27.12.09

ขนมไทยพื้นบ้าน

ทุ่งนาของบ้านเราส่วนใหญ่ปลูกข้าวเจ้าและข้าวเหนียว โดยเฉพาะข้าวเจ้าถือเป็นอาหารหลักของคนไทนที่เราต้องรับประทานกันทุกวัน
เป็นพืชผลการเกษตรส่งออกที่สำคัญยิ่ง

ขนมพื้นบ้านของเรา ส่วนใหญ่ ทำมาจากแป้งข้าวเจ้าและแป้งข้าวเหนียว

ทุ่งนาข้าว (เจ้า) มีอยู่ทั่วเมืองไทย

ขนมขี้หนูทำจากแป้งข้าวเจ้า ใส่สีสันสวยงาม เวลารับประทานถ้าห่อด้วยใบตอง แล้วใช้มือบีบให้แน่น ขนมก็จะหอมกลิ่นใบตอง เลยพาลรู้สึกว่าอร่อยเพิ่มมากขึ้น

โดยทั่วไปขนม ขี้หนู จะนิยม ใส่สี สองสี คือเขียวและชมพู เคยมีคุณแม่ของเพื่อน ใช้ลูกตาลสุก ผสมในขนมขี้หนู ขนมขี้หนูจึงมีสีเหลือง มีกลิ่นและรสของลูกตาล อร่อยมาก

ตามห้วยหนอง คูคลอง หนองบึง ส่วนใหญ่จะมีต้นโสน (สะ-โหน) ขึ้นอยู่ทั่วไป


เมื่อต้นฤดูฝน ดอกโสนก็จะบานสะพรั่ง ชูช่อเรืองเเหลืองอร่าม อยู่ทั่วไป

ขนมดอกโสน ที่อร่อย ต้องใช้ทั้งแป้งข้าวเจ้าและแป้งข้าวเหนียว แล้วแต่สูตรของคนทำที่จะใช้สัดส่วนอย่างไร

ต้นตาล สูงเด่นเป็นสง่า ส่วนใหญ่ ขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่ลักษณะดังภาพ เป็นการปลูกของชาวบ้าน

งวงตาล ปาดแล้วเอากระบอกรอง ทำน้ำตาลสด เมื่อ ออกเป็นผล ก็ขึ้นไปตัดลงมาผ่ารับประทานเป็นลูกตาลสด หากแก่จัดจนสุก จะมีกลิ่น และส่วนใหญ่หล่นร่วงลงมาเอง ชาวบ้านก็แค่รอเก็บเอามาทำขนมตาลได้ โดยต้องปอกเปลือกออก แล้วยีเอาน้ำจากเยื่อหุ้มชั้นในออกมา แล้วนำมาทำขนมตาล โดยค่อยๆผสมนวดกับแป้งข้าวเจ้า เมื่อแป้งนิ่มแล้วเริ่มใส่กะทิ และน้ำตาล ที่ต้มเป็นน้ำเชื่อม ค่อยๆนวดและค่อยๆผสมน้ำลูกตาล กะทิ น้ำตาล ทีละน้อย จนเหลวได้ที่ดี ดีตามสูตร ว่า ใช้แป้งเท่าไร กะทิ เท่าไร หวานเท่าใด แล้วรอ จน แป้งที่ผ่านการนวดและผสมกะทินี้ ฟูขึ้นมาในภาชนะที่ใส่ ควรคลุมผ้าขาวบางไว้ กัน แมลงไต่ตอมบินตกลงไป เพราะกลิ่นตาลยั่วใจ แมลงพวกนี้มาก แล้วต้องคอยมาหมั่นตรวจดูว่า ฟูแล้วหรือยัง เมื่อ ฟูได้ที่แล้วก็ตักหยอดใส่ถ้วย นำไปนึ่งสุก
หากปล่อยให้ ฟูแล้วยุบ ขนมก็ไม่อร่อย
หากไม่ฟู ขนมตาลก็จะเนื้อกระด้าง ไม่อร่อย ตอนนึ่งหน้าก็ไม่แตก

ปัจจุบีน คนทำมักใช้ทางลัดโดยใส่ผงฟู บางที่ก็ ใส่สีอีกต่างหาก เพราะเนื้อตาลน้อย รับรองว่า ถ้า ใช้วิธีนี้ ขนมตาลไม่มีวันอร่อยได้เด็ดขาด ที่บ้านของคนเขียน คุณพ่อทำโดยไม่ใส่ผงฟู ไม่ใส่สี และการนวดแป้งผสมเนื้อตาลและกะทิ ไม่เคยต่ำกว่า 2 ชั่วโมง พวกเราคนข้างหลัง ได้สูตรมาทำอย่างไร ก็ไม่อร่อย เพราะขาดความอดทน ในการนวดแป้งและน้ำลูกตาล และคงนวด ไม่ได้ที่ดี เรี่ยวแรงไม่พอ ละกระมัง ทำเท่าไร ก็ไม่อร่อยเหมือน

ขนมแบบนี้ หน้าไม่แตกฟู แสดงว่า อ่อนนฝีมือ นั่นเอง

ป่าจากที่ขึ้นตามฝั่งชายเลนทั้งหลาย จะมีดอกจาก ที่ยอดอ่อนก็ ตัดไปต้มจิ้มน้ำพริก หรือ ทำกับข้าวอื่น รอจนเป็นโหม่งจาก เมื่อแก่ได้ที่ไม่แก่ไปไม่อ่อนไป ก็สามารถ เอาผลแต่ละผลในโหม่งจากมาผ่า ช้อนเอาเนื้อ ออกมารับประทานสด หรือ เอามาเชื่อมก็ได้

ส่วนใหญ่ ก็ต้องซอยเนื้อ อีกครั้ง เพื่อให้ น้ำตาลซึมซับในเนื้อของลูกจาก และดูชวนน่ารับประทานขึ้น

จากท้องทุ่งนา ริมชายฝั่งแม่น้ำลำคลอง ก็ขอพาเข้าสวน มะม่วงขายตึก เป็นมะม่วงโบราณ เล่ากันว่า มะม่วงนี้อร่อยมาก จนคนต้องขายตึก ที่อยู่ของตนเอง เพื่อ นำเงิน มาซื้อหามะม่วงพันธุ์นี้ รับประทาน
เรื่องเล่า ประเภท เขาเล่าว่า ก็มัก จะโอเวอร์ เกินจริง แน่นอน มะม่วงนี้ เมื่อแก่จัด แม้ยังดิบอยู่ เนื้อข้างในเมื่อปอกเปลือกออก จะมีสีเหลืองดังภาพ
ลูกที่เฉือนเนื้อเห็นสีเหลือง ยังดิบอยู่ จริงแท้แน่นอน ถ้าปล่อยสุกมากไปจะมีกลิ่น ฉุน แรง แบบมะม่วง สุกงอม

มะเฟือง ผลไม้ ประจำสวน โดยเฉพาะดอกมะเฟือง สวยมาก ( สวยแบบชาวสวนนะคะ)


มะม่วงยอดฮิตของฉะเฃิงเทรา คือมะม่วงแรด เพราะ มีนอแรด ถ้าแก่จัด ก็อร่อยมาก ๆ เพราะมี สามรสคือ มัน อมเปรี้ยวเล็กน้อย และหวาน มะม่วงมันทั้งหลาย ต้องเข้าแถวหลบชิดซ้าย ให้มะม่วงแรด แต่ปัจุบันมะม่วงก็ใช้วิทยาการสมัยใหม่ ประเถท ติดตา ทาบกิ่ง แล้ว ก็ พูดกันเสียงแข็ง ว่า ไม่ทำให้ พันธุ์ เสียหาย
คนเขียนก็ขอเถียงเอาศรีษะชนคนบอกแบบนี้ แน่นอนว่า ไม่จริ้งไม่จริง ยังไง ก็มีความเปลี่ยนแปลง ในเมื่อ รากเหง้า ไม่ใช่ แรดแท้ แล้ว รสชาด รับประทานแล้ว จะแรด ได้อย่างไร

มีเพื่อน ที่ซื้อ มะนาวติดตา ทาบกิ่ง มา ปลูก เผลอไปหน่อย มะนาวก็กลายเป็นมะขวิด เพราะกิ่งมะนาวที่เอามาใช้ เกิดอาการใจเสาะ เฉา แห้งตายไป แต่โคนต้น ยังเขียวอยู่ ก็เลยไม่ฟันทิ้ง แล้ว ก็เลยได้มะขวิดต้นใหญ่ สูงตระหง่านขึ้นมาแทนที่ คนเขียนเห็นแล้วก็สงสัย ว่า ทำไมปลูกต้นมะขวิด ชอบอะไรกับมะขวิด เจ้าของก็ถอนใจเฮือกใหญ่ แล้วเล่าให้ฟังดังกล่าว
จากมะม่วง ก็ไปเรื่อง มะนาว และมะขวิดเสียแล้ว ก็เพียงรำพึงในใจ แต่มือ เผอิญจิ้มคีย์บอร์ด ไปด้วยในขณะรำพึงถึงเท่านั้นเองค่ะ
วิถีชิวิต แบบไทยๆ ชนบท มีเรื่องราวบอกกล่าวมากมาย

No comments:

Post a Comment

Note: Only a member of this blog may post a comment.