We always see traditional hairstyle of female korean in various period dramas. Today I’ll let you get to know more about these hairstyles. As I always say, you’ll be more fun with historical dramas if you know the story behind them. I choose these 2 hairstyles that we found in the dramas most often. (actually, there are many more different variations of traditional korean hairstyle)
เรามักพบเห็นทรงผมของสาวเกาหลีโบราณกันอยู่บ่อยๆ ในละครหลายต่อหลายเรื่องนะคะ วันนี้เรามาทำความรู้จักกับทรงผมที่ว่ากันเพิ่มอีกสักนิดดีกว่า อย่างที่ดิฉันมักบอกอยู่บ่อยๆ ว่า คุณจะดูละครประวัติศาสตร์ได้สนุกมากขึ้น ถ้าคุณรู้เรื่องราวที่อยู่เบื้องหลังประวัติศาสตร์เหล่านั้นด้วย ดิฉันขอเลือกทรงผมออกมา 2 แบบ ซึ่งเป็นแบบที่เราพบเห็นกันอบู่บ่อยๆ ในละครนะคะ (ที่จริงยังมีอีกเยอะเลย ถ้ามีโอกาสจะนำมาฝากอีกนะคะ)
Daeng'gi Meori is one of the most classic hairdos, easily seen all the way into 1960s. With daeng'gi meori, long hair is braided into a single long braid, and accented with a bright colored- ribbon (called daeng'gi) at the end. Only unmarried women wore daeng'gi meori. Notable thing is that in traditional Korea, unmarried man also wore daeng'gi meori, only with a different colored daeng'gi. This was because Confucianism requires that you cannot cut your hair, as it is a part of your body given from your parents. (However, as you will see from the examples below, the requirement was fairly flexible.)
The model in the picture is wearing an additional daeng'gi on the top of her head, called bae'ssi daeng'gi. Bae'ssi (배씨) means "pit of a pear," from which the shape of the ornament came. This additional adornment is traditional, but was not very common.
สำหรับเรื่องที่เกี่ยวกับทรงผม คุณจะได้ยินคำว่า “โมริ” อยู่บ่อยๆ เพราะโมริแปลว่า “ศีรษะ” หรือ “ผมบนศีรษะ” หรือว่า “ทรงผม” นั่นเองค่ะ
Daeng'gi Meori เป็นหนึ่งในทรงผมที่คลาสสิคที่สุด มักพบเห็นกันบ่อยในช่วงปี 1960 ผมทรงนี้จะเป็นผมตรงยาว ผูกเป็นเปียเดี่ยว และประดับด้วยริบบิ้นสีสดใส (เรียกว่า daeng'gi) เป็นทรงผมสำหรับหญิงสาวที่ยังไม่แต่งงานเท่านั้น เนื่องจากความเชื่อของลัทธิขงจื๊อที่ว่า คุณห้ามตัดผมเพราะเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายที่บิดามารดาให้มา (ดิฉันคิดว่าน่าจะตัดได้บ้าง แต่อาจต้องให้บิดามารดาเป็นคนตัด ไม่งั้นคงยาวเลื้อยพื้นกันเป็นแน่)
ในภาพคุณจะเห็นว่านางแบบมีเครื่องประดับบทศีรษะด้วย ที่เรียกว่า bae'ssi daeng'gi 배씨 Bae'ssi แปลว่า “เมล็ดลูกแพร์” ซึ่งมาจากรูปทรงของเครื่องประดับนั่นเอง เครื่องประดับแบบนี้เป็นแบบโบราณซึ่งไม่ได้ใช้กันทั่วๆ ไป
The large pin that holds the bun together is called bi'nyeo (비녀). The material and the design for bi'nyeo significantly varied, and offered a point of style for traditional women. Bi'nyeo could be made with gold, silver, jade, wood, bamboo, animal bones, etc., and the design included symbols for phoenix, dragon, wild ducks, lotus flowers, etc. The size of the bi'nyeo can also vary significantly -- some of the decorative bi'nyeos were as long as two feet.
In addition to bi'nyeo, the bun can hold a number of other accessories. Most are purely decorative, but interestingly, some of the accessories are functional. For example, the buns could hold elaborate combs or long scoops for earwax removal -- almost like the way Marge Simpson holds a coin jar in her hair.
As with daeng'gi meori, accessories can be added on the front part of the hair.
Jjokjin meori ก็เป็นอีกทรงผมที่คลาสสิคที่สุด เพราะยังคงพบเห็นมาถึงปัจจุบัน เป็นทรงผมสำหรับผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว โดยเป็นการถักเปียแล้วนำไปเกล้ารวมไว้เป็นมวยด้านหลัง ปิ่นอันใหญ่ที่ใช้ยึดผมไว้เรียกว่า bi'nyeo (비녀) ซึ่งทำได้จากวัสดุหลากหลาย ทั้งทองคำ เงิน หยก ไม้ ไม้ไผ่ กระดูกสัตว์ เป็นต้น และมีหลากหลายรูปแบบ อย่าง รูปนกฟีนิกซ์ (หรือหงส์ แบบของพระมารดาขององค์ชายชางฮวีไงคะ) มังกร เป็ด (คนเกาหลีเชื่อว่าเป็ดแมนดารินคือสัญลักษณ์ของความรัก เวลาแต่งงานต้องมีตุ๊กตาเป็ดวางคู่กันไว้ด้วย) ดอกบัว เป็นต้น ขนาดก็แตกต่างกันไป ปิ่นบางอันยาวถึง 2 ฟุตก็มี
[Special Thanks to korea.net]