12.4.09

สงกรานต์ด้วยคน

เห็นบทความของพี่อมรกับคุณ Ladymoon แล้วอดไม่ได้ ขอแจมด้วยคนนะคะ
สงกรานต์ในความรู้สึกของคนไทยผู้เขียน คือ
ขอเล่าเรื่องของคนเขียนเมื่อยังเป็นเด็ก (เล็ก ๆ จนเป็นวัยรุ่น) การเล่นน้ำของคนในรุ่นนั้น
ไม่มีความรุนแรง เริ่มตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน จะตื่นกันแต่เช้า ออกไปตักบาตรข้าวสาร อาหารแห้งกัน
โดยการไปวัดนั้น จะมีประเพณีขนทรายเข้าวัด ก่อพระเจดีย์ทรายกัน ซึ่งเป็นความเชื่อว่าการขนทราย
เพื่อก่อพระเจดีย์ทรายนั้นจะนำความร่มเย็นเป็นสุขมาสู่ครอบครัวและตัวเอง ตักบาตรเสร็จ
ก็จะทำการสรงน้ำพระกัน โดยทางวัดจะเชิญพระพุทธรูปมาจัดไว้ในที่ให้คนที่มาทำบุญได้สรงน้ำกัน
ซึ่งจะมีขัน(ขนาดใหญ่)บรรจุน้ำผสมน้ำอบโรยกลีบดอกไม้ไว้ให้พร้อมขันใบเล็ก ๆ สำหรับตักน้ำ
มาสรงองค์พระ เมื่อสรงน้ำพระพุทธรูปเสร็จก็จะสรงน้ำพระสงฆ์ต่อไป ขั้นตอนต่าง ๆ ก็เป็นไปอย่างสุภาพ
ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน ซึ่งกว่าจะเสร็จพระสงฆ์ท่านก็หนาวสั่นไปตาม ๆ กัน จากนั้นก็ถึงคราวเล่นน้ำกันล่ะ
เด็กก็เล่นกันไปตามประสาเด็ก โดยใช้ขันตักน้ำรดเล่นกัน ส่วนวัยโตขึ้นมาหน่อยก็ปะแป้งกัน ซึ่ง
เป็นไปอย่างสุภาพ ก่อนที่จะทำการปะแป้งก็จะมีการขออนุญาตกันก่อน และทาที่แก้มเพียงเล็กน้อย
เท่านั้น ช่วงเย็นถึงค่ำก็จะมีการละเล่นต่าง ๆ เช่น ทอยสะบ้า (แถวพระประแดง),รำวง,บางที่ก็มีลิเกฯลฯ
อ้อ...ลืมเล่าไปว่าก่อนวันที่ 13 ที่บ้านจะทำความสะอาดห้องพระ โดยจะเช็ดปัดฝุ่นโต๊ะหมู่ที่เป็นที่
ตั้งพระพุทธรูปของบ้าน พอวันที่ 13 ก็จะทำการสรงน้ำพระ ขอพรท่านเพื่อความร่มเย็นเป็นสุขของบ้าน
และคนที่อาศัยในบ้านทุกคน จากนั้นก็จะรดน้ำคุณพ่อ,คุณแม่ เพื่อขอพรจากท่าน เพื่อความเป็น
ศิริมงคลของตัวเอง ซึ่งถ้าจำไม่ผิดสมัยนั้นจะมีวันหยุดคือวันที่ 13เมษายน เพียงวันเดียว
เพิ่งจะมาเพิ่มวันที่ 14 ให้เป็นวันครอบครัว เมื่อไม่นานมานี้เอง ซึ่งในความรู้สึกของคนเขียน
วันครอบครัว คือ วันของครอบครัว เป็นวันที่เราทำกิจกรรมกับคนในครอบครัวของเรา เช่น
พาท่านไปทานข้าวนอกบ้าน, หรือทำอาหารทานกันภายในครอบครัว เป็นวันที่ญาติ พี่น้อง
จะมาพบปะสังสรรค์กัน มาขอพรผู้หลักผู้ใหญ่ นั่นคือวันครอบครัว และนั่นก็เป็นเหตุการณ์สมัยที่
คนเขียนยังเป็นเด็กจนถึงปัจจุบัน จะต่างกันก็ตรงที่ว่า ณ ปัจจุบันไม่ได้ไปทำบุญที่วัด ไม่ได้ทำกิจกรรม
อะไรต่อมิอะไรที่วัดจะมีที่ไปวัดก็คือวันทำบุญกระดูกบรรพบุรุษ ญาติผู้ใหญ่ที่เสียชีวิตไปแล้ว
เท่านั้นเอง ซึ่งจะทำในช่วงวันสงกรานต์นี่แหละคะ
นั่นคือที่ผู้เขียนปฏิบัติอยู่จนถึงปัจจุบัน แต่เมื่อมาเปรียบกับเหตุการณ์ในปัจจุบัน
มันช่างแตกต่างกันเสียนี่กระไร เด็ก หรือ เรียกง่าย ๆ เยาวชนในสังคมปัจจุบัน
จะมีสักกี่คนที่รู้จักคำว่า "ตักบาตร" "ทำบุญ" หรือแม้กระทั่ง
คำว่า "วันครอบครัว" ทุกคนรู้แต่เพียงคำว่า "สนุก"กับ "ตัวเอง" เพียงอย่างเดียว
วันหยุดในเทศกาลวันสงกรานต์
คือ ออกไปเที่ยว ใช้ชีวิตอย่างสุดเหวี่ยง จากคำว่า "เข้าวัดทำบุญ" กลายเป็น "ไปเที่ยวทิ้งบุญ"
คำว่า "รดน้ำดำหัว" กลายเป็น "สาดน้ำ เฟี้ยงหัว,สาดน้ำ ยิงหัว" หรือ เข้าใจง่าย ๆ
คือ การเล่นน้ำกันอย่างรุนแรง ขาดสามัญสำนึก เล่นกันถึงขั้นบาดเจ็บ
คำว่า "ปะแป้ง" กลายเป็น "ละเลงแป้ง,สาดแป้ง" คิดว่า ทุกคนคงจะนึกภาพออกนะคะ
สมัยก่อนใช้แต่ของหอม ของสะอาด เดี๋ยวนี้ กลายเป็นน้ำเหม็น,ของสกปรก เช่น จากน้ำอบน้ำปรุง
กลายมาเป็น น้ำใส่น้ำแข็ง,น้ำผสมสี ,ใส่วัสดุต่าง ๆ หรือ ไม่ก็น้ำเหม็นแทน
แป้งที่เคยใช้ดินสอพอง กลายมาเป็นแป้งมัน แป้งผสมสารอันตราย
ที่สำคัญไม่ได้เล่นก้นเพิ่อสนุกอย่างเป็นมิตร แต่เล่นกันด้วยความรุนแรง เล่นกันด้วยอารมณ์
และหาเรื่องดูได้จากข่าวที่ปรากฎในสื่อต่าง ๆ และผลที่ตามมามันไม่ใช่ความสนุก หรือ ความสุข
แต่มันคือความทุกข์ ทั้งของตัวเอง และคนรอบข้าง ที่สำคัญ ทุกคนลืม "ครอบครัว"
ต้องขออภัยนะคะ ที่เขียนอะไรมาซะมากมาย
แต่สิ่งที่อยากเขียน อยากบอกกับทุกคน คือ การดำเนินชีวิตของเรา
ด้วยความไม่ประมาท จะเล่นน้ำก็เล่นอย่างถ้อยที ถ้อยอาศัย อย่าใช้ความรุนแรง
เพราะสังคมของเราทุกวันนี้ มันเต็มไปด้วยความรุนแรงที่เกินพอแล้วสำหรับเรา
สิ่งที่เราควรต้องคำนึงอยู่เสมอ
1. คุณพ่อ, คุณแม่ ไม่ว่าเราจะมีครอบครัวแล้วหรือยังไม่มี ทั้งสองท่านนี้ คือ คนที่เราต้องรัก
และนึกถึงความรู้สึกท่านที่สุด สงกรานต์นี้ อย่าทิ้งให้ท่านอยู่กันตามลำพัง และต้องไม่ลืม
รดน้ำขอพรท่านด้วยนะคะ พรใดจะประเสริฐสำหรับเราเท่าพรของพระในบ้าน (คุณพ่อ,
คุณแม่) ไม่มีอีกแล้ว (จริง ๆ นะ)
2. อย่าลืมทำบุญตักบาตร ปล่อยสัตว์ (ตามกำลังของเรา)เพื่อต่อชีวิตให้กับเขาด้วย ที่สำคัญ
อย่าลืมกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรของเราด้วยนะ
3.เล่นน้ำอย่างมีสติ และที่สำคัญไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร
4.เดินทางไปไหนมาไหน ด้วยความไม่ประมาท และมีสติอยู่เสมอ
ขอให้ทุกท่านมีความสุขในเทศกาลมหาสงกรานต์นี้นะคะ
ด้วยรักและปรารถนาดี
"ยิ้มแป้น"

No comments:

Post a Comment

Note: Only a member of this blog may post a comment.