ขอโทษ ที่ลืม ใส่ข้อความสำคัญ ของ ตอนที่ 20 ในช่วงที่องครักษ์กัมดง พาเสนาบดียอน ไปดูหน่วยงานที่ทัมด๊กทรงแต่งตั้งขึ้นใหม่ 2 หน่วยงาน ขอลอก ข้อความที่ คุณ Gaulsan แปลมา ดังนี้
หน่วยงาน Jangsa : a department newly established by Kwang-gaeto Taewang,to record chronicle.
ถ้าเป็นบ้านเราจะเรียกว่า กรมอาลักษณ์ ไหม ?
อาลักษณ์ = ผู้ทำหน้าที่ทางหนังสือในราชสำนัก
หน่วยงาน Chamgoon : a department newly established by Kwang-gaeto Taewang, to advice military affairs To the King.
นี่คือฝ่ายเสนาธิการทหารไหม ?
และขอแก้ไข วงเล็บ ในตอนที่ 19 ที่ คนเล่าเป็นคนวงเล็บเอง ไม่ใช่คนแปล ทัมด๊ก ประลองกำลังกับพวก ทหารชั้นผู้น้อย เรื่อง เทควันโด มาอ่านพบในหนังสือ เปิดประตูสู่เกาหลี เขียนโดย คิมโฮ๊ะจุง กล่าวว่า เทควันโด เป็นศิลปะการป้องกันตัว ในประเทศบนคาบสมุทรเกาหลี ในศตวรรษ ที่ 2 โคคุเรียว ได้ตั้งกองทัพพิเศษให้ เรียนศิลปะการป้องกันตัวโดยใช้เท้าเป็นอาวุธ แต่เดิมเรียกว่า แทะ กิย็อน ภายหลังจึงเรียก เทควันโด ดังนั้น ในสมัย ทัมด๊ก มี ศิลปะนี้ มานาน เป็น ร้อยปีแล้ว
...ตอนที่ 21...
เสนาบดียอน นั่งเขียนจดหมายกราบทูล ทัมด๊ก : เพราะการตัดสินใจที่มัวเมาและกำเริบเสิบสาน หม่อมฉัน ยอนการยอ ควรได้รับกรรมที่ก่อไว้นานแล้ว หม่อมฉันขอถวายความเคารพต่อพระพักตร์และกราบทูลถ้อยคำเหล่านี้ สวรรค์กำลังค่อยๆเปิดเผยว่าพระองค์ คือกษัตริย์จูชินที่แท้จริง แต่หม่อมฉันไม่อาจยอมรับได้ ถ้าสวรรค์เป็นผู้ตัดสินทุกอย่าง มันจะมีประโยชน์อย่างไร กับความพยายามของเรา ถ้าสวรรค์ได้เลือกกษัตริย์จูชิน แล้ว การเลือกนั้นใช้เงื่อนไขใด หม่อมฉันจะทรยศต่อความเชื่อถือ ไว้วางใจ และอำนาจหน้าที่ ที่ทรงมอบไว้ให้ และเอาสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ของกษัตริย์จูชินไป หม่อมฉันจะมอบให้กับบุตรชายของหม่อมฉัน โฮแก คนที่ สวรรค์หันหลังให้ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถใช้อำนาจของสัญลักษณ์เหล่านี้ หม่อมฉันก็ยังต้องการบอกสิ่งนี้กับเขา “ เวลานี้ฝ่าบาทไม่สามารถพึ่งพา อำนาจและพลังแห่งสวรรค์ได้ ..จงใช้ความพยายามของเจ้า ขึ้นมาเป็นกษัตริย์ให้ได้ ทำให้ประชาชนในดินแดนแห่งนี้ยอมรับและเลือกกษัตริย์ของพวกเขาเอง ”
เสนาบดียอน นำเอกสารหลายเล่มไปยังห้องทำงาน ที่ทัมด๊กทรงแต่งตั้งขึ้นใหม่
รายงานเหล่านี้คืองบประมาณที่จะต้องใช้เพื่อการดูแลรักษาป้อมปราการแพคเจ ที่ยึดมาได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดของพวกนี้คือรายงานเกี่ยวกับอู่ต่อเรือ
นี่เป็นรายงานเกี่ยวกับวิธีการในการจัดการดูแลอู่ต่อเรือ
เสนาบดียอนมอบเอกสารให้กับผู้รับผิดชอบแค่ละคน
และ นี่คือรายงานในการส่งเสบียงไปยังป้อมปราการต่างๆ หลังจากนั้น เสนาบดียอนก็ไปยังหมู่บ้านโคมิล แสดงตราประจำ เสนาบดี ที่ได้รับพระราชโองการจากทัมด๊กในการดูแลภารกิจทั้งหมดในโคคุเรียวเข้าไปยังห้องเก็บสัญลักษณ์ เอาสัญลักษณ์ มังกรน้ำเงินและฟินิกซ์ใส่กล่อง นำออกมาจาก โคมิล
ที่อารามหลวง โซคีฮา ก็นำสัญลักษณ์ นักพรตสูงสุดเทวีพยากรณ์วางคืนไว้บนเก้าอี้ประจำตำแหน่งในอารามหลวง และไปรับกล่องใส่สัญลักษณ์จากเสนาบดียอน แล้วขึ้นเกี้ยว จากไป ส่วนเสนาบดียอนเดินกลับเข้าบ้าน : ฝ่าบาทเคยบอกหม่อมฉันไว้ครั้งหนึ่งว่า จูชินเป็นสวรรค์ของชาวเพดัล หม่อมฉันทรยศต่อความเชื่อถือของพระองค์ หม่อมฉันไม่มีหน้า ที่จะไปได้เห็นสรวงสวรรค์นั่น ที่หน้าป้ายบูชาตระกูลยอน เสนาบดียอนเทเหล้าที่ใส่ยาพิษที่ โซคีฮา มอบให้ ผสมลงไป ยกเหล้าแสดงคารวะป้ายประจำตระกูล แล้วยกขึ้นดื่ม : ฝ่าบาท กษัตริย์แห่งโคคุเรียว เวลานี้หม่อมฉันคิดได้ว่า หม่อมฉันไม่เคยรอคอยกษัตริย์แห่งจูชิน มันดูเหมือนว่า หม่อมฉันต้องการสร้างกษัตริย์จูชินด้วยตัวเอง เสนาบดียอนนั่งลงที่เก้าอี้ : ถูกต้อง.... นั่นคือสิ่งที่หม่อมฉันต้องการ แล้วเสนาบดียอนก็คอพับสิ้นใจตายบนเก้าอี้นั้น
ที่ปราสาทโกกแน
ซูจินี บอกกับชอโรที่เดินตามหลังอยู่ว่า : ข้าจะไม่กลับไปหาฝ่าบาท ข้าทำไม่ได้ข้ากำลังจะไปตามทางของข้าเอง ให้ข้าทำสิ่งที่ข้าต้องทำให้เสร็จสิ้น ข้าไม่รู้ว่าใครต้องการให้ข้ากลับไป แต่ข้ามีบางสิ่งที่ต้องทำ แล้วเดินจากไป ชอโร สับสนว่าจะเอาอย่างไรดี
ในค่ายของกษัตริย์โคคุเรียว
ศิษย์โคมิลส่งสาร
ฮีกแกส่งเสียงอยู่ในกระโจม : ถ้าพวกนั้นอยากจะทูลสิ่งใด ก็บอกให้เขามาที่นี่ กษัตริย์แห่งโคคุเรียวจะไปยังที่มั่นของศัตรูด้วยทหารเพียง 7 นาย ได้อย่างไรพะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก ทรงงานอยู่ โดยทรงอักษร (เขียน)ไป ดำรัสไป : อย่าปล่อยให้ให้ทหารที่ชายแดนยานเคลื่อนไหว เรายังไม่สามารถเชื่อใจพวกนั้น ทรงส่งเอกสารให้ศิษย์โคมิลไป ทรงดำรัสต่อ อู่ต่อเรือที่ป้อมปราการควานมีคือปัญหา ข้าหวังว่าท่านยอนคงจะดูแลให้ข้าได้ ส่งเอกสารให้ศิษย์โคมิลอีก ทรงวางปากกาลง เขารู้วิธีที่จะดูแลมัน ( นี่คือวิธีการบริหารบ้านเมือง คือคณะทำงานที่ทัมด๊กแต่งตั้งขึ้นใหม่ส่งรายงานให้ทัมด๊ก แล้วทัมด๊ก สั่งงานกลับไปที่คณะทำงานในโคคุเรียว โดยการสื่อสารของโคมิล ทันสมัยมากเลย เหมือนเป็นการออกว่าราชการในเมืองจากสนามรบ)
ฮีกแก ขออนุญาต ที่จะออกไปเจรจากับชนเผ่า คอรัล ด้วย ทหาร 7 คน แทนทัมด๊ก
ทัมด๊ก : ท่านแม่ทัพ ถ้าหากข้าไม่สานความสัมพันธ์กับพวกเขา ข้าก็ควรกลับไปปราสาทโกกแน ถ้าหากเป็นเช่นนั้น ทหาร 5 พันนายของเราจะถูกล่าเช่นเหยื่อ
ขุนพลโก เข้ามากราบทูลว่า มีสาสน์มาถึงพระองค์ในสาสน์มีใจความว่า เราได้ตกลงจะตั้งกระโจม พวกนั้นจะส่งตัวแทนมา 12 คน นี่เป็นตัวเลขต่ำสุดจากทั้ง 4 เผ่า และภายในกระโจม ทหารไม่ได้รับอนุญาตให้เข้า ไป ทัมด๊ก ขยับองค์ ลุกขึ้นจากพระเก้าอี้ : จัดเตรียมทหาร 7 กอง เพื่อว่าจะได้เตรียมการป้องกันการบุกรุกจากที่ต่างๆ ทรงประทับยืน ฮีกแก : ไม่ต้องทรงกังวลพะย่ะค่ะ และขุนพลโก : ฝ่าบาท ถึงเวลาแล้วพะย่ะค่ะ
ทรงรับพระแสงดาบจากดัลโกมีพระบัญชาให้ ฮยอนคง อาลักษณ์ ตามเสด็จในครั้งนี้ ทรงแย้มพระโอษฐ์ ให้ ฮยอนคง : ถ้ามีอันตรายเกิดขึ้นก็ให้อยู่ข้างๆข้า ไม่ต้องกลัว อยู่กับข้า ใช้สติปัญญาของเจ้า ( เหมือนบอก ฮยอนคงว่า ข้าจะดูแลคุ้มครองเจ้าเอง) ฮยอนคง : พะย่ะค่ะ แต่ฮีกแก ยกมือขึ้น (แบบว่า ฟังหม่อมฉันก่อน ) ถ้าฝ่าบาทจะนำคนไปด้วย ก็ควรเลือกคนที่มีฝีมือต่อสู้ เด็กคนนี้จะทำอะไรได้พะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก : ถ้าข้าทำอะไรผิด เขาจะบันทึกไว้ เพื่อมิให้ทำผิดอีก ผิดครั้งเดียวถือว่าผิดพลาด แต่ผิดซ้ำสองถือว่าเป็นบาป นั่นเป็นสิ่งที่เขาพูดกัน (ทรงจำคำพูดนี้มาจากซูจินี นั่นเอง)
ฮยอนคง ได้จดบันทึกไว้ว่า การประชุมเริ่มต้นที่ ที่ราบสูง อาวูแช ทั้งหมดเป็นไปตามแผนการที่ฝ่าบาททรงวางแผนไว้ ตั้งแต่ก้าวพระบาทมาสู่ดินแดนคอรัล แผนการเริ่มปฏิบัติการจากทางด้านเหนือของสถานที่ประชุม
ฮยอนโก กอบทรายขึ้นมาโปรย สังเกตทิศทางลม : มันเป็นลมใต้ ฮยอนโกลุกขึ้นยืน : พวกนั้นต้องมาถึงก่อนที่ลมจะเปลี่ยนทิศ แล้วหันไปโบกมือให้ศิษย์ โคมิล ขี่ม้ามุ่งหน้าไปที่แห่งหนึ่ง
ทัมด๊ก เสด็จถึงหน้ากระโจม ที่จัดเป็นที่ประชุม มี ข่าน นำ ผู้นำเผ่า ยืนคอยหน้ากระโจม
ในกระโจม ข่าน ทูลว่า : ข้า อัตทิลา ข่านแห่งคอรัลได้รับเลือกเมื่อใบไม้ผลิที่แล้วโดยหัวหน้าทั้ง 8 เผ่า ข้าจะไม่เสียเวลาทักทายกัน ฝ่าบาทเสด็จมาทำสิ่งใดในดินแดนของพวกเรา
หัวหน้า เผ่า คาราคิตัย : คนครึ่งหนึ่งของเผ่า ได้ล้มตายไป และหมู่บ้านก็ถูกเผาทิ้ง คาราคิตัย จะแก้แค้นจนถึงลมหายใจสุดท้าย แล้วเดินเข้าหาทัมด๊ก ดัลโก ขุนพลโกขยับตัว ดัลโกชักดาบออกจากฝัก จูมูชิและมันดัก ที่อยู่อีกข้างของทัมด๊ก ขยับตัว จูมูชิ เอาขวานที่ถืออยู่พาดบ่า
ข่านอัตทิลา ก็วางขวานตัวเองลงบนโต๊ะ โดยแรง รับสาสน์จาก ดูทัย : ข้าได้ยินว่า กษัตริย์องค์ใหม่ของโคคุเรียวทรงชำนาญในการใช้เล่ห์เหลี่ยมมากกว่าการสงคราม ดังนั้นข้าขอถามพระองค์ แล้วอัตทิลาก็โยนสาสน์ลงบนโต๊ะ : สิ่งนี้คือเล่ห์เหลี่ยมอันใด
ทัมด๊ก : เมื่อใดที่เราจะหยุดข่มขู่กันและนั่งเจรจากันจริงจัง
ดูทัย : ท่านข่าน : กษัตริย์โคคุเรียว ที่อยู่เบื้องหน้าท่าน ได้ส่งพวกเราชาวคอรัลที่ตายไปให้ไปสู่สรวงสวรรค์
ข่าน : เช่นนั้นข้าจะให้โอกาสกับพระองค์ หัวหน้าทั้งหลายคิดเช่นไร แล้วทำท่าเชิญ ทัมด๊ก ประทับนั่ง
ข่าน : สาสน์ของพระองค์เป็นจริงหรือ ชายคนนั้น ยอนโฮแก คนที่ทำให้เคอรัลกลายเป็นนรก เป็นกบฏต่อโคคุเรียวหรือ
ทัมด๊ก : ความผิดของเขาคือขัดขืนคำสั่งของข้า เจตนาของข้าคือการเป็นพันธมิตรกับ คอรัล เพราะการกระทำของเขา ทำให้เราผิดใจกัน เขาจะต้องชดใช้ต่อความผิดที่เกิดขึ้น
ข่าน เปิดหีบของขวัญ : อะไรกันหรือทรงคิดว่าเราจะลืมเรื่องการฆ่าคนของเรา เพียงแค่สินบนเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้
ทัมด๊ก : ท่านจะว่าอย่างไรหากข้าจะขอให้ท่านลืมเสีย ถ้าเผ่า ทั้ง 8 ของคอรัล รวมตัวกันเพื่อต่อสู้กับโคคุเรียว ท่านคิดว่าจะชนะหรือ ข่านอัตทิลา ทำท่าคิดตามรับสั่ง ทัมด๊กทรงตรัสต่อว่า : กองทหารที่ท่านเห็นเมื่อ 2 เดือนก่อนเป็นกองกำลังของกบฏโคคุเรียว ท่านต้องการเห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้น ถ้าหากข้ายกกำลังมาที่นี่หรือ (เขียนเสือให้วัวกลัว เป็นทำนองว่า ทหารของกบฏ ยังเพียงนี้ แล้วกองทัพหลวง จะเพียงใด ไหม) ท่านต้องการให้คอรัล กลายเป็นดินแดนแห่งความตายหรือ
ข่านทุบโต๊ะปัง คว้าขวานที่วางบนโต๊ะขึ้นมา ตะคอกถาม : พระองค์ตรัสสิ่งใด กษัตริย์แห่งโคคุเรียว
ทัมด๊ก : ใครต้องการเป็นพี่น้องกับเราเป็นคนแรกจากเผ่าทั้ง 4 ที่อยู่ที่นี่ พันธมิตรของโคคุเรียว จะไม่ต้องกลัวเผ่าอื่นอีกต่อไป ใครจะเป็นน้องชายของเรา
หัวหน้าเผ่าคาราคิตัย : ทรงตรัสสิ่งใด แล้วตะโกน อะไรนะ น้องชายหรือ และชักดาบ
เกิดมีการต่อสู้กันอึดใจ ขุนพลโก เอาดาบพาดคอ ผู้นำเผ่าคาราคิตัย
มีเสียงให้ หยุด หยุดสู้กัน
ทัมด๊กประทับยืนขึ้น : ถึงท่านจะไม่ต้องการฟังแต่ท่านต้องฟัง
ขุนพลโกปล่อย ผู้นำเผ่าคาราคิตัย ซึ่งบอกว่าเราจะไม่ยอมเป็นพันธมิตรกับโคคุเรียว
ทัมด๊ก : ในเรื่องอื่น ๆ เกี่ยวกับคอรัล ทั้ง 8 เผ่าไม่เคยตกลงกันได้ พวกท่านต่อสู้ ฆ่า และลักขโมยกันเอง
ผู้นำเผ่าทุกคนรวมทั้งข่าน เริ่มสนใจ ฟัง
ทัมด๊ก : ไม่ใช่แค่นั้น พวกท่านถูกล้อมรอบด้วยชนชาติที่มั่งคั่ง ขณะที่คนของพวกท่านต้องตายเพราะความอดอยาก พวกท่านจะอยู่อย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหน
หัวหน้าเผ่าคาราคิตัย : อัตทิลา ท่านเริ่มฟังเขาแต่เมื่อไหร่กัน ข้าจะแก้แค้นเพื่อคนของข้า แล้วก็หันไปตะโกนก้อง ทุกคนในกระโจมแปลกใจ มีเสียงโห่ร้องจากข้างนอก กระโจมผ้าถูกปลดผ้าออกจนหมดเหลือแต่โครงกระโจม และ มีนักรบเผ่าคอรัลล้อมรายรอบกระโจม นักรบทุกคนยกธนูเล็งมาที่ภายในกระโจม คนของโคคุเรียวปราดเข้ามาเอาตัวเองบังทัมด๊ก ที่ประทับยืนมีอาลักษณ์อยู่ข้างพระองค์ไว้อย่างไม่ได้นัดหมาย กัน
แต่ทัมด๊กทรงพระทัยเย็น ดำรัสต่อเหมือนแค่ถูกขัดจังหวะไปชั่วครู่ : ท่านยังอยากฟังต่อหรือไม่ สิ่งใดจะเกิดขึ้น หากโคคุเรียวเป็นพี่ชายของท่าน หรือท่านจะฆ่าข้า และเผชิญหน้ากับโคคุเรียว เมื่อ ยอนโฮแก ขึ้นเป็นกษัตริย์ (ไม้เด็ดของทัมด๊ก ขนาดขุนพลโก เองยังเหลียวหน้ามามองทัมด๊ก ) ข่าน เบือนหน้าจากทัมด๊กทำท่าคิดตาม
ข่าน เอ่ยขึ้นว่า : ในฐานะข่านข้าจะประชุมต่อไปกับกษัตริย์โคคุเรียว อาลักษณ์ก้มลงจดข้อความ
ทัมด๊ก ให้ดัลโก หยิบกระดาษภาพตั้งใหญ่ บนหลังหีบ และข้างๆ มีเขาสัตว์วางอยู่ 1 อัน ดัลโกส่งกองภาพให้ ดูทัย และส่งต่อไปที่ข่าน เป็นภาพของสินค้าต่างๆ ข่านหยิบดูแล้ววางลงทีละแผ่น
ทัมด๊ก : ในดินแดนของเรา เราจะจัดตั้งตลาดที่ใจกลางเมืองของแต่ละเผ่า ชายและหญิงทุกวรรณะและทุกเชื้อชาติมีสิทธิและเสรีภาพในการค้าขาย สัตว์เลี้ยงที่ท่านเพาะพันธุ์ขึ้นมา สามารถแลกเปลี่ยนกับเสื้อผ้า เมล็ดพันธุ์ต่างๆและ อาวุธ เครื่องมือ และของใช้จากเหล็ก
ข่านหัวเราะ : ทรงกำลังบอกข้าว่า กษัตริย์แห่งโคคุเรียว เสด็จมาที่นี่เพื่อค้าขายเล็กๆน้อยๆ แค่นี้หรือ แล้วก็โยน ภาพที่เหลือลงบนโต๊ะอย่างหมดความสนใจ
ทัมด๊ก ทรงทวนคำของข่าน : แค่ค้าขายหรือ ข้ากำลังพูดว่า เรากำลังเปิดเส้นทางจากปราสาทโกกแน มาจนสุดอาณาจักรของท่าน ข้ากำลังบอกท่านว่า ถนนที่ว่านั้นจะพาดผ่านใจกลางของดินแดนท่าน สุรเสียงดังขึ้นท่านไม่เข้าใจว่าหมายถึงอย่างไรหรือ อัตทิลา ข่านแห่งคอรัล
ข่าน : เวลานี้ทรงบอกพวกเราถึงความตั้งพระทัยจริงของพระองค์ ทรงกำลังขอให้เราช่วยเหลือเพราะทรงคิดว่าไม่สามารถจับโฮแกได้ด้วยพระองค์เอง ทำไมพระองค์ถึงได้ตรัสเหลวไหลเช่นนั้น เสียงดังและตบโต๊ะ อีก ท่าทางข่านโมโหจัด
ทัมด๊กทรงประทับนั่งลง : ข้าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากท่านที่จะเรียกทหารของตัวเอง อย่างไรก็ดีทหารทั้ง4 หมื่นนาย จะกลับมาหาข้าภายในไม่กี่วันนี้ ทัมด๊กมีท่าทางมุ่งมั่นและจริงจังมาก ทรงยกพระหัตถ์ซ้ายขึ้น (เพราะมือขวาของ ยงจุนเจ็บ รู้สึกว่า ยงจุนจะพยามใช้แต่มือข้างซ้าย)
ดัลโก ยกเขาสัตว์ขึ้นมาเป่า พอเป่าจบก็มีเสียงโห่ร้องในรัศมีรอบๆ กระโจม ฝ่ายคอรัล ทั้งนักรบและผู้นำเผ่า เหลียวหาทิศทางของเสียงนี้ ข่านหันมามองทัมด๊ก
ทัมด๊ก : คนของข้ากำลังรอคอย ณ ที่เรากำลังตกลงกัน ทรงวางพระแสงดาบลงบนโต๊ะ ทรงตรัสว่า : นี่คือวิธีการที่โคคุเรียวรักษาสัญญา แล้วทรงเหลียวพระพักตร์ไปด้านหลัง ทรงถามว่าแล้วนี่คือวิธีที่คอรัลทำหรือทรงหันกลับมาทางข่าน ข่านคว้าขวานสับเปรี้ยงลงบนโต๊ะ ใกล้กองกระดาษภาพสินค้า ทูลว่า : ข้าต้องการข้อพิสูจน์
ทัมด๊ก : ข้ากำลังฟังอยู่
ข่าน : เอาศีรษะของยอนโฮแกให้ข้า ต่อเมื่อข้าเห็นศีรษะและได้สัมผัสเลือดของเขา ข้าจะยอมรับการเป็นพี่น้อง และยอมเจรจาต่อไป
ขุนพลโกละสายตาจากที่มองข่านเป็นมองทัมด๊ก
ในค่ายของยอนโฮแก
ฮยอนยองและศิษย์โคมิล ที่ซุ่มตัวรอเวลาอยู่ เมื่อมีสายลมแรงพัดมา ฮยอนยองอ่านข้อความในแผ่นกระดาษ ศิษย์โคมิลชูนกกระดาษตัวใหญ่ 2 ตัวขึ้น ฮยอนยองกล่าวว่า “ การต่อสู้ไม่ใช่แค่เพียงการใช้ดาบ “ (ขออุแม่เจ้าครั้งที่ 2 กับวาจาของฮยอนยอง) แล้วฮยอนยองก็ให้สัญญาณ นกปล่อยขึ้นสู่ท้องฟ้า คล้ายว่าว นกหลายตัวบินอยู่เหนือค่ายทหาร และปล่อยแผ่นกระดาษมากมายลอยปลิวว่อนลงมา กระดาษทุกแผ่นมีข้อความ
ทหารยามหน้าประตูค่าย ยกเขาสัตว์ขึ้นเป่าแจ้งความผิดปกติ ทำให้พวกทหารพากันออกจากกระโจมที่พักเพราะเสียงสัญญาณนี้ ทหารในค่ายต่างเก็บกระดาษมาอ่าน จอกฮวาน ขี่ม้าผ่านมาคว้ากระดาษไปจากทหารเข้าไปในกระโจมและยอนโฮแก ก็ได้อ่านข้อความ เมื่ออ่านเสร็จก็โกรธขยำกระดาษกำไว้ในมือ
ยอนโฮแก : กษัตริย์ทัมด๊กที่รักของเราตั้งพระทัยใช้วิธีที่ไร้คุณธรรม มากกว่าการสู้รบในสนามรบ กษัตริย์เริ่มใช้วิธีเจ้าเล่ห์อีกแล้ว หันไปถาม อิลซู ถึง ที่ตั้งกองทัพของกษัตริย์
อิลซูรายงานว่า: กษัตริย์ ทรงอยู่ไปทางใต้ ราว 3 วันเดินทาง เราได้รายงานมาว่าทรงมีทหารเพียง 5 พันคน
แม่ทัพใหญ่ : เราจะเคลื่อนกองทหารหรือไม่หรือเราจะลงมือก่อน
ยอนโฮแก : ทรงคาดหวังให้เราลงมือก่อน ข้าไม่ต้องการคลานเข้าไปในกับดัก แต่ว่า... เราต้องมั่นใจว่าทหารจะไม่ไขว้เขว ท่านแม่ทัพไปทำให้ข้าแน่ใจว่าทหารของเราจะไม่ไขว้เขว
แม่ทัพทุกคนออกไปจากกระโจม เหลือแต่จอกฮวาน ยอนโฮแก มองออกและถามว่า ท่านไม่สบายใจหรือจอกฮวาน : พูดกันตามสัตย์จริง ใช่ .. ข้าไม่สบายใจ อย่างไรก็ทรงเป็นกษัตริย์ของเราและนี่ก็เป็นทหารของพระองค์ ท่านกำลังแนะนำให้พวกเราต่อสู้หรือ
ยอนโฮแกบอกว่า : ท่านไม่เข้าใจหรือ กษัตริย์พระองค์นั้นทรงไม่ต้องการให้ข้ายอมแพ้ต่อพระองค์ สิ่งที่ทรงต้องการมากที่สุดก็คือ คนอย่างพวกท่านที่จะฆ่าและ เอาหัวของข้าไปถวาย นั่นเป็นสิ่งที่ท่านต้องการทำหรือ จอกฮวาน หลบสายตาลงพื้น ยอนโฮแกถามซ้ำอีก จอกฮวานเงยหน้าตอบว่า : เมื่อท่านอายุ 11 ขวบ ท่านอยู่ในสงคราม สู้รบกับพวกยาน : ข้าเฝ้ามองดู แม้อายุยังน้อย แต่ท่านวิ่งไปแนวหน้าอย่างรวดเร็ว ยิงธนูได้ไกลกว่าคนอื่นๆ ท่านยิ้มตลอดเวลา ท่านได้รับการบอกกล่าวว่าท่านเกิดภายใต้ดวงดาวแห่งจูชิน และท่านก็แตกต่างจากพวกเราที่เหลือ ข้าวาดฝันไว้ว่า ท่านจะเป็นกษัตริย์อย่างไร ความคิดเช่นนี้ ก็ถือได้ว่าข้าเป็นกบฎ
ยอนโฮแก : จากนี้ไปข้าอาจต้องก้าวไปสูนรก ท่านยังจะตามข้าอีกหรือไม่
จอกฮวาน : ข้าจะคอยอยู่ข้างหลังท่าน
นอกกระโจมพวกทหารชั้นผู้น้อยกลุ่มหนึ่งพากันพูดต่างๆนานา : เรามีเวลาตัดสินใจ อีก 3 วัน ใครก็ตามที่กลับไปหากษัตริย์ จะถือเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพหลวง ..ถ้าเราไม่ไป... เราก็เป็นกบฎน่ะซี ... อย่างนั้นเราก็กลับบ้านไม่ได้.... หุบปาก
บรรดาพลทหารจับกลุ่มปรึกษากัน.. ถ้าท่านผู้บัญชาการ ยอนโฮแกได้เป็นกษัตริย์เล่า. แล้วเราจะกลับบ้านได้อย่างไร ... แต่ทหารรับจ้างบอกว่า ฝ่าบาท ทรงมีสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ 3 อย่างแล้ว…ทรงชนะป้อมควานมี ...นั่นหมายความว่าเรากลับบ้านไม่ได้.... เจ้าโง่....
ในค่ายของกษัตริย์โคคุเรียว
บาซอน นั่งลับมีดเหมือนเป็นหุ่น ไม่สนใจกินอาหาร ไม่รับรู้สนใจใครๆ ไม่ทำท่าว่าได้ยินเสียงของดัลบี ที่ยกเอาถาดอาหารถาดใหม่มาเปลี่ยนถาดเก่า
ดัลบี : หยุดทำสักครู่เถอะ ท่านไม่กินไม่นอน เมื่อไหร่ท่านจะหยุดทำเช่นนี้ ข้ากลุ้มใจจริงๆ
บาซอนไม่รับรู้เหมือนไม่ได้ยิน ทัมด๊กเสด็จเข้ามา ตามด้วย ฮยอนโก ขุนพลโก จูมูชิ ทรงตรัสกับดัลบีว่า : เจ้าทั้งสองคงลำบากมาก และเสด็จพระราชดำเนินไปตรงหน้าบาซอน ทรงตรัสกับบาซอนว่า : ข้าได้ยินเรื่องพี่ชายของเจ้า เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง
บาซอนลุกขึ้นถวายคำนับแล้วนิ่ง ทัมด๊กทรงรอ แล้วก็ทำท่าจะเสด็จออกไป
บาซอน : สัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์เสือขาว ..ทัมด๊ก ทรงหันพระพักตร์มา
บาซอนพูดต่อ : หม่อมฉันควรจะทูล ฝ่าบาทตั้งแต่แรก หม่อมฉันควรจะทูลฝ่าบาทก่อน เพื่อให้พระองค์ไปเอามา แต่หม่อมฉันไม่รู้จริงๆ หม่อมฉันไม่รู้ว่าพี่ชายไปอยู่ที่ใด หม่อมฉันคิดว่าจะได้พบพี่ชายหากหม่อมฉันติดตามพระองค์ไป บาซอนเสียงเครือแล้วก็ร้องไห้ ทัมด๊กทรงเอาพระหัตถ์วางบนไหล่บาซอนแบบปลอบใจบาซอน บาซอนก้มหน้าร้องไห้
ทรงตรัสว่า : เจ้าควรจะพักผ่อน
บาซอน : ยอนโฮแกเป็นคนเอาไป หม่อมฉันเป็นคนเอาไปให้เขากับมือ เอาไปให้เขาเอง พี่ชายของหม่อมฉันที่ไม่ได้พบกันมา 17 ปี ได้เสี่ยงชีวิตของเขา แต่หม่อมฉันเป็นคนเอาไปให้เขากับมือ
ทัมด๊ก : บาซอน
บาซอน : หม่อมฉันอยากตัดมือตัวเองออก...หม่อมฉันมาที่นี่เพื่อตัดมันออก แต่ว่า... ที่นี่มีดาบและขวานที่ทื่อมากมาย (ยกมือที่กำไว้แน่นขึ้นมา เอาหน้าผากตัวเองวางบนท่อนแขนซ้าย ร้องไห้)
ทัมด๊ก : ฟังข้าให้ดีนะ มือคู่นี้ไม่ใช่ของเจ้าเพียงคนเดียว ข้าจะไม่ยกโทษให้ หากเจ้าทำร้ายมัน
บาซอนเอาแขนออก เงยหน้ามองทัมด๊ก
ทัมด๊ก แย้มพระโอษฐ์ให้บาซอน ตรัสต่อว่า : และเจ้าของมือนี้ จะต้องกิน และนอนให้หลับ เจ้าเข้าใจหรือไม่
บาซอน พยักหน้าร้องไห้ น้ำตาไหล รับคำสั่งนี้ว่า เพคะ (บาซอนว่านอนสอนง่ายสำหรับทัมด๊กเสมอ)
ดัลบีหน้าเศร้า จูมูชิ มองดัลบี แล้วทำท่าซูดส์น้ำมูก (ทำท่าเศร้า แต่น่าตลกมากกว่า ที่จูมูชิ เศร้าเป็น)
ทัมด๊กเสด็จออกมา ดัลบีเดินตามขาสะดุด หน้าคะมำ (ดัลบีมีปัญหาเรื่องเดินแล้วหกล้มหลายครั้ง เอ...เรียกว่าซุ่มซามไหมนะ)
ทรงถามว่า : รองเท้าของยอนโฮแกเป็นอย่างไร พวกเขาไปตั้งครึ่งปีแล้วข้าต้องการรู้ว่าพวกเขาเป็นอย่างไร
ดัลบีทูลว่า : คนที่คอยเฝ้าพวกเรา เสื้อผ้าของเขาดูเก่ามาก รองเท้า หม่อมฉันคิดว่ารองเท้าของเขาคงน้อยลงและยังมีปัญหาเรื่องโรคผิวหนัง เนื้อและอาหารดีๆ มีสำหรับนายทหารเท่านั้น ที่สำคัญ พวกเขามีน้ำไม่เพียงพอ
ฮยอนโก : หม่อมฉันคิดว่า เราควรเริ่มต้นทันที พะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก : จัดเตรียมกองทัพ
ขุนพลโก : ตอนนี้หรือพะย่ะค่ะ
ทัมด๊กเสด็จไปที่แผนที่ : เราจะเคลื่อนทัพก่อนพระอาทิตย์ขึ้น เพื่อลดระยะทางระหว่างเรากับ ยอนโฮแก ลงอีก 1 วัน
ที่ค่ายของยอนโฮแก
มีเสียงปี่ หรือขลุ่ย (เสียงดนตรีเดียวกับที่ทัมด๊ก เคยเป่าที่สำนักนางโลมในตอนต้นๆ) จาก ศิษย์โคมิล ที่นั่งอยู่บนหลังม้า ที่ใช้ ผ้าพันกีบม้าไว้ เพื่อเวลาที่ม้าเดินแล้วไม่มีเสียงกุกกัก เสียงโหยหวนชวนเศร้า ชวนให้คิดถึงบ้าน เหล่าทหารในค่ายของ ยอนโฮแก ร้องไห้คิดถึงบ้าน จอกฮวานและอิลซู และทหารม้าเหล็กกลุ่มหนึ่ง ขี่ม้าตามหาที่มาของเสียง แล้ว ก็ต้องตะโกน ว่า ทหารหนีทัพ แล้วก็ตามไล่ฆ่าทหารที่หนีทัพ
ทหารของจอกฮวานไล่ฆ่าทหารหนีทัพ อย่างโหดเหี้ยมไปถึงหมู่บ้านที่ ซูจินี ได้มาอาศัยอยู่ ซูจินี ได้เห็นการฆ่าฟันพวกทหาร เมื่อทหารของจอกฮวานกลับไป ซูจินี ออกมาดูทหารพบว่ายังมีคนรอดตายจึงเข้าไปช่วย
ในกระโจม กองบัญชาการ พวกแม่ทัพ ปรึกษาหารือกับยอนโฮแก เพราะทหารหนีทัพ มากขึ้นเรื่อยๆ
มีทั้งถูกทหารม้าเหล็กของจอกฮวานฆ่าตาย และบางส่วนถูกจับกลับมา หน้ากระโจม กองบัญชาการ
ยอนโฮแก : พวกเจ้าจะกลับไปหากองทหารของกษัตริย์หรือ บอกมา ทำไมพวกเจ้าละทิ้งข้า แล้วกลับไปหากษัตริย์ ถ้าเหตุผลสมควรข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้า
ทหารคนหนึ่ง ร้องไห้ เงยหน้าตอบว่า : ข้าอยากกลับบ้าน แม่ข้าแก่แล้วและอยู่คนเดียว แม่ข้ากำลังป่วยอยู่ พี่น้องของข้าตายในสงครามหมด เหลือแต่ข้าคนเดียว
ยอนโฮแก โมโห คว้าคอทหารขึ้นมา : มีผู้ชายกี่คนที่ไม่สูญเสียครอบครัวในการรบ ศัตรูอยู่ตรงหน้าแต่เจ้าจะกลับบ้าน คนของข้าเสี่ยงชีวิตในการสู้รบ แต่เจ้ากลับหันหลังเพื่อกลับบ้าน ถ้าเจ้าบอกว่า เจ้าจะกลับไปหากษัตริย์ เพื่อเกียรติแห่งโดคุเรียว ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า คำตอบของเจ้าผิด อิลซู ชักดาบแทงทหารคนนี้ตาย
แม่ทัพหลายคนตกใจหันมามองหน้ากัน
ยอนโฮแก : ทหารที่หนีทัพทั้งหลายจะต้องได้รับโทษที่ทรยศ ราคาของการทรยศ ก็คือชีวิตของพวกเขา (ไม่ว่าทหารจะตอบอย่างไร ยอนโฮแกก็ตั้งใจจะฆ่าทิ้งอยู่แล้ว เพราะทหารที่ไม่ได้ตอบ ก็ถูกฆ่าตายหมด)
รุ่งเช้าก็มีทหารขี่ม้าหนีทัพออกมาอีกกลุ่มหนึ่ง และก็ถูกทหารม้าเหล็กของจอกฮวานไล่ฆ่า แต่คราวนี้ ขุนพลโก และกองทหารกองหนึ่งมาช่วยไว้ ขุนพลโก บอกกับทหารม้าเหล็กของจอกฮวานว่า : กลับไปบอกผู้บังคับบัญชาการของเจ้าว่า ฝ่าบาทเสด็จมาถึงแล้ว ให้เขาเข้ามาคารวะต่อหน้าพระพักตร์ของฝ่าบาท
ทหารม้าเหล็กของจอกฮวาน รีบชักม้ากลับเข้าค่ายของยอนโฮแก
ที่ค่ายทหารของกษัตริย์โคคุเรียว
ข่าน อัตทิลา พา ดูทัยและทหารมาด้วยประมาณ 2 พันคน ทัมด๊กเสด็จออกมารับหน้ากระโจม ตรัสว่า : ท่านไม่ได้แจ้งล่วงหน้าว่าท่านจะมา
ข่าน : ในเมื่อเราจะเป็นพี่เป็นน้องกัน ข้าคิดว่าพวกเราอาจจะช่วยได้
ทัมด๊ก : ข้าไม่รู้ว่าข้าต้องการความช่วยเหลืออะไรในการเคลื่อนทัพของข้า
ข่าน : ข้ารู้ว่าทรงต้องการปกป้องทหารที่หนีทัพมาจาก กองทัพของยอนโฮแก เราต้องการสิ่งเดียวคือศีรษะยอนโฮแก ทรงอยากทำอะไร ก็ทรงทำไป แต่พวกเราจะลงโทษศัตรูโดยพวกเราเอง
ทัมด๊ก : ท่านเคยเสนอต่อข้าแล้ว แต่.. ยอนโฮแก เป็นกบฏต่อโคคุเรียวได้ก่อการทรยศ คนที่จะลงโทษเขาได้คือกษัตริย์แห่งโคคุเรียวเท่านั้น ท่านเข้าใจหรือไม่ แล้วทรงเสด็จพระราชดำเนินกลับเข้ากระโจม ข่านและดูทัย มองนิ่ง
ที่ลานนอกกระโจม ทัมด๊กทรงงานอยู่ที่โต๊ะ มีสารมาจากปราสาทโกกแน เมื่อทัมด๊กทรงทอดพระเนตรข้อความ ที่รายงานเรื่อง เสนาบดียอนขโมยสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ไปจากหมู่บ้านโคมิล และฆ่าตัวตาย ไม่ทรงห่วงเรื่องสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ แต่ทรงเสียดาย และเศร้าพระทัย ในเรื่องเสนาบดียอนตาย : โคคุเรียวได้สูญเสียเสนาบดีที่เก่งกาจไปแล้วทรงหันไปทางฮยอนโก : อาจารย์ ไปดูสิว่ามีทหารของยอนโฮแก หนีทัพมากี่คน ขอให้มั่นใจว่าเราจะปกป้องพวกเขาได้
ฮีกแก : เรากำลังจะทำสงครามหรือพะย่ะค่ะ
ทัมด๊ก ตรัสว่า : ถ้าโฮแกรู้ว่าเสนาบดียอนตาย เขาจะยิ่งพยายามโจมตีเรา เราอาจจะเสียเปรียบ เราจะแบ่งทหารกองเป็นกองละ 500 คน อาจารย์ช่วยอธิบายเส้นการเคลื่อนพล ฮยอนโก ยกมือเรียกให้ทหารบางส่วนตามไป เหลือแต่ทัมด๊ก ฮีกแก ขุนพลโก ดัลโก
ทรงตรัสต่อว่าสิ่งแรกที่เราต้องทำคือให้โฮแกสับสนและลังเลกับการเข้าโจมตีครั้งแรกของเขา
สิ่งที่สอง พาทหารหนีทัพกลับมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผลดีที่สุดที่จะตามมาคือการจลาจลในค่ายของโฮแก
มันดัก บอกจูมูชิว่า กำลังจะเคลื่อนทัพ จูมูชิ บอกกับดัลบีว่าข้ามีบางสิ่งจะพูดกับเจ้า ทัมด๊กเสด็จเข้ามาตรัสว่า : จูมูชิเจ้าต้องไปกับข้า จูมูชิรู้สึกว่ายังพูดกับดัลบีไม่จบเรื่อง ทูลว่า หม่อมฉันก็ไปกับฝ่าบาทตลอดเวลาอยู่แล้ว ทัมด๊ก : ข้าวางแผนที่จะไปพบกับโฮแกโดยไม่ให้พวกคอรัลรู้ ไปกันเถอะ
ในค่ายทหารของ ยอนโฮแก
โซคีฮามาหา ยอนโฮแก ที่ท่าทางดีใจรีบเข้ามาใกล้ โซคีฮา ส่งม้วนหนังสือให้และบอกว่า นี่คือจดหมายของ ท่านยอน เป็นจดหมายฉบับสุดท้าย ยอนโฮแกสีหน้าเปลี่ยนไปทวนคำ สุดท้าย ....กษัตริย์สำเร็จโทษท่านพ่อของข้าหรือ ข้อหาอะไร ...ทำไม... ทำไม…
โซคีฮา : ท่านยอนจบชีวิตตัวเองตอนที่ข้าออกมาจากปราสาทโกกแน เขาขอ..ข้าก็เลยให้...ยาพิษ แบบเดียวกับที่เอาชิวิตของท่านแม่ของท่านท่านหญิงยอน (มาดโซคีฮา เหลือร้าย พูดแบบเหมือนเล่าเรื่อง ลมฟ้าอากาศ)
ยอนโฮแก ขว้างสารทิ้งจับตัวโซคีฮาลุกขึ้นยืน : ท่านพูดอะไร.. ท่านกำลังบอกข้าว่าท่านเอายาพิษให้พ่อข้าเพื่อฆ่าตัวตายอย่างนั้นหรือ แล้วตะโกน ท่านเอาให้ท่านพ่อของข้า…
โซคีฮา มองหน้า ไม่สะทกสะท้าน : ใช่ข้าทำ
ยอนโฮแกปล่อยโซคีฮาหันข้างให้ เสียใจ
โซคีฮา : ครั้งหนึ่งเคยมีเหตุการณ์เช่นเดียวกัน เกิดที่สุสานหลวง กษัตริย์พระองค์ก่อนทรงบอกข้ามิให้ขวางทางพระโอรสในการขึ้นครองราชย์ แล้วทรงแทงดาบของกษัตริย์จูมงเข้าไปที่พระหทัย ทำให้ข้าถูกประณาม
ยอนโฮแก หันมา : ท่านบอกข้าว่า ท่านเป็นคนฆ่าพระองค์
โซคีฮา : ไม่.. มิใช่ข้า ข้าบอกความจริงไม่ได้ ข้าบอกใครไม่ได้แม้แต่สวรรค์ แต่ท่านยอนไม่เหมือนกัน เขาขอร้องให้ข้าจากมาอยู่กับท่าน... เขาขอร้องให้ข้าทำท่านเป็นกษัตริย์
จอกฮวานตะโกนเข้ามา : ท่านผู้บัญชาการท่านอยู่ที่ใด ซารยางเอาดาบขวางไว้
จอกฮวาน: ประตูตะวันตกพังแล้ว ทหารกำลังหนีทัพออกไป
โซคีฮา เปิดกล่องสัญลักษณ์ : นี่คือสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ สองอย่าง อีกไม่ช้าเราจะครอบครองอำนาจแห่งสวรรค์ และ... แกะเสื้อคลุมด้านหน้าออก เอามือวางที่ท้อง ท่าเดียวกับที่เคยทำกับเสนาบดียอน ยอนโฮแกมองตามมือของโซคีฮาตะลึง โซคีฮา : ข้ามาขอให้ท่านรับเป็นพ่อของลูกข้า
ยอนโฮแก คราง : ของเขาหรือ ทำเสียงเบาเหมือนคนหมดแรง ลูกของเขาหรือ
โซคีฮา ตอบว่า : ไม่มีความหวังเหลืออยู่ในปราสาทโกกแน เราต้องเดินทางไปหาดินแดนอื่นเพื่อให้อำนาจของ ท่านมั่นคงขึ้นข้าจะช่วยให้ท่านเอาชนะดินแดนก่อน
ยอนโฮแก ตะโกนเสียงดังอารมณ์กำลังใกล้จะระเบิด : พอแล้ว
โซคีฮา : ท่านบอกข้าว่าท่านจะอยู่กับข้าตลอดเวลา
ยอนโฮแก : ข้าบอกว่าพอแล้ว
โซคีฮา : ท่านบอกว่าท่านจะอยู่เคียงข้างข้า ไม่ว่าอะไร ไม่ว่าข้าจะเปลี่ยนไปอย่างไร
ยอนโฮแก ท่าทางแค้นใจ เดินออกไปนอกห้องคว้าดาบ ตะโกน เคลื่อนทัพเตรียมรบ
จอกฮวาน : ทหารกำลังก่อจลาจล
ยอนโฮแก : ข้าบอกให้เคลื่อนทัพ เตรียมรบ หันมาทางอิลซู : เรียกแม่ทัพทั้งหมด แล้วชักดาบออกจากฝักหันไปทางซารยางพยายามสะกดอารมณ์ : เอาผู้หญิงคนนั้นกลับไปและออกไปจากที่นี่ทันที ไปที่อื่น ที่ข้าจะไม่ได้เห็นหน้านาง
โซคีฮา ในห้อง ปิดกล่องสัญลักษณ์เอามือกุมท้อง เกิดอาการเจ็บท้องต้องอตัวลง ซารยางเข้ามาพอดีเข้าไปประคอง
พวกแม่ทัพทั้งหลายมาที่กระโจมของยอนโฮแก แม่ทัพของผู้นำแคว้น ประกาศจะกลับจะไปรวมกับกองทัพกษัตริย์ : ทหารของโคคุเรียว กำลังไปเพื่อกองทัพหลวง ทำไมถึงเป็นการหนีทัพเล่า…
ทหารเข้ามารายงาน ว่ากองทัพหลวงกำลังเข้ามาใกล้ทางทิศตะวันตก พวกนั้นกำลังมาเร็วมาก เราบอกไม่ได้ว่ามีจำนวนเท่าไร พวกนั้นมาอย่างรวดเร็วมาก
มีทหารเข้ามาบอกอีก ว่า พวกคอรัลกำลังมาทางทิศใต้ พวกคอรัลมาเป็นพัน ๆคน
จอกฮวาน : กษัตริย์ทรงเป็นพันธมิตรกับคอรัลหรือ
แม่ทัพของพวกผู้นำแคว้น : เราไม่ได้มาคอรัลเพื่อเป็นกบฏ แคว้นทั้งสี่ จะไปอยู่กับกษัตริย์ ถ้าท่านหยุดเราเราจะโจมตีให้พังไปตามกัน
ยอนโฮแก เหมือนคนบ้า เอาดาบฟันแม่ทัพจากซอนโนตาย : อย่าหันหลังให้ข้า
แม่ทัพอีกคนชี้หน้ายอนโฮแก : ข้าจะเอาหัวของเขาแล้วเอาไปถวายกษัตริย์
จอกฮวาน ตะโกน : จับคนพวกนี้ ทหารม้าเหล็กจับคนพวกนี้ อิลซู รีบเข้ามาปกป้องยอนโฮแก ยอนโฮแก นัยน์ตาเหมือนคนบ้าแข็งทื่อ
ซูจินี ดูแลทหารบาดเจ็บที่ได้ช่วยไว้ ก้าวลงไปหาชอโร นั่งพิงข้างฝา อยู่ที่ชั้นล่าง : ทำไมท่านตามข้าอยู่ตลอดเวลา ท่านไม่มีความภูมิใจในตัวเองบ้างหรือ แล้วเอามือวางบนไหล่ของชอโร : ท่านหลงใหลข้าอย่างนั้นหรือ แล้วก้มหน้าเข้าไปใกล้ ชอโรไม่ตอบ ซูจินี เอามือออก เดิน ไป 2-3 ก้าว พูดว่า : เคยมีคนบอกข้าครั้งหนึ่งแบบนี้เมื่อ..นานมาแล้ว
ชอโร : ข้ารู้สึกบางอย่างแปลกๆ ข้ารู้สึกเหมือนกับว่า เขากำลังเรียกข้า
ซูขินี : ใคร
ชอโร : ข้ารู้สึกเหมือนว่า ข้าต้องอยู่เคียงข้างเขา
ซูจินี : ข้างใคร
ชอโร ขยับตัว : เขาอยู่ไม่ไกล ข้าต้องไปหาเขา แล้วลุกขึ้นยืน : ข้ารู้สึกไม่สบายใจมาก ข้าทูลว่าข้าจะพาท่านกลับไปด้วย ข้าต้องการรักษาสัญญา
ซูจินี อึ้ง : ท่านผู้บัญชาการข้าขอร้องท่านสักอย่างได้ไหม ข้ารู้ว่าท่านพยายามอย่างมากในการหาข้าและช่วยชีวิตข้า มันเป็นเหตุผลที่ทำให้ข้ารู้สึกไม่ดีกับการขอร้องนี้ กลับไปทูลฝ่าบาทว่าท่านหาข้าไม่พบ ทูลว่าข้าไปในที่ที่ท่านหาไม่พบ แล้วซูจินี ก็เอนตัวลงนอนพิงกองสัมภาระที่มุมห้อง
ชอโร : ท่านไม่ได้เป็นผู้หญิงของฝ่าบาทหรือ
ซูจินี : อาจเป็นชาติหน้าก็ได้ ถ้าข้าสวดมนต์ภาวนาทุกวันตลอดชีวิตที่เหลือ ( โถ.....ซูจินี น่าสงสารจัง)
ชอโร : ท่านทำอะไรผิดหรือ ทำสิ่งใดที่ให้อภัยกันไม่ได้
ซูจินี : ข้ากลัวว่า ข้าจะทำบางอย่างที่ให้อภัยกันไม่ได้ ซูจินี ลุกขึ้น : นี่ท่านผู้บัญชาการ ดูแลฝ่าบาทของข้าให้ดี ทรงชอบเป็นตัวของตัวเองเพราะฉะนั้นติดตามพระองค์ไปหากมีสิ่งใดเกิดขึ้น แล้ว ดื่ม..กับพระองค์บ้างเป็นบางครั้ง และ...ทำให้พระองค์ยิ้มวันละครั้ง ข้าจะชดใช้หนี้สินนี้ให้กับท่านในชาติหน้า ข้า ดีใจ..ที่ได้พบท่าน เจอกันชาติหน้า ( ความรักของซูจินี เป็นรักที่เสียสละ รักที่ไม่หวังผลตอบแทนว่า ทัมด๊ก ต้องรักตอบหรือไม่ ...ถึงอย่างไร.... ก็รัก...) ชอโรยืนอยู่อีกครู่ แล้วก็ตัดสินใจ ขี่ม้ากลับไปหาทัมด๊ก เพราะมีสัญญาณเตือนให้รู้สึกว่า ทัมด๊ก ทรงต้องการชอโร
ซูจินีกำลังจะขึ้นหลังม้า ก็เห็น ชารยางและโซคีฮา มาที่หมู่บ้านนี้ และตามไปดู ซารยางประคองโซคีฮา ลงจากหลังม้าพาไปนอน แล้วไปจับตัวหญิงชาวบ้าน ซึ่งเป็นแม่ลูกอ่อน มาหนึ่งคน เพื่อช่วยโซคีฮาคลอด นางสั่งให้ซารยางไปหาน้ำมา ซูจินีเข้ามาพบโซคีฮา นอนกระสับกระส่าย ยกดาบสั้นจะฆ่า แต่แล้วต้องเปลี่ยนใจเพราะโซคีฮา ดิ้นทุรนทุราย ยกมือไขว่คว้าหาที่พึ่ง ซูจินีทิ้งดาบ เข้าไปจับมือโซคีฮาที่ยกขวักไขว่
ข้างนอกห้องซารยาง เมื่อได้น้ำหิ้วกลับมากก่อนจะถึงห้องที่โซคีฮานอน ก็พบ ทหารของฮวาเซิน แต่ที่สำคัญ แทจังโร มารอคอยด้วยตัวเอง แทจังโร ลงจากหลังม้าเดินช้าๆ มาหาซารยาง
ในค่ายกษัตริย์โคคุรียว
จูมูชิ บ่นหน้ากระโจมของทัมด๊ก : ข้าสงสัยว่าฝ่าบาทเสวยแล้วหรือยัง ถือเหล้ามาด้วย 1 ขวด เอามือลูบท้องตัวเอง ข้า อิ่ม มาก .....เมื่อเข้าไปในกระโจม ก็ต้องตกใจ ชะงัก : เกิดอะไรขึ้น....ฝ่าบาท
ทัมด๊ก ประทับนั่งท่าทางประชวร พระเสโท (เหงื่อ) ซึมที่พระพักตร์ ทรงหอบ พระอัสสาสะ ปัสสาสะ แรง (ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก)
ทัมด๊ก เงยพระพักตร์ขึ้น.
ทุกครั้งหากมีผลกระทบใด ๆ ถึงพระโอรส ทัมด๊ก จะมีพระอาการผิดปกติ
No comments:
Post a Comment
Note: Only a member of this blog may post a comment.