24.1.10

[Interview] Lee Byung Hun in CNN Talkasia

Reported by TWSSG Team (Ladymoon) – 2010-01-23

Hallyu Star Lee Byung Hun interviewed by Anna Coren, CNN Talkasia and this show had broadcasting. They talked about his life & his works. The interview took place before Lee Byung Hun joined the red carpet event at the opening night of 14th Pusan International Film Festival in October 2009. And his movie “I Come With the Rain” that he starred with Hollywood actor, Josh Hartnett, had its premiere show on that night too. All interview is in English.

CNN Talk Asia - Lee Byung Hun #1



CNN Talk Asia - Lee Byung Hun #2



CNN Talk Asia - Lee Byung Hun #3



[รายงานบทสัมภาษณ์โดย Ladymoon@http://twssg.blogspot.com]
***PLEASE REPOST WITH FULL CREDIT ONLY. THANKS.***

ลีบยุงฮุนได้ให้สัมภาษณ์กับรายการ CNN Talkasia โดยผู้สัมภาษณ์คือ แอนนา โคเร็น ทางรายการได้ไปสัมภาษณ์ลีบยุงฮุนในคืนวันเปิดงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติครั้งที่ 14 ที่เมืองปูซาน เกาหลีใต้ เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2009 ซึ่งในงานนี้มีการฉายภาพยนตร์เรื่องล่าสุดที่ลีบยุงฮุนแสดงร่วมกับจอร์ช ฮาร์ทเน็ต (กำกับโดย ทรานอานฮุง ผู้กำกับชาวฝรั่งเศสเชื้อสายเวียตนาม) เรื่อง “I Come With the Rain” ด้วย การสัมภาษณ์ครั้งนี้เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด (แถมเสียงเฮียแกยานคางมากชวนหลับอย่างยิ่ง) ดิฉันได้ถอดความบางช่วงบางตอนแบบสรุปมาเล่าให้ฟังกันตรงนี้นะคะ (คงไม่ขอแปลแบบคำต่อคำนะคะเพราะว่าค่อนข้างยาวเหมือนกัน คนแปลขี้เกียจค่ะ)

ทางรายการเริ่มด้วยการพูดถึงลีบยุงฮุน ซึ่งอยู่ในวงการนี้มากว่า 20 ปี แสดงภาพยนตร์และละครมาแล้วมากมาย แถมยังถูกนำไปสร้างเป็นตัวละครในวีดีโอเกม เมื่อปีที่แล้วเขาก้าวสู่เวทีฮอลีวู้ดกับบท “สตอร์มชาโดว์” ใน “จีไอโจ” การสัมภาษณ์เริ่มก่อนที่เขาจะไปพรมแดงในงานเทศกาลฯ เมื่อถูกถามว่าตอนเดินพรมแดงครั้งแรกตื่นเต้นมั้ย เขาตอบว่า “ตอนเดินบนพรมแดงครั้งแรกผมประหม่ามาก เพราะมีคนเยอะมากที่ตะโกน ที่ส่งเสียงกรี๊ด พอเวลาผ่านไปผมก็เริ่มชิน”

เมื่อถูกถามถึงการทำงานกับผู้กำกับทรานใน “I Come With the Rain” เขาตอบว่า “ตอนแรกผมลำบากใจมากเพราะวิธีการกำกับของเขาไม่เหมือนใครจริงๆ วันหนึ่งตอนที่ผมไปถ่ายทำ ไม่มีบท ไม่มีอะไรเลย เขาบอกให้ผมทำในสิ่งที่อยากทำ จะเดินไปเดินมา จะแตะอะไรก็ได้ จะพูดอะไรก็ได้ แต่พอนานๆ ไปผมก็เริ่มชิน เริ่มรู้สึกสบายใจขึ้นกับวิธีการแบบนี้ ต่อมาผมต้องขอบอกว่ามันเป็นวิธีที่ดีมากเลย” (อีแบบนี้เฮียไม่เคยทำงานกับเฮอจินโฮน่ะสิ อย่างนี้ต้องไปถามเฮียยงจุน)

เมื่อถูกถามว่าทำไมถึงเลือก “จีไอโจ” เป็นการเปิดตัวของเขาในฮอลีวู้ด เขาตอบว่า “ตอนแรกที่ได้ยินชื่อ “จีไอโจ” จากเอเย่นต์ของผม ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร จึงปฏิเสธไป แต่ใครๆ ก็บอกให้ผมรับเล่นเรื่องนี้ มันเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ เพื่อนของผม ผู้กำกับปาร์คชางวุค ที่ทำเรื่อง Old Boy เขาแนะนำผมว่า ถ้านายคิดว่าจะไปฮอลีวู้ด ทำไมถึงไม่เลือกเรื่องนี้ มันเป็นโอกาสที่ดี คำแนะนำนั้นช่วยผมได้เยอะเลยครับ
“ผมไม่เคยคิดถึงการมาฮอลีวู้ดเลย ถ้าเป็นเมื่อหลายปีก่อนไม่มีใครคิดหรอกว่ามันจะเกิดขึ้นได้ มันเป็นแค่ความฝันสำหรับดาราเกาหลี แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ความฝันอีกแล้ว มันเป็นจริงขึ้นมาแล้ว”

ทางรายการได้ไปเยี่ยมกองถ่ายละครฟอร์มยักษ์อย่าง “ไอริส” ด้วย ลีบยุงฮุนพูดถึง “ไอริส” ไว้ว่า “ “ไอริส” เป็นเรื่องราวของสายลับ ผมเล่นเป็นเจ้าหน้าที่ของ NSS ผมถูกใครบางคนหลอกใช้แล้วก็เขี่ยทิ้ง ผมจึงต้องการแก้แค้น นี่เป็นละครที่เกี่ยวกับสายลับ มีหนังเกี่ยวกับสายลับมากมายในต่างประเทศ แต่ในเกาหลีไม่ค่อยมี นี่จึงเป็นความแตกต่างอย่างยิ่งเพราะพูดถึงเรื่องราวของสายลับทั้งเกาหลีเหนือและใต้ จากสถานการณ์อันตึงเครียดของทั้งสองประเทศ มันจึงน่าจะแตกต่างจากหนังสายลับทั่วๆ ไป” (ระหว่างพูดไปเฮียแกก็พัดไปเหมือนอาซิ้มจริงๆ หนอ)

เมื่อถูกถามว่าเพราะอะไรคนถึงชอบละครเกาหลี เขาตอบว่า “ผมคิดว่าละครเกาหลีแสดงให้เห็นถึงชีวิตจริง ไม่ว่าจะเป็นจุดเล็กๆ น้อยๆ อารมณ์เล็กๆ น้อยๆ นั่นทำให้ผู้คนชอบมันเพราะละครก็เหมือนชีวิตจริงของพวกเขา”

ทางรายการได้พูดถึงคลื่นเกาหลีว่า Hallyu ใช้เรียกกระแสความสนใจในวัฒนธรรมของเกาหลี ตั้งแต่เพลง ภาพยนตร์ ไปจนถึงละคร กระแสดังกล่าวลุกลามไปทั่วเอเชีย แอนนาจึงถามว่าเพราะอะไรคลื่นเกาหลีถึงแผ่ขยายไปทั่วเอเชีย ลีบยุงฮุนตอบว่า “ละครเกาหลีพูดถึงเรื่องราวของครอบครัว ความรัก ความชัง ผู้คนสัมผัสได้ถึงอารมณ์เหล่านี้ นั่นคงเป็นเหตุผลที่ทำให้คนญี่ปุ่น คนจีน ชอบละครเกาหลี สำหรับบทเพลงก็มักเจือด้วยความเศร้าเล็กน้อย”

เมื่ถูกถามถึงชีวิตวัยเด็กของเขาและแรงจูงใจที่ชักนำให้เขามาเป็นนักแสดง เขาตอบว่า “ผมชอบดูหนังมาก ตอนอยู่ชั้นมัธยมผมอยากเป็นส่วนหนึ่งในนั้น แต่ผมไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ผมไม่เคยเรียนการแสดง ผมเรียนเอกฝรั่งเศส ก่อนมาเป็นนักแสดงผมไม่เคยแม้แต่จะพูดบทอะไรเลยสักบรรทัดมาก่อนในชีวิต”

แอนนาบอกว่าเขาคงภูมิใจในตัวเองมาก แต่ลีบยุงฮุนตอบว่าแม่ของเขาต่างหากที่ภูมิใจในตัวเขา ส่วนตัวเขาเองนั้นก็ภูมิใจในตัวเองบ้างบางครั้ง เขาบอกว่า “ผมไม่อยากหลงตัวเองมากไป ผมมักเตือนตัวเองเสมอว่าตัวผมไม่มีอะไรเลย ในข่าวชอบพูดว่าผมเป็นดาราฮอลีวู้ด เป็นดาราระดับโลก อะไรแบบนั้น แต่ผมไม่เคยรู้สึกเลยว่ามันเป็นเรื่องจริง ผมแค่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น หลังจากนั้นผมก็ไม่เคยไปต่างประเทศที่ไหนอีก”

เขาบอกว่าตัวเขาเองเป็นนักแสดงที่จริงจัง แต่ว่า...”แต่ในชีวิตจริงผมเป็นคนตลกนะ เซียนน่าก็พูดแบบนั้น (เซียนน่า มิลเลอร์ ที่แสดงกับเขาใน “จีไอโจ”) บอกว่าผมเป็นคนตลก นั่นแหละครับตัวจริงของผม” ก่อนไปพรมแดง ลีบยุงฮุนแวะไปให้สัมภาษณ์ทีวีกับเพื่อนนักแสดง จอร์ช ฮาร์เน็ต

ลีบยุงฮุนเริ่มต้นแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกคือ “Joint Security Area” ในปี 2000 เป็นเรื่องราวที่พูดถึงมิตรภาพบนเส้นกั้นพรมแดนระหว่างเกาหลีเหนือและใต้ หนังได้รับการตอบรับอย่างดีมากจากผู้ชม เมื่อถูกถามว่าเขาคาดมาก่อนมั้ยว่าจะโด่งดังขนาดนี้ เขาตอบว่า “ไม่มีใครประเมินผลที่จะออกมาได้หรอกครับระหว่างที่ถ่ายทำอยู่ ผมเองก็แปลกใจที่มีผู้ชมมากมายขนาดนั้น ภาพยนตร์เรื่องนั้นทำให้ผมมีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักในเกาหลี ต้องขอขอบคุณผู้กำกับปาร์คครับ”

ถือว่าเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่แสดงให้เห็นเกาหลีเหนือในภาพที่ดีๆ ซึ่งตรงนี้ลีบยุงฮุนพูดไว้ว่า “จุดที่ผมชอบในหนังเรื่องนี้ก็คือมันไม่เกี่ยวกับการเมือง มันเป็นเรื่องราวของมนุษย์ บางทีหนังเรื่องนี้อาจมีผลต่อความรู้สึกของผู้คน หนังประสบความสำเร็จอย่างมาก มันมีพื้นฐานมาจากเรื่องจริง ผู้คนคงได้เห็นว่าพวกเขา (เกาหลีเหนือ) ก็เป็นคนเหมือนกับเรา” เมื่อถูกถามว่าการรวมชาติ (เกาหลีเหนือกับใต้) จะเป็นไปได้มั้ย เขาตอบว่า “โดยส่วนตัวผมหวังจะได้เห็นการรวมชาติ มันน่าจะเกิดขึ้นได้”

ผลงานต่อมาของเขาก็คือ “The Bittersweet Life” และ “The Good, The Bad, and The Weird” แต่เขาไม่เคยพอใจกับการแสดงของตัวเอง เขาบอกว่า “ผมพยายามทำให้สมบูรณ์แบบที่สุด โดยเฉพาะในขณะถ่ายทำ เพราะผมมีความรับผิดชอบต่อผู้ชม ผมไม่ได้ทำงานนี้เล่นแบบขำๆ ผมต้องพยายามชักจูงให้ผู้ชมคล้อยตามไปกับการแสดงของผม ไปกับอารมณ์ของผม ผมจึงพยายามทำให้สมบูรณ์แบบ มันเป็นเรื่องดีสำหรับนักแสดง แต่ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ในชีวิตจริงๆ บางครั้งมันก็แย่มากๆ ผมไม่สามารถสนุกกับทุกอย่างได้อย่างเต็มที่ เพราะผมต้องคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา ในชีวิตจริง ผมพยายามทำตัวสนุกสนาน ทำตัวให้เป็นธรรมชาติ”

เมื่อถูกถามว่าอะไรคือความเพลิดเพลินของเขา ลีบยุงฮุนตอบว่า “ดูหนัง แล้วก็ดื่มไวน์ครับ นั่นแหละเวลาที่ผมมีความสุขที่สุด”

แอนนาลองให้เขานึกภาพว่าหากเขาสามารถกลายเป็นคนธรรมดา สามารถเดินไปตามถนนโดยไม่มีใครจำได้ เขาอยากจะทำอะไร เขาตอบว่า “ที่ผมอยากทำก็คือขับแท็กซี่ครับ ผมเคยขอยืมรถแท็กซี่มาจากเพื่อน เขาเป็นเจ้าของบริษัทแท็กซี่ ผมขอยืมมาขับอยู่ 2-3 วัน มันสนุกมาก และเป็นประสบการณ์ที่น่าสนใจมากๆ” เขาขับรถรับผู้โดยสารโดยที่ไม่มีใครจำได้เพราะเขาปิดหน้าปิดตาเอาไว้
ในที่สุดรถลีมูซีนก็พาลีบยุงฮุนมาถึงพรมแดง เขาบอกว่าวันนี้ไม่มีการสัมภาษณ์ มีแค่ถ่ายรูป เดินไปบนพรมแดง แล้วก็โบกไม้โบกมือ เขายังบอกปิดท้ายก่อนลงจากรถว่า “นั่นเป็นส่วนที่สนุกของอาชีพนี้ครับ”

No comments:

Post a Comment

Note: Only a member of this blog may post a comment.