Bae Yong-joon, who turns 33 today, says he wants to start a family as soon as possible as he feels lonely in his “simple life.”
เบยงจุนบอกว่า เขาอยากมีครอบครัวให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะรู้สึกเหงากับ “ชีวิตที่แสนเรียบง่าย” ของเขา
Clad in a gray suit and white shirt, the South Korean known as “Yonsama” looked serene, spoke politely and smiled, although his two years as an Asian icon may have changed him a lot. South Korean actor Bae Yong-joon, however, appeared to be haunted by the experience of playing his character in director Hur Jin-ho’s moody melodrama “April Snow,” which will open nationwide Sept. 8.
“I was like a child abandoned before a camera,” Bae, who turns 33 today, recalled in a recent interview at a Seoul hotel with Yonhap News Agency.
เบยงจุนในสูทสีเทาและเสื้อเชิ้ตสีขาว ดารายอดนิยมที่รู้จักกันในนาม “ยอนซามะ” ดูสงบนิ่ง พูดจาอย่างสุภาพ และยิ้มแย้มตลอดเวลา ตลอด 2 ปีที่ผ่านมาสัญลักษณ์แห่งเอเชียได้เปลี่ยนแปลงไปมาก แต่เบยงจุนคงหลอนไม่น้อยกับประสบการณ์การทำงานร่วมกับผู้กำกับเฮอจินโฮ ในภาพยนตร์สุดกดดันเรื่อง “April Snow”
“ผมเหมือนเด็กที่ถูกทิ้งไว้หน้ากล้อง” เบยงจุนทบทวนความทรงจำในการให้สัมภาษณ์ที่โรงแรมโซล
He said it was initially very hard for him to adapt to Hur’s directing style that required a lot of impromptu acting.
“Hur always said ‘Just do it on your own way.’ Whenever I asked him ‘how,’ he would let the shooting continue after simply answering ‘Well, act and speak as you want.’ I usually calculate and decide what to do and how to do it before acting, as you know, but I couldn’t with this work.”
เขาบอกว่าในตอนแรกมันยากมากที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับสไตล์การกำกับของผู้กำกับเฮอ ที่ชอบการแสดงแบบด้นสด
“ผู้กำกับชอบบอกว่า “แสดงแบบที่คุณชอบเลย” เมื่อผมถามเขาว่า “ทำยังไงล่ะ” เขาก็จะปล่อยให้กล้องถ่ายไปเรื่อยๆ หลังจากตอบดื้อๆ ว่า “ก็แสดงและพูดอย่างที่คุณอยากทำไง” ผมมักคำนวณและตัดสินใจว่าจะทำอะไรและอย่างไรก่อนการแสดงทุกครั้ง แต่กับงานนี้ผมทำไม่ได้เลย”
Bae said he used to not be able to understand when veteran actors say “Now I’ll have to let this character go his way,” but now fully comprehends.
“I could not concentrate on other work while shooting this film. I was very gloomy and did not know why I was so pained and irritated. I figured out later it was because I could not fully return to myself after becoming immersed in the character.”
“April Snow” is the story of a man and a woman drawn together after a traffic accident reveals their spouses were having an affair.
เบยงจุนบอกว่าเมื่อก่อนเขาไม่เข้าใจสิ่งที่นักแสดงรุ่นพี่เคยบอกไว้ “ต้องปล่อยให้ตัวละครเป็นไปตามบทบาท” แต่คราวนี้เขาเข้าใจถ่องแท้แล้ว
“ผมไม่สามารถมีสมาธิกับงานอื่นได้เลยระหว่างถ่ายทำหนังเรื่องนี้ ผมหดหู่มากๆ และไม่รู้ว่าทำไมต้องเจ็บปวดและหงุดหงิดขนาดนี้ด้วย ผมมารู้ทีหลังว่ามันเป็นเพราะผมไม่อาจกลับมาเป็นตัวเองได้หลังจากเข้าถึงบทบาทของตัวละคร”
“April Snow” เป็นเรื่องราวของชายหญิงที่มาพบเจอกันหลังจากอุบัติเหตุที่เปิดเผยว่าคู่ชีวิตของพวกเขาแอบมีสัมพันธ์ลับกัน
Bae’s character, devoted husband In-su, and the young housewife Seo-yeong, played by Son Ye-jin, are filled with confusion and anger at the accident and betrayal by their spouses. But they gradually fall in love while trying to share their pain.
“In-su is a responsible, very good-natured and healthy person. He loved his wife a lot. If I were In-su, I could not leave my wife in the hospital bed (for the newly-found love) either,” the actor said. He admitted that he is conservative as far as love is concerned.
เบยงจุนรับบทอินซู สามีผู้ทุ่มเทให้กับครอบครัว และซอนเยจินรับบทภรรยาแสนดีอย่างโซยอง ทั้งคู่เต็มไปด้วยความสับสนและเคืองแค้นกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นและการถูกคู่ชีวิตหักหลัง แต่พวกเขากลับค่อยๆ ตกหลุมรักกันและกันขณะที่แบ่งปันความเจ็บปวดแก่กัน
“อินซูเป็นผู้ชายที่มีจิตใจดี มีความรับผิดชอบ เขารักภรรยาของเขามาก ถ้าผมเป็นอินซู ผมคงไม่สามารถทิ้งภรรยาที่นอนเจ็บอยู่ในโรงพยาบาลเพื่อไปมีคนใหม่ได้” เขายอมรับว่าตัวเองค่อนข้างหัวโบราณในเรื่องของความรัก
Bae became enormously popular in East Asian nations, especially in Japan, after the South Korean television series in which he starred, “Winter Sonata,” was broadcast in 2003 and last year.
เบยงจุนโด่งดังอย่างมากในแถบเอเชียตะวันออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ญี่ปุ่น หลังจากละครที่เขานำแสดง “Winter Sonata” ออกอากาศเมื่อปี 2003
He was given the nickname, “Yonsama,” by his Japanese fans. “Yon” is the short form of his name in Japanese and “sama” means a highly respected person. It is unusual for Japanese to refer to foreigners using the honorific “sama.”
When he visited Taiwan last weekend to promote the film, he was greeted at the airport and hotel by throngs of fans, mostly middle-aged women from Japan and other Asian countries, which proved again he is one of Asia’s top stars.
“I think the Taiwanese people were closer and friendlier toward me this time than when I visited the country last year. I think that was because they became more familiar with South Korean pop culture.”
เขาได้รับการเรียกขานว่า “ยอนซามะ” โดยแฟนๆ ชาวญี่ปุ่น “ยอน” เป็นชื่อของเขาเองแบบสั้นๆ ในภาษญี่ปุ่น ส่วน “ซามะ” (ท่าน) ใช้เรียกคนที่ได้รับความเคารพนับถืออย่างสูง ไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่คนญี่ปุ่นจะเรียกขานชาวต่างชาติด้วยการใช้คำที่ให้ความเคารพยกย่องอย่าง “ซามะ”
เมื่อเขาไปเยือนไต้หวันเพื่อโปรโมตหนังเรื่องนี้ เขาได้รับการต้อนรับที่สนามบินและโรงแรมโดยกลุ่มแฟนๆ ส่วนใหญ่เป็นหญิงวัยกลางคนจากญี่ปุ่นและประเทศอื่นๆ ในแถบเอเชีย ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าเขายังคงเป็นหนึ่งในดาราแถวหน้าของเอเชีย
“ผมคิดว่าคนไต้หวันให้ความสนิทสนมและเป็นมิตรกับผมมากกว่าตอนที่ผมมาเยือนเมื่อปีก่อน ผมคิดว่าคงเป็นเพราะพวกเขาเริ่มคุ้นเคยกับวัฒนธรรมเกาหลีแล้ว”
Bae said he feels a great burden as a star who stands in the forefront of “hallyu (Korean wave),” or the boom of Korean pop culture in neighboring Asian countries, but thanks God for endowing him with the pioneering role. “I expect hallyu will serve as a chance to create a unified Asian cultural entity.”
In addition, the actor said overseas fans’ high expectations do not influence his choice of screenplays.
“There is difference between images that I can showcase in films and real life. I will do my best to show my best side in my life,” he said.
เบยงจุนกล่าวว่าเขารู้สึกว่าเป็นภาระอันยิ่งใหญ่ในฐานะดาราที่ยืนอยู่แถวหน้าของ “ฮัลลิว” หรือผู้นำวัฒนธรรมเกาหลีสู่ประเทศเพื่อนบ้าน แต่ก็ต้องขอบคุณพระเจ้าที่ให้เขารับหน้าที่ผู้บุกเบิกนี้ “ผมหวังว่าฮัลลิวจะเป็นโอกาสอันดีที่จะเชื่อมโยงวัฒนธรรมเอเชียให้เป็นหนึ่งเดียวกัน”
นอกจากนั้นเขายังกล่าวอีกว่า ความคาดหวังของแฟนๆ ไม่ได้มีผลต่อการเลือกงานแสดงของเขา
“มันแตกต่างกันระหว่างภาพที่ผมนำเสนอบนแผ่นฟิล์มกับภาพในชีวิตจริง ผมจะทำอย่างดีที่สุดเพื่อแสดงด้านดีๆ ในชีวิตของผม” เขากล่าว
Bae said he would seek a variety of different roles in the future, not just the kind of nice and warmhearted characters he portrayed in previous works.
The actor has already chosen his next role. He will play the King Kwanggaeto of the ancient Korean kingdom of Koguryo in a local television drama tentatively named “Taewangsasingi.” The drama is scheduled to air in September next year.
เบยงจุนกล่าวว่าเขาจะเลือกรับบทที่แตกต่างกันในอนาคต ไม่ใช่แค่บทผู้ชายแสนดีและอบอุ่นอย่างที่เขาเคยแสดงในเรื่องที่ผ่านๆ มา
เขาได้เลือกบทบาทต่อไปเรียบร้อยแล้ว เขาจะแสดงเป็นกษัตริย์กวางแกโตแห่งอาณาจักรโบราณของเกาหลี “โกคูรยอ” ในละครทีวีเรื่อง “Taewangsasingi”
Koguryo ruled the northern half of the Korean Peninsula and the northeastern part of modern-day China some two millennia ago.
The actor confirmed he does not have any plan yet to advance into the overseas film world but is willing to cooperate with Asian filmmakers for co-productions with South Korea.
“Asian film industries have so far had insufficient capital and marketability to pursue a common project, but many conditions have improved (in recent years.) I’m being ready to cooperate for Asian co-productions as part of my long-term plan.”
โกคูรยอครอบครองดินแดนตอนเหนือครึ่งหนึ่งของคาบสมุทรเกาหลีและทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีนปัจจุบันเมื่อ 2,000 ปีก่อน
เบยงจุนยืนยันว่าเขายังไม่มีแผนการที่จะก้าวสู่วงการหนังระดับโลก แต่ยินดีที่จะร่วมงานกับผู้สร้างหนังชาวเอเชียที่ผลิตผลงานร่วมกับประเทศเกาหลีใต้
“อุตสาหกรรมหนังเอเชียยังไม่มีเงินทุนที่เพียงพอและตลาดก็มีข้อจำกัด แต่สิ่งเหล่านี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต ผมพร้อมที่จะร่วมงานกับผู้ผลิตชาวเอเชีย”
Bae said he wants to start a family with a baby as soon as possible and live a happy life as ordinary people do.
“I feel really lonely these days when I’m in my apartment by myself. These feelings get deeper as time goes on. But my chances of meeting people are limited since I live a very simple life _ fitness club, home and office. Moreover, I’m not the kind of person who easily makes friends at parties.”
Reading messages posted by fans on his official Web site is one of his sources of joy these days, Bae said.
“They really cheer me up. They are like vitamin pills that invigorate me,” he added.
เบยงจุนกล่าวว่าเขาอยากมีครอบครัวมีลูกให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเหมือนคนทั่วไป
“เดี๋ยวนี้ผมรู้สึกเหงาจริงๆ เวลาที่อยู่ในอพาร์ทเม้นต์คนเดียว ความรู้สึกนี้ยิ่งมากขึ้นทุกทีเมื่อเวลาผ่านไป แต่โอกาสที่ผมจะได้พบเจอผู้คนค่อนข้างจำกัด เพราะผมใช้ชีวิตที่เรียบง่ายมากๆ ฟิตเนส บ้าน และที่ทำงาน แถมผมยังไม่ใช่คนประเภทที่สนิทสนมกับคนง่ายๆ อีกด้วย”
การอ่านข้อความที่แฟนๆ โพสต์ไว้ในเว็บไซต์ของเขาจึงเป็นหนึ่งในความสุขของเขา
เบยงจุนบอกว่า “พวกเขาคอยให้กำลังใจผม เป็นเหมือนวิตามินที่คอยเพิ่มพลังให้กับผม” เขากล่าว
Source: By Shim Sun-ah, Yonhap News Agency August 28th 2005
Thai Version by Ladymoon
เบยงจุนบอกว่า เขาอยากมีครอบครัวให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะรู้สึกเหงากับ “ชีวิตที่แสนเรียบง่าย” ของเขา
Clad in a gray suit and white shirt, the South Korean known as “Yonsama” looked serene, spoke politely and smiled, although his two years as an Asian icon may have changed him a lot. South Korean actor Bae Yong-joon, however, appeared to be haunted by the experience of playing his character in director Hur Jin-ho’s moody melodrama “April Snow,” which will open nationwide Sept. 8.
“I was like a child abandoned before a camera,” Bae, who turns 33 today, recalled in a recent interview at a Seoul hotel with Yonhap News Agency.
เบยงจุนในสูทสีเทาและเสื้อเชิ้ตสีขาว ดารายอดนิยมที่รู้จักกันในนาม “ยอนซามะ” ดูสงบนิ่ง พูดจาอย่างสุภาพ และยิ้มแย้มตลอดเวลา ตลอด 2 ปีที่ผ่านมาสัญลักษณ์แห่งเอเชียได้เปลี่ยนแปลงไปมาก แต่เบยงจุนคงหลอนไม่น้อยกับประสบการณ์การทำงานร่วมกับผู้กำกับเฮอจินโฮ ในภาพยนตร์สุดกดดันเรื่อง “April Snow”
“ผมเหมือนเด็กที่ถูกทิ้งไว้หน้ากล้อง” เบยงจุนทบทวนความทรงจำในการให้สัมภาษณ์ที่โรงแรมโซล
He said it was initially very hard for him to adapt to Hur’s directing style that required a lot of impromptu acting.
“Hur always said ‘Just do it on your own way.’ Whenever I asked him ‘how,’ he would let the shooting continue after simply answering ‘Well, act and speak as you want.’ I usually calculate and decide what to do and how to do it before acting, as you know, but I couldn’t with this work.”
เขาบอกว่าในตอนแรกมันยากมากที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับสไตล์การกำกับของผู้กำกับเฮอ ที่ชอบการแสดงแบบด้นสด
“ผู้กำกับชอบบอกว่า “แสดงแบบที่คุณชอบเลย” เมื่อผมถามเขาว่า “ทำยังไงล่ะ” เขาก็จะปล่อยให้กล้องถ่ายไปเรื่อยๆ หลังจากตอบดื้อๆ ว่า “ก็แสดงและพูดอย่างที่คุณอยากทำไง” ผมมักคำนวณและตัดสินใจว่าจะทำอะไรและอย่างไรก่อนการแสดงทุกครั้ง แต่กับงานนี้ผมทำไม่ได้เลย”
Bae said he used to not be able to understand when veteran actors say “Now I’ll have to let this character go his way,” but now fully comprehends.
“I could not concentrate on other work while shooting this film. I was very gloomy and did not know why I was so pained and irritated. I figured out later it was because I could not fully return to myself after becoming immersed in the character.”
“April Snow” is the story of a man and a woman drawn together after a traffic accident reveals their spouses were having an affair.
เบยงจุนบอกว่าเมื่อก่อนเขาไม่เข้าใจสิ่งที่นักแสดงรุ่นพี่เคยบอกไว้ “ต้องปล่อยให้ตัวละครเป็นไปตามบทบาท” แต่คราวนี้เขาเข้าใจถ่องแท้แล้ว
“ผมไม่สามารถมีสมาธิกับงานอื่นได้เลยระหว่างถ่ายทำหนังเรื่องนี้ ผมหดหู่มากๆ และไม่รู้ว่าทำไมต้องเจ็บปวดและหงุดหงิดขนาดนี้ด้วย ผมมารู้ทีหลังว่ามันเป็นเพราะผมไม่อาจกลับมาเป็นตัวเองได้หลังจากเข้าถึงบทบาทของตัวละคร”
“April Snow” เป็นเรื่องราวของชายหญิงที่มาพบเจอกันหลังจากอุบัติเหตุที่เปิดเผยว่าคู่ชีวิตของพวกเขาแอบมีสัมพันธ์ลับกัน
Bae’s character, devoted husband In-su, and the young housewife Seo-yeong, played by Son Ye-jin, are filled with confusion and anger at the accident and betrayal by their spouses. But they gradually fall in love while trying to share their pain.
“In-su is a responsible, very good-natured and healthy person. He loved his wife a lot. If I were In-su, I could not leave my wife in the hospital bed (for the newly-found love) either,” the actor said. He admitted that he is conservative as far as love is concerned.
เบยงจุนรับบทอินซู สามีผู้ทุ่มเทให้กับครอบครัว และซอนเยจินรับบทภรรยาแสนดีอย่างโซยอง ทั้งคู่เต็มไปด้วยความสับสนและเคืองแค้นกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นและการถูกคู่ชีวิตหักหลัง แต่พวกเขากลับค่อยๆ ตกหลุมรักกันและกันขณะที่แบ่งปันความเจ็บปวดแก่กัน
“อินซูเป็นผู้ชายที่มีจิตใจดี มีความรับผิดชอบ เขารักภรรยาของเขามาก ถ้าผมเป็นอินซู ผมคงไม่สามารถทิ้งภรรยาที่นอนเจ็บอยู่ในโรงพยาบาลเพื่อไปมีคนใหม่ได้” เขายอมรับว่าตัวเองค่อนข้างหัวโบราณในเรื่องของความรัก
Bae became enormously popular in East Asian nations, especially in Japan, after the South Korean television series in which he starred, “Winter Sonata,” was broadcast in 2003 and last year.
เบยงจุนโด่งดังอย่างมากในแถบเอเชียตะวันออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ญี่ปุ่น หลังจากละครที่เขานำแสดง “Winter Sonata” ออกอากาศเมื่อปี 2003
He was given the nickname, “Yonsama,” by his Japanese fans. “Yon” is the short form of his name in Japanese and “sama” means a highly respected person. It is unusual for Japanese to refer to foreigners using the honorific “sama.”
When he visited Taiwan last weekend to promote the film, he was greeted at the airport and hotel by throngs of fans, mostly middle-aged women from Japan and other Asian countries, which proved again he is one of Asia’s top stars.
“I think the Taiwanese people were closer and friendlier toward me this time than when I visited the country last year. I think that was because they became more familiar with South Korean pop culture.”
เขาได้รับการเรียกขานว่า “ยอนซามะ” โดยแฟนๆ ชาวญี่ปุ่น “ยอน” เป็นชื่อของเขาเองแบบสั้นๆ ในภาษญี่ปุ่น ส่วน “ซามะ” (ท่าน) ใช้เรียกคนที่ได้รับความเคารพนับถืออย่างสูง ไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่คนญี่ปุ่นจะเรียกขานชาวต่างชาติด้วยการใช้คำที่ให้ความเคารพยกย่องอย่าง “ซามะ”
เมื่อเขาไปเยือนไต้หวันเพื่อโปรโมตหนังเรื่องนี้ เขาได้รับการต้อนรับที่สนามบินและโรงแรมโดยกลุ่มแฟนๆ ส่วนใหญ่เป็นหญิงวัยกลางคนจากญี่ปุ่นและประเทศอื่นๆ ในแถบเอเชีย ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าเขายังคงเป็นหนึ่งในดาราแถวหน้าของเอเชีย
“ผมคิดว่าคนไต้หวันให้ความสนิทสนมและเป็นมิตรกับผมมากกว่าตอนที่ผมมาเยือนเมื่อปีก่อน ผมคิดว่าคงเป็นเพราะพวกเขาเริ่มคุ้นเคยกับวัฒนธรรมเกาหลีแล้ว”
Bae said he feels a great burden as a star who stands in the forefront of “hallyu (Korean wave),” or the boom of Korean pop culture in neighboring Asian countries, but thanks God for endowing him with the pioneering role. “I expect hallyu will serve as a chance to create a unified Asian cultural entity.”
In addition, the actor said overseas fans’ high expectations do not influence his choice of screenplays.
“There is difference between images that I can showcase in films and real life. I will do my best to show my best side in my life,” he said.
เบยงจุนกล่าวว่าเขารู้สึกว่าเป็นภาระอันยิ่งใหญ่ในฐานะดาราที่ยืนอยู่แถวหน้าของ “ฮัลลิว” หรือผู้นำวัฒนธรรมเกาหลีสู่ประเทศเพื่อนบ้าน แต่ก็ต้องขอบคุณพระเจ้าที่ให้เขารับหน้าที่ผู้บุกเบิกนี้ “ผมหวังว่าฮัลลิวจะเป็นโอกาสอันดีที่จะเชื่อมโยงวัฒนธรรมเอเชียให้เป็นหนึ่งเดียวกัน”
นอกจากนั้นเขายังกล่าวอีกว่า ความคาดหวังของแฟนๆ ไม่ได้มีผลต่อการเลือกงานแสดงของเขา
“มันแตกต่างกันระหว่างภาพที่ผมนำเสนอบนแผ่นฟิล์มกับภาพในชีวิตจริง ผมจะทำอย่างดีที่สุดเพื่อแสดงด้านดีๆ ในชีวิตของผม” เขากล่าว
Bae said he would seek a variety of different roles in the future, not just the kind of nice and warmhearted characters he portrayed in previous works.
The actor has already chosen his next role. He will play the King Kwanggaeto of the ancient Korean kingdom of Koguryo in a local television drama tentatively named “Taewangsasingi.” The drama is scheduled to air in September next year.
เบยงจุนกล่าวว่าเขาจะเลือกรับบทที่แตกต่างกันในอนาคต ไม่ใช่แค่บทผู้ชายแสนดีและอบอุ่นอย่างที่เขาเคยแสดงในเรื่องที่ผ่านๆ มา
เขาได้เลือกบทบาทต่อไปเรียบร้อยแล้ว เขาจะแสดงเป็นกษัตริย์กวางแกโตแห่งอาณาจักรโบราณของเกาหลี “โกคูรยอ” ในละครทีวีเรื่อง “Taewangsasingi”
Koguryo ruled the northern half of the Korean Peninsula and the northeastern part of modern-day China some two millennia ago.
The actor confirmed he does not have any plan yet to advance into the overseas film world but is willing to cooperate with Asian filmmakers for co-productions with South Korea.
“Asian film industries have so far had insufficient capital and marketability to pursue a common project, but many conditions have improved (in recent years.) I’m being ready to cooperate for Asian co-productions as part of my long-term plan.”
โกคูรยอครอบครองดินแดนตอนเหนือครึ่งหนึ่งของคาบสมุทรเกาหลีและทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีนปัจจุบันเมื่อ 2,000 ปีก่อน
เบยงจุนยืนยันว่าเขายังไม่มีแผนการที่จะก้าวสู่วงการหนังระดับโลก แต่ยินดีที่จะร่วมงานกับผู้สร้างหนังชาวเอเชียที่ผลิตผลงานร่วมกับประเทศเกาหลีใต้
“อุตสาหกรรมหนังเอเชียยังไม่มีเงินทุนที่เพียงพอและตลาดก็มีข้อจำกัด แต่สิ่งเหล่านี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต ผมพร้อมที่จะร่วมงานกับผู้ผลิตชาวเอเชีย”
Bae said he wants to start a family with a baby as soon as possible and live a happy life as ordinary people do.
“I feel really lonely these days when I’m in my apartment by myself. These feelings get deeper as time goes on. But my chances of meeting people are limited since I live a very simple life _ fitness club, home and office. Moreover, I’m not the kind of person who easily makes friends at parties.”
Reading messages posted by fans on his official Web site is one of his sources of joy these days, Bae said.
“They really cheer me up. They are like vitamin pills that invigorate me,” he added.
เบยงจุนกล่าวว่าเขาอยากมีครอบครัวมีลูกให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเหมือนคนทั่วไป
“เดี๋ยวนี้ผมรู้สึกเหงาจริงๆ เวลาที่อยู่ในอพาร์ทเม้นต์คนเดียว ความรู้สึกนี้ยิ่งมากขึ้นทุกทีเมื่อเวลาผ่านไป แต่โอกาสที่ผมจะได้พบเจอผู้คนค่อนข้างจำกัด เพราะผมใช้ชีวิตที่เรียบง่ายมากๆ ฟิตเนส บ้าน และที่ทำงาน แถมผมยังไม่ใช่คนประเภทที่สนิทสนมกับคนง่ายๆ อีกด้วย”
การอ่านข้อความที่แฟนๆ โพสต์ไว้ในเว็บไซต์ของเขาจึงเป็นหนึ่งในความสุขของเขา
เบยงจุนบอกว่า “พวกเขาคอยให้กำลังใจผม เป็นเหมือนวิตามินที่คอยเพิ่มพลังให้กับผม” เขากล่าว
Source: By Shim Sun-ah, Yonhap News Agency August 28th 2005
Thai Version by Ladymoon
No comments:
Post a Comment
Note: Only a member of this blog may post a comment.