9.1.10

[Thai Article] April Snow เลี้ยวโค้ง...บนเส้นทางรัก



April Snow เลี้ยวโค้ง...บนเส้นทางรัก
โดย STILLWATER

“ ถ้าเธอฟื้น คุณจะทำอะไร ”
“ ผมจะล้างแค้น ”
“ งั้นเรามาเป็น...ชู้...กันบ้างดีไหม ”
“..........”

บนสนทนาของ อินซู (เบยองจุน ,Winter Love Song ,Untold Scandal /2003)หนุ่มมาดแฟมิลี่แมนอาชีพผู้กำกับแสงไฟคอนเสิร์ต กับแม่บ้านสาวคนสวย โซยอง (ซอนเยจิน ,The Classic /2003) อันเป็นบ่อเกิดที่มาจากการที่สองหนุ่มสาวจับได้ว่าคู่ตุนางันของเขาและเธอลอบเป็นชู้กัน หลังจากที่ผู้ถูกกล่าวถึงทั้งคู่อยู่ในอาการโคม่าอันเนื่องมาจากอุบัติเหตุทางรถยนต์

เป็นพล็อตเรื่องหลักของหนังเรื่องใหม่ April Snow ผลงานลำดับ 3 ของผู้กำกับเกาหลีคนดังขวัญใจผู้ชื่นชอบเพลง คนอกหักพักบ้านนี้ เฮอจินโฮ ผู้สร้างสรรค์งานแสนร้าวรานดวงจิตของความรักอันไม่สมหวังสมประกอบมาแล้วจากสองงานเก่า Christmas In August /1998 เรื่องของความรักกับความตาย และ One Fine Spring Day /2001 บทเรียนรักแรกที่แสนเจ็บปวด


ครั้งนี้แค่เห็นพล็อตเรื่องก็แทบกระอักความรู้สึกของคนซึ่งมีท่อนบนของร่างกายคดงอเสียศูนย์บ้างแล้ว ลำพังแค่บทเรียนรักที่เรื่องก่อนๆเป็นเพียงตัวละครคู่รักหรือคู่กิ๊กกันเท่านั้น ก็แทบวายป่วงในอารมณ์มาก่อนในระดับหนึ่ง ยังไม่สาแก่ใจพอผู้กำกับ เฮอจินโฮ มาคราวนี้เสริมทัพแบบหนักข้อกว่าเดิมด้วยกรณี พระเอกอินซูพึ่งรู้ว่าภรรยาปกปิดวันลาพักร้อนเพื่อไปกับชายอื่นและสามีของโซยองอ้างว่าไปประชุมยังต่างเมือง เมื่อถูกคู่ชีวิตโกหก-ทรยศโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวเยี่ยงนี้ คำถามว่า

ฉันทำอะไรผิดหรือ?...ฉันทำอะไรไม่ดีตรงไหนหรือ?...ฉันบกพร่องเพียงไรหรือ?..และอีกนานาสารพัน จึงแปลออกมาเป็นภาพที่ อินซูดื่มเหล้าเคล้าน้ำตาพร้อมตั้งคำถามต่อกับเพื่อนรุ่นน้องที่มาเยี่ยมอีกว่า ตอนนี้ฉันดูน่าสมเพช...มากเลยใช่ไหม? ปริมาณแอลกอฮอล์ในเส้นเลือดทำให้เปิดเผยด้านอ่อนแอของจิตใจเขาออกมาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว และภาพโซยองขอให้ซูอินจอดรถลงข้างทางเพื่อออกไปร้องไห้นอกรถปริ่มว่าจะขาดใจ เข้าทำนองว่าถูกใครทรยศหักหลังครั้งใดไม่น่าจะแสนเจ็บปวดสุดแสบสันต์จนแทบม้วยมรณาเท่ากับ น้ำมือของ ‘คนที่เรารัก’

ฉะนั้นระหว่างที่อยู่คอยดูแลคู่ชีวิตของกันและกันในโรงพยาบาลต่างเมือง คนที่อยู่ใกล้กันในสภาพแวดล้อมและหัวอกเดียวกันจึงเห็นอกเห็นใจเข้าใจกันได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว บทสนทนาเพื่อตั้งใจจะ ‘เอาคืน’ บ้างข้างต้นจึงเป็นจุดกำเนิดต่อเรื่องราวลำดับถัดมาของการตกอยู่ในห้วงรักเหวลึกครั้งใหม่ของอินซูกับโซยอง เริ่มจากการสัมผัสทางกายจนแนบชิดกลายเป็นสัมผัสทางใจต่อกันอย่างลึกซึ้ง เมื่อผู้ถูกกระทำกลับกลายมาเป็นผู้กระทำเสียเอง ประมาณว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง เพิ่มเป็นกรณีใหม่ซ้อนทับเข้ามาอีก


คล้ายๆหนังต้องการนำเสนอมุมมองในชีวิตที่ค่อยๆแปรเปลี่ยนไป ด้วยมีการตอกย้ำในฉากเหตุการณ์ซ้ำบ่อยครั้ง ที่เกิดขึ้นต่อทัศนวิศัยด้านหน้ารถให้เห็นมุมมองขณะขับรถของซูอิน อย่างตอน

- ขณะขับรถไปโรงพยาบาลในตอนกลางคืน หลังจากทราบข่าวอุบัติเหตุช่วงต้นเรื่อง
- ขับรถเข้าอุโมงค์อันมืดดำ ก่อนเคลื่อนออกสู่แสงสว่างปลายอุโมงค์ขณะเดินทางกลับกรุงโซลในครั้งหนึ่ง
- วิวหน้ารถตอนไปงานศพของคู่กรณีอันผลสืบเนื่องจากอุบัติเหตุ ที่ข้างทางเต็มไปด้วยหมอกควันจางๆ ซึ่งนับเป็นการนั่งในตำแหน่งหน้ารถคู่กันครั้งแรกของซูอินและโซยอง
- ภาพมุมมองหลังรถติดเป็นแพ ครั้งออกเดทกันก่อนทั้งคู่พากันเดินเล่นแล้ววิ่งกลับเพื่อคลายหนาวอย่างโรแมนติก
- และภาพจากตำแหน่งคนขับและที่นั่งข้างตอนท้ายเรื่องท่ามกลางหิมะตกในเดือนเมษายน



ซึ่งทั้งหมดเป็นภาพมองออกจากด้านหน้ารถที่แปรเปลี่ยนไปตลอดทาง บนถนน ที่นำเสนอในสถานการณ์ เวลากลางวันบ้างกลางคืนบ้าง ทั้งฤดูกาลที่เริ่มผันเปลี่ยน ที่คาบเกี่ยวของการดำเนินเรื่องราวทั้งหมดของสองตัวละครเอก เปรียบประหนึ่งความผันแปรในการมองชีวิตของทั้งคู่ก็ไม่ปาน

ส่วนที่เป็นจุดผกผันของเรื่องราวถูกนำเสนอด้วยภาพการจอดรถบนทางเลี้ยวโค้ง ที่โซยองเดินออกจากรถนั่งลงข้างทางเพื่อร้องไห้...โฮ...ระบายอารมณ์เสียใจอันแสนอัดอันตันอุรา โดยยังเห็นป้ายเหลือง-ดำแสดงลูกศรทางโค้งเป็นแบล็คกราวด์ตามริมถนน และแน่นอนว่าในความเป็นจริงถือว่าไม่ควรจอดรถบนทางโค้งเป็นอย่างยิ่งเพราะมันอันตรายมาก หรือหนังต้องการเพื่อจะบ่งบอกถึงจุดเปลี่ยนทิศของเส้นทางรักของทั้งซูอินและโซยอง



ประเด็นที่น่าสนใจเป็นอย่างมากของหนัง อยู่ที่การสลับตำแหน่งจากผู้ถูกกระทำ ที่เต็มไปด้วยความโกรธ โมโหโกธา เสียใจ เศร้าใจและเต็มไปด้วยคำถามมากมายในหัวสมองว่า ทำไม...ทำไม...ทำไมถึงทำกับฉันได้? ที่ไม่มีผู้ตอบได้ในกรณีอาการโคม่าของตัวต้นเหตุในหนังเรื่องนี้ ครั้นเมื่อผู้ถูกกระทำย้ายฝั่งมาเป็นผู้กระทำเสียเองด้วยการมีชู้กันบ้าง ภายใต้ห้วงอารมณ์ความรักที่ก่อเกิด โดยเรื่องแบบนี้มันไม่เข้าใครออกใครอยู่แล้ว ยิ่งเมื่อมีอาการเริ่มกระเตื้องดีขึ้นของผู้อยู่ในอาการโคม่าบังเกิดขึ้นต่อมา นั้นยิ่งเป็นตัวเร่งให้เกิดความรู้สึกผิดชอบชั่วดีเพิ่มเข้ามา

และเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์เป็นผู้กระทำเสียเองแล้ว การที่เคยตั้งคำถามว่า ทำไม...ทำไม...จึงไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป ในเมื่อทั้งซูอินและโซยองต่างก็ได้ค้นพบคำตอบด้วยตัวเองประหนึ่งได้เรียนรู้ที่จะเข้าใจชีวิตรักอีกเหลี่ยมมุมหรืออีกด้านหนึ่ง และน่าจะคล้องจองกับท่อนฮุคเพลงความหมายดีๆ Live and Learn ของกมลา สุโกศล แคลป์ ที่ว่า

“ อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับมัน ตามความคิดสติเราให้ทัน
อยู่กับสิ่งที่มี ไม่ใช่สิ่งที่ฝัน และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด... ”



Oechui คือชื่อหนังในภาษาเกาหลีของ April Snow แปลตรงตัวว่า Going out หมายถึงการไปเที่ยวหรือออกเดินทาง นอกจากเฮอจินโฮจะอ้างเป็นนัยๆว่าหมายถึงผลงานเรื่องนี้จะต่างไปจากผลงานเดิมของเขาดุจดั่งการออกไปท่องเที่ยวแล้ว อีกความหมายหนึ่งที่น่าสนใจกว่าคือคำให้สัมภาษณ์ที่เปรียบเปรยถึงประเด็นความรักในหนังเรื่องนี้

“ ตอนที่คนเรามีความรัก เราก็จะรู้สึกถึงสิ่งต่างๆมากมาย ถึงแม้คนสองคนจะไว้ใจกันและกัน แต่บางครั้งก็นอกใจกันได้ พวกเราเข้าใจความโกรธที่เกิดขึ้นได้อย่างไร พวกเราควรจะเข้าใจมันไหม พวกเขาควรจะยังโกรธและทำให้ทุกสิ่งจบลงหรือไม่ นี่แหละเป็นคำถามที่ผมต้องการสำรวจ หนังเรื่องนี้เกี่ยวกับชายและหญิงที่แต่งงานที่มีเรื่องชู้เข้ามาเกี่ยวข้อง บางคนบอกว่าตอนที่คนอื่นทำ เขาเรียกว่ามีชู้ แต่ตอนที่พวกเขามีเอง กลับเรียกว่าความโรแมนติก ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วมันต่างกันตรงไหน นี่เป็นคำถามที่ผมอยากจะถามมานาน คำถามเหล่านี้อยู่ในใจผมตลอดเวลาที่สร้างหนังเรื่องนี้เลยครับ ”

ในประเทศเกาหลีหิมะเดือนเมษายนคือสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยาก เป็นหิมะที่ตกช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิซึ่งสื่อถึงความรักของพระนางที่เกิดขึ้นอย่างไม่น่าจะเป็นไปได้ด้วย มีตอนหนึ่งเมื่ออินซูถามโซยองว่าชอบฤดูไหนที่สุด โซยองตอบว่า

“ ฉันชอบฤดูใบไม้ผลิ แต่ก็อยากเห็นหิมะ ถ้าเป็นไปได้ฉันอยากให้หิมะตกในฤดูใบไม้ผลิ...”




숨 (Breath) : S-Band (강타 / 이지훈 / 신혜성)
Hangul Lyrics


숨이 막혀와.. 뼛속까지 멍든 아픔을 따라
어느새 식어간 너의 차가웠던 마지막 목소리..

미쳐버린 듯.. 자꾸 흔들리는 눈동자..
희미해져린 듯.. 그 무엇도 볼 수가 없어

눈을 감아도 두 귀를 막아도 머리를 비워도 애써 참아내도
어쩔 수 없는 건 어리석은 가슴이 말을 듣지 않아서

이토록 보고 싶은데 미칠 것 같은데
사랑했는데 지금도 같은데
어쩔 수 없는 건 나의 모자란 사랑 이것밖에 안돼서..

보고 싶은데 미칠 것 같은데 오~사랑햇는데 난 지금도 같은데
어쩔 수 없는 건 나의 모자란 사랑 이것밖에 안돼서..

나의 모자란 사랑... 이것밖에 안돼서..

------------------------

No comments:

Post a Comment

Note: Only a member of this blog may post a comment.