22.9.10

Moon Festival




The Mid-Autumn Festival
…by Ladymoon


This week is the time for celebration of our Asian Family. For Korean Family, they have Chusoek Holiday. And our Chinese Family all over the world also have The Mid-Autumn Festival or Moon Festival.

สัปดาห์นี้เป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองสำหรับครอบครัวชาวเอเชีย สำหรับชาวเกาหลีมีวันหยุดฉลองเทศกาล Chusoek และสำหรับชาวจีนทั่วโลกก็มีการเฉลิมฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์เช่นกัน


The Mid-Autumn Festival (中秋節), also known as the Moon Festival, is a popular Asian celebration of abundance and togetherness, dating back over 3,000 years . In Malaysia and Singapore, it is also sometimes referred to as the Lantern Festival or Mooncake Festival.

เทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วง หรือที่รู้จักกันในชื่อเทศกาลไหว้พระจันทร์ เป็นงานเฉลิมฉลองที่โด่งดังโดยมีประวัติศาสตร์ย้อนกลับไปเมื่อ 3,000 ปีก่อน ในมาเลเซียและสิงคโปร์ บางครั้งก็เรียกกันว่าเทศกาลโคมไฟ หรือเทศกาลขนมไหว้พระจันทร์

The Mid-Autumn Festival falls on the 15th day of the 8th lunar month of the Chinese calendar (usually around mid- or late-September in the Gregorian calendar). This is the ideal time, when the moon is at its fullest and brightest, to celebrate the abundance of the summer's harvest. The traditional food of this festival is the mooncake, of which there are many different varieties.

เทศกาลนี้ตรงกับวันที่ 15 เดือน 8 ในปีปฏิทินจีน (ราวๆ กลางหรือปลายเดือนกันยายนของปฏิทินสากล) เป็นช่วงเวลาที่พระจันทร์เต็มดวงส่องสว่างสดใสที่สุด ถือเป็นโอกาสในการเฉลิมฉลองฤดูเก็บเกี่ยว อาหารประจำเทศกาลก็คือขนมไหว้พระจันทร์ ซึ่งมีกันหลากหลายแบบ

The Mid-Autumn Festival is one of the two most important holidays in the Chinese calendar (the other being the Chinese Lunar New Year), and is a legal holiday in several countries. Farmers celebrate the end of the summer harvesting season on this date. Traditionally, on this day, Chinese family members and friends will gather to admire the bright mid-autumn harvest moon, and eat moon cakes and pomeloes together.

เทศกาลไหว้พระจันทร์เป็น 1 ใน 2 วันหยุดสำคัญของชาวจีน (อีกวันก็คือวันตรุษจีน) ในบางประเทศถือเป็นวันหยุดราชการด้วย ชาวไร่ชาวนาจะมาร่วมเฉลิมฉลองการสิ้นสุดฤดูเก็บเกี่ยวในวันนี้ ตามประเพณีโบราณ ครอบครัวชาวจีนและเพื่อนฝูงจะมารวมตัวกับเพื่อชื่นชมความงามของพระจันทร์ กินขนมไหว้พระจันทร์และส้มโอด้วยกัน

Shops selling mooncakes, before the festival, often display pictures of Chang Er floating to the moon. While Westerners may talk about the "man in the moon", the Chinese talk about the "woman in the moon". The story of the fateful night when Chang Er was lifted up to the moon, familiar to most Chinese citizens, is a favorite subject of poets.

ตามร้านค้าที่ขายขนมไหว้พระจันทร์มักประดับรูปฉางเอ๋อกำลังลอยขึ้นสู่ดวงจันทร์ ในขณะที่ชาวตะวันตกเล่าขานกันถึง “ชายคนแรกที่เหยียบดวงจันทร์” ชาวจีนก็จะพูดถึง “หญิงสาวในดวงจันทร์” เรื่องราวของคืนแห่งโชคชะตาที่นำพาฉางเอ๋อลอยขึ้นสู่ดวงจันทร์ เป็นเรื่องราวที่ชาวจีนรู้จักกันดี โดยเฉพาะในบทกวี

There are so many variations and adaptations of the Chang Er’s legend that one can become overwhelmed and utterly confused. However, most legends about Chang Er in Chinese mythology involve some variation of the following elements: Houyi, the Archer; Chang Er, the mythical Moon Goddess of Immortality.

มีตำนานเล่าขานถึงเรื่องราวของฉางเอ๋อกันมากมายหลากหลาย แต่ในตำนานอันหลากหลายมีส่วนที่ตรงกันก็คือการกล่าวถึง ฮูยี นักแม่นธนู กับฉางเอ๋อ เทพธิดาแห่งดวงจันทร์

Children are told the story of the Moon Goddess living in a crystal palace, who comes out to dance on the moon's shadowed surface. The legend surrounding the "lady living in the moon" dates back to ancient times, to a day when ten suns appeared at once in the sky. The Emperor ordered a famous archer to shoot down the nine extra suns. Once the task was accomplished, Goddess of Western Heaven (Wang Mu) rewarded the archer with a pill that would make him immortal. However, his wife found the pill, took it, and was banished to the moon as a result. Legend says that her beauty is greatest on the day of the Moon festival.

เด็กๆ ได้รับฟังเรื่องราวของเทพธิดาแห่งดวงจันทร์ผู้อยู่ในปราสาทแก้วผลึก ซึ่งจะออกมาร่ายรำบนดวงจันทร์ในซีกที่เป็นเงามืด ตำนานของ “หญิงสาวในดวงจันทร์” ย้อนกลับไปในยุคโบราณกาล ในวันที่ท้องฟ้ามีดวงอาทิตย์ถึง 10 ดวง จักรพรรดิ์จึงมีรับสั่งให้นักแม่นธนูไปยิงดวงอาทิตย์ทั้ง 9 ดวง เมื่อเขาปฏิบัติภารกิจนี้สำเร็จ เทพธิดาแห่งทิศตะวันตก (เจ้าแม่หวังหมู่) ทรงประทานรางวัลให้เขา นั่นคือยาทิพย์ที่จะทำให้เขามีชีวิตอันเป็นนิรันดร์ แต่ภรรยาของเขากลับกินมันเข้าไป แล้วลอยขึ้นไปสู่ดวงจันทร์ ตำนานเล่าขานว่านางจะงดงามเป็นพิเศษในคืนไหว้พระจันทร์

When Chang Er reached the moon, she found a tree under which there was a friendly hare. Because the air on the moon is cold, she began coughing and the Immortality Pill came out of her throat. She thought it would be good to pound the pill into small pieces and scatter them on Earth so that everyone could be immortal. So she ordered the hare to pound the pill, built a palace for herself and remained on the moon.

เมื่อฉางเอ๋อลอยขึ้นไปถึงดวงจันทร์ นางพบต้นไม้ซึ่งใต้ต้นมีเจ้ากระต่ายน้อยอยู่ เพราะอากาศบนนั้นหนาวมาก นางจึงไอจนยาทิพย์หลุดออกมาจากคอ นางคิดว่าคงดีถ้าจะบดยานี้แล้วโปรยไปบนโลกเพื่อให้ทุกคนเป็นอมตะเช่นกัน นางจึงให้เจ้ากระต่ายน้อยช่วยบดยา แล้วนางก็สร้างปราสาทและสถิตอยู่บนดวงจันทร์นั้น


This helpful hare is referred to in Chinese mythology as the Jade Hare. Because of his and Chang Er's legendary importance, you will see stamped on every mooncake, every mooncake box, and every Moon Cake Festival poster - images of Chang Er and sometimes the Jade Hare.

เจ้ากระต่ายน้อยตามตำนานก็คือกระต่ายหยก เพราะตำนานเล่าขานเรื่องของฉางเอ๋อกับกระต่ายมีความสำคัญ คุณจึงได้เห็นภาพนี้ประทับอยู่บนขนมไหว้พระจันทร์ บนกล่องบรรจุ และบนโปสเตอร์ ภาพของฉางเอ๋อกับกระต่ายหยก

Today, Chinese people celebrate the Mid-Autumn festival with dances, feasting and moon gazing. Not to mention mooncakes. While baked goods are a common feature at most Chinese celebrations, mooncakes are inextricably linked with the Moon festival. One type of traditional mooncake is filled with lotus seed paste. Roughly the size of a human palm, these mooncakes are quite filling, meant to be cut diagonally in quarters and passed around.

ทุกวันนี้ชาวจีนฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์ด้วยการร้องรำทำเพลง เลี้ยงฉลอง และเฝ้ามองดวงจันทร์ แน่นอนต้องมีขนมไหว้พระจันทร์ด้วย ขนมไหว้พระจันทร์เกี่ยวข้องกับเทศกาลนี้แบบขาดไม่ได้ ขนมไหว้พระจันทร์แบบดั้งเดิม ไส้ทำมาจากลูกบัวบด ลูกจะโตขนาดเท่าฝ่ามือ เวลากินก็ตัดแบ่งเป็นชิ้นๆ แล้วแบ่งกันกิน

While in the past mooncakes took up to four weeks to make, automation has speeded up the process considerably. Today, mooncakes may be filled with everything from dates, nuts, and fruit. More exotic creations include green tea mooncakes. Even in Thailand we also have durian mooncakes. Can you imagine that? Given the difficulty of making them, most people prefer to purchase their mooncakes instead of making them.

ในอดีตขนมไหว้พระจันทร์ต้องใช้เวลาทำนานถึง 4 สัปดาห์ เดี๋ยวนี้ไส้ขนมมีหลากหลายทั้งไส้อินทผาลัม ไส้ถั่ว ไส้ผลไม้ ที่แปลกใหม่สุดๆ ก็คือไส้ชาเขียว แม้แต่ในประเทศไทยยังมีขนมไหว้พระจันทร์ไส้ทุเรียนด้วย เพราะความยุ่งยากในการทำ ผู้คนจึงนิยมซื้อหาจากร้านมากกว่าทำเอง




Mooncake have its own legend too. In 1280 AD, the Mongolians destroyed the Song Dynasty and controlled China during the Yuan Dynasty (1280AD -1368 AD). Under Mongolian rule, Chinese people were oppressed, persecuted and treated like slaves. Finally, the Chinese had enough and planned a revolution to be held during the August Moon Festival in 1368.

ขนมไหว้พระจันทร์ก็มีตำนานเช่นกัน ในปี ค.ศ. 1280 ชาวมองโกลบุกเข้าโจมตีราชวงศ์ซ่ง แล้วเข้ายึดครองจีนในสมัยราชวงศ์หยวน (ปี 1280-1368) ภายใต้การปกครองของชาวมองโกล ชาวจีนถูกกดขี่ข่มเหงและใช้งานราวกับทาส ในที่สุดชาวจีนก็เหลืออดและวางแผนก่อการปฏิวัติโดยอาศัยเทศกาลไหว้พระจันทร์ในปี 1368

Because Mongolians don’t eat mooncakes, the Chinese planned to overthrow the Mongolians by sending secret messages in mooncakes. Chinese bakers were told to send mooncakes to all Chinese households with the message to execute all Mongolians after the August Moon family gathering. Chinese families were instructed to not to eat the mooncakes until the 15th of the 8th lunar moon.

เพราะชาวมองโกลไม่กินขนมไหว้พระจันทร์ ชาวจีนจึงวางแผนจัดการกับชาวมองโกลโดยส่งข้อความลับถึงกันไว้ในขนม ขนมถูกส่งไปยังชาวจีนทุกครัวเรือนพร้อมข้อความให้สังหารชาวมองโกลหลังจากที่ทุกครอบครัวมารวมตัวกันในวันเทศกาล ครอบครัวชาวจีนจะไม่กินขนมไหว้พระจันทร์นี้จนกว่าจะถึงวันที่ 15 เดือน 8

Besides its significance in Chinese history, mooncakes play an important role in August Moon gatherings and gift giving. These palm-sized round cakes symbolize family unity and perfection. Some mooncakes have a golden yellow egg yoke in the center which looks like a bright moon. They usually come in a box of four and are packaged in tin boxes with traditional Chinese motifs.

นอกจากมีความสำคัญในประวัติศาสตร์ของชนชาติแล้ว ขนมไหว้พระจันทร์ยังมีบทบาทสำคัญสำหรับเทศกาลนี้ในฐานะของขวัญของกำนัล ขนมทรงกลมขนาดเท่าฝ่ามือนี้เป็นสัญลักษณ์ของครอบครัวที่กลมเกลียวกันแน่นเหนียว ในขนมไหว้พระจันทร์ยังมีไข่แดงลูกกลมโตอยู่ตรงกลางเปรียบประดุจพระจันทร์ ตามปกติใน 1 กล่องจะมี 4 ชิ้นและบรรจุอยู่ในกล่องตะกั่วที่มีรูปสัญลักษณ์ตามประเพณีนิยมของชาวจีน


(Special thanks to wikipedia.org / about.com / regit.com)

No comments:

Post a Comment

Note: Only a member of this blog may post a comment.