที่กลายเป็น ธนูวิเศษได้ แต่ใน เรื่องเล่านี้ บอกว่า เป็นตราประทับและผ้ากำยาน)(อันที่จริง มีการเล่าเรื่อง ทันกุน อยู่แล้ว ในตอนต้นๆของการเล่าเรื่องย่อ ละคร ตำนาน ฯ แต่เอามาเล่าซ้ำอีก เพราะข้อมูลมาจากคนละที่กัน ก็ขอให้ อ่านแบบเห็นความหลากหลาย ของข้อมูลก็แล้วกันนะคะ อันที่จริง รวมความแล้วก็คล้ายกัน เพราะเป็นตำนานจริงคงเป็นมาแบบนี้)

(ภูเขาแพ็กดูซัน ปัจจุบันอยู่ในจีน ค่อนไปทางรัสเซีย)

ทันกุนวังค็อม เมื่อลงมาจากภูเขา แพ็กดูซันซึ่งเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่ง สร้างประเทศ โคโซซอน ตั้งเมืองหลวงในสถานที่ที่ชื่อ อาซาดัล ปกครองตามความปรารถนาของพระบิดาคือ ฮวัน-อุง คือให้มนุษย์ทุกคนได้ประโยชน์กันอย่างถ้วนหน้า การปกครองแบบนี้เรียกว่า “ โฮง-อิก-อิน-กัน “

คำว่า “ทัน-กุน-วัง-ค็อม” เป็นชื่อเรียกของกษัตริย์ในประเทศ โคโซซอน คำว่า “ทันกุน” หมายถึงผู้นำทางศาสนา ส่วนคำว่า “วังค็อม” หมายถึงผู้นำทางด้านการเมือง “ ทัน-กุน-วัง-คอม” หมายถึงผู้ที่คุ้มครองการเมืองและการบูชา ในสมัยโคโซซอนมี ทันกุน ทั้งหมด 47 องค์

ทัน-กุน-วัง-ค็อม ได้ตั้งกฎหมายชื่อว่า “ กฎ 8 ข้อ “ และทำให้ประเทศพัฒนาขึ้นด้วยการผลิตเครื่องมือ จากเหล็ก ทองแดง ดังนั้นในก่อน คริสต์ศักราช ศตวรรษ ที่ 4 โคโซซอนได้เข้ายึดและปกครองเมือง โยริยอง (แผ่นดิน จีน) แมนจูเรีย ตลอดจนทางเหนือของคาบสมุทรเกาหลี โดยเอาเมือง โยริยอง เป็นศูนย์กลางทางด้านการทหาร ช่วงเวลานี้ เป็นช่วงเวลาทองของโคโซซอน แต่ต่อมา ประเทศ โคโซซอน ได้มีการเปลี่ยนแปลงผู้ปกครองจากสมัย “ทันกุน” โดยคนชื่อ “วีมาน” และในก่อน ค.ศ. 194 วีมานได้สร้างกำลังทหารไว้ บริเวณทางทิศตะวันตกของโคโซซอน และตั้งราชวงศ์ วีมาน ราชวงศ์วีมานได้สืบทอดบัลลังก์มาจนถึงกษัตริย์ วูกอ ผู้เป็นหลานชายของวีมาน แต่ก่อนปี ค.ศ. 108 โคโซซอน ล่มสลายโดยราชวงศ์ฮั่นในแผ่นดินจีน ซึ่งราชวงศ์ฮั่น เป็นราชวงศ์ที่ทำให้เผ่าเล็ก ๆ ในแผ่นดินจีนในสมัยนั้นได้รวมตัวกัน เป็นประเทศ
ฮั่น กลัวโคโซซอน จะเรืองอำนาจมากขึ้น จึงบุกรุกและล้อมกำแพง วังก็อม ทำให้โคโซซอนล่มสลาย

( ในละคร เรื่อง จูมง ที่เข้า มา ออนแอร์ ที่บ้านเรา จำได้ว่า มีตอนหนึ่ง ที่จูมง ไปได้ แผนที่เก่าแก่ ของเมืองโคโซซอน เมื่อจูมง กางแผนที่ออกดู จูมง บอกเหล่า ทหารคู่ใจว่า อาณาจักรของโคโซซอน ช่างกว้างใหญ่ไพศาล มากจริงๆ)

หลังจากที่ฮั่นได้ยึดครองโคโซซอน ฮั่นได้ตั้งฐานทัพ 4 แห่ง คือ อิมดุน ชินบอน ฮิยอนโด นังรัง และตั้งกฎ 60 ข้อ เพื่อปกครองโคโซซอน

เมื่อแรก โคโซซอนต่อสู้เก่ง แต่ระบบทางการเมืองของโคโซซอน มีปัญหาอย่างหนึ่ง คือ โคโซซอน ไม่ได้ ใช้ระบบการปกครองจากส่วนกลาง แม้ว่ามีกษัตริย์ แต่กษัตริย์ ไม่ได้ปกครองโดยตรง แต่ได้ตั้งหัวหน้ากองทัพให้ปกครองในเขตพื้นที่ของตน เรียกระบบนี้ว่า “ ระบบการร่วมมือ” ดังนั้นจึงทำให้แตกแยกกันง่าย ส่วนในประเทศฮั่นใช้ระบบอำนาจจากส่วนกลาง คืออำนาจทุกอย่างอยู่ที่กษัตริย์ ( จน กษัตริย์จูมงได้สถาปนา อาณาจักร โคคุริออ (โคคุเรียว) ก็ยังคงใช้ระบบนี้ เพิ่งมีการ เปลี่ยนแปลง ในสมัยของทัมด๊ก ซึ่งในละคร ได้กล่าวเล่าไว้ในตอน ที่ 22 ดังนี้
เมื่อถึงปราสาทโกกแน ทรงรวบรวมกองทัพทั้งสี่แคว้น เป็นกองทัพทั้งหมดของโคคุเรียว อยู่ภายใต้ กษัตริย์ ทรงรวบรวม ห้าแคว้น ให้มีการปกครองภายใต้การปกครองเดียวกัน และชำระกฎหมายให้เป็นหนึ่งเดียวภายในแคว้นต่างๆ และทรงนำเอาพระ ราโชวาท ของกษัตริย์ โซซูริม เพื่อเป็นผู้ปกครองที่ทรงอำนาจ ทรงทะนุบำรุงการศึกษา และให้มีสำนักปรัชญาเป็นแหล่งรวมความรู้ Taehak และ Kyongdang ผลิต ผู้มีความรู้ความสามารถ ในด้านต่างๆ )

ฮั่น ตระหนักว่า โจมตี โคโซซอนยาก จึงใช้วิธีทำให้เกิดความห่างเหินระหว่างหัวหน้ากองทัพกับลูกน้อง จึงนำชัยชนะมาได้อย่างง่ายดาย

ในประวัติศาสตร์เกาหลี “ โซซอนทันกุน” หมายถึงสมัยที่ สกุลทันกุนปกครอง และ”โซซอนวีมาน” หมายถึงสมัยตั้งแต่วีมานยึดอำนาจจนถึงล่มสลาย ชื่อประเทศ ดั้งเดิม ที่ ทันกุน สร้าง คือ โซซอน แต่เราเรียก โคโซซอน เพื่อแยกออกจากสมัยที่วีมานปกครองโซซอน คำว่า โค แปลว่าเก่า โคโซซอน คือสมัยที่ทันกุนวังค็อม จนถึงราชวงศ์สุดท้ายที่ทันกุนปกครองนั่นเอง

มีหลายแนวความคิดที่พูดถึงคนชื่อ วีมาน ว่าเป็นคนจากประเทศไหนที่เข้ามาแทนราชวงศ์ ทันกุน ถ้า วีมานเป็นคนจีนที่อพยพมาจากแผ่นดินจีน เรื่องราวของโซซอนวีมาน ก็กลายเป็นประวัติของจีน บางคนก็บอกว่า วีมาน น่าจะเป็นคนโซซอน ที่อพยพมาจากจีนเข้ามาในแผ่นดินโซซอน ซึ่งในขณะนั้นฮั่นรวบรวมเผ่าเล็กๆ ของแผ่นดินจีนให้เป็นประเทศ สามารถพบหนังสือโบราณได้ว่า เมื่อ วีมาน เข้ามาในโซซอน ทรงผมและชุดที่เขาสวมใส่เป็นแบบโซซอน และใช้ชื่อประเทศโซซอน เหมือนเดิม แทน ที่จะใช้ชื่อแบบจีน(ถ้าเขาเป็นคนจีน) และใช้ระบบข้าราชการแบบโซซอน ดังนั้นประวัติศาสตร์ทั้งเกาหลีใต้และเกาหลีเหนือ ยอมรับกันว่า วีมาน เป็นคนโซซอนแน่นอน เพราะสามารถดูได้จากการแต่งกายและการใช้ชื่อประเทศ ฉะนั้นเรื่อง โซซอนวีมาน จึงเป็นประวัติศาสตร์ของเกาหลีโดยไม่ต้องสงสัย หลังจากสมัยโซซอนวีมานได้ปิดฉากลง คาบสมุทรเกาหลีมีประเทศเล็กๆ เกิดขึ้นหลายประเทศ คือ บูยอ โคคุริออ โอกจอ โดงเย ซัมฮัน มีเรื่องราวพอสังเขป ดังนี้

1...บุกบูยอ

สร้างโดยคนชื่อแฮโมซู B.C . 239 บริเวณที่ บุกบูยอ ครอบครองคือ ทางเหนือของ แมนจูเรีย ต่อมา B.C 86 โดงบูยอ (ภาคตะวันออกของบูยอ) ได้แยกไปตั้งประเทศ ไม่นานนัก นัมบูยอ (ภาคใต้ของบูยอ) ก็แยกตัวออกเป็นประเทศเช่นกัน อาณาจักรบูยอ คือบูยอ ทั้งหมดดำรงถึงศตวรรษที่ 5 แต่ในปี 410 ต้องล่มสลาย โดยกษัตริย์ของโคคุริออ องค์ ที่มีพระนามว่า ควัง แก โท แด วังในช่วงต้นศตวรรษที่ 1. บูยอเป็นประเทศที่แข็งแกร่งกว่า โคคุริออ หนังสือชื่อ ซัมคุกจี ได้บันทึกไว้ว่า “พื้นที่อาณาจักรบูยอทั้งหมดมีถึง 2 พันลี้ เป็นประเทศที่มีพื้นที่ราบและกว้างที่สุดในประเทศแถบตะวันออก”

บูยอ มีระบบทางประเพณีที่น่ากลัวอย่างหนึ่ง เรียกว่า “ ซุนซังเจ” คือ เมื่อ เจ้านายหรือสามีตาย ก็ให้ฝังทาส และภรรยาพร้อมกับผู้ตาย (ฝังทั้งเป็น) เพราะคนบูยอเชื่อว่า มีโลกหลังความตายจึงต้องฝังทั้งครอบครัว เพื่อให้ไปปรนนิบัติรับใช้ต่อยังโลกหน้า ( ไม่พูดถึงลูกนะคะ คงไม่ฝังลูกด้วย แน่ๆ อย่างไรเสียต้องมีคนสืบต่อวงศ์ตระกูลนี่นา)

2.โคคุริออ

เมื่อ B.C. 37 โคคุริออ เป็นประเทศ ที่สร้างบริเวณแม่น่ำ โดงกากัง โดยคนชื่อ โค จูโมง ซึ่งอพยพมาจากโดงบูยอ (ภาคตะวันออกของบูยอ ข้อ 1.ค่ะ) เกาหลี เราเรียก โค จูโมง ผู้สร้างโคคุริออ ว่า โดงมียองวัง คำว่า โดงมียองวัง แปลว่ากษัตริย์นั่นเอง เช่นโดงมียองวัง รัชกาลที่ 1ของโคคุริออ คือ โคจูโมง

โค จูโมง เป็นคนประเทศโดงบูยอ อพยพมาที่ชลบนบูยอ เพราะเจ้าชายทั้ง 7 ของโดงบูยอ (ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือตรงไหน ของบูยอข้อ 1. คนแปลมาไม่เห็นกล่าวถึงอยู่ ๆ ก็เอ่ยถึง ชลบนบูยอ)ต่อมา โค จูมง ได้แต่งงานกับเจ้าหญิงของกษัตริย์ชลบนบูยอ คนที่ 2 แล้วเมื่อ กษัตริย์ชลบนบูยอ สิ้นชีวิต โคจูมงได้ขึ้นเป็นกษัตริย์แทนและเปลี่ยนชื่อประเทศใหม่จาก ชลบนบูยอ เป็น โคคุริออ โดยใช้สกุลตั้งชื่อประเทศ คือ โค

( เท่าที่เล่ามาถึงตรงนี้ ส่วนตัวแล้ว รู้สึกว่า คำว่า ประเทศ น่าจะใช้คำว่า อาณาจักร และเรื่อง ที่โคจูมงตั้งอาณาจักรโคคุริออ จากเรื่องของละคร จูมง มหาบุรุษกู้บัลลังก์ ดู สมจริงน่าเป็นไปได้ คำว่ากษัตริย์ ชลบนบูยอ น่าจะเป็นแค่ผู้นำ เผ่าหรือแคว้นมากกว่าไหมคะ ก็ไม่ได้คัดค้านเรื่องเล่าของหนังสือ about Korea นะคะ นี่เป็นการเล่าไป บ่นไป สงสัยไป เท่านั้นเอง)

ประเทศโคคุริออ ได้พัฒนาเป็นประเทศที่เข้มแข็งมากที่สุดหลังจากที่บุกบูยอเสื่อมถอยลง โคคุริออ ชื่นชอบศิลปะการต่อสู้

และมีประเพณี อย่างหนึ่งเรียกว่า “เดริลชาวีเจ” คือ เมื่อลูกสาวแต่งงานก็จะพาสามีเข้ามาอยู่ในบ้านของพ่อแม่ของตน โดยจะต้องช่วยพ่อแม่ฝ่ายหญิงทำงานเช่น ทำนา ตาม ระยะเวลาที่ได้อยู่อาศัยกับพ่อแม่ของฝ่ายหญิง ก็แล้วแต่จะตกลงว่าจะอยู่ที่นั่น กี่ปี หลังจากนั้นถึงจะกลับไปพักอาศัยยังบ้าน ของตนเอง

(คนเกาหลีค่อย ๆถอยร่นลงมาทางใต้เรื่อยๆ จาก โคโซซอน ที่อยู่เหนือสุด ร่นลงมาเป็นอาณาจักรบูยอ โคดุริออ อยู่ใต้ลงมาจากบูยอ ทั้งโคดุริออและบูยอ ปัจจุบันอยู่ในแผ่นดินจีนค่ะ แล้วร่นมาเป็นโอกจอ แล้วใต้สุด คือโดงเย ซึ่งต่อมาถูกรวมเป็นชิลลา และคือเกาหลีใต้ กรุงโซลในปัจจุบันนี้นั่นเอง )

3.โอกจอ

เป็นประเทศไม่มีกษัตริย์ปกครอง แต่จะมีผู้ปกครองท้องถิ่นแทน พื้นที่ของโอกจอคือมณฑล ฮัมคิยองโด ซึ่งเป็นแผ่นดินเกาหลีเหนือในปัจจุบันโอกจอเป็นดินแดนที่ อุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูก มีท้องทะเลอุดมด้วยสัตว์น้ำ มีผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากทะเลเยอะมาก แต่โอกจอจะต้องถวายของบรรณาการให้แก่ โคคุริออ ทุก ๆ ปี

โอกจอเริ่มกลายเป็นแผ่นดินของโคคุริออ เรื่อยๆ ในที่สุดกษัตริย์ จางซูวัง( โอรสของกษัตริย์ ควังแกโท )ได้เข้าปกครองโอกจอและรวบรวมโอกจอให้เป็นแผ่นดินเดียวกับโคคุริออ ทั้งหมด

โอกจอมี ประเพณี “มินมิออนิรี” คือการพาเด็กผู้หญิงที่ต้องการให้เป็นลูกสะใภ้มาเลี้ยงดูที่บ้านจนเป็นผู้ใหญ่ แล้วจึงให้แต่งงานกับลูกชายของตน ( นี่เป็นประเพณี ดั้งเดิม ถ้าเป็นสมัยนี้ ที่บ้านเรา เรียกว่า เลี้ยงต้อยไหมคะ)

โอกจอ ปัจจุบันเป็นแผ่นแดน ของเกาหลีเหนือ

4. โดงเย

พื้นที่ของประเทศนี้คือมณฑล คังวอนโด ซึ่งคือประเทศเกาหลีใต้ในปัจจุบัน ประเทศ โดงเย ก็เป็นประเทศไม่มีกษัตริย์ปกครองเช่นเดียว กับ โอกจอโดงเยเป็นประเทศที่ ประกอบด้วยเผ่าหลายเผ่า ดังนั้นมีกฎห้ามโจมตีเผ่าอื่นที่เป็นพันธมิตร ถ้ากรณีที่โจมตีเผ่าอื่นที่เป็นพันธมิตร ผิดกฎ เผ่าที่ไปโจมตีเขาจะต้องชดเชยด้วยม้าหรือวัว

และทางภาคใต้ของโดงเย ภายหลังกลายเป็นแผ่นดินของประเทศ ซิลลา ตั้งแต่สมัยของกษัตริย์อาซาดัล รัชกาลที่ 8 ของซิลลา

ส่วนภาคเหนือของ โดงเย กลายเป็นแผ่นดินของ โคคุริออ โดยการโจมตีของกษัตริย์ จางซูวัง และโดงเย มีกฎห้ามแต่งงานกับคนต่างเผ่า

โดงเย (ตอนใต้) ปัจจุบัน เป็นแผ่นดิน ของเกาหลีใต้

ปรากฏว่า หนังสือ about korea ประสบปัญหาเรื่องตัวแทนการจัดจำหน่าย จึงหยุดพิมพ์ ตั้งแต่เดือน พ.ค.49 ก็เลยได้ ข้อมูล ของประวัติ ชนชาติเกาหลีมาแค่นี้

แต่ ใน วิกิพีเดีย

แบ่ง อาณาจักร ของ เกาหลีโบราณ ดังนี้

1.Gojoseon

ในปี ก่อน ค.ศ 2333- ก่อน ค.ศ.108 แยกเป็น

1.1 Pre – Gojoseon (BCE 2333 - BCE 1128)

เริ่มต้นจาก Dangun Wanggeom ( ก่อน ค.ศ 2333-ก่อน ค.ศ 2240)
เอ น่าตกใจนะคะ ลองลบปีท้าย-ปีเริ่มต้น เป็นตัวเลข 93 ปี นะคะ เอ๊ะ ช่างเป็นเหตุการณ์ ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย กับ กษัตริย์ จางซูที่มีพระชนม์ 97 พรรษา ( ทันกุน วังคอม เป็นโอรส กษัตริย์ สวรรค์ ฮวัน-อุง) แล้วในละคร มาสื่อ กษัตริย์ จางซู เป็นพระโอรสสวรรค์ จาก ทัมด๊ก ( ก็ อวตารจาก ฮวัน-อุง นั่นเอง) นี่ เดจาวู จริงๆหรือ)และมี ทันกุน ทั้งสิ้น 47 องค์ องค์สุดท้ายชื่อ Goyeolga ( BCE 1158- BCE 1128)

1.2.แล้วก็ มี Gija-joseon

( Controversy ว่ามีDangun Joseon was succeeded by Gija-joseon.but that is debatable )

มี กษัตริย์ อีก 41 องค์ ( 1126 BCE- 195 BCE )

1.3.มี Wiman joseon

มี กษัตริย์ อีก 3 องค์ จาก
Wiman of Gojoseon ,
Son of Wiman, และ
Ugeo of Gojoseon รวม 3 องค์ ในช่วง ปี ( 194 BCE-108 BCE )

2. Buyeo

เริ่มจาก Haemosu of Buyeo ( 239- 195 BCE)
และมีกษัตริย์ต่อ อีก 3 องค์ รวมเป็น 4 องค์ สิ้นสุดราชวงศ์ ในปี 86 BCE

2.1 แล้ว เป็น Buk buyeo

มีกษัตริย์ 2 องค์ จากปี 108-58 BCE

2.2 Dong Buyeo
( ในละคร จูมง คือ เมืองพูยอ สมัยนี้) ที่มี กษัตริย์ 3 องค์ คือ
Hae Buru of Dong Buyeo ( 86-48 BCE )
Geumwa of Dong Buyeo ( 48-7 BCE)
Daeso of Dong Buyeo ( 7 BCE - 22 CE)

3. Goguryeo ( 37 BCE -668 CE )

จาก ละคร จูมง เริ่มที่ กษัตริย์ องค์ ที่ 2 ของ Dong Buyeo คือ กษัตริย์ กึมวา ของ โดงบูยอ ต่อ ด้วย กษัตริย์ แทโช ของ โดงบูยอ ก็คือ ความเป็นมา ของเมือง พูยอ ใน ละคร จูมง มหาบุรุษกู้บัลลังก์ ที่สถานีโทรทัศน์ MBC ถ่ายทำละคร และ มาออนแอร์ ที่บ้านเรา ปีที่แล้ว คงไม่ต้องเล่า ถึงการที่ โคจูมง สถาปนา อาณาจักร โคคุริออ (โคคุเรียว) และต้องขับเคี่ยว กับทั้งกษัตริย์ กึมวา และ กษัตริย์ แทโช พระโอรส ของกษัตริย์กึมวา พวกเราก็ วาดจินตนาการประวัติศาสตร์ ของเกาหลี ตามละครก็แล้วกันนะคะ แต่มีข้อแตกต่างในประเด็น ที่ องค์ชาย พีริว และองค์ชาย ออนโจ โอรส ของราชินี ซอซอนโน ในละคร จูมง ทั้ง 2 องค์ ชาย ไม่ใช่พระโอรส ของ จูมง เป็น เพียง โอรส ติดพระมารดา ซอซอนโน มา มีพระบิดาจริง เป็นเพียงผู้คุมกองทหารของแคว้นเครุ แคว้นชาติกำเนิดของ ราชินี ซอซอนโน และบิดาของซอซอนโนท่านเสนาบดี ยอนทาบัล (ตามบทบาทของละคร จูมง ซึ่งในละคร จะสื่อว่า ยอนทาบัล และซอซอนโน เป็นผู้นำสูงสุด ของการรวมตัว ห้าแคว้น เช่น บีเริยว กวานโนและอื่นๆ บรรดาแคว้นเล็ก ๆ พวกนี้ รวมทั้งแคว้นเครุ รวมกัน แล้ว น่าจะเป็น อาณาจักร ชลบนบูยอ ไหมคะ)

องค์ชายยูริ เป็นพระโอรส กับชายา องค์แรกชื่อ เยโซยา ของจูมง ขณะที่มีศักดิ์เป็นองค์ชาย โอรสบุญธรรมของกษัตริย์กึมวา และเกิดพลัดพรากกัน จน รุ่นหนุ่ม ยูริตามหาพระบิดาจูมง พบ ราชินี ซอซอนโน เกรงเกิดปัญหา แย่งชิงบัลลังก์ โคคุเรียว จึงพาโอรส พีริวและออนโจ ไปสร้างเมืองใหม่ อยู่ทางใต้ลงไปจาก โคคุเรียว

จูมง เป็นปฐมกษัตริย์ ของ โคคุเรียว มีพระชนม์ 40 พรรษา (ครองราชย์ 37 BCE- 19 BCE )

จากวิกิพีเดีย ระบุ ว่า องค์ชาย Biryu และ องค์ชาย Onjo เป็น โอรส องค์ ที่ 2 และ 3 ของกษัตริย์จูมง ที่เกิดจาก มเหสีที่2 คือราชินี ชอซอนโน เมื่อ องค์ชาย Yuri ตามมาพบกษัตริย์ จูมง ที่โคคุเรียว และได้รับสถาปนา เป็นรัชทายาท องค์ชาย Biryu และองค์ชาย Onjo ที่ต่างพระมารดากัน เกรงความไม่ปลอดภัย จึง พากันออกจากอาณาขจักร โคคุเรียว มุ่งหน้าไปทางใต้ และได้ตั้งเมืองใหม่ 2 เมืองโดย องค์ชาย พีริว คนพี่ สร้างเมืองที่ มิชูฮอล ( ปัจจุบัน คือ เมือง อินชอน ในเกาหลีใต้ ส่วน องค์ชาย ออนโจ สร้างเมืองที่ วิเรซุง ตั้งเมือง Sipje ปัจจุบัน อยู่ใกล้กรุงโซล ต่อมา เมื่อ องค์ชายพีริว สิ้นพระชนม์ องค์ชาย ออนโจ ได้ รวม มิชูฮอล และSipje เป็น อาณาจักร แพคเจ Baekje และย้ายเมืองหลวง ไปที่ south of Hanam Wiryeoseong เพราะ Wiryeoseong มีชายแดน ติดต่อ กับ Malgalและเริ่มนับ การเป็นกษัตริย์ ของอาณาจักร แพคเจ ของกษัตริย์ ออนโจ ใน ปี 18 BCE- 29 CE)

ในวิกิพีเดีย เรื่องของ กษัตริย์จูมง ต่อนะคะ

เป็นที่กล่าวว่า จูมง เป็น บุตรชาย ของ HAE MOSU : ( the son of heaven ) และ พระมารดา Yuhwa : daughter of the river god Habaek ( ตำนานบอกว่า แฮมูซู พบ ยูฮวาที่ แม่น้ำ ในขณะที่ยูฮวา กำลังอาบน้ำ ,
But the river god disapproved of Hae mosu, who returned to heaven. The river god chased Yuhwa away to Ubalsu, where she met and became the concubine of King Geumwa of Dongbuyeo.

และ คำว่า Jumong มีความหมาย คือ “ Skilled archer “ (ผู้เชี่ยวชาญการยิงธนู) in Korean

เมื่อ จูมง เป็นกษัตริย์ After the death of his father in-law ( คือ พ่อของ So- Seo-No ) in 37 BC.Jumong became the 7 th Dangun of Bukbuyeo and reunited of the five tribes of Jolbon into one centralized kingdom. ( แสดง ว่า รวม Buyeo และ Buk Buyeo เป็นอาณาจักรเดียวกัน กษัตริย์จูมงถึงถูกนับ เป็น Dangun องค์ ที่ 7 แต่ Dong Buyeo แยกคนละอาณาจักรกัน)

And the first King of Goguryeo.

In 37 BC.,Jumong established Goguryeo, and became its first Taewang ( “ supreme King “ )

กษัตริย์ จูมง สิ้นพระชนม์ในปี ก่อนคริสต์สศักราช 19 ด้วยพระชนม์ 40 พรรษา

รัชทายาท ยูริ ได้ฝังพระศพของพระองค์ ที่สุสาน ปิรามิด *** และถวายพระนามพระองค์ว่า Chumo-seong wang

อาณาจักรโคคุเรียว ของกษัตริย์ จูมง เป็นอาณาจักรใหญ่ ที่มีอำนาจ และเข้มแข็ง มีอายุยืนยาว 705 ปี มีกษัตริย์ปกครองทั้งสิ้น 28 พระองค์ ในราชวงศ์ สกุล Go และล่มสลาย เพราะ ชิลลา ร่วมมือกับ ราชวงศ์ถังของจีน

และต่อมาเกิดอาณาจักร Balhae ( ปี ค.ศ. 669 - ค.ศ. 926 ) ก่อตั้ง โดย Dae Jung –sang ซึ่งเกิด ใน Goguryeo ซึ่งล่มสลายใน ปี ค.ศ. 668

ขอแบ่งเล่า เป็น ตอน ๆ แล้วกันนะคะ

****มีรูป สุสาน ของกษัตริย์ กวางแกโท มหาราช ที่ขุดค้นพบในประเทศจีน เป็นรูปทรง ปิรามิด เหมือนกันกับที่ วิกิพีเดียกล่าวว่า รัชทายาท ยูริ ฝังพระศพ กษัตริย์ จูมง ในสุสานทรงปิรามิด

จากกรณี เขาพระวิหาร ชนวนหนึ่งของการอภิปรายรัฐบาล เมื่อวันสองวันนี้ ทางทีวี ช่อง 9 ได้นำสารคดี กรณีที่จีน ได้ ยื่นขอนำสุสาน กษัตริย์ กวางแกโท มหาราช จดทะเบียน มรดกโลก อันดับที่ 28 และเกิดความขัดแย้งกับ เกาหลี และส่งผลกระทบความสัมพันธ์ ระหว่างประเทศ ของ ทั้ง 2 ประเทศ และส่งผลมากมาย มาที่ละคร TWSSG หรือ The Legend ในขณะถ่ายทำด้วย สถานีโทรทัศน์ ช่อง 9 มีการนำภาพภายในสุสานซึ่ง มีภาพวาด ของกษัตริย์ และอื่นๆ มาถ่ายทอด ด้วย น่าเสียดาย ที่ถ่ายทอด ตอนบ่าย จัด ๆ ของ วัน ทำงานรูสึกว่าจะเป็นวันศุกร์ ที่ 27 /06/08

ยังไม่มีเวลา ไปรื้อค้นถึง การที่ มีประเทศ ต่างๆ สร้างสุสานกษัตริย์เป็นปิรามิด กัน คงต้องมีที่มาที่ไป ของรูป ทรงปิรามิด ทั้ง อิยิปต์ มายา และอื่นๆ กลายเป็น มีที่เกาหลี อีกด้วย

เพื่อน ๆ ท่านใด มีข้อมูล กรุณา เล่าสู่กันอ่านนะคะ ขอขอบคุณล่วงหน้า ค่ะ

และขออภัย ที่ การเล่าเรื่อง มีการ นำละคร มาสื่อ คงไม่ทำความสับสนนะคะ อย่างไร เสีย ละคร ก็คือละคร

Letter From pusu to Bae Yong Joon

Souce : KOB (http://www.byj.co.kr/) Post by : pusu / Thankyou
Could someone from BOF please pass this message to Mr Bae Yong Joon
Dear Yong Joon,
How are you? You are very quiet. Hope You have been having a great time in NY. I’m wondering where you are and what is your plan in NY other than rehabilitation? Where are you going to do your surgery? In NY or Korea? When are you going back? Since I have a lot of questions you must be very boring.I would like to suggest you one thing, while you are in US don’t you want to invest some of your money in here? Such as buying a home or opening a restaurant? If you buy a house in here you can get very good house with lower price compare to Seoul since house prices are going down. You can come and rest whenever you feel tired. May be you have that kind of idea already; since you are smart to do the business. If you open a restaurant in here, we can go there and enjoy frequently whenever we miss you. Do you have any plan for fan club meeting? If you have, we will be very happy to see you. Why don’t you give us a chance while you are in US. So all the fan from US can meet you officially, like Japan.You don’t need to reply me in person, just pass the information through from BOF staffs(Just kidding). I know that’s what you will always do. Love Moe

Translate English to Thai By modtanoi7

ยงจุนที่รัก
สบายดีหรือเปล่า ช่วงนี้คุณเงียบมากเลยนะ หวังว่าคุณจะมีช่วงเวลาที่ดีเยี่ยมNY ฉันกำลังแปลกใจอยู่เลยว่าตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนและคุณมีแผนที่จะทำอะไรในNY อื่นใดกว่าการฟื้นฟูร่างกาย? คุณไปที่ไหนหรอที่จะทำการผ่าตัดคุณ?ในNY หรือ เกาหลีแล้วคุณจะกลับมาเมื่อไร ฉันคงจะถามคุณมากไปแล้วคุณจะต้องเบื่อมากเลย ฉันอยากจะขอแนะนำคุณสัก 1 อย่าง ในระหว่างที่คุณอยู่อเมริกาคุณไม่ต้องการทำให้เงินที่มีอยู่ในกระเป๋างอกงเงยจากการอยู่ที่นั้นหรือไง? เช่น ซื้อบ้านซัก 1 หลัง หรือจะเปิดร้านอาหารดีหล่ะ ถ้าคุณจะซื้อบ้านสัก 1 หลังที่นี้คุณก็จะได้บ้านที่สภาพดีเยี่ยมในราคาที่แสนถูกเมื่อเทียบกับโซล ตั้งแต่นั้นมาราคาบ้านก็จะมีราคาที่ลดลง คุณก็สามารถมาและพักผ่อน เมื่อไรก็ตามที่คุณรู้สึกเหนื่อย บางที่คุณก็จะมีความคิดที่ดี ความพร้อม ความคล่องแคล่วในการที่จะทำธุรกิจ ถ้าคุณเปิดร้านอาหารที่นี้ พวกเราก็จะไปที่นั้นบ่อยๆเมื่อไรก็ตามที่พวกเราคิดถึงคุณ คุณมีแผนที่จะพบปะกับแฟนคลับบ้างมั้ย? ถ้าคุณมีแผนนี้หล่ะก็พวกเราก็จะดีใจและมีความสุขมากๆที่จะได้พบกับคุณ ทำไมคุณไม่ให้โอกาสพวกเราหล่ะ?ในขณะที่คุณก็อยู่ที่อเมริกา ดังนั้นแฟนทุกคนจากอเมริกาสามรถไปพบคุณที่ทำงาน คุณไม่จำเป็นต้องตอบฉันเป็นการส่วนตัว ก็แค่ข่าวสารที่ส่งผ่านมาจากทางทีมงานในBOF(ล้อเล่น) ฉันรู้ดีว่าคุณจะต้องทำอะไรต่อไป
รัก Moe
********************************************************************************************************
message from BYJAngel reply to pusu
Hello Pusu,
Nice to meet you. I read it from you. I am From USA.Welcome To The Bae Yong Joon FamilyWe will become Good Friends like Family.Pusu, I guess He is at the hospital in NY. He needs a rest. He wants private...himself. I think He needs a vacation. No one knows about Bae Yong Joon's Surgery. We do not know When? But, No one knows Where He is.Bae Yong Joon is not ready to tell Everyone about it. Time will tell When He is ready. that's all.Because He just needs a rest. But, He is not ready to exercise ... not yet.But, I hear Bae Yong Joon will study English Language..anytime. that's all.I think He likes NY...and USA Too. I think He feels comfortable with USA. It is all new to Bae Yong Joon.
that's all.
Thank You For Telling Me :)
God Bless You :)
From byjangel

Translate English to Thai By modtanoi7

สวัสดี Pusu
ยินดีที่ได้รู้จัก.ฉันได้อ่านข้อความจากเธอแล้ว ฉันมาจากสหรัฐอเมริกา ยินดีต้อนรับสู่ครอบครัวเบยองจุน คุณจะได้เพื่อนที่ดีและคุณก็จะชอบครอบครัวนี้ ฉันเดาว่าตอนนี้เค้าน่าจะอยู่ที่โรงพยาบาลใน NY เค้าต้องการพักผ่อนและต้องการความเป็นส่วนตัวไม่มีใครที่รู้เรื่อเกี่ยวกับการผ่าตัดของเบยองจุน พวกเราก็ไม่รู้ว่าเมื่อไร,แต่ก็ไม่มีใครรู้อีกเช่นกันว่าเค้าอยูที่ไหน เบยงจุนเองก็ไม่พร้อมที่จะบอกกับทุกคนเค้าจบอกเมื่อเค้าพร้อม เท่านั้นแหละ ฉันได้ยินมาว่าเค้าจะเรียนภาษาอังกฤษฉันคิดว่าเค้าชอบ NY และUSAด้วย ฉันคิดว่าเค้าต้องรู้สึกดีและสบายในตอนที่อยู่ USA กับสิ่งใหม่ๆทั้งหลายของเบยองจุน

Thank You For Telling Me :)

God Bless You :)

From byjangel

The Things That BYJ Loves

Dear TWSSG team and BTF family,


Here is a repost of Happiebb's post in BYJ's Quilt , Thank you so much BB, Arayo and Sweet Sister for giving us these insights about BYJ. For me it is something to treasure :


[Trans] things that he loves
original in japanese: It’s Koreal, 7-08 p.14-15
scanned & posted by: arayo / byjgallery
translated into english: a sweet sister / bb's blog


The Things That BYJ Loves


Q1 What snack did he often eat as a child?

Answer: Banana Kick
Banana Kick is a popular banana flavored snack in Korea.
There is the amusing episode where BYJ, after copying a scene on TV,
bought Banana Kick and a plastic model kit on credit
and received a severe scolding from his mother.

Q2 What is his favorite food?

Answer: kimchi chigae, sweet and sour pork
As BYJ has no food preferences, he eats all types of foods.
For diet purposes, it’s said that he often eats chung kuk jang
(natto flavored healthy chigae)

Q3 What is his favorite type of kimchi?

Answer: water kimchi
BYJ says that he does not like spicy foods.
This is his favorite food,
so much so that he included it on the Gosireh course menu.

Q4 What is his favorite sushi?

Answer: maguro (tuna)
For health reasons, BYJ prefers simple cuisine rather than greasy food
and loves sushi among Japanese food.

Q5 Does Yonsama, the wine lover, prefer red or white wine?

Answer: red wine
BYJ loves wine so much that he has said it is his dream to create his own wine.
He is often seen at a Seoul wine shop with a clientele of entertainers.
While there’s been news he was seen purchasing Chateau La Forgeau 2004!?...
We’d absolutely like to see him elegantly raise a wine glass in Kami no Shizuku.

Q6 What is the tea he loves to drink?

Answer: five spice tea
At first glance, it is a pretty pink color
and just as its name,
it is an amazing blend of sweet, spicy, sour, citric, salty, and bitter flavors.
Five spice tea is a healthy tea good for the respiratory system
and there are many people that drink this as a cold preventative.

Q7 What coffee does he always drink?

Answer: Fratello
It is said to drink this Canadian brand even at home.
You can enjoy this coffee at the BYJ museum Park BOF
so why not pay a visit?

Q8 What brand of cigarettes does he smoke?

Answer: Dunhill
He is not a heavy smoker but during the filming of the movie AS,
it was said that there were times he was smoking four packs a day.
Please take good care of your health.

Q9 What is the brand of the pinky ring that he always wears on his left hand?

Answer: Damiani
Damiani is an Italian brand.
The ring, which can be said to be a trademark of BYJ,
is inset with sapphires and diamonds
and is an unbelievable 304,500 yen! (US$2,800).
During the filming of WS, he lost it once
and bought the same thing again because he likes it so much.

Q10 What brand of jeans does he wear in his off-time?

Answer: True Religion
This brand, established in the U.S. in 2004,
is known for its cute “U-letter” embroidered back pockets.
BYJ who has great style and looks fabulous in any clothing,
seems to prefer casual clothing in his private life.

Q11 What cologne does he use?

Answer: Creed Eau de Parfum Millesime Imperial
This French cologne has a 300 year history.
Its fresh iris base note is like BYJ’s smile…

Another of his favorites is Bvlgari’s Pour Homme.

Q12 What digital single lens reflex camera does he currently use?

Answer: Canon
He also uses the Leica and Nikon depending on the occasion
and is a professional in being able to develop prints in the darkroom.

Q13 What favorite movie does he watch “whenever he has the time?”

Answer: Once Upon a Time in America
Director, Sergio Leone’s movie about the mob was released in 1984.
Even now, this movie is loved by film industry people like Quentin Tarantino.

Q14 What is his favorite photographer?

Answer: Henri Cartier Bresson
He was one of the founders of the international photo agency, Magnum Photo,
and a photographer that mainly told stories through his photos.
Because of his influence,
BYJ always takes his camera with him to film sites.

Q15 Who is his favorite artist?

Answer: Rembrandt
He was a famous artist from the 17th century
who created oil paintings such as Night Watch.
There are many works that have a storytelling element to them
while stimulating the viewers’ imagination.

Q16 What is his favorite Japanese author?

Answer: Murakami Haruki
Popular authors in Korea are Murakami Haruki, Yoshimoto Banana,
and Murakami Ryu.
Also, novels by Eguni Kaori and Tendo Makoto are widely read by young people.

Q17 Which actors does he respect?

Answer: Robert DeNiro and Al Pacino
BYJ is also spellbound with these two noted actors.
Like these two, we would like to see BYJ in serious roles as he ages …!?

--------------------------------


Have a happy weekend to you Yong Joon, where ever you are and what ever you are doing, may it bring you peace and happiness. If you go to Church today YJ, may your soul rejoice in HIM. Take care of your self and your health. Please remember we all love you to pieces !!

Dear BYJ family, have a lovely weekend,
myoce

28.6.08

MBC DRAMA AWARDS 2007

MBC DRAMA AWARDS 2007

เมื่อวันที่ 18 /12/2007 ที่ QUILT มีการลงข่าวว่า ว่า MBC web site มีรายการ the year end voting ตั้งแต่วันที่ 17-30 ธันวาคม 2007 และเป็นการ Vote ที่ one ID one Vote and it open to overseas too.แล้วในคืน วันที่ 30/12/2007 ตัวคนเล่า อุตส่าห์ อดตาหลับขับตานอน นั่งเฝ้าหน้าจอคอมพิวเตอร์ เผลอหลับไม่รู้ตัว ตื่นขึ้นมาอีกที่ ไม่แน่ใจว่า ตี 1 หรือ ตี 2 หรือดึกกว่านั้น ไม่ทันดูนาฬิกา เพราะมัวแต่ดู ภาพบนจอ ที่ เบ ยองจุน ในสภาพที่ยังมีไม้ค้ำยันช่วยพยุงตัว มี หัวหน้าโคมิล ฮยอนโก และชอโร ช่วยพยุง เบ ยองจุน ขึ้นไปรับรางวัลบนเวที แล้วก็งง ๆ เพราะฟังภาษาเกาหลีไม่รู้เรื่อง แล้วก็เบลอๆ ว่า เอ๊ะ ทำไม เบ ยองจุน ขึ้นเวทีหลายรอบจัง ก็ดีใจ คืนนั้นเดาได้รางวัลเดียว ตอนที่ ซง อิลกุ๊ก ผู้รับบทบาท กษัตริย์จูมง เป็นผู้อ่านชื่อผู้รับรางวัล เบ ยองจุน และเป็นผู้มอบรางวัล

ได้เห็นภาพความสำเร็จ ของ Drama TWSSG และ ทีมงานทั้ง ผู้กำกับ นักแสดง และที่สำคัญที่สุด คือความสำเร็จของเบ ยองจุน เห็นภาพที่ เบ ยองจุน มีความสุข

แต่ละค่ายสถานี จะจัดงานประกาศรางวัล ของแต่ละสถานีเอง และในปี 2007 นี้ แน่นอนว่า ที่สถานีโทรทัศน์ MBC จะต้องวุ่นวาย กว่าปี ก่อน ๆ เพราะ ในปีนี้ มี Dramaของ เบ ยองจุน

คุณ suehan ได้ Post ที่ Quilt เมื่อวันที่ 30/12/07 ใน article ว่า Update regarding BYJ’s attendance at MBC Awards.โดยมีข้อความดังนี้

Korean Media, Newsen confirmed BYJ’s attendance at MBC Award tonight. (#45240 on KOB)According to Newsen news, BOF said, “BYJ plans to attend the 2007 MBC Awards.”, and “He had his cast removed recently, but he’s not comfortable enough to move. Probably, he’ll use crutches and wear knee pads.”And according to the posting by Popobi on KOB (#45241, posted at 3:41pm), two Korean fans, Pipiseom and Nanyu, who are lining up in front of the MBC, called her saying that there is a long line of people including Japanese families who arrived early in the morning in front of MBC. MBC staff is writing down the names and they’ll come back at 6:00 pm for the seats (or spaces).

แต่ละปี แต่ละสถานี จะมี Dramaจำนวนมาก (ไม่ทราบว่าเท่าไรนะคะ) แต่เหมือนว่า ได้ ผ่านการคัดเลือก ในเบื้องต้นเหลือนักแสดงจากรายชื่อdrama ดังต่อไปนี้ แต่ในส่วนของ Drama เองที่เข้ารอบเข้าใจว่าจะน้อยกว่านี้

(The 1st Shop Of Coffee Prince 커피프린스 1호점)
(Legend 태왕사신기)
(Yi San 이산)
(Thank You 고맙습니다)
(Attack And Defense Battle 메리대구 공방전)
(Ah Hyun Dong's Madam 아현동 마님)
(White Tower 하얀거탑)
(H.I.T. 히트)
(Bad Woman Good Woman 나쁜여자 착한여자)
(Time Between Dog And Wolf 개와 늑대의 시간)
(Even So Love 그래도 좋아)
(Kimcheed Radish Cubes 깍두기)
(By My Side 내곁에있어)
(Winter Bird 겨울새)

งง งง นิด นิด ว่า ไม่มีชื่อ เรื่อง air city แต่มีรายชื่อ ดาราหญิง ชอย จิวู อยู่ในกลุ่มนักแสดงฝ่ายหญิง ถ้าตกหล่น ผิดพลาด ต้องขออภัย
ข้อมูล มาจาก soompi บ้าง joon family บ้าง รวมทั้ง BYJtogether

ผลการประกาศรางวัล

1.DAESANG (대상)
Bae Yong-joon 배용준 (Legend 태왕사신기)

2. Popularity 인기상
Bae Yong-joon 배용준BYJ just won the Popularity award (Men). Think this is via voting by audience. He had about 82%. (1,002,615 คะแนน Way ahead of the 2nd guy (I think was LJK).(151,115 คะแนน)

3. LJA won the the Popularity award (Women). Think her votes were about 62%

.4. Best Couple 베스트커플상
:BYJ and LJA just won the Best couple award. 92% . Wow ในขณะที่ อันดับสองได้ 4.81%Bae Yong-joon & Lee Ji-ah 배용준 이지아 (Legend 태왕사신기)
อันดับ 2 เป็น กงยู และ ยุน อึนแฮ จาก(The 1st Shop Of Coffee Prince )

5. Most Popular drama 올해의 드라마상
Legend 태왕사신기The legend ได้ 54.65% ขณะที่ อันดับสองได้ 22 .22%

6. Actress 여자: ( best new actress) ( new comer)
Lee Ji-ah 이지아 (Legend 태왕사신기)
อันที่จริง ฟิลลิป ลี ก็ ถูกเสนอชื่อ ใน New comer ฝ่ายชาย แต่ไม่ได้รับรางวัล

7. GOLDEN ACTING HISTORICAL DRAMA AWARD 황금연기상 사극
Choi Min-soo 최민수 (Legend 태왕사신기)

8. SPECIAL PRIZE ACHIEVEMENT 특별상 공로상
Kim Jong Hak 김종학 (Legend 태왕사신기 - CG)

ในการโหวตครั้งนี้ มาจากคะแนนเป็นจำนวนหลักล้านคะแนนโหวต นะคะ รูปแบบการจัดโต๊ะที่นั่งของงานประกาศผล เหมือนนั่งโต๊ะละ Drama เวทีประกาศผล ก็จัดสวยงามอลังการ

ภายหลัง คนเล่า ได้ มีโอกาส ดู download ซึ่งเริ่มจับภาพ เป็นเด็กชายเด็กหญิง นักแสดงที่ ได้รับรางวัลในงานปีนี้สวมชุดราตรีสโมสร ออกมาเปิดงานด้วยการเต้นรำในจังหวะแทงโก้ ดูแล้วน่าเอ็นดู กับท่าเหวี่ยงตัว หมุนตัว สะบัดส่วนต่างๆ ของร่างกาย ของเด็กหญิงสวมชุดสีแดงเพลิง เต้นรำจบเพลง ก็มีคนเอาไมค์มาส่งให้เด็กน้อยทั้งคู่กล่าวเปิดงาน ท่าทางร่าเริงแจ่มใส มีความสุข และมีการกล่าวถึง TWSSG และเอ่ยชื่อ เบ ยองจุน ด้วย เบ ยองจุน นั่งอยู่ที่โต๊ะปรบมือ ชอบใจ หน้าตายิ้มแย้มเช่นกัน แล้ว หนูน้อยทั้งคู่ก็ส่งไมค์ต่อให้พิธีกรชายหญิงตัวจริงของงาน คำพูดของพิธีกรก็ เหมือนออกมาพูดถึงงานวันนี้ พูดคุยกันเองบ้าง ในตอนหนึ่งพิธีกรสาว พูดเสียงสูงว่า OH MY GOD แล้วก็เอ่ยทักทายดารานำชาย เสียง อี จุนกิ SSI ยงจุน SSI และคนอื่นๆ SSI กล้องก็ close ไปที่ดาราตามโต๊ะต่างๆ พิธีกรคุยกับดารานักแสดง คุยกับกองเชียร์ที่อยู่ในงาน และ ผู้ชมทางบ้าน
ตัวแทนของ Drama ต่างๆจะมีประมาณ 4-5 คน จะเห็นโต๊ะของ เบ ยองจุน ลี ซอจิน กงยู อี จุนกิ และดารานำชายอื่น ที่จำชื่อไม่ได้ มีการกล่าวถึง DRAMA และ นักแสดงนำ และมีการแจกรางวัล ครึ่งแรก

ก่อนการประกาศรางวัล ก็จะให้ ผู้ที่ได้รับรางวัลนั้นๆ ของปีที่แล้วเป็นผู้ประกาศ ชื่อ นักแสดง ก็จะมีการประกาศ นักแสดงหรือDramaที่เข้ารอบ โดยแต่ละ Drama ก็ จะมีกองเชียร์ นั่งอยู่อีกด้าน มีการให้นักแสดงนำหญิงขึ้นมา present Drama ของตนเองสั้นๆ ฉายตัวอย่างDrama แต่ละเรื่อง แล้วพิธีกร ตัวจริงก็มารับหน้าที่ต่อ
พิธีกร ชายหญิง ก็สง่างามและสวยงาม มีการเดินลงมาสัมภาษณ์ นักแสดงของ Drama เรื่องต่างๆที่โต๊ะของ เบ ยองจุน ก็มีการถาม เบ ยองจุน และ ฟิลลิป ลี คืนวันนั้น ที่โต๊ะ the legend ก็ มี ผู้กำกับ คิม จองฮัก ฮยอนโก ซูจินี ชอโร ทัมด๊ก (สุดหล่อ และแสนสง่างาม แม้จะต้องใช้ไม้ค้ำยัน และ ต้องมีคนช่วยพยุงตอนขึ้นเวทีรับรางวัลแถมต้องเดินขึ้นไปรับหลายรอบ) แทจังโร(ชอย มินซู) ให้ ภรรยา มางานแทน และมาหลังการแจกรางวัลรอบแรกไปแล้ว ภรรยา ชอย มินซูขึ้นไปรับรางวัลแทน สามี โต๊ะของThe legend จะอยู่ใกล้เวที ผู้ที่จะขึ้นไปรับรางวัล จะต้องเดินผ่านโต๊ะนี้ ผู้เล่าสังเกตว่า มีผู้ที่ขึ้นไปรับรางวัล ในระดับอาวุโส ที่เดินขึ้นไปรับรางวัล บางคนจะหยุดทักทายกับ เบ ยองจุน เบ ยองจุน จะสัมผัสมือ กับ ผู้อาวุโสเหล่านั้น พร้อมค้อมตัวคำนับอย่างอ่อนน้อม น่ารัก มากเลย เหตุการณ์คืนนั้น จนบัดนี้ 6 เดือนแล้วก็ยังเพิ่งเหมือนได้ชมเมื่อวันสองวันนี้เอง

จะขอเล่าเฉพาะรางวัลที่เกี่ยวข้องกับ ตำนานจอมกษัตริย์เทพสวรรค์นะคะ

หลังจาก กล่าวชื่อของ DRAMA และนักแสดงนำแล้ว พิธีกรก็เชิญ ยุน อึนแฮ และ ดาราชายอีกคน ออกมาทำหน้าที่ เอ่ยนำชื่อและ ตัวอย่างของ Drama เรื่องต่างๆ รางวัล แรก น่าจะเป็น รางวัล New Comer ผู้ได้รางวัล ชาย 2 หญิง 2 มีลี จิอา เป็น หนึ่งในสองดาราหญิง จากนั้นดารานำหญิง ของDrama มากล่าวแนะนำ Drama และมีการ ฉายตัวอย่าง ลี จิอา แนะนำ TWSSG ฉายตัวอย่างจบ ดูเหมือนจะพักเวลานิดหนึ่ง

พิธีกรสาว เปลี่ยนชุดใหม่ขึ้นเวที แล้วก็พากันเดินลงทักทายนักแสดงนำตามโต๊ะต่างๆ และอย่างที่เล่าข้างบน คือ ที่โต๊ะของ เบ ยองจุน จะเป็นการทักทาย ถามคำถาม เบ ยองจุน และ ฟิลลิป ลี แล้วก็ มีการเปลี่ยนพิธีกรอีกคู่ชายหญิง

รางวัลที่ 2 ของ TWSSG ก็คือ
GOLDEN ACTING HISTORICAL DRAMA AWARD 황금연기상 사극
ชอย มินซู (แทจังโร ) ได้รับรางวัลนี้ แต่ไม่ได้มาร่วมงาน ภรรยา ขึ้นรับรางวัลแทน และ กลับออกไปจากงานหลังรับรางวัล

มีการประกาศ รางวัลต่อไปเรื่อยๆ บางที ผู้ประกาศก็เป็นหญิงคู่ จนมาถึงรางวัล ที่คนที่เคยรับบทแสดงเป็นยอนทาบัล พ่อของซอซอนโน ในจูมง รับรางวัล ก็เปลี่ยนกลับมาเป็นพิธีกร คู่เดิม แล้วก็ ถึง คราว ยุน อึนแฮ มา present Coffee prince จบแล้ว ก็ เป็นการ Close ไปที่ กองเชียร์ของ Drama ต่างๆ ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าด แข่งกัน รวมทั้งมีการสัมภาษณ์ กองเชียร์สาว

เปลี่ยนพิธีกร อีกคู่
นักแสดงชายหญิงรางวัลแรกของพิธีกรคู่ใหม่นี้คือ

POPULAR
ฝ่ายชาย คือ เบ ยองจุน ได้ คะแนน 82.80% คิดเป็นคะแนนดิบ 1,002,615 คะแนน รองลงมา คือ อี จุนกิ ได้ 12.48% และตามมาด้วย กงยู 2.50% และรางวัลนี้ มีชื่อ ชอย มินซู ผู้รับบทบาท แทจังโรได้รับเสนอชื่อด้วย
ฝ่ายหญิง คือ ลี จิอา ได้ 69% คิดเป็นคะแนนดิบ 835, 538 คะแนน และในรางวัล นี้ มีชื่อของ ชอย จิวู จากละคร เรื่อง Air city ได้รับการเสนอชื่อด้วย

จบเสียงประกาศชื่อ ของเบ ยองจุน และลี จิอา ผู้จัดการส่วนตัว ไม่ทราบชื่ออะไร ที่ตัวใหญ่ เป็นทั้งผู้จัดการและ บอดี้การ์ด ด้วย (หรือเปล่า ? )ปราดเอาไม้ค้ำยันมาให้ เบ ยองจุน ฟิลลิปลี หรือ ชอโร ช่วยพยุง เบ ยองจุน ขึ้นเวที เป็นการขึ้นรับรางวัลพร้อม ลี จิอา ที่ได้รางวัลฝ่ายหญิง เบ ยองจุน ส่งช่อดอกไม้และรางวัลตุ๊กตาทอง ให้ฟิลลิป ลี ช่วยถือ เพราะ เบ ยองจุน ต้องพูดที่ไมโครโฟน เบ ยองจุน หัวเราะน้อยๆ ก่อนพูดสั้น ๆ หัวเราะน้อยๆ อีก น่ารัก น่าปลื้ม

BYJ's speech. Credit to bb's blog

BYJ: Thank you, everyone. I don’t know how to express my gratitude. I’ll continuously repay you. I really appreciate it.
ที่มา joon family โดย Tiffany

แล้วลี จิอา ก็พูดบ้าง OH Kwang Rok (ฮยอนโก ) ปรบมือเบา ๆ กับคำพูดของศิษย์รัก ซูจินี ที่โต๊ะนั่ง

ตอนลงจากเวที ทั้งผู้กำกับ คิม จองฮัก Oh Kwang Rok รวมทั้ง ผู้จัดการส่วนตัวของ เบ ยองจุน ก็ มาคอยรับ เบ ยองจุน กลับไปนั่งที่โต๊ะ

มีการประกาศชื่อ และ ฉายตัวอย่าง Drama อีก เพื่อสำหรับรางวัล

BEST COUPLE

เบ ยองจุน คู่ กับ ลี จิอา จาก TWSSG ได้คะแนน 92.98% เป็นคะแนนดิบ 823,938 คะแนน รองลงมา คือ กงยู และ ยุน ฮึนแฮ จาก Coffee Prince ได้ 4.8 % เป็นคะแนนดิบ 42,616 คะแนน

คราวนี้ ฟิลลิป ลี เป็นคนรับไม้ค้ำยันจากผู้จัดการ มายื่นให้ เบ ยองจุน แล้วทั้ง Oh Kwang Rok และ ฟิลลิป ลี ประคอง เบ ยองจุน ซ้ายขวา เลยทีเดียว มี ผู้กำกับ คิม จองฮัก เดินมาส่งหน้าเวที อีกคนด้วย (ลุกจากโต๊ะ นั่งหมดโต๊ะเลย) แล้ว ฟิลลิป ลี ก็คอยรับช่อดอกไม้ และรางวัล ต่อจาก เบ ยองจุน คราวนี้ เบ ยองจุน พูดไป ยิ้มไป หัวเราะไป และพูดยาวกว่าครั้งแรก ผู้กำกับ คิม จองฮัก ทำหน้าตาชอบอกชอบใจ ปรบมือ ให้ที่โต๊ะ

BYJ's speech. Credit to bb's blog

BYJ: Thank you. My mangers painted these crutches in black.It seems that you liked watching the sad love between Damdeok and Suzinee. The love wasn’t expressed much in the drama, and the viewers felt something was missing. I think we got these awards due to those feelings of the viewers. Thank you very much.If Producer Kim will produce TWSSG Season 2, then the unfulfilled love may be expressed.

แล้ว ลี จิอา ก็พูดบ้าง เมื่อพูดจบ พิธีกรก็มีคำถามถาม เบ ยองจุน เบ ยองจุน ตอบสั้นๆ แล้วก็มีคำถามอีก เบ ยองจุน ก็ตอบอีก คราวนี้ ลี จิอา หัวเราะชอบใจ รวมทั้ง ยุน อึนแฮ ก็ปรบมือชอบใจ คำตอบของเบ ยองจุน ( ไม่ทราบจริง ๆว่า ชอบใจอะไรกัน) ทั้งหมดลงจากเวที คราวนี้กล้องไม่ Close

แล้วก็ต่อด้วยการประกาศและรับรางวัลอื่นๆ จน มาถึง รางวัล

Most Popular drama 올해의 드라마상

แน่นอนว่า จะเป็นเรื่องอื่นได้อย่างไรถ้าไม่ใช่Legend 태왕사신기TWSSG ได้ 54.72% และตามด้วย COFFEE PRINCE ได้ 22.16 % ไม่มีคะแนนดิบให้ดูค่ะ

ทั้ง 5 คน ขึ้นเวทีหมด ผู้กำกับคิม จองฮักเป็นคนรับรางวัล พิธีกร มีคำถาม Oh Kwang Rok แล้วก็ถามผู้กำกับ แล้วก็ถาม เบ ยองจุน พิธีกรชาย ถามคำถามและทำท่าล้อเลียน เบ ยองจุน คงจะถามเรื่องไม้ค้ำยัน เพราะ เบ ยองจุน ยื่นไม้ค้ำยันข้างหนึ่งให้ พิธีกรชายรับไป ยกขึ้นดูแล้วมีคำพูดกับ เบ ยองจุน แล้วส่งคืนให้ และมีคำถาม เบ ยองจุน อีกครั้งแล้วกล้องก็จับเฉพาะ พิธีกรชายหญิง

มีการเปลี่ยนพิธีกรใหม่อีกคู่เป็นการประกาศรางวัลอื่น มีรางวัล
TOP EXCELLENCE (최우수상)Actor 남자:
Kim Myung-min 김명민 (White Tower 하얀거탑)Bae Yong-joon 배용준 (Legend 태왕사신기)Lee Seo-jin 이서진 (Yi San 이산)Choi Min-soo 최민수 (Legend 태왕사신기)เป็นอีกรางวัล ที่มีชื่อทั้ง เบ ยองจุน และ ชอย มินซู ถูกเสนอชื่อ แต่ปรากฏว่า ลี ซอจิน เป็นคนได้รับรางวัลนี้.

.......จนถึงรางวัลสุดท้ายและถือว่าคือรางวัลที่ยิ่งใหญ่

ซง อิลกุ๊ก พระเอก จูมง เดินออกมาจาก ม่านเวที หน้าใสปิ้ง พอๆ กับ เบยองจุน ก็ แหม อายุ ก็ใกล้เคียงกันนี่นา ในมือ ซงอิลกุ๊ก ถือ แผ่นกระดาษรายชื่อ รางวัลสำคัญ พิธีกร สัมภาษณ์ ซง อิลกุ๊ก ขอเดาว่าถามเรื่อง งานแต่งงาน เพราะ ซง อิลกุ๊ก ทำท่าเขินจัด มีตอนหนึ่ง ที่กล้อง close ไปที่ ยุน อึนแฮ ๆ ทำท่าเขิน พิธีกรหญิงพูดบางอย่าง มีการเอ่ยชื่อ เบ ยองจุน และลี ซอจิน แล้วซง อิลกุ๊ก ก็อ่านชื่อรางวัลทำท่าจะประกาศรายชื่อ ดนตรีทำจังหวะเสียงให้ตื่นเต้น พิธีกรช่วยพูด แล้ว ซง อิลกุ๊ก ก็ประกาศชื่อ
DRAMA ว่า TWSSG ต่อด้วยชื่อ เบ ยองจุน

เบ ยองจุน ลุกขึ้นอีกรอบ ผู้กำกับ คิม จองฮัก เข้ามากอด ต่างคนต่างกอดกันก่อนขึ้นเวที Oh Kwang Rok และฟิลลิป ลี ช่วยพาเบ ยองจุน ขึ้นเวทีรับรางวัล อันยิ่งใหญ่นี้ ซง อิลกุ๊ก เป็นผู้มอบรางวัลให้ เบ ยองจุน ส่วน ฟิลลิป ลี และ Oh Kwang Rok ถอยห่างออกมา เบ ยองจุน เหลียวไปหา ฟิลลิป ลี ส่งช่อดอกไม้และรางวัลให้ตามเคย ซง อิลกุ๊ก ถอยไปอีกด้าน พิธีกร มีคำถามถาม เบ ยองจุน เบ ยองจุน ตอบคำถาม คนเชียร์ที่มาร่วมงานพากันตบมือ เบ ยองจุน พูด ค่อนข้างยาว มีการกล่าวถึงผู้กำกับคิม จองฮักด้วย มีผู้ชม ขึ้นไปมอบช่อดอกไม้ให้ เบ ยองจุน โดยเป็น ชายหนึ่ง หญิงสอง รวม 3 ช่อ ในระหว่างที่ เบ ยองจุน พูด เอ้า!!! แล้วกัน ช่อดอกไม้ ร่วงหล่นพื้นเสียแล้ว พิธีกรสาว ต้องก้มเก็บให้ เดือดร้อน ฟิลลิป ลี ต้องส่งดอกไม้ และรางวัลที่ถือให้ เบ ยองจุน แต่แรก ส่งต่อให้ Oh Kwang Rok ถือไว้แทน ตัว ฟิลลิป ลี เอง ต้องมาถือ ดอกไม้ ใหม่ 3 ช่อ แทนเอง จบคำพูดของ เบ ยองจุน พิธีกรชาย ก็ จูง ซง อิลกุ๊ก มายืนข้าง เบ ยองจุน แล้วทั้ง พิธีกรชาย ซง อิลกุ๊ก เบ ยองจุน และ พิธีกรหญิง ทั้ง 4 คน ก็กล่าว อำลาปิดงานพร้อมๆกัน และโค้งคำนับ เป็นอันเสร็จสิ้น พิธี
แล้วก็ มีเสียงเพลงของ Drama TWSSG ดังขึ้นและมีภาพต่างๆ ของ TWSSG ปิดท้ายรายการ

BYJ has just won the top award, the Daesang award 2007. ^^Translation of his speech.
Credit: bb's blog

MC: Ironically, it happens that Joomong is handing the award to King Gwangto. Congratulations!The TWSSG team got many awards tonight, and BYJ got the grand acting award. I heard that you hurt yourself a lot, and you’re difficult to move around even in the short distances. But you managed to attend and got the grand acting award. Please give us your expressions for the award.

BYJ: First of all, I appreciate it. I wanted to be an action actor, but it seems that it’ll be difficult. I realized that the challenge for the new field is very difficult and rewarding work through this drama. I sincerely appreciate Producer Kim and all of staff and casts finishing this drama for long time. And I appreciate and apologize for the viewers and MBC for trusting and waiting for the drama until the end even though there were a few regrettable aspects.I’ll continuously work hard to be a better actor and man in the future. And lastly, I really appreciate my families who always trust and give me a big strength.

MC: Whom did you remind first when Song Ilkook called you name?
BYJ: Producer Kim Jonghak nim.
MC: I was requested to ask this question to you. Are you going to remain single?
BYJ: Absolutely, not.
MC: What type of girl do you like?
BYJ: I don’t know.
MC : ……It might be troubling for you to answer this question, but when do you think you will marry?
BYJ: I think in 3 years.
MC: Then, we can see him settling down as the head of a family in 3 years

จาก Joon familyTIFFANY IN KIMCHILAND

แม้ จะเป็นข่าวเมื่อ ธันวาคม 2007 แต่ นี่ก็คือ เกียรติคุณ ของละคร ตำนานจอมกษัตริย์เทพสวรรค์ ที่มีการโหวตที่ประเทศเกาหลี

และ ตามมาติดๆ กับข่าวการโหวตที่ ประเทศจีนไม่เกี่ยวกับละคร แต่เป็นการโหวตดาราที่ใช้เวลาของการโหวต 1 เดือน จากวันที่ 19/12/07 มีรายงาน ในขณะถึงวันที่ 14 มกราคม 2008 เบ ยองจุน ได้คะแนนโหวต 9.702,101 votes, ตามมาด้วย Rain ได้ 8,720,055 votes ที่ นำมากล่าวถึงนี้ เพื่อสื่อ ว่า ที่ต่างประเทศ เวลาเขาโหวตกัน ผู้เข้าร่วมโหวต มีมากจริงๆ

หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีข่าว ของ

composer Joe Hisaishi

จาก joon family 25/02/08 โดย Rosiebaba

BEST ORIGINAL SCORE - TELEVISION The International Film Music Critics Association Awards

Events News AWARD WINNERS ANNOUNCED BY INTL FILM MUSIC CRITICS ASSOCIATION Feb 19, 2008, 3:21PM

The members of the International Film Music Critics Association (IFMCA) have announced the winners of the 4th Annual IFMCA Awards, honoring achievements in film and television music in 2007.

The Best Original Score for Television award goes to Japanese composer Joe Hisaishi and his work on the Korean television series Tae Wang Sa Shin Gi (The Story Of The Great King And The Four Gods), while the inaugural award in the new Best Original Score for a Video Game or Interactive Media category goes to John Debney for his epic score for Lair, and recognizes the increasing level of compositional excellence for this exciting and popular media.

มีหลายรางวัล และหลาย composer แต่ขอยกมาที่เกี่ยวข้อง กับ Tae Wang sa shin Gi หรือ The story Of The Great King And Four Gods หรือ The Legend หรือในที่สุดก็คือ ตำนานจอมกษัตริย์เทพสวรรค์ ของที่บ้านเรา เพลงทั้งหมดของละครเรื่องนี้ น่าจะ 19 เพลง นะคะ

The complete list
:A - SCORE OF THE YEAR
*Atonement, music by Dario Marianelli

B- FILM COMPOSER OF THE YEAR
* Alexandre DesplatC

C– BREAKTHROUGH COMPOSER OF 2007
*Ilan Eshkeri for Stardust

D- BEST ORIGINAL SCORE FOR A DRAMA FILM
*Atonement, music by Dario Marianelli

E - BEST ORIGINAL SCORE FOR A COMEDY FILM
* Enchanted, music by Alan Menken

F - BEST ORIGINAL SCORE FOR AN ACTION/ADVENTURE FILM
* The Bourne Ultimatum, music by John Powell

G - BEST ORIGINAL SCORE FOR A FANTASY/SCIENCE FICTION FILM
* The Golden Compass, music by Alexandre Desplat

H - BEST ORIGINAL SCORE FOR A HORROR/THRILLER FILM
* Zodiac, music by David Shire

I - BEST ORIGINAL SCORE FOR AN ANIMATED FEATURE
* Ratatouille, music by Michael Giacchino

J - BEST ORIGINAL SCORE FOR A DOCUMENTARY FEATURE* Earth, music by George Fenton

K - BEST ORIGINAL SCORE FOR TELEVISION
* Tae Wang Sa Shin Gi (The Story of the Great King and the Four Gods), music by Joe Hisaishi

L - BEST ORIGINAL SCORE FOR A VIDEO GAME OR INTERACTIVE MEDIA
* Lair, music by John Debney

M - BEST NEW RELEASE/RE-RELEASE/RE-RECORDING OF AN EXISTING SCORE
* Alien, music by Jerry Goldsmith; Douglass Fake, Michael Matessino and Nick Redman (producers)

N - BEST FILM MUSIC COMPILATION ALBUM
* Amazing Stories: Anthology 3, Douglass Fake (producer)

O - FILM MUSIC RECORD LABEL OF THE YEAR
* Intrada, Douglass Fake

P – FILM MUSIC COMPOSITION OF THE YEAR
* Elegy for Dunkirk from Atonement, music by Dario Marianelli

Q – SPECIAL AWARD
* Hairspray, music and lyrics by Marc Shaiman and Scott Wittman

ปล ต้องขออภัย ที่ยก ภาษาอังกฤษ มาทั้งท่อนแบบนี้ เพราะตัวเองไร้สามารถ ที่จะแปล ช่วงนี้ ทั้ง คุณ Roytavan และ คุณ Kelly มีภาระกิจมาก

และต้องขออภัย ที่การเล่าเรื่องย่อ ผู้เล่า ใช้คำแทนตัว คำว่า หม่อมฉัน ผิดไปมาก ขอแก้ไข ดังนี้ นะคะ

หม่อมฉัน –ส .คำใช้แทนตัวผู้พูด สำหรับเจ้านายที่มีศักดิ์ เสมอกัน หรือสำหรับผู้หญิงที่ใช้พูดกับเจ้านาย เป็นสรรพนามบุรุษที่ 1.

ข้าพระพุทธเจ้า – คำใช้แทนตัวผู้พูด กราบทูลเจ้านายชั้นสูงหรือพระเจ้าแผ่นดิน เป็นสรรพนามบุรุษที่ 1

เกล้ากระหม่อม -ส. คำใช้แทนตัวผู้พูด เพศชาย เพ็ดทูลพระอนุวงศ์ชั้นพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระวรวงศ์เธอที่ทรงกรม และสมเด็จพระสังฆราช ถ้าผู้พูดเป็นเพศหญิง ใช้ว่า เกล้ากระหม่อมฉัน เขียนย่อว่า เกล้าฯ เป็นสรรพนามบุรุษที่ 1.

กระหม่อม-ส. คำใช้แทนตัวผู้พูด เพศชาย เพ็ดทูลเจ้านายชั้นหม่อมเจ้า และพระวรวงศ้ธอที่มิได้ทรงกรม เป็นสรรพนามบุรุษ ที่1.

เกียรติคุณ- เกียรติ, คุณที่เลื่องลือ , ชื่อเสียงโดยคุณงามความดี
เกียรติยศ- เกียรติโดยฐานะตำแหน่งหน้าที่หรือชาติชั้นวรรณะ
เกียรติประวัติ- ประวัติที่ได้รับการสรรเสริญ, ประวัติที่เลื่องลือ

และมีเพื่อนๆอยากดูเบื้องหลังการถ่ายทำ คุณRoytavan หรือคุณ Snowbyj คงหา คลิป หรือภาพมาให้ ดู ส่วนตัวคนเล่าก็จะพยายามเรียบเรียงเสียงประสานเป็นตัวอักษร ขอเวลากันหน่อยนะคะ

27.6.08

Yonsama......coldheart enemy [TRANS]

Dear TWSSG family and BTF family,


I read this post in BB's blog and in BJY's Quilt, I tink it's very interesting.

[Trans] coldheart enemy... yonsama
original in japanese: Josei Seven 7-10-08 p.35-37
scanned & posted by: miemi / byjgallery
translated into english: a sweet sister / bb's blog


Yonsama, “Role of Coldhearted Enemy
and Fukuyama Masaharu”


When Yonsama left Japan and arrived in New York,
he was surrounded by Japanese female fans.

“It seems that about 10 fans were waiting for him at the airport.
They have an amazing information network (laughs).
But he cheerfully smiled and responded to requests for handshakes.

It appears that he will be staying in New York for quite a while
as part of his rehab for his leg which was injured during filming.
He seems to be studying English while he researches films.
It has also been said that he may stay in New York
until the end of the year, at the latest.”
(Korean entertainment staff)

Just as we thought that news about Yonsama had entirely stopped
and left us feeling lonely...
this news has surfaced among fans.

“We are really happy that the next drama Yonsama will appear in
seems to be a project based upon a Japanese comic.
Perhaps filming may take place in Japan
and if he is to co-star with a Japanese actor,
there is concern as to who the co-star will be.”
(one fan)

The other day during his Japan visit,
Yonsama himself made the comment,

“A drama based upon a Japanese manga is being planned”
as this magazine has reported,
that popular manga is “Kami no Shizuku”
which is currently running in “Shukan Morning.”
(Kodansha Publishing)

The hero is Kanzaki Shizuku,
the son of international wine critic, Kanzaki Nodaka,
and he is a cheerful, spontaneous character.
The father Nodaka dies and his inheritance is passed on to Shizuku
and one other male based upon the father’s will.

That male, Tomine Issei, a brilliant wine critic,
for whom wine takes priority above all else,
will do whatever it takes in the name of wine as a coldhearted enemy
and a man with a dark side to his nature.

The story unfolds as the two clash in a fateful search
for the chosen “12 Disciples” “Drops of God” wines.

“It would be natural for Yonsama to take the lead role of Shizuku,
but Tomine Issei has the appearance of suits and glasses
which is similar to Yonsama’s look,
and there is also the desire to see the gentle Yonsama play a cruel male.
Which part he will play is a big topic among the fans.”
(another Yonsama fan)

“Kami no Shizuku” is written by a brother and sister duo
under the pen name of Agi Tadashi.
When we asked them directly, we received this reply.

“The truth is that in the spring of 2007,
we had wine together with Yonsama in Seoul." (Agi Tadashi)

The Korean translated version of “Kami no Shizuku”
became the biggest selling Japanese manga in Korea
and it was introduced numerous times in Korean newspapers,
on TV, in magazines and even now,
the series has created a major wine boom.

Mr. Agi continues. “YJ also loves wine
and he seemed to enjoy reading “Kami no Shizuku.”
The truth is that we told him that we are also fans of YJ.

Tomine Issei’s physical appearance is modeled after YJ.
Because we are fans of each other,
and being that we both are wine lovers,
led to our meeting in Seoul.”


Loves Red Wine More Than White

The location of their meeting was Gorilla,
the restaurant that Yonsama operates.
Yonsama wore a black suit, white shirt, a narrow dark gray tie,
as Mr. Agi revealed his meeting with Yonsama in this way.

“The thing I remember after meeting with him was
how very kind and sincere he is.

For example, when we were dining
and the others would become so absorbed in talking
that they wouldn’t notice that YJ had served everyone,
dividing up the food among the plates;
he is a casual, considerate person.

Also, even though we had a lengthy conversation,
not once did he boast about his own experiences.
That made me even more of a fan instead.

Also, he showed this side to himself. Yonsama,
who is known for his love of cameras,
also brought his camera to this occasion.
Because Yonsama is an aspiring director,
he was even photographing the wines at an event like this
and the customers.
The photos that YJ shoots carry his distinct flavor
and exuded the richness and sensitive emotions of the subjects
he managed to capture.”
(Mr. Agi)

Yonsama has a wine cellar in his home in Korea
and shows it off to friends that come to visit
because he loves wine so much.

“He is like us in that he loves wine
and he can hold his liquor quite well (laughs).
His face was slightly flushed (pink colored).
He looked so good holding a wine glass in one hand
and took on the appearance of Tomine.

We talked about the wines that appear in the manga
and how he drinks them.
When he travels overseas, he buys wines to bring home
as he seems to be researching the various wines of the world.

I don’t know if he has an obsessive aspect to his nature
when he likes something,
but he is passionate about research.
YJ seemed to love red wine more than white wine.”
(Mr. Agi)

Then the talk also turned to the drama which weighed on their minds.

“It is truth that YJ and we would like to see this manga made into a series.
We would like YJ to play the role of Tomine Issei
and we believe that this role will bring out a new appeal for him.
Also, I believe that he wants to play the role of Tomine Issei
and was considering the role.

The only thing is that the formal contract has not been signed yet.
That is why unfortunately, details cannot be discussed.”

If Yonsama desires to take on the enemy role,
this would be the wish of the fans mentioned earlier in this article
but the topic continues to expand
as even Korean fans are saying the co-star will be Song Seung Hoon,
and the debate starts up.

Amidst this, if there is to be a Japanese co-star…
the first choice given among Yonsama fans is Fukuyama Masaharu.

“The manga hints that both Shizuka and Tomine
are brothers with different mothers?
That Fukuyama has something different from the character
with his soft expression and kind eyes similar to Yonsama’s image
originally became a topic of discussion.

Based on just that, the talk first turned to Fukuhara Masaharu
being a good choice for the co-star.”
(separate Yonsama fan)

If this is going to be a joint Japanese Korean production,
there are difficult problems
such as what language will be spoken, will subtitles be added,
and if Fukuyama becomes the co-star,
the news about him will increase and fans can’t help
but have expectations about this project.

We immediately asked Fukayama’s management agency,

“We have not heard anything about this,”
was the reply we received.

If that is the case, when we asked Mr. Agi, who said,
as previously written in this article,
that the contract and details still remain unsettled,

“Fukuyama-san? He’s a bit older than Shizuka…(laughs)” he replied.
The current situation looks difficult
but on the other hand, there is this other news.

“If this becomes a Japanese Korean joint production,
I have heard the talk about Fukuyama Masaharu being a good choice as co-star.

But the talk of Yonsama securing the rights to the manga for a drama adaptation
is not to be taken lightly,
and all of the actors in Korea have a possibility of being cast.
It is just that Yonsama treasures his Japanese family and is thinking of them.
There are many fans desiring to see Fukuyama cast in the role
so we are anxious to see the next development.”
(ad agency staff)

The red wine selected by Yonsama and served at Gosireh in Shirogane
is proving to be popular with fans.

Just talking about Yonsama may be enough to possibly put one in a mellow mood.

=====================================


Thank you Happiebb, Miemi in byjgallery and Sweet Sister in bb's blog !!

Dear Family, although the information here is not definite.....it's still an interesting reading material.
Oh, is YJ going to stay in the U.S for a long time ??....I hope there will be some news of him !

Love,
myoce

25.6.08

ภาพชิน ด็องฮ็อก แต่งงานกับ โซล ชินยอง(Shin Dong Hyuk Wedding with Suh Jin Young)




50344 BYJ, it's the Quiz answer n' Prize myoce 19:48:2 14

Dear BYJ and BYJ family,

I'm sorry you had to go through that tasteless quiz, I'm putting you out of your misery now. Here are

the answers, If you can find it.....fine....if not.......don't despair :

1. Dolphin / fish : Lower left corner

2. Bear's / animal's face : Middle-left,between two boulders

3. Human Skull : Upper right,on cliff face

4. Mutant monster figure with mohawk : Middle,forefront



Your prize : Artwork by Chakosan.

I've stolen some of Chakosan beautiful artwork in Joon's Family, they were posted by Rosiebaba. I hope
you enjoy the story sequence which I created from the artworks. Please be advised that this is only

imaginary, not a true story :
http://picasaweb.google.com/penfui/JustDreaming/photo?authkey=sye-wUWKZhM#s5197306509684863042



Thank you so much Chakosan and Rosiebaba !!

Dear BYJ and family, I promise not to bother you again with tasteless quizzes.
Have a nice day,
myoce
Thanks myoce ...I like so much ...That's cool...!!!!! haaaa...haaaaa
LOVE
Roytavan

"Cinema Paradiso" Favorites Movies of BYJ.


ภาพยนตร์ประทับใจของ เบยองจุน

...จากบทสัมภาษณ์ เบยองจุนในคอลัมส์ที่แล้ว...จะเห็นได้ว่าเขาเป้นคนที่มีความตั้งใจจริงและมั่นคง...เมทื่อตัดสินใจทำแล้ว...เบยองจุนจะลงมือทำทันทีและทำอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะประสบความสำเร็จ...

...ครั้งหนึ่งเขาเตยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า...เขาอยากเป็นผู้กำกับภาพยนตร์...หากพวกเราติดตามการเคลื่อนไหวของเขาอย่างต่เนื่องจะเห็นได้ว่าเขากำลังเดินอยู่บนเส้นทางที่เขาได้ใฝ่ฝันไว้แล้ว...ไม่ว่าจะเป็นการเรียนก็มุ่งเรียนด้านการถ่ายภาพ...เรียนในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับภาพยนตร์...เมื่อคราวที่ไปนิวยอร์คก็ยังไปแวะดูงานนิทรรศการภาพยนตร์...ซึ่งเขาแทบขะไม่พลาดเลยสักครั้ง...


...ดังนั้น...ทุกท่านคงไม่ต้องแปลกใจเลยว่า...ทำไม...ภาพยนตร์ 1 ใน 5 ที่เขาประทับใจและดูมาแล้วไม่ต่ำกว่า 6 ครั้ง ถึงขั้นสั่งซื้อ DVD มาเก็บไว้เป็นสมบัติส่วนตัว ถึงมีเรื่อง "Cinema Paradiso" ด้วย..และเพลงที่ท่านได้ยินได้ฟังจากหน้าเวปไซต์เราในขณะนี้ก็คือ หนึ่งในเพลงที่ เบยองจุน ประทับใจด้วยนั่นเอง...ซึ่งเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง "Cinema Paradiso" โดย Ennio Moricone นั่นเองคะ...


เนื้อหาภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นอย่างไร....? ก็ลองไปหาชมกันนะคะ...แต่แน่นอนก็ยังเกี่ยวกับความใฝ่ฝันของเด็กชายคนหนึ่งที่รักภาพยนตร์และต่อมาก็ได้ไปเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ตามที่ตนเองตั้งความปรารถนาไว้...

Movies Favorites of BYJ.

BYJ is loving movies as much as he worked in cinema world to be a director firstly, prior to be an actor. At that time, he obscurely has dreamed of director but he thought to need a systematic research and entered into university. He bought camera and books affiliated with movie etc. during enjoying a campus life to the full and opened it to his classmates and made it to get together and to share the passion of the youth anytime possible. He is said to study all the technical part to be needed for a cinema and then compurter image program as well as photoshop.

Besides, he told that he is sure to see quite a few movies through video tape even a day without a photographing or relaxation period. It is said that he has seen maximumly 6 video tapes a day. He has watched it irrespective of genre randomly. In the case of the works of 'Falling down', 'Once upon a time in America, 'Taxi driver', 'Love Affair'. he purchased originals and saw to treasure and spare them. Especially, he was fascinated with the film 'Once upon a time in America.'

"This film is against the Brooklyn in the economic panic in the 1920s. Even the story is gloomy, we can find humor and wit in various parts of the films" He gave his impression of it.

In recent media, he said that pleasant British cinema,'Shallow Grave.'excellent thriller movie,'Usual Suspects' interestingly, In the latest interview, he enjoyed 'Shakespeare in love'

Hyeon : [byjquilt@hotmail.com]

BYJ... Asia investment..!

Joanne : Post on Quilt.
Subject : [Reposting] June issue of Asia investment..Night spent with Yon-sama(6/22/08)

Gaeulyeoja posted this on the Talk Box of BYJ's official home.
She reposted this from DC Inside's BYJ Gallery ("Baegal')

Gallogger: Todaktodak
Topic: Article that I brought from Snow's Queen Gallery...(Written by Soom)

This is said to be an article to be carried in June issue of membership magazine called Asia Investment...Although I have not watched neither WLS and TWSSG, I respect Yon-sama so very much..Truthfully~, if I can, my heart would like to recommend him as Korean Ambassador to Japan!! I feel that he is likely to do million times better than Ambassador Kwon so and so...

A night spent with Yon-sama

"I am really surprised. How come can you speak Korean?"
This is the first sentence Yon-sama threw at me. A rainy night in early part of June when the rainy season had begun, the suite room located in the top floor at the Conrad Hotel, one of the best class hotels in Tokyo, was creating serene beauty harmonized with breath-taking sceaneries of looking down Tokyo Harbor. As I sat across from Yon-sama in such a romantic room, I felt like that I would get grudge from women across entire Japan upon my self.

Yon-sama is visiting Japan leading no less than 50 staff for the 'TWSSG' campaign, and creating again 'Yon-sama Typhoon' in Japan in 3 years. In the past, Yon-sama had 5,000 fans gathered at the time of entering via Haneda Airport, and has record of 3,000 fans flocking in when he entered via Narita Airport, and when he entered Japan via Kansai Airport in this time, he set a record of 3,000 fans flocking to, accomplishing new record of mobilization in all of 3 major airports. Tickets for 35,000 people at a fan meeting held in Osaka Dome were sold out in just 18 minutes, and this ticket priced at 8,400 yen was priced at 800,000 yen in an auction. Coming to Tokyo since then, Yon-sama's entourage rented entire 38 suite rooms of this hotel, price of which is over 100,000 yen for one night's stay. In the media conference held in the NHK, over 300 reporters flocked in from entire Asian region, and that also accomplished a new record for NHK, greatly exceeding 100 people, a record at the time of media conference for 'Song Red-White Fight' which NHK sponsors in every year end.

Yoon-sama is definitely the greatest product in history that Korea has exported to Japan. That mighty power exceed by far the 'Chosun Communication Envoy' who visited Japan for no less than 12 times during Eto Period (1603~1868) and naturalized people coming from Korean Penninsula, who made big Buddhist statues in Nara Period (710~794). The reason is because that Yon-sama has changed half of Japanese (=women), who had not been interested in Korea until now into Korea-friendly people with just one person's ability. If we do not call this the historical great achievement, how can we call this!

In this time, it was my turn to be suprised. We were allowed only 4 minutes for shooting photos right before interview, Yon-sama changed his poses at will for cameraman as follows.

Sitting with smile ->Lifting his chin with left hand->Gathering both hands->Looking far away->Touching cheek with right hand->Looking at ring he wears on left little finger->Looking straight to the front->Embracing his arms->Twisting his right foot->Taking in a deep breath->Putting out left foot->Making his lips round->Lifting his head and looking at ceiling->Inserting both hands into pockes->Assuming a pose of praying->Standing leaning against a wall->Putting his finger into mouth->Pushing back his hair->Wrapping neck with left hand->Standing up while smiling.

Yon-sama assumed more than 20 poses as above in moments with breathtaking instantaneous reactionary force matching camera flashes. He is the professional among professionals which Japanese actors are not able to keep up with tip of his toe.

After the photo shooting, I had an interview with Yon-sama for over one hour on various (issues).

--You are the only one who steals hearts of Japanese women. What is the reason for that?
"That is because I consider fans as 'Family'. It is natural for family to keep each other in their hearts."

--You are certainly the number one actor in Asia. Don't you have any plan to advance into Hollywood or the world, do you?
"I am content as "Asia's BYJ'. I think that in the future, more promising Korean actor will accomplish advance into the world."

--As you acted the person with absolute power called The Great King Kwang-gae-toe, haven't you open your eyes for attraction of politics, have you? What do you think about politics?
"I do not have any thought to do politics. I am a through and through actor."

--Then, if you become a Korean Ambassador to Japan in the future? If you become the Korean Ambassador to Japan, it is definite that Korea and Japan can establish the best honeymoon relationship in history.
"Is it so? I do not know anything in the future. Even things of tomorrow are not clear to me. I just earnesly live this moment at present."

--As you are running a restaurant in Japan, do you think to unfold the business in Asia from now on?
"To me, Asia is not base for business, but the area where 'Family' , with whom I can symphasize with, are residing. People who do business are staff in my office, and I got to agree on because I wanted to feed 'Family' in Japan delicious Korean cuisine that my mother prepared (for me) when I was little."

--In comparison to Europe where 27 nations are united, there exist high national borders in Asia. Do you see that the national borders can be lowered in the future?
"I think that (borders) can be definitely lowered. For example, even at present, there are no national borders for my 'Family' who are spread in various nations in Asia. There progresses 'internationalization of actors' for Asian actors to appear in films or dramas in another Asian countries. I think that Asia has many common points from sentimental aspect."

While doing the interview, Yon-sama sipped small glass containing liquid like whiskey. Right before coming back after finishing the interview, I asked what it was. Yon-sama winked at me saying, "This is a natural water that I brought from Korea. We could drink together if it were Soju(a Korean hard liquer)." Yon-sama's charm was enough to attract even Japanese man...

6/22/08 20:16:07

*This is reposted from BaeGal..^^

24.6.08

Newsen.com praise to BYJ is The World Star..


[뉴스엔 이현우 기자]

배용준이 '가족'이라고 부르는 그의 팬. 세계지도가 필요한 배용준 팬들의 국적을 정리하면 28개국이 나온다. 한류스타에서 월드스타로 성장하고 있는 배용준의 현재와 과거를 케이블 채널 MBC 에브리원 '매거진 원'에서 만났다.

이집트에까지 팬이 있다고 소문난 배용준의 전세계 팬 분포도를 '매거진원' 제작팀이 끈질기게 찾아 나섰다. 그 결과 일본, 중국, 대만, 홍콩, 말레이시아, 싱가폴, 태국, 베트남, 우즈베키스탄, 필리핀, 캄보디아, 이집트, 가나, 미얀마, 브라질, 탄자니아, 튀니지, 터키, 네팔, 멕시코, 코스타리카, 파나마, 엘살바도르, 파라과이, 베네수엘라, 에콰도르, 도미니카, 콰테말라, 페루 그리고 한국까지 총 30개국이 꼽혔다.

또 '매거진원'은 배용준의 신인시절 무공해 매력 전격 공개한다. 그의 데뷔작 ‘사랑의 인사’이전 단역으로 출연했던 영화 ‘삘구’의 명장면이 소개되고 탄탄한 근육과 조각 몸매로 소문난 그의 몸매가 어떻게 변해 왔는지 자료화면을 통해 낱낱히 공개된다.

한류열풍 정상 '욘사마, 배용준의 모든 것'은 25일 오후 6시 55분 '매거진 1'에서 깜짝 공개된다.

이현우 nobody@newsen.com


기사제보 및 보도자료 newsen@newsen.com

손에 잡히는 뉴스, 눈에 보이는 뉴스(www.newsen.com)
copyrightⓒ 뉴스엔. 무단전재 & 재배포 금지

Joanne : post on http://www.baeyongjoon.com/

Subject : BYJ "I am a world star too", displaying multi-national fans from total of 30 nations [Newsen] 6/23/08*

When one arranges nationalities of BYJ's fans, his fans whom BYJ calls 'Family', one gets 28 countries. We meet present and past of BYJ, who is growing from a Hallyu star to a world star, in the 'Magazine One' on a cable channel, MBC Everyone.

The production crew of the 'Magazine One' tenaciously set out to search for world-wide fan distribution map for BYJ, who is known to have fans even in Egypt. As a result of that, they counted total of 30 nations of Japan, China, Taiwan, Hong Kong, Malaysia, Singapore, Thailand, Viet Nam, Uzbekistan, Phillippines, Cambodia, Egypt, Ghana, Myanmar, Brazil, Tanzania, Tunisia, Turkey, Nepal, Mexico, Costa Rica, Panama, El Salvadore, Paraguay, Venezuela, Equador, Donimican Republic, Guantemala, Peru, and Korea.

Also, the 'Magazine One' will suddenly unveils BYJ's un-polluted charm when he was newly debuted. They will introduce memorable scenes in film 'Bbilgoo, where he appeared as an extra before his debut drama 'Salut D'amour', and unveil in detail how his body style, widely known for solid muscles and sculptured body, has been changing through their archive of videos.

'Yon-sama, every thing about BYJ', zenith of the Hallyu hot wind, will be unveiled with surprise in the 'Magazine 1' at 6:55 PM on 25.

Reported by Lee Hyeonwoo, nobody@newsen.com
Copyright ⓒ Newsen

ความคิดเห็นกับละคร ตำนานจอมกษัตริย์เทพสวรรค์

Amornbyj ขอเปิดม่านละคร The legend อีกครั้ง

...เนื่องจาก ยังเหลือค้างความชื่นชม อยู่กับละครเรื่องนี้ อยู่อีกมากมาย ทั้ง ทีมงาน ผู้กำกับ นักเขียนบท นักแสดง รวม ทั้งเกียรติคุณ ความสำเร็จของละคร เรื่องนี้เมื่อ สิ้นปี 2007 ที่ผ่านมา แม้ว่า ที่ประเทศไทย กระแสของ the legend ไม่แรงเท่าประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ ด้วยเหตุหลายประการ ที่คงไม่เอ่ยถึงเพราะกาลเวลามันล่วงเลยมาแล้ว แต่อยากเชิญชวน เพื่อนๆ ที่ชื่นชอบละครเรื่องนี้ จะด้วยเพราะละคร หรือนักแสดง ก็สุดแล้วแต่ มาแลกเปลี่ยนความรู้สึก ความคิดเห็น กันนะคะ The Legend มีเป้าหมายที่จะสื่อไปที่ประเทศอื่นๆ 90 ประเทศทั่วโลก แต่ว่า เมื่อเร็ว ๆนี้ ได้ยินข่าวว่า น่าจะเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ เพราะ เหมือนจะเป็น 99 ประเทศ แล้ว อย่างไรเสีย ขอรับรองว่าการกล่าวขวัญถึงเรื่องราว ของ the legend ยังเป็นเรื่อง IN TREND อยู่แน่นอน


ละครเรื่องนี้ ON AIR ที่ประเทศเกาหลี เมื่อวันจันทร์ ที่ 10 กันยายน 2550 เป็น โปรแกรมพิเศษ และในวันอังคารที่ 11 พุธที่12 พฤหัสที่13 กันยายน 2550 หลังจากนั้นก็เป็น ทุกคืนวันพุธ พฤหัส จนปิดท้ายรายการเมื่อ วันที่ 7 ธันวาคม 2550 ในรายการ Special ending program


ในวันเปิดม่านละคร แฟนคลับชาวญี่ปุ่น จัดทัวร์ไปลงที่ประเทศเกาหลี เพื่อ การไปร่วมชม ละครเรื่องนี้ พร้อมๆ ชาวเกาหลี และต่อมา วันจบตอนที่ 24 มีการฉายละครตอนจบบทที่ 24 นี้ ที่โรงภาพยนตร์ รวมทั้งต่อมา ก็มีการ ฉายละคร The legend นี้ ที่โรงภาพยนตร์ในญี่ปุ่น ในลักษณะ ฉายเป็นตอนๆ ชาวญี่ปุ่นตอบรับ ละคร เรื่องนี้ ขนาด นี้ เพราะ ท่าน ยอนซามะของพวกเขา จะเป็นใครเล่า ถ้าไม่ใช่ เบ ยองจุน ผู้เป็นที่รักยิ่งของผู้คนมากมายในญี่ปุ่น ความชัดเจนยิ่งมีมากขึ้น จากการไปเยือน ญี่ปุ่น อย่างเป็นทางการ เมื่อต้นเดือน มิถุนายน 2551 นี้ ของ เบ ยองจุน และทีมงาน เพื่อ โปรโมตละคร ที่จะ ON airที่สถานีNHK ถือเป็นปรากฏการมหัศจรรย์เป็นครั้งที่สอง หลังจากการเยือน ญี่ปุ่น อย่างเป็นทางการ ในปี 2004 ของ เบ ยองจุน และ ปรากฏการใหม่ในครั้งนี้ ยิ่งใหญ่กว่า ปี 2004 เสียอีก ในปี 2004 ที่เกิด BYJ Syndrome ก็ ว่ากันว่า มหัศจรรย์ เกินบรรยาย กันมาครั้งหนึ่งแล้ว แต่ว่า เข้าเรื่องละคร ดีกว่านะคะ


ขอชื่นชม คุณ ซงจีนา สคริปต์ไรท์เตอร์ เธอเป็นสุภาพสตรี ได้เขียนบท ละคร เรื่องนี้ เขียนไปแก้ไป ตามสถานการณ์บังคับของความผันผวนต่างๆ การฟ้องร้องในประเทศเกาหลีเอง ความสัมพันธ์ ระหว่างประเทศ ความไม่เห็นด้วยของแนวการสื่อละครของนักแสดงและผู้กำกับ จนสุดท้าย คือ อาการบาดเจ็บของนักแสดงคนสำคัญ อ้อ ลืมให้ เครดิต คุณ ปาร์ค คยองซู ที่ตอนหลังมีชื่อว่า เป็นสคริปต์ไรท์เตอร์ด้วย


บทละครของคุณซงจีนา กระชับ ไม่เยิ่นเย้อ ตื่นเต้นเร้าใจชวนให้ติดตาม ไม่มีตัวประกอบรุงรังถ่วงเวลา สื่ออารมณ์ หลากหลาย ตัวคนเล่าเรื่องย่อเอง ดูละคร ไป ยิ้มไป ด้วยในบางครั้ง ไม่เครียด มีอารมณ์ร่วมคล้อยตามกับบทบาทการแสดงทุกฉากทุกตอน


ละครเรื่องนี้หลากหลายสีสัน โศกเศร้าเคล้าน้ำตา ชิงไหวชิงพริบ กุ๊กกิ๊กน่ารัก บางทีก็น่าหมั่นไส้ ขำขัน ก็หลายช็อต มีประโยค คำพูด ดีๆข้อคิดดี ๆหลาย ที่ ประเภท ประโยคเด่น วลีเด็ด การแสดงเยี่ยม ความน่ารักของตัวละครหลายตัวแม้แต่ จูมูชิ บาซอนและ ตัวประกอบอื่นฯลฯไม่ใช่แค่จากพระเอกนางเอก ตัวเอก ความอิจฉาริษยาจากพวกอธรรมกับสวรรค์ ความมืดมัวด้วยความโลภ ความทะเยอทะยาน ทำเรื่องผิดแล้วคิดว่าทำดีเพราะคิดว่าทำเพื่อชนชาติบ้านเมือง ความหลงผิดจากโวหารที่ว่า น้ำหยดลงหิน ทุกวันหินมันยังกร่อน(จนยอนโฮแกคิดว่า ตนเองคือ กษัตริย์จูชิน) ความรักที่ลุ่มหลงไร้เหตุผล ประเภทหาต้นไม่ได้....หาปลายไม่พบ...(ของยอนโฮแก ที่มีให้โซคีฮา) ความรักที่เห็นแก่ตัว ต้องการแต่การครอบครอง (ของโซคีฮา ที่มีต่อ ทัมด๊ก) ความรักที่เสียสละรักนี้มีแต่ให้ ไม่หวังผลตอบแทน (ของซูจินี ที่มีต่อทัมด๊ก) ความเมตตาที่กษัตริย์มีให้กับพสกนิกร( ของทัมด๊ก) ความรับผิดชอบในหน้าที่ (ของ กษัตริย์หยาง ฮยอนโก ขุนพลโก องครักษ์หญิง Kakdan ) ความซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ ปณิธาน(ของ ขุนพลโก จอกฮวาน จูมูชิ) ความรักลูกของกษัตริย์ หยาง พระมารดาของทัมด๊ก ท่านหญิงยอน เสนาบดียอน ( ยอมหันหลังให้กษัตริย์จูชิน ยอมตาย ทั้งที่เชื่อว่า ตนตายแล้ว ก็ไม่ได้ไปสวรรค์) และสุดท้าย โซคีฮา ผู้มีสัญชาตญาณเสือ รักลูก และฆ่าทุกคนได้ แม้คนรัก

คำว่าผู้รู้ใจ ของ ฮยอนโก และขุนพลโก ที่รู้พระทัยทัมด๊ก และความจงรักภักดี ของคนทั้งสองที่มีต่อทัมด๊ก

หากจะนับรวม ว่า ผู้นำแคว้นจุนโน ฮีกแก จอมโวยวาย มุทะลุใจร้อนพูดไม่เพราะ แต่ มีความจงรักภักดี กับตำแหน่งกษัตริย์ โคคุเรียวก็น่าจะได้

ตัวอย่างที่ดี ของการไม่พูดปด เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น แม้ กระทั่ง ตัวร้ายทั้งหลาย รวมทั้งความเจ้าเล่ห์ของแทจังโร ไม่ได้เจ้าเล่ห์แสนกลเกินเหตุ เพียงแต่ เป็นนักจิตวิทยาตัวยงใช้คำพูดโน้มน้าวใจอย่างมีหลักการและเหตุผล เมื่อเป็นฝ่ายผู้ร้าย ก็ประกาศตัวโจ่งแจ้ง ว่า ฉันน่ะ ผู้ร้ายนะจ๊ะ

รวมทั้งบทที่สื่อ ความมีวิสัยทัศน์ ของ ทัมด๊ก ในหลายๆด้านในการปกครองประเทศ การขยายดินแดนที่ไม่ได้โหดร้ายมุ่งแต่ชัยชนะ จนได้รับการถวายพระนามกวางแกโตมหาราช (ที่มีการบอกถึงความหมายนี้ไปแล้ว ) ในภายหลัง การพัฒนาเรียนรู้ และยึดตามแบบอย่างที่ดี และการปรับตัวของ คนเร่ร่อน เผ่าซีอู นับแต่ จูมูชิ มันด๊ก

การเขียนบท ทำศึก ที่คุณ ซงจีนา ต้องศึกษามาจากตำราพิชัยสงครามหลายปรมาจารย์ ไม่ยกเมฆความเก่งกล้าสามารถ ทระนงองอาจ เชียวชาญชำนาญศึก ของ ทัมด๊ก ให้เห็นเพียงนามธรรม แต่มีรูปธรรมเด่นชัด สัมผัสรับรู้ได้

มาลองอ่านประโยคดีๆ ที่ คนเล่าเรื่องชอบนะคะ ถ้าท่านใด อ่านแล้ว รู้สึกว่า ไม่เห็นดีตรงไหนเลย ธรรมด้า ธรรมดา ก็ขอให้ นึกถึงกลอน เก่า ที่ขอลอกมาอ้างตรงนี้นะคะ

สองคน ยลตามช่อง
คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม
อีกคนตาแหลมคม
มองเห็นดาวอยู่พราวพราย
ไม่ได้ตีความว่า คนที่มองเห็นดาวอยู่พราวพราย เป็นคนฉลาด หรือ สายตาเฉียบแหลมนะคะ เพราะในกลอนบอกชัด ว่า ยลตามช่อง แปลว่า มองจากคนละช่อง มองคนละมุมต่างหาก สรุปว่า มองคนละมุม กันนะคะ ไม่ได้หมายความว่า คนที่มองเห็นโคลนตม เป็น คนโง่นะคะ ช่องนั้น มุมนั้น มองออกไปแล้วเป็นโคลนจริงก็ได้ หวังว่า กลอนบทนี้คงไม่ทำให้เกิดประเด็นขัดแย้งกันนะคะ

โซคีฮา เล่าว่าตนกำพร้า มีคนอื่นเอามาเลี้ยงดู เขาบอกว่า ความกล้าหาญไม่ได้อยู่ที่การใช้อาวุธต่อสู้ห้ำหั่นกัน นั่นคือความเขลาต่างหาก ความฉลาดต่างหากที่คนกลัว ความฉลาดใช้กลอุบายจับศัตรู การทำบางสิ่งทั้งๆที่กลัวเหมือนการจับเสือโดยใช้กับดัก ต้องใช้ปัญญาเอาชนะ นั่นแหละความกล้าหาญ


ตนเองช่างโง่เขลา เพราะคิดว่า คนอื่นๆจะเห็นยอนโฮแกสมควรจะได้เป็นกษัตริย์ เพราะยอนโฮแก เกิดภายใต้ดวงดาวกษัตริย์จูชิน แต่ตนคิดผิด นั่นเป็นเพราะท่านหญิงยอนผิด เสนาบดียอนบอกต่อว่า ตนจะรอ รอที่คนอื่นจะยอมรับยอนโฮแกเป็นกษัตริย์ ที่สำคัญ คือการรอในครั้งนี้มันจะคุ้มค่าของการรอหรือไม่ ยอนโฮแกถามเสนาบดียอนว่า ถ้าข้าได้เป็นกษัตริย์มันจะเพียงพอสำหรับท่านพ่อหรือไม่ ถ้าข้าได้เป็นกษัตริย์ ข้าจะมีอำนาจเหนือองค์ชายที่ฆ่าแม่ของข้าได้หรือไม่


พระบิดาทรงย้ำว่า พวกนั้นไม่ต้องการเชื่อ “ คนเราจะเชื่อในสิ่งที่เขาอยากเชื่อเท่านั้น”


องค์ชายทรงถามโซคีฮาว่า ถ้าข้าต่อสู้ได้เก่งกาจ ข้าจะเป็นคนดีไหม ข้าได้ฆ่าแม่ของเพื่อนที่แสนดีของข้า ข้าจะยังเป็นกษัตริย์ที่ดีหรือ ช่วยบอกข้าทีว่า ถ้าข้าเรียนรู้วิธีการต่อสู้ทั้งหลายเหล่านี้ ข้าจะเป็นกษัตริย์ที่ดีไหม


องค์ชาย ทรงบอกกับซูจินีว่า มันมีหนี้ที่ต้องจ่าย ข้ามีหนี้ที่ต้องจ่ายให้กับลูกชายของตระกูลยอน วันนี้ข้าจ่ายเพียงดอกเบี้ย

ฮยอนโก ชื่นชม ยอนโฮแก แต่ก็ข้องใจ ว่า ทีมสีเหลืองคือผู้ส่งคนไปวางยาม้าของทีมสีดำ องค์ชายตำหนิว่าไม่มีหลักฐานอย่ากล่าวให้ร้ายผู้อื่น


มันเริ่มจากนั้น ชื่อของเขาทัมด๊ก ข้าขอถามเจ้าข้อหนึ่ง เพื่อชีวิตของคนเล็กๆคนหนึ่ง เจ้าจะยอมเสี่ยงกับความฝันนับพันปีของคนฮวาเซินหรือ แล้วก็ยกสายสร้อยขึ้น อย่าลืม คีฮา.... อย่าลืมเรื่องที่เกิดกับฟินิกซ์ ที่ปล่อยให้ความรู้สึกเหนือนาง นางให้หัวใจและสูญเสียพลังฟินิกซ์ (แล้วก็เป็นภาพ คาจินถูกเทพฮวานอุงเก็บพลังไฟใส่ลูกแก้ว แล้วคาจินหงายหลังลงหน้าผา) แทจังโรสวมสร้อยให้โซคีฮา อย่าลืมเรื่องนั้น ว่าเราสูญเสียพลังและดินแดนอย่างไร แล้วก็เอามือจับไหล่โซคีฮาที่แทจังโรฝังสัญลักษณ์สาวกฮวาเซินไว้ ย้ำว่า ถ้ามีใครมาเอาหัวใจของฟินิกซ์ของเรา เขาจะกลายเป็นศัตรูของฮวาเซิน แล้วก็ใช้ เวทย์มนตร์สะกดโซ คีฮา

เทวีพยากรณ์เป็นห่วงองค์ชายว่า เสนาบดียอนคงไม่ยอมง่าย ๆ และองค์ชายจะมีอันตราย กษัตริย์ตรัสอย่างยอมรับว่า หากนี่เป็นสาเหตุให้องค์ชายต้องตาย เขาคงไม่ใช่กษัตริย์ที่แท้จริง ถ้า ยอนโฮแก จะต้องเป็นกษัตริย์ มันก็ถูกต้องที่เขาจะได้เป็น เทวีพยากรณ์ถามว่า พระองค์ ยังไม่แน่พระทัยในตัวของพระโอรสของพระองค์เองหรือ กษัตริย์ทรงตอบว่า ข้าไม่ได้ปกป้องเขาในฐานะลูกชายของข้า ข้าปกป้องเขาในฐานะประชาชนของจูชิน ถ้าไม่มีใครไปปลุกให้เขาตื่นขึ้นจากการหลับ นั่นเราคงจะปกป้องผิดคน(ที่องค์ชายทัมด๊ก ยังไม่ตื่นจากการหลับใหลที่ดูว่ายาวนาน เพราะสวรรค์ลิขิตไว้แบบนี้นั่นเอง)

ฮีกแก กราบทูลว่า กษัตริย์จะไม่ขอการสนับสนุนจากเสนาบดี กษัตริย์ทรงเป็นหัว ข้าราชบริพารเป็นแขนขา คนประเภทไหนกันที่จะขอให้นิ้วมือนิ้วเท้าของเขาเองทำสิ่งที่เขาต้องการ กษัตริย์ ทรงตรัสว่า ถ้าท่านสนับสนุนข้า ท่านอาจจะไม่ได้เห็นคนของท่านที่ถูกขังอยู่ที่บ้านตระกูลยอน ข้ากำลังขอให้ท่านสละชีวิตเพื่อกษัตริย์พระองค์ใหม่ ฮีกแก หลับตาลงอึดใจ แล้ว กราบทูลว่า ฝ่าบาท อย่าทรงขอสิ่งนั้นจากหม่อมฉัน สิ่งที่ต้องทำก็คือ สั่งหม่อมฉันพะย่ะค่ะ

"สิ่งนี้เป็นของแม่เจ้า ในคืนดวงดาวแห่งจูชิน แม่ของเจ้าซ่อนตัวอยู่ในป่า และเมื่อดวงดาวส่องสว่างเต็มที่ นางก็ให้กำเนิดเจ้า มันเป็นคืนที่หนาวอย่างผิดปกติ ในคืนที่หนาวเช่นนั้น แม่ของเจ้าพาตัวเองขึ้นไปบนภูเขา สามวันจากนั้น นางก็เสียชีวิตในกระท่อมบนเขา เราทำให้วันนั้นเป็นวันเกิดของเจ้าตามที่แม่ของเจ้าต้องการ เพราะเราเชื่อว่าเจ้าคือกษัตริย์จูชิน เพราะเราต้องการปกป้องเจ้า นักพรตหญิงที่มาหาเราคืนนั้นบอกเช่นนี้ มีคนมากมาย ที่อยากได้ชีวิตของกษัตริย์จูชิน เพราะฉะนั้นเขาจะต้องซ่อนตัวและทำตัวสงบเสงี่ยม พวกเขาบอกว่า มันเป็นโองการสวรรค์"


กษัตริย์ทรงย้ำว่า : "แม่ของเจ้าปกป้องเจ้าด้วยชีวิตของนางและข้าจะทำให้เจ้าเป็นกษัตริย์วันนี้คือวันที่มาถึงแล้ว"


แทจังโร ทำสียงเหมือนพ่อมดสะกดจิต โฮแก : "ท่านโฮแก กษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่และเมตตาหลายพระองค์ ก็ทรงเคยผ่านการนองเลือดก่อนจะขึ้นครองบัลลังก์ มันไม่สำคัญหรอกว่าจะขึ้นเป็นกษัตริย์อย่างไร สิ่งที่ทรงทำหลังจากการขึ้นเป็นกษัตริย์เป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า" แล้วเสริมต่อว่า "ท่านสามารถอยู่ในที่สว่างท่านโฮแก ฮวาเซินจะทำงานในที่มืดเอง"
ยอนโฮแก ยังห่วงว่า : "แต่เลือดของประชาชนโคคุเรียวจะนองท่วมพื้น "
แทจังโรตอบว่า "ในแผ่นดินโคคุเรียวจะมีเพียงเลือดของกษัตริย์และองค์รัชทายาท เท่านั้น ข้าขอสาบานกับท่าน" แล้วก็ทำท่านบนอบค้อมคำนับ ก้มหน้าซ่อนรอยยิ้มที่ชั่วร้าย


ยอนโฮแก : "ข้าจะเป็นกษัตริย์แต่ต้องด้วยความสง่างาม และเกียรติยศ เพราะฉะนั้นท่านพ่อ..." ยังไม่ทันจบประโยค เสนาบดียอน ก็ตบหน้ายอนโฮแก เสียงดังฉาด
เสนาบดียอน : "เจ้าเอาอันตรายมาสู่บ้านเมือง เพราะผู้หญิงคนเดียว นั่นหรือคือความสง่างามและเกียรติยศของเจ้า"
แทจังโรแอบฟังอยู่นาน เข้ามาเสริมว่า "ถูกแล้วท่านโฮแก มันควรจะจัดการ โดยมิให้ ต้องชักดาบสักเล่มเดียวออกจากฝัก ผู้นำแคว้นที่ถูกลักพาตัวบุตรชายไป จะรวมตัวเข้าเป็นหนึ่ง และหากพวกเขาต้องสละชีวิต เพื่อประโยชน์ของบ้านเมืองแล้ว ก็ควร กษัตริย์ไม่ต้องมีห่วงอีกต่อไป ท่านควรขึ้นครองราชย์ เหมือนอย่างที่ทุกคนต้องการ ให้ท่านคนที่เกิดภายใต้ราชวงศ์ ภายใต้ดวงดาวจูชิน ก็คือท่านโฮแก ประชาชนในอาณาจักรนี้จะมีแต่ความสงบสุขในดินแดน ไม่มีการบาดหมางอีกต่อไป "


ขุนพลโกเข้าเผ้ากษัตริย์ รายงานว่าประตูทิศตะวันออก ตะวันตก ทิศใต้ แตกแล้ว ทรงโปรดมีพระบรมราชโองการส่งทหารม้าเหล็กออกไป
กษัตริย์ทรงตอบว่า ถ้าส่งออกไปลูกหลานโคคุเรียวต้องนองเลือด ทหารม้าเหล็กประกอบไปด้วย บุตรชายตระกูลขุนนางของ 3 เผ่า หากส่งพวกเขาออกไปเขาจะเอาดาบไปจ่อคอใครเล่า จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อพวกเขาต่อสู้กับทหารเดินเท้า
ขุนพลโกกราบทูลว่า : มันไม่สำคัญว่าจะมีชีวิตสูญเสียไปเท่าไร เราจะปกป้องฝ่าบาทจนกว่าทหารคนสุดท้ายจะสิ้นลมหายใจพะย่ะค่ะ


กษัตริย์ : ท่านเสนาบดียอน ท่านรู้ไหมว่าทำไมข้าถึงต้องมานั่งอยู่บนบัลลังก์ หลายปีที่ผ่านมา ทั้งหมดก็เพื่อให้รัชทายาทขึ้นเป็นกษัตริย์

กษัตริย์ แย้มริมโอษฐ์ : ข้าไม่กลัวอะไรกับความตาย สิ่งที่ข้ากลัวจริงๆ ก็คือไม่สามารถทำให้ความตั้งใจของข้าเป็นจริง ข้าจะทำให้รัชทายาท ทัมด๊ก เป็นกษัตริย์แห่งโคคุเรียวนั่นคือความประสงค์ของข้า


มันเป็นเวลากว่า 2 พันปี ตั้งแต่การก่อตั้งและการล่มสลายของจูชิน สวรรค์กล่าวว่า กษัตริย์จูชินจะทรงกลับคืนมา ข้าไม่รู้ว่าจะเป็น รัชทายาท ทัมด๊ก หรือบุตรชายของเสนาบดียอน แต่ถ้าเป็นองค์ชายทัมด๊ก เจ้าต้องคุ้มครองเขา หากไม่ใช่เขา...จนกว่าเจ้าจะแน่ใจว่า เขาไม่ใช่กษัตริย์จูชิน ทรงถอนพระทัยเช่นนั้นเจ้าต้องเอาชีวิตเขา ถ้าประเทศชาติมีกษัตริย์ 2 องค์ ประชาชนจะเดือดร้อน เพราะฉะนั้นเจ้าต้องเอาคนออกไปและคุ้มครองเขา
ขุนพลโกน้ำตาคลอคุกเข่าลง กราบทูลว่า หม่อมฉัน โกอูซุง ขอรับสนองพระบรมราชโองการพะย่ะค่ะ


องค์ชาย : "ข้าจะทำอะไรได้ เสนาบดีของอาณาจักร พากันเป็นศัตรูกับกษัตริย์ พวกเขาต้องการฆ่าข้า เพื่อยกกษัตริย์ของพวกเขาขึ้นมา ทหารที่มีหน้าที่คุ้มครองข้า กลับขอให้ข้าเสียสละชีวิตตนเอง และ..ผู้หญิงที่ข้าไว้ใจ กลับรับใช้คนอื่นในฐานะกษัตริย์"



แทจังโร เดินไปเดินมาและเหมือนจะรู้ว่า โซคีฮา แอบฟังอยู่ และพูดต่อว่า : "ไม่มีใครในปราสาทโกกแนสนับสนุนฝ่าบาท ไม่มีใครจะหลั่งน้ำตาให้กับความตายของพระองค์" แล้วก็ทรุดตัวลงนั่ง
เสนาบดียอน : "ท่านไม่เคยบอกมาก่อนว่าท่านต้องการสิ่งใดจากเรื่องนี้ มันอาจเป็นเพราะสิ่งนั้นมันไม่ใช่สิ่งที่ข้าจะให้ได้ใช่ไหม"
แทจังโร : "ข้าเคยบอกท่านแล้วความปรารถนาเดียวของเราก็คือรับใช้กษัตริย์แห่งจูชิน"
เสนาบดียอน : "แล้วท่านได้ประโยชน์อะไร"
แทจังโร ย้อนถามว่า : "เมื่อท่าน โฮแก ขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งจูชิน และกษัตริย์แห่งโคคุเรียว มันจะเป็นประโยชน์อะไรกับท่านหรือ ท่านรู้ว่าหน้าที่ของท่านก็คือพ่อของเขา เราก็รู้ว่า หน้าที่ของเราคือ ฮวาเซิน ในวันพรุ่งนี้เช้า กษัตริย์พระองค์ใหม่จะขึ้นครองราชย์ในโคคุเรียว"


แทจังโรและเสนาบดียอน ปรึกษากันเรื่องที่องค์ชายเสด็จมาถวายบังคมพระบรมศพ ที่อารามหลวงแทจังโร : บุตรชายผู้นำแคว้นได้เสียชีวิต นั่นมิใช่โศกนาฏกรรมหรือบางทีนี่อาจเป็นเลือดที่ถวายเพื่อกษัตริย์ จูชิน

แทจังโร สบโอกาสอีกแล้ว : ท่านพูดว่าท่านต้องการเลือดของเขาเพื่อเซ่นดาบของท่านมิใช่หรือ ข้าจะช่วยให้มันเกิดขึ้น ข้าจะทำให้ท่านเป็นวีรบุรุษที่แก้แค้นให้กับความตายของบุตรชายทั้ง 3 ผู้นำแคว้น จะไม่มีใครหลั่งน้ำตาให้กับความตายของเขา ข้าสัญญากับท่าน


โซคีฮา ทูลตอบว่า : "หม่อมฉันมาปกป้องพระองค์และจะพาพระองค์ออกไป องค์รัชทายาททรงรอคอยฝ่าบาทอยู่เพคะ เราเตรียมการที่จะให้ทรงพบกัน"
กษัตริย์ : "ออกไป ออกไป ออกไปจากวังของข้าหรือ" ทรงประทับยืน : "เขาบอกให้เจ้าทำหรือ ให้เจ้ามาหาพาข้าไปพบเขา แล้ววิ่งหนี"
โซคีฮา : "ไม่เพคะ นี่ไม่ใช่สิ่งที่องค์ชายบอกหม่อมฉัน คนข้างนอกนั่น ไม่ได้ต้องการแค่ชีวิตของรัชทายาท แต่พวกนั้นต้องการพระชนม์ชีพของฝ่าบาทด้วย ฝ่าบาทต้องไม่ประทับอยู่ที่นี่อีกต่อไป"
กษัตริย์ : "วิ่งหนี เพื่อรักษาชีวิตตัวเองหรือ"
โซคีฮา : "นั่นเป็นสิ่งที่หม่อมฉันต้องการให้ฝ่าบาททำ หม่อมฉันอยากให้ฝ่าบาทออกจากวัง และทรงมีพระชนม์ชีพ ที่เป็นสุข"
กษัตริย์ : "วิ่งหนีแล้วอยู่อย่างมีความสุขกับเจ้าหรือ"
โซคีฮา : "ฝ่าบาทจะไม่ทรงปลอดภัยหากยังทรงประทับในปราสาทโกกแน ที่นี่สกปรกเกินไป หม่อมฉันจะคุ้มครองทั้งสองพระองค์ และออกไปจากที่นี่ เราไม่มีเวลาแล้ว เราต้องออกไปจากวังก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้นเพคะ "
กษัตริย์ : ทรงระบาย ปัสสาสะ (ลมหายใจออก) : "ข้าก็ปรารถนาที่จะเห็นด้วยกับเจ้า ทรงพระราชดำเนินผ่านหน้า" โซคีฮา : "เมื่อใดที่ข้าเห็นเจ้าทั้งสองอยู่ด้วยกัน หัวใจของข้าก็รู้สึกยินดี ทรงหยุดที่หน้าแท่นบูชา : หากว่าเจ้าทั้งสองออกไปได้และอยู่ด้วยกันอย่างเป็นสุข" แล้วทรงหยิบพระแสงดาบของกษัตริย์จูมงขึ้นมา


กษัตริย์ทรงหันมาทางโซคีฮา ตรัสว่า : "อภัยให้ข้าด้วยเด็กน้อย ลูกข้า...ผู้ซึ่งเกิดภายใต้ดวงดาวจูชิน ไม่ว่า เจ้า...หรือข้า...ก็หยุดโชคชะตานี้ไม่ได้ ลูกชายข้า ทัมด๊ก จะต้องไม่วิ่งหนีสิ่งใด เขาทำไม่ได้ เด็กน้อย…อภัยให้ข้า ที่แยกเขาจากเจ้า"


ยอนโฮแก ตวาด : "ตรัสมา" และตะโกนใส่พระพักตร์ : "ข้ากำลังฟังฆาตกรฆ่าแม่ของข้า องค์ชายทัมด๊ก"
องค์ชาย : "แก้แค้นให้แม่ของเจ้า ถ้าเจ้าเป็นนักรบโคคุเรียวจริง ถ้าเช่นนั้น เจ้าก็ทำด้วยตัวเอง"
ยอนโฮแก สวนกลับ : "อะไร"
องค์ชาย : "เจ้าไม่รู้ว่าจะสู้ด้วยตัวเองอย่างไรหรือ"
ยอนโฮแก หันไปบอก : "นี่คือสงครามของข้า ใครอย่าได้ยุ่งเกี่ยว"


กั๊กตัง : "หม่อมฉันเห็นด้วยตาของหม่อมฉันเองว่า นางแทงฝ่าบาท" (นี่คือตัวอย่างของความเป็นจริงว่า สิ่งที่เห็นอาจไม่เป็นอย่างที่เห็น สิ่งที่ได้ยิน อาจไม่ใช่เรื่องที่ได้ยิน สรุป คือ อย่าเพิ่งด่วนสรุปสิ่งที่เห็น สิ่งที่ได้ยิน ต้องดู และฟังองค์ประกอบให้ละเอียดถี่ถ้วน ภาพที่กั๊กตังเห็น โซคีฮา ช่วยดึงดาบออก ไม่ใช่แทง แต่เพราะตกใจจึงไม่ได้วิเคราะห์ว่าภาพที่เห็นคืออะไรแน่)
องค์ชาย พระทัยร้ายมากที่ผลัก กั๊กตังล้มลง แล้วยังใช้พระแสงดาบจี้คอกั๊กตัง : "ใคร ใครบอกให้เจ้าโกหกเช่นนี้"
กั๊กตังอุตส่าห์เก็บลมหายใจสุดท้ายของตัวเอง จนมาถึงได้พบองค์ชาย เมื่อเงยหน้าจากท่าที่ล้มลงได้ทูลองค์ชายว่า : "หม่อมฉันนำสาสน์มาส่งพระองค์ขอให้ทรงเป็นกษัตริย์แห่งจูชิน ทรงได้ยินไหมเพคะ เมื่อทรงได้ยิน หม่อมฉันก็ได้ทำงานสำเร็จแล้ว"


โชจูโด รู้สึกสงสัย ไม่ใช่ โฮแก หรอกหรือที่เป็นกษัตริย์จูชิน แล้วทำไมถึงได้มีแสงส่องสว่าง และยังคำจารึกพวกนั้นอีก "ทำไมถึงได้บอกว่า ทัมด๊ก คือกษัตริย์จูชิน"
เสนาบดี ยอน เริ่ม ไม่พอใจ และขู่ โชจูโด ว่า "ถ้าข้าได้ยินข่าวลือประหลาดในปราสาทโกกแน ท่านเป็นคนแรกที่ต้องรับผิดชอบ"
โชจูโด บอกว่า "ข้าจะไปควบคุมคนอื่นได้อย่างไร พวกเขาเห็นแสงสว่าง พวกเขาเห็น"
เสนาบดียอนตอบว่า "นั่นแหละข้าถึงบอกว่าท่านต้องรับผิดชอบ ท่านต้องจัดการกับคนที่ปราสาทดัลจา ผู้บัญชาการปราสาทดัลจาอาจจะต้องการรู้สิ่งที่เขาได้เห็นในคืนนั้น" แล้วออกจากห้องไป

เสนาบดียอน ส่ายหน้าย้อนว่า มันไม่สายไปหรือที่จะเปลี่ยนใจ หรือจะให้ข้ากล่าวหาท่านว่า เป็นคนปลงพระชนม์กษัตริย์ แต่ แทจังโร ย้อนว่า เราสามารถเปิดเผยได้ว่าใครเป็นผู้ชักใยอยู่เบื้องหลัง
เสนาบดี ต้องรำพึงขึ้นว่า ข้ากำลังจับหางเสืออยู่หรือนี่ !!
แทจังโรตอบว่า ในเมื่อท่านจับมันได้แล้ว ทำไมไม่ใช้ประโยชน์ให้มันเหมาะสมเล่า


องค์ชายประทับนั่งลง : ข้าบอกกับเจ้าว่านาง...เป็นคนที่ข้าเชื่อใจมาตั้งแต่ข้า อายุ 11 ปี
ซูจินี : ปกติแล้วคนที่ใกล้ตัวเราที่สุด จะเป็นคนที่ทรยศเรา

ซูจินี : มันหายแล้วใช่ไหม ปิดชายเสื้อลง ทูลต่ออย่างแจ่มใสว่า หม่อมฉันเป็นอย่างนี้ตั้งแต่เด็กแล้ว ไม่ว่าจะเจ็บหรือเลือดตกยางออกแค่ไหน วันรุ่งขึ้นหม่อมฉันก็จะหายดี มันมีปัญหาเพราะมันมียาพิษ มีแต่พวกฮวาเซินสารเลวเท่านั้นที่ใช้มัน แล้วก็หันมาหาองค์ชาย หม่อมฉันเชื่อว่าพระองค์เป็นเหมือนหม่อมฉัน ถ้าทรงเป็นกษัตริย์ จะมีคนมากมายสูญเสียชีวิตของเขา แล้วถ้าเกิดสงคราม ถ้ากษัตริย์สั่ง “โจมตี” ทหารนับพันจะต้องเสียชีวิตเพื่อพระองค์
ซูจินี พูดต่อ ว่าถ้ากษัตริย์ท้อถอยทุกครั้งที่มีคนตาย แล้วจะเป็นกษัตริย์ได้อย่างไร (เพราะคงมีเรื่องราวที่ต้องเสียพระทัยมากมายเหลือคณานับทีเดียว)
ทรงรู้ไหมว่า กษัตริย์ควรจะ..อืม.. ทรงควรมีความสามารถในการรักษาแผลภายในวันเดียว เพื่อว่าวันรุ่งขึ้น จะทรงลุกขึ้น และทำในสิ่งที่ต้องกระทำ“ตามข้ามา ข้าคือกษัตริย์ของพวกเจ้า” จะทรงกล่าวเช่นนั้น


แทจังโรและเสนาบดียอน ปรึกษากันเรื่องที่องค์ชายเสด็จมาถวายบังคมพระบรมศพ ที่อารามหลวง แทจังโร : บุตรชายผู้นำแคว้นได้เสียชีวิต นั่นมิใช่โศกนาฏกรรมหรือบางทีนี่อาจเป็นเลือดที่ถวายเพื่อกษัตริย์ จูชิน


แทจังโร : ประชาชนเป็นสัตว์โลกธรรมดา เราได้วางคนไว้ทุกแห่ง เมื่อพวกเขาพูดกัน ปล่อยข่าว ไม่ว่าพวกนั้นจะพูดอะไรมันก็จะกลายเป็นจริง มีคนไม่มากนักหรอกที่ต้องการรู้ความจริงพวกเขาต้องการแค่บางอย่างที่จะพูดกัน

ขอแปลเอาเองว่า เขาต้องการบางอย่างที่จะพูดกัน นั่นคือ ความสะใจ ที่ได้พูดกัน ปากต่อปาก เอามันส์เข้าว่า ใครจะเสียหายช่างหัวมันได้เข้าร่วมสมัยการนินทาว่าร้ายกระจายข่าว ปล่อยข่าวลือ ไม่ก็ ข้ารู้ดี ประมาณนั้น

โซคีฮา : ข้าต้องพบพระองค์ ข้ารู้ว่าถ้ามาจะไม่ทรงรอด ข้าอยากเห็นเขาเป็นครั้งสุดท้าย ข้าต้องการเห็นพระองค์จนลมหายใจสุดท้าย นี่เป็นหนทางทางเดียวที่ข้าเชื่อ ข้าไม่ได้ขอร้องท่าน ถ้าท่านต้องการเก็บหัวใจฟินิกซ์ไว้ ข้ากำลังขู่เข็ญท่าน

(ความรักของ นางเสือ น่ากลัวจริงๆ ลักษณะของโซคีฮา คือ คนที่มั่นใจในตัวเองไม่ได้มีความเกรงกลัวหรือเกรงใจ แทจังโร มาแต่ไหนแต่ไร แต่เพราะถูกปลูกฝังมา นางคือ ผุ้พิทักษ์ ฟินิกซ์ และมีภาระหน้าที่ต่อ ฮวาเซิน จึงยอมทำเรื่อง ที่แทจังโรวางแผนไว้)

หัวหน้า โคมิล ฮยอนโก ใช้ความติ๊งต๊องนิดๆ ปิดบังตัวเอง ที่มีความรอบรู้ลึกซึ้งทั้งด้านการปกครอง การทหาร การสู้รบ สุขุมรอบคอบ เอาเป็นว่าเสนาบดีของเมืองพูยอ ที่เลื่องลือในความสามารถมาถึง 3 รัชกาล ในจูมง สู้ไม่ได้นะคะ เพราะอย่างน้อย ที่เห็นชัด ฮยอนโก มีจริยธรรม มากกว่า ที่จะไม่มีกุศโลบาย เจ้าเล่ห์ เอาแต่ได้(ถึงจะเพื่อให้บ้านเมืองพูยอ ไม่ใช่ส่วนตัวก็เถอะ รักชาติก็จริงแต่ขาด มโนธรรม จริยธรรมขนาดต่อมา องค์ชายให้ ฮยอนโก สอนพระองค์ในการเป็นกษัตริย์ที่ดี ไม่ใช่แค่การเป็นกษัตริย์เฉยๆ

คนที่เก่งกว่า ฉลาดกว่า ฮยอนโก คือ ทัมด๊ก ที่ทรงมองทะลุเข้าไปเห็น ตัวตนที่แท้จริงของฮยอนโก ขนาดยกย่องเป็น ท่านอาจารย์

“ การเป็นกษัตริย์พระองค์ต้องมีความรู้ก่อน การเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่แห่งจูชิน ต้องเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ของโคคุเรียวก่อน ต้องรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของประเทศเพื่อนบ้าน เพราะประเทศพวกนี้ จะต้องรวมกับเราในฐานะอาณาจักรแห่งจูชิน


ทัมด๊ก แย้มพระโอษฐ์ละมุนละไม ยังโน้มองค์ ดำรัสด้วยใกล้ ๆ บาซอน : นี่ทำไมเจ้าไม่ลุกขึ้น ข้าเป็นคนที่ต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า นะ อีกไม่ช้า เราจะต้องเข้าสู่สงคราม เจ้าจะช่วยข้าปกป้องคนของข้าได้หรือไม่ หัวหน้า ฮยอนโก เล่าให้ข้าฟังว่า เจ้าสามารถช่วยข้าในเรื่องนี้ได้
บาซอน : เอ้อ ... เอ้อ ... พระองค์ไม่ต้องการให้หม่อมฉัน ทำอาวุธฆ่าคน แต่... ปกป้องเขาหรือเพคะ
ทัมด๊ก : เจ้าช่วยได้หรือไม่

นี่เป็นตัวอย่าง ที่สอดคล้อง กับวาทะแห่งท่านซิงหยุนต้าซือที่ คุณ roytavan นำมาpost ว่า
อักษรคำพูดสามารถพัดเป็นลม
อันอบอุ่นแห่งฤดูใบไม้ผลิ
แต่ก็สามารถตกเป็นหิมะ
ที่ทวีคูณความหนาวเหน็บในเหมันต์
..................
· คำพูดคำหนึ่งสามารถสร้างชาติได้
……..
ยังมีประโยค ที่ทรงตรัสกับดัลบี
ทัมด๊ก ทรงทักว่า : เจ้าเป็นหัวหน้าเสบียงคนใหม่ใช่ไหม ข้าต้องพึ่งเจ้า ชัยชนะของพวกเราขึ้นกับบ่าของเจ้า (ที่ใช้แบกของ) ดูแลพวกเราด้วย แล้วทรงชักม้าผ่านไป



สงครามทำให้คนของเราเสี่ยงอันตราย ถ้าเจ้าเห็นแก่ชีวิตของพวกเขา ควรมีเหตุผลเพียงพอที่จะไปรบ และต้องมีนโยบายในการลดการสูญเสียให้มากที่สุด
ยอนโฮแกทูลว่า เพื่อแก้แค้นให้ประเทศชาติ ที่แพคเจ เคยบุกเข้ามาและสังหาร กษัตริย์ โกดุ๊กวอน นโยบายและกลอุบาย คือความตั้งใจจริงของคนของหม่อมฉัน 4 หมื่นคน และตัวหม่อมฉัน วิญญาณแห่งมังกร และหัวใจเสือ


ทัมด๊ก มีพระดำรัสว่าเหตุผลที่ข้าเรียกท่านว่าอาจารย์ และขอให้คนของท่านมาที่วัง ...ไม่ใช่เพราะข้าต้องการได้ยิน สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ท่านบอกข้าถึงเหตุผล ว่า ทำไมถึงเป็นไปไม่ได้ แล้วเราจะชนะได้อย่างไรฮยอนโกทูลว่า หม่อมฉันเองก็ไม่ต้องการพูดเช่นนั้น


ฮยอนโก สวนว่า : หม่อมฉันไม่เข้าใจ ทรงกำลังจะไปต่อสู้ กับแพคเจตะวันตก ด้วยทหาร 3 พันนาย เพื่อช่วย ยอนโฮแกหรือพะย่ะค่ะ ทรงต้องการให้พวกเราเป็นเป้าธนู เพื่อ โฮแกจะได้ครอบครองสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์หรือพะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก : อาจารย์...กษัตริย์ของท่าน เป็นคนไม่รักประชาชนของตัวเองหรือ ทหารของโฮแก ก็คือประชาชนของข้า ข้าไม่ยอมให้พวกเขาตายหรอก


จอกฮวาน กราบทูลความถึงภาคภูมิใจของกองทหารม้าเหล็ก ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่กษัตริย์จูมง การได้เข้าสู่สนามรบเคียงบ่าเคียงไหล่กษัตริย์ได้ถือเครื่องหมายนกสามขาทอง และขณะนี้เฝ้ารอให้กษัตริย์เรียกระดมพล หากกษัตริย์ตั้งพระทัยที่ไม่ไปสนามรบ ก็ขออนุญาตให้กองทหารม้าเหล็ก ได้ติดตาม ยอนโฮแก ด้วยเถิด การไม่ได้อยู่แถวหน้า ต่อสู้กับศัตรู เป็นความอับอายของกองทหารม้าเหล็ก
ทัมด๊ก เสด็จลุกขึ้น พระหัตถ์จับสองไหล่ของจอกฮวาน แล้ว มีดำรัสว่า ข้าอนุญาตให้ท่านส่งทหารม้าเหล็กออกไปได้ แต่..ว่า... ทหารม้าเหล็กต้องอยู่แถวหน้า ส่งข่าวไปให้โฮแก สงครามจะเริ่มโดยไม่มีทหารม้าเหล็กไม่ได้
ทุกคนคำนับ ทัมด๊ก : รับด้วยเกล้า พวกเราจะไม่ลืมพะย่ะค่ะ


ส่วนที่ตลาด ในปราสาทโกกแน มีนักแสดง ตั้งเวที ร้องชื่นชม ยอนโฮแก และกระแทกแดกดันทัมด๊ก ว่าขี้ขลาดในการทำสงคราม กษัตริย์ไม่ทำสิ่งใด ได้แต่รอ รอว่า จะไม่มีธนูเหลือมาเจาะเกราะเหล็กของข้า รอจนกว่าจะมีเกราะเหล็ก ที่ไม่มีดาบเล่มไหนแทงเข้าไปได้ จนกว่าจะมีเสื้อเกราะเหล็ก และไม่มีลูกธนู ข้าจะไม่ไปรบ คนดู ก็ส่งเสียงชอบอกชอบใจ ฮยอนยอง แค้นใจ


ทัมด๊ก : ท่านต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ท่านจะต่อสู้กับแพคเจ หรือ โฮแก
ฮีกแก ทำท่าเหนื่อยใจเสียเหลือเกินแล้ว (เหนื่อย เพราะแผดเสียงออกไปสุดเสียงด้วย)
กราบทูลว่า: ฝ่าบาท มนุษย์เราจะเห็นโลกได้ใหญ่เท่าที่เขาเป็น (คือคนที่จิตใจคับแคบ โลกของเขาก็จะแคบตามไปด้วย) ทรงคิดหรือว่าเขาจะเข้าใจในแผนการพระองค์ ทรงคิดหรือว่าเขาจะก้มหัวและขอบพระทัยฝ่าบาทหรือ


แทจังโร : ผู้ชายจะเปลี่ยนไปตามสายลม เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นเขาก็จะจากไป.. ข้าขอให้เจ้าคิดถึงแต่ฮวาเซินของเรา ที่ได้เฝ้ารอคอยมานับพันปี ... คีฮา... ( ชอยมินซู คนสวมบทบาท ทำเสียง ดีมากๆ...เหมือนปลอบใจในที เหมือนยุแหย่ให้คั่งแค้นไปพร้อมๆกัน เยี่ยมจริงๆ ขอบอก ..บอกครั้งที่เท่าไร นับไม่ถูกแล้ว)


โซคีฮา เดินไปพูดระบายความน้อยใจไปเขา..เขาไม่แม้แต่จะถามข้า เขาไม่เคยถามข้าว่าจริงหรือไม่ เขาไม่เคยมีความจริงใจกับข้า แล้วเขาให้ข้าอยู่ใกล้ชิดเขาทำไม สำหรับเขาข้าเป็นใคร

โซคีฮาก็ทรุดตัวนั่งลงบนพื้นหิน พิลาปรำพัน ข้าไม่รู้ว่า...ข้าทำผิดอะไร..ข้า ผู้พิทักษ์หัวใจฟินิกซ์ ข้าไม่เคยต้องการเป็นแม่ของแผ่นดิน ข้าแค่ทำในสิ่งที่เขาต้องการให้ข้าทำ ทั้งหมดเกิดขึ้นได้อย่างไร (คือการทำตามแผนของแทจังโร) สิ่งที่ข้าต้องการ มีแค่สิ่งเดียว เขา.....ผู้ซึ่งคือสิ่งที่ข้าเคยต้องการ แล้วนั่นคือความผิดร้ายแรงหรือ ฮวาเซินกับเขา พวกเจ้าเหมือนกันหมด ใช้ข้าเพราะเจ้าต้องการข้า แล้วทิ้งข้าในภายหลัง เหมือนที่เขาทำ เจ้าก็เช่นกัน ถึงแม้จะทอดทิ้งข้า เจ้าจะไม่พูดอะไรก่อนหรือ บอกว่าใช้ข้าคุ้มแล้ว บอกว่าเจ้าไม่ต้องการข้า

ซารยางให้เธอคิดถึงลูก ว่า จะพาเขาตายไปด้วยหรือ โซคีฮา ตอบว่า ถึงอย่างไร เด็กคนนี้ก็ต้องตาย เขาจะน่าชังเช่นเดียวกับข้า แล้วก็ตายในที่สุด ข้าไม่ยอม ซารยางบอกว่าให้โซคีฮา ใช้เขา... ใช้โลกนี้... ใช้ฮวาเซิน ...ถ้าไม่ชอบก็ทิ้งไป นั่นเป็นวิธีที่จะปกป้องเด็กไว้ได้
โซคีฮา : เด็กเขาต้องการหรือ เขาต้องการออกมาสู่โลกที่น่าเศร้าเช่นนี้หรือ ข้าเกลียดโลกนี้ เด็กคนนี้คืออะไร


ที่ดาดฟ้าเรือ ดัลบี มีคำพูดให้จูมูชิ : ขอให้ท่านป้องกันตนเองตอนไปสงคราม เมื่อกลับมาข้าจะล้างเสื้อเกราะให้ท่าน ขอให้มีเพียงเลือดของศัตรู ไม่มีใครทำอะไรท่านได้อยู่แล้ว ข้าพูดผิดไหม ท่านได้ยินไหมอย่าบาดเจ็บนะ

พวกเจ้าจำไว้ 3 ประการ
ข้อสุดท้าย ( สำคัญ และกินใจมากเลย) : ห้ามมิให้ใครตาย ข้าไม่ต้องการให้ใครมาตายเพื่อข้า มีชีวิตอยู่เคียงข้างข้า นี่คือคำสั่งของกษัตริย์ของเจ้า


หม่อมฉัน โกอูซุง เป็นแม่ทัพที่ไม่สามารถปกป้องกษัตริย์พระองค์ก่อนได้ หม่อมฉันไม่ยอมให้มันเกิดอีกครั้ง ถึงแม้หม่อมฉันจะไม่สามารถปกป้องกษัตริย์พระองค์ก่อน แต่ทรงได้โปรดให้หม่อมฉันได้รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับกษัตริย์พระองค์ก่อนด้วยเถิด ทรงมอบความปลอดภัยของฝ่าบาทไว้ในมือของหม่อมฉันขุนพลโกเสียงเครือ มอง ทัมด๊ก แบบวิงวอน
ทัมด๊ก แย้มพระโอษฐ์ ให้นิดหนึ่งยกพระหัตถ์วางบนไหล่ขุนพล ดำรัสต่อว่า : ข้าจะทำให้ท่านมั่นใจว่า ท่านจะรักษาสัญญาที่มีกับเสด็จพ่อ
ทัมด๊ก : ข้าจะไม่ตายก่อนท่าน ข้าขอสัญญา


ยอนโฮแก ได้ความกล้าหาญ มาจากแม่คือท่านหญิงยอน เมื่อ ยอนโฮแกเริ่มหัดเดิน นางสอนเขาถึงวิธีการเดินอย่างกษัตริย์ วิธีการพูด การวิ่ง โฮแก ได้รับการสอนเช่นนี้ ทำทุกอย่างตามแม่สอน : ท่านรู้ไหมข้าพยายามพูดอะไร
แทจังโร : ท่านผู้บัญชาการคาดหวังว่าเทวีพยากรณ์จะเหมือนท่านแม่ของเขา นี่คือสิ่งที่ท่านต้องการพูดหรือ เสนาบดียอน : สำหรับแม่ของเขา โฮแก คือท้องฟ้า แล้วเขาเป็นอะไรต่อฟินิกซ์ ที่ท่านรับใช้อยู่


ฮีกแก กราบทูลว่า ถ้าพบว่าบาซอนเข้าไปในค่ายทหารของ ยอนโฮแก จะจัดการกับบาซอน เพื่อไม่ให้สารเลวคนนั้น รู้ว่าสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ไหน
ทัมด๊ก ทรงตอบว่า บาซอนช่วยชีวิตคนของพระองค์มากมาย ด้วยฝีมือตีเหล็กของนาง อย่าทำร้ายบาซอน


ข้าไม่มีความสามารถที่จะไปต่อสู้โดยลำพัง เช่นเดียวกับผู้บัญชาการป้อมปราการควานมี แต่เจ้ารู้ไหม ข้า...ยังคงเป็นกษัตริย์
ทัมด๊ก : ในฐานะกษัตริย์ ข้าไม่ควรจะบอกพวกเขาว่าเราอาจจะพ่ายแพ้ ข้าจะส่งทหารแพคเจกลับไป
ทัมด๊ก : ครอบครัวของพวกเขา แม่ทัพและผู้บัญชาการ ยังคงอยู่ในป้อม
ทัมด๊ก : การเป็นกษัตริย์ช่างยากเหลือเกิน ต้องพูดปดและขู่เข็ญ กษัตริย์ต้องเก่งในเรื่องเหล่านี้ทรงหันมาทางจูมูชิ : ฉะนั้นกษัตริย์ถึงต้องขอร้องต่อ..เพื่อ...เช่นท่าน ที่จะให้อยู่กับเขา และถ้าเขาตาย ก็ตายด้วยกัน
จูมูชิ : การอยู่ด้วยกันมันยากกว่าการตายด้วยกัน

เทวีโซคีฮา ; ถ้าทรงถามหม่อมฉัน หม่อมฉันจะทูลพระองค์เดี๋ยวนี้ หัวใจของหม่อมฉันเป็นของกษัตริย์จูชิน หม่อมฉันจะทำทุกอย่างเพื่อให้ทรงสามารถก่อตั้งชนชาติจูชินอีกครั้งถ้าหากต้องการแล้ว แม้แต่แขวนดวงดาวจูชินบนท้องฟ้า หม่อมฉันก็จะสร้างให้

ดัลโกได้แต่บ่นว่านางช่างดื้อจริง แต่ฮยอนยอง ถามว่า เจ้าไม่เคยมีความรักใช่ไหม เจ้าถึงได้พูดว่าเป็นเรื่องงี่เง่า เจ้าไม่เคยรู้เรื่องแปลกและลึกลับระหว่างชายหญิงที่เรียกว่ารัก ไม่รู้ว่ามันคืออะไร


ทัมด๊ก : ข้าจะถามพวกท่านสักข้อ ในฐานะคนของโคคุเรียว กษัตริย์แบบไหนที่ท่านต้องการ ท่านไม่สนใจว่าจะเป็นใคร ขอให้เป็นคนที่มีสัญลักษณ์เก่าคร่ำคร่าของตำนานก็พอหรือ สองพันปีที่ผ่านมา จูชินมีดินแดนที่กว้างใหญ่ไพศาลครอบคลุมทิศเหนือ ทิศใต้ ตะวันออก และตะวันตก พวกท่านต้องการดินแดนนั้น ท่านถึงได้ต้องการกษัตริย์จูชินหรือ ดินแดนนั้น ข้าจะเอามาให้พวกท่านได้อย่างไร พูดอะไรออกมา ทรงพระราชดำเนิน ทอดพระเนตรเสนาบดี แต่ละคน ๆ ถ้าข้าฆ่า ชาย หญิง เด็ก และสัตว์ร้าย แล้วแผ่นดินของพวกเขา จะกลายเป็นของพวกเรา ลูกหลานของพวกเขาก็คงสาบานแก้แค้นกับเรา แล้วก็ต่อสู้กันอีก ฆ่าและฆ่ากันต่อไป นั่นคือดินแดนที่พวกท่านต้องการหรือ

ทัมด๊ก : แล้วถ้าเราให้แต่ละชาติได้ในสิ่งที่เขาต้องการแล้วเรากลายเป็นศูนย์กลาง ที่ซึ่งพวกเราทั้งหมดกลายมาเป็นพี่เป็นน้องกัน มีความสงบสุขเป็นร้อย ๆปี พวกท่านยังไม่เข้าใจอีกหรือ พวกท่านยังต้องการต่อสู้รบราเพื่อเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งการแก้แค้นอีกหรือ พวกท่านยังไม่เข้าใจว่าข้ารู้สึกอย่างไร


ฮีกแก สงสัยที่ ทัมด๊ก ยังปล่อยให้ โซคีฮา เป็นเทวีพยากรณ์ของอารามหลวง มันเห็นชัดว่านางเป็นคนของฮวาเซิน นางเป็นฝ่ายเดียวกับศัตรู
ฮยอนโก : อารามหลวงเป็นอาณาจักรของสวรรค์ บุคคลธรรมดาไม่สามารถไปแตะต้อง แต่ฝ่าบาท ผู้หญิงคนนั้นปลงพระชนม์กษัตริย์พระองค์ก่อน
ทัมดั๊กทรงถามว่าท่านมีหลักฐานหรือฮยอนโกอ้ำอึ้ง
ฮีกแก : ฝ่าบาทไม่สามารถสำเร็จโทษนางได้ด้วยพระองค์เอง เช่นนั้นหม่อมฉันจะไปจัดการให้ ไม่ว่า จะเป็นการสำเร็จโทษ หรือลอบสังหาร หม่อมฉันก็จะทำทำ
ขุนพลโก : โคคุเรียวตัดสินโดยกฎหมาย อารามหลวงตัดสินโดยสวรรค์


องครักษ์ตอบว่า : ประเทศจะไม่จ่ายเงินใดๆ ให้กับพวกท่าน แต่ ฝ่าบาทจะทรงให้สิทธิทางการค้าเกลือ ขึ้นกับจำนวนความอุดหนุนที่พวกท่านให้ในคราวนี้ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของคอรัล หลังจากข้ามภูเขาไป มีดินแดนแห่งเกลือที่กว้างใหญ่ไพศาล ซึ่งกว้างใหญ่พอๆกับทะเล เรากำลังจะไปเอาเกลือมาจากที่นั่นและแจกจ่ายให้ทั่วให้กับประเทศอื่นๆ

ซูจินี เอามือจับมือฮยอนโก : ข้ายอมให้ท่านเป็นคนฆ่าข้าไม่ได้ ถ้าท่านเป็นคนฆ่าข้า ท่านต้องร้องไห้ไปตลอดชีวิต ท่านเลี้ยงดูข้ามาเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ตอนข้าเป็นทารก ทุกอย่างที่ข้ารู้ ข้าเรียนมาจากท่าน ข้าไม่สามารถตอบแทนบุญคุณด้วยความเศร้าได้หรอก ท่านหัวหน้า ข้าคิดว่า...ข้าคงไม่สามารถตอบแทนบุญคุณของท่านได้ ..ปล่อยข้าได้ไหม


จูมูชิบอกมันดักว่า : ข้าเรียนรู้บางอย่างมาจากฝ่าบาท เมื่อใดจะสู้และเมื่อใดจะถอย พวกเรารีบไป


ทัมด๊ก : ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อถือทหารของตัวเอง แต่ข้าไม่เชื่อถือตัวเองต่างหาก ท่านที่ปรึกษา ท่านแม่ทัพและทหารลาดตระเวน ให้คำแนะนำมากมากมายแก่ข้า แต่ทั้งหมดข้าต้องเป็นคนตัดสินใจเอง ในแต่ละครั้งข้าก็เต็มไปด้วยความกลัว ถ้าเมื่อใด ที่ข้าตัดสินใจผิด ? ถ้าข้าผิดเล่า ถ้าข้าดื้อดึง.....ข้าอาจจะพาพวกเขาไปตายหมด
ขุนพลโก : ฝ่าบาท ทรงหันมาทางนี้สักครู่ได้ไหมพะย่ะค่ะ ทัมด๊กทรงหันไปทางขุนพลโก
ขุนพลโกใช้ผ้าเช็ดหน้าของตัวเองเช็ดเลือดที่เปรอะติดเสื้อเกราะของทัมด๊กที่ใกล้กับที่ตั้งของดวงหทัย ( เปรอะเลือดของทหารบาดเจ็บที่ทรงเข้าช่วยพยุง) ท่าทางนุ่มนวล แล้วทูลความว่า

หม่อมฉันเข้าสู่สนามรบตั้งแต่อายุ 15 ปี เมื่อใดที่หม่อมฉันได้ยินเสียงสัญญาณรบ หม่อมฉันจะเป็นคนแรกที่ออกไปต่อสู้ แต่ว่า...... หม่อมฉันก็กลัวตายอยู่เสมอ แต่ว่า.... ทรงทราบบ้างไหม เมื่อหม่อมฉันเริ่มรับใช้ฝ่าบาท เป็นครั้งแรกที่หม่อมฉันไม่กลัวตาย คนของฝ่าบาทที่อยู่ข้างนอก ความคิดของพวกเขา ก็เป็นเช่นเดียวกัน พะย่ะค่ะ ถ้าหากเพื่อ ฝ่าบาท หม่อมฉันสละชีวิตของตัวเองได้ ดังนั้น สิ่งที่ต้องทรงทำคือ อยู่ร่วมกับพวกเราพะย่ะค่ะ


องครักษ์ ศิษย์โคมิล เข้ามา และเล่าว่า เคยทูลถามทัมด๊ก ที่ตั้งแต่ขึ้นครองราชย์มายังไม่เคยประทับนั่งบนบัลลังก์ นี้สักครั้งเดียว ทรงบอกว่า เป็นเพราะพระองค์ ยังไม่ได้แก้ไขการบ้านที่กษัตริย์พระองค์ก่อนทรงให้ไว้ เพราะฉะนั้นบัลลังก์นี้ ยังไม่ใช่ที่ของพระองค์

เสนาบดียอน กราบทูล ทัมด๊ก ว่า : หม่อมฉันจำเป็นต้องทูลฝ่าบาทเช่นนี้ ถ้าหากหม่อมฉันต้องเลือก ระหว่างฝ่าบาทและลูกชายของหม่อมฉัน หม่อมฉันจะต้องเลือกลูกชายของหม่อมฉัน แน่นอน พะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก : เมื่อเวลานั้นมาถึงก็ทำไปเถอะ แต่ตอนนี้บ้านเมืองต้องการท่าน ในแง่การเมืองท่านรู้ไกลกว่าข้าและ ข้ารู้ว่าท่านจงรักภักดีต่อโดคุเรียว แล้วข้าต้องห่วงสิ่งใดอีก ท่านยอนท่านรู้ไหมจูชินหมายถึงอะไร ดินแดนที่พวกเราชาว แพดัล อาศัยอยู่ นั่นแหละจูชิน ถ้าพวกเราจะต้องเอาดินแดนกลับคืนมา ข้ายังมีหนทางอีกยาวไกล ท่านต้องช่วยข้าดูแลที่นี่


สวรรค์กำลังค่อยๆเปิดเผยว่าพระองค์ คือกษัตริย์จูชินที่แท้จริง แต่หม่อมฉันไม่อาจยอมรับได้ ถ้าสวรรค์เป็นผู้ตัดสินทุกอย่าง มันจะมีประโยชน์อย่างไร กับความพยายามของเรา ถ้าสวรรค์ได้เลือกกษัตริย์จูชิน แล้ว การเลือกนั้นใช้เงื่อนไขใด หม่อมฉันจะทรยศต่อความเชื่อถือ ไว้วางใจ และอำนาจหน้าที่ ที่ทรงมอบไว้ให้ และเอาสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ของกษัตริย์จูชินไป หม่อมฉันจะมอบให้กับบุตรชายของหม่อมฉัน โฮแก คนที่ สวรรค์หันหลังให้ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถใช้อำนาจของสัญลักษณ์เหล่านี้ หม่อมฉันก็ยังต้องการบอกสิ่งนี้กับเขา “ เวลานี้ฝ่าบาทไม่สามารถพึ่งพา อำนาจและพลังแห่งสวรรค์ได้ ..จงใช้ความพยายามของเจ้า ขึ้นมาเป็นกษัตริย์ให้ได้ ทำให้ประชาชนในดินแดนแห่งนี้ยอมรับและเลือกกษัตริย์ของพวกเขาเอง” .

ฝ่าบาท กษัตริย์แห่งโคคุเรียว เวลานี้หม่อมฉันคิดได้ว่า หม่อมฉันไม่เคยรอคอยกษัตริย์แห่งจูชิน มันดูเหมือนว่า หม่อมฉันต้องการสร้างกษัตริย์จูชินด้วยตัวเอง
เสนาบดียอนนั่งลงที่เก้าอี้ : ถูกต้อง.... นั่นคือสิ่งที่หม่อมฉันต้องการ


มีพระบัญชาให้ ฮยอนคง อาลักษณ์ ตามเสด็จในครั้งนี้ เพื่อคอยจดบันทึกเหตุการณ์ต่างๆ : ถ้าข้าทำอะไรผิด เขาจะบันทึกไว้ เพื่อมิให้ทำผิดอีก ผิดครั้งเดียวถือเป็นความผิดพลาด แต่ถ้าผิดซ้ำสองถือเป็นบาป นั่นเป็นสิ่งที่เขาพูดกัน (ซูจินี เคยทูลเช่นนี้)

ฮยอนยองและศิษย์โคมิล ที่ซุ่มตัวรอเวลาอยู่ เมื่อมีสายลมแรงพัดมา ฮยอนยองอ่านข้อความในแผ่นกระดาษ ศิษย์โคมิลชูนกกระดาษตัวใหญ่ 2 ตัวขึ้น ฮยอนยองกล่าวว่า “ การต่อสู้ไม่ใช่แค่เพียงการใช้ดาบ เท่านั้น“

แต่ทัมด๊กทรงพระทัยเย็น ดำรัสต่อเหมือนแค่ถูกขัดจังหวะไปชั่วครู่ : ท่านยังอยากฟังต่อหรือไม่ สิ่งใดจะเกิดขึ้น หากโคคุเรียวเป็นพี่ชายของท่าน หรือท่านจะฆ่าข้า และเผชิญหน้ากับโคคุเรียว เมื่อ ยอนโฮแก ขึ้นเป็นกษัตริย์


บาซอน : หม่อมฉันอยากตัดมือตัวเองออก...หม่อมฉันมาที่นี่เพื่อตัดมันออก แต่ว่า... ที่นี่มีดาบและขวานที่ทื่อมากมาย (บาซอนกำลังลับมีด เล่มแล้วเล่มเล่า เพราะรุ้สึกว่า เป็นหน้าที่ของนาง นางต้องทำหน้าที่ก่อน ที่จะทำเรื่องอื่นๆ)
ทัมด๊ก : ฟังข้าให้ดีนะ มือคู่นี้ไม่ใช่ของเจ้าเพียงคนเดียว ข้าจะไม่ยกโทษให้ หากเจ้าทำร้ายมัน ทัมด๊ก แย้มพระโอษฐ์ให้บาซอน ตรัสต่อว่า : และเจ้าของมือนี้ จะต้องกิน และนอนให้หลับ เจ้าเข้าใจหรือไม่

โซคีฮา : ครั้งหนึ่งเคยมีเหตุการณ์เช่นเดียวกัน เกิดที่สุสานหลวง กษัตริย์พระองค์ก่อนทรงบอกข้ามิให้ขวางทางพระโอรสในการขึ้นครองราชย์ แล้วทรงแทงดาบของกษัตริย์จูมงเข้าไปที่พระหทัย ทำให้ข้าถูกประณามข้าบอกความจริงไม่ได้ ข้าบอกใครไม่ได้แม้แต่สวรรค์ แต่ท่านยอนไม่เหมือนกัน เขาขอร้องให้ข้าจากมาอยู่กับท่าน... เขาขอร้องให้ข้าทำท่านเป็นกษัตริย์

สวรรค์ไม่เคยสนใจคนอย่างเรา สวรรค์ มีตาแค่คนคนหนึ่ง สิ่งเดียวที่สำคัญสำหรับสวรรค์ก็คือคนคนนั้นจะผ่านการทดลองไปได้อย่างไร ท่านและข้า เป็นเพียง เบี้ยตัวเล็กๆในกระดานของสวรรค์ ข้าวางแผนที่จะต่อสู้กับสวรรค์ข้าจะทำมัน...เพื่อว่า สวรรค์จะได้ไม่ต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวกับชีวิตมนุษย์อีกต่อไป

โซคีฮา : ข้าไม่สนใจ หากมันจะเป็นขุมนรก อย่างน้อยที่สุดข้าจะกำหนดโชคชะตาของตัวเอง

ทัมด๊ก : นั่นคือแผนของข้า และข้าพร้อมจะเสียใจ เพราะว่าข้าได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้ากำลังต่อสู้กับสวรรค์ การเป็นกษัตริย์จูชิน สัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้ง สี่ ท่านรู้ไหม ข้าเกลียดมันแค่ไหน ข้าสูญเสียมากแค่ไหนเพราะสิ่งนี้ เสด็จแม่ของข้า เสด็จพ่อของข้า ประชาชนของข้า ข้าต้องการก่อตั้งชนชาติจูชิน โดยไม่ต้องการความช่วยเหลือจากสวรรค์
ฮยอนโก ค้านว่า: มนุษย์จะก่อตั้งชนชาติจูชินได้อย่างไรโดยไม่มีความช่วยเหลือจากสวรรค์
ทัมด๊ก : ประชาชน อ้อนวอน ขอร้อง และร้องไห้ ขอความช่วยเหลือ นั่นคือสิ่งที่สวรรค์ต้องการหรือ

ฮยอนยอง สงสัยและถามมันดักว่า : ที่ข้าได้ยินว่าเผ่าของเจ้าไม่ยอมรับดินแดนที่ฝ่าบาททรงมอบให้ นั่นเคยเป็นเป้าหมายของพวกเจ้า นี่เกิดอะไรขึ้น
มันดักตอบว่า พวกเราตัดสินใจกันว่า พวกเราต้องการถนนทุกเส้นในโลกนี้
บาซอนสงสัย : เจ้าจะเป็นเจ้าของถนนได้อย่างไรจะไปเขียนชื่อไว้บนถนนเช่นนั้นหรือ
มันดักตอบว่า พวกเรากำลังจัดตั้งกลุ่มการค้าขายขึ้น จนถึงสุดขอบโลก เราจะขนส่ง ซื้อและขาย สินค้าทั่วทุกมุมโลก

(โอ้โฮ เหลือเชื่อ ชนเผ่าเร่ร่อน ทหารรับจ้าง พื้นเพจากพวกชาวป่าพื้นเมืองด้วยซ้ำ มีวิสัยทัศน์กว้างไกลแบบนี้ คงซึมซับมาจาก ทัมด๊ก มั้ง.. มันดัก และซีอู พัฒนาขึ้นตามกาลเวลาจริงๆ)

ซูจินี : แต่ฝ่าบาทเป็นกษัตริย์ ฝ่าบาทต้องประทับอยู่ที่วัง
ทัมด๊ก : จากนี้ไป ที่ใดมีเจ้า ที่นั่นคือวังของข้า
ทรงใช้พระบาท เตะล้อเกวียนโดยแรง : ตอนนี้เจ้าไปไหนไม่ได้อีกแล้ว ข้าจะไปเอาวังและทหารของข้ามาที่นี่

ข้าจะขี่ม้านำหน้าไปยังศัตรู อย่าคลาดสายตาไปจากข้า ตามข้ามาและทำให้ดี
ทหารรับคำ
ทัมด๊ก : คนของข้าและพี่น้องของข้า เจ้าเห็นข้าอยู่ข้างหน้าเจ้าใช่ไหม

ขอเชิญเพื่อนๆเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ ตำนานจอมกษัตริย์เทพสวรรค์ กันนะคะ


Amornbyj : Writer