7.10.09

Speaking of BYJ as a human being



[Thai Translation by Ladymoon]

Q: คุณรู้สึกยังไงบ้างตอนที่เริ่มโครงการ WLS อีกครั้งหลังจากผ่านไป 7 ปี

A: ผมลังเลมากเลยตอนที่ได้ยินว่าพวกเขาจะทำการ์ตูนของ WLS ผมขอโทษที่ต้องบอกว่าตอนแรกผมไม่สนใจที่จะทำงานเดิมซ้ำอีกครั้ง แต่พอผมเริ่มอ่านสคริปต์ที่บ้าน จู่ๆ ผมก็รู้สึกว่า 'ผมอยากตกหลุมรัก' เพราะเนื้อหาในละครโดนใจผม ผมต้องยอมรับว่า WLS เป็นละครที่ดี และผมรู้สึกอยากจะแสดงอารมณ์แบบนั้นอีกครั้ง ผมจึงตอบไปว่าผมจะพากย์เสียงให้ แน่นอนที่ผมเปลี่ยนแปลงไปตลอด 7 ปีที่ผ่านมา แต่ผมคิดว่าน่าจะกลับไปสู่ช่วงเวลานั้นได้อีกครั้ง และผมพยายามทำแบบนั้นตอนที่ทำงานนี้


Q : มีอะไรเปลี่ยนไปบ้างหลังจากที่คุณกลายเป็น Hallyu ตั้งแต่ปี 2002

A: เพราะผมก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เข้าวงการ จึงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก มีอยู่สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไป เวลาผมออกจากบ้าน พวกบริษัททัวร์ชอบพาคนไปตามสถานที่ที่ผมไป แน่นอนผมไม่เคยไปสถานที่ที่ไม่เหมาะสมอยู่แล้ว แต่ผมก็รู้สึกเสียใจที่ถูกจำกัดอิสรภาพ


Q: มันเป็นเรื่องยากมากที่ต้องประพฤติตัวดีๆ ในฐานะบุคคลสาธารณะ คุณเคยเจอเหตุการณ์ที่ต้องขัดแย้งกันระหว่าง BYJ ที่คนคาดหวัง กับ BYJ ที่คุณอยากเป็น บ้างมั้ย

A: ผมคิดว่านั่นเป็นภาระที่ผมต้องแบกรับไปชั่วชีวิต ผมยังคิดว่าจุดที่คุณยืนอยู่นั้นมันขึ้นอยู่กับคุณค้นพบตัวเองมากแค่ไหน และคุณฝึกตัวเองมาหนักแค่ไหน


Q: มีบางคนพูดว่าความนิยมของคุณในเกาหลีและญี่ปุ่นต่างกันเยอะ คุณคิดว่ายังไงบ้าง

A: ผมมีครอบครัวใหญ่อยู่ในเกาหลี คนอาจคิดแบบคุณเพราะครอบครัวเกาหลีมีโอกาสน้อยกว่าที่จะมารวมตัวกัน ที่จริงที่ผมหลั่งน้ำตาในงานวันที่ 30 ก็เพราะครอบครัวเกาหลี ผมรู้สึกเจ็บปวดเมื่อคิดว่าผมไม่ได้ทำอะไรให้พวกเขาเลย แต่พวกเขาก็ยังมาถึงญี่ปุ่นเพื่อให้กำลังใจผม ในงานทั้ง 2 วัน มีอยู่หลายช่วงที่ผมเกือบจะร้องไห้ แต่ต้องกลั้นน้ำตาเอาไว้ แต่ผมทนเก็บต่อไปอีกไม่ไหวเมื่อได้เห็นสายตาของพวกเขา


Q: มันน่าสนใจที่ได้เห็นคุณพูดภาษาญี่ปุ่น และเขียนโปสการ์ดเป็นภาษาญี่ปุ่น

A: ที่จริงผมอยากคุยภาษาญี่ปุ่นให้มากกว่านี้ แต่เพราะไข้ขึ้นสูง ผมเลยทำอย่างที่ต้องการไม่ได้ เพราะความจำของผมดูจะเลอะเลือนไปหมด ผมศึกษาภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษอย่างสม่ำเสมอ ไม่ได้หมายความว่าผมวางแผนจะไปฮอลีวู้ด หรืออยากเป็นแบบดาราคนอื่นๆ ผมแค่ทำให้ดีที่สุดเท่านั้น


Q: ในงานของ Animation WLS คุณมีปฏิกิริยาที่น่าสนใจมากตอนที่ลียองยู ที่พากย์เสียงเด็กเรียกคุณว่า “ลุง” คุณอ่อนไหวกับคำนั้นจริงๆ น่ะหรือ (หัวเราะ)

A: ที่จริงผมไม่แคร์หรอกครับ ตอนนี้ยองยูอายุ 12 และเป็นเรื่องธรรมดาที่เธอจะเรียกผมว่าลุง ที่ผมทำท่าแบบนั้นไปก็เพื่อทำให้ผู้ชมสนุก นักข่าวอย่างพวกคุณก็ชอบนี่ ถึงได้เอาไปเขียนกันใช่มั้ย (หัวเราะ) ผมไม่ได้กลัวแก่หรอกครับ ตรงกันข้ามผมอยากแก่ตั้งแต่ตอนอยู่ในวัย 20 แล้ว ผมอยากเห็นอนาคตของผม เรื่องอายุเป็นเรื่องยากสำหรับทุกคนใช่มั้ยครับ ต้องผ่านสิ่งต่างๆ ตอนนี้ผมมองเห็นสิ่งที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน และผมคิดในแบบที่ผมไม่เคยคิดมาก่อน ผมมีความสุขที่ผมค่อยๆ ดีขึ้นทีละนิด


Q: คุณซื้อ Digital Adventure บริษัทของญี่ปุ่น เพราะอะไร

A: นั่นเป็นการตัดสินใจของบริษัทครับ ไม่ใช่ของผม ครั้งหนึ่งผมเคยสนใจเรื่องธุรกิจ แต่ตอนนี้ผมไม่ค่อยสนใจมันเท่าไหร่แล้ว ผมเห็นแล้วว่าธุรกิจไม่ใช่เรื่องที่ผมถนัด เพราะผมไม่สามารถทนกับข้อจำกัดต่างๆ ได้ มีหลายอย่างที่ผมอยากทำ ผมไม่รู้ว่าจะเป็นนักแสดงไปได้อีกนานแค่ไหน หลังจากนั้น ผมอยากเป็นเกษตรกร แล้วก็ช่างภาพ แล้วก็ศิลปินเซรามิค


Q: ข้อมูลเกี่ยวกับ BYJ ในฐานะมนุษย์ปุถุชนมีอยู่จำกัดมาก คุณช่วยเล่าชีวิตประจำวันของคุณหน่อยได้มั้ย

A: ผมไม่เคยพยายามทำตัวลึกลับนะครับ พวกนักข่าวนั่นแหละที่สร้างภาพเหล่านั้นให้ผม ไม่ใช่เพราะผมสักหน่อย ตามปกติผมเป็นคนขี้อายมากตั้งแต่เด็กแล้ว และมักจะอยู่ที่บ้าน อ่านหนังสือผมจะอยู่บ้านถ้าไม่มีงานทำข้างนอก ผมตื่นนอนตอน 7-8 โมงเช้า ถ้าคืนไหนอยู่ดึก ผมจะตื่นนอนตอน 10-11 โมง แล้วผมก็ดื่มชา และออกกำลังกายประมาณ 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นก็อาบน้ำ อ่านหนังสือ หรือทำอย่างอื่น เพราะผมซื้อไวน์มาเยอะหลังจากที่เริ่มสนใจเรื่องไวน์ มีกล่องไวน์อยู่เยอะเลยที่บ้านของผม ผมจับมันมาเรียงแล้วทำเป็นชั้นวางหนังสือ ผมอยากใส่รูปชั้นวางหนังสือนั่นไว้ในหนังสือของผมด้วย แต่เพราะมีเวลาจำกัด ข้างหลังชั้นวางหนังสือมีห้องทำงานวาดภาพแล็คเกอร์ และแป้นหมุนสำหรับทำเซรามิค ผมฝึกงานศิลปะทั้ง 2 อย่างที่นั่น


Q: คนมักคิดว่า BYJ มีครบทุกอย่างแล้ว คุณคิดว่าคุณยังขาดอะไรอีก

A: สิ่งที่ผมต้องการก็คือภรรยา สิ่งที่ผมขาดก็คืออิสรภาพ (หัวเราะ) เพราะผมเขียนไว้ในหนังสือของผม ผมคิดว่าคนเราต้องเรียนรู้ที่จะปล่อยวางเมื่อผ่านพ้น Moo Moon Kwan* วันหนึ่งเมื่อผมนำเรื่องนี้กลับมาคิดที่บ้าน ผมรู้สึกว่าเฟอร์นิเจอร์เป็นเจ้าของพื้นที่นี้ ไม่ใช่ผม ในตอนนั้นผมคิดว่า 'สักวันฉันจะกำจัดเจ้าสิ่งนี้ซะ ฉันน่าจะลดสิ่งที่ครอบครองลงซะบ้าง' เวลานั้นอาจมาถึงเร็วกว่าที่ผมคาดไว้ เราไม่ได้มีความสุขเพิ่มขึ้นด้วยการมีมากขึ้นใช่มั้ยครับ ผมคิดว่าเราสามารถอยู่อย่างมีความสุขได้เมื่อเราใช้ชีวิตที่เรียบง่าย ...เวลาที่เรารู้สึกว่ามีบางอย่างหายไป ตอนนี้ผมกำลังฝึกปล่อยวางอยู่ครับ (หัวเราะ)

[หมายเหตุ * ในหน้า 366 ของ 'the beauty of Korea' YJ เขียนไว้ว่า
ครั้งหนึ่งผมเคยวางแผนไว้ว่าถ้าสร้างบ้านโบราณแบบเกาหลี ผมจะเข้าไปอยู่ในนั้นพร้อมกับหนังสือมากมาย ล็อคประตู แล้วก็อ่านหนังสืออยู่ในนั้นนานๆ แต่สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือ Moo Moon Kwan ต้องการให้เราเข้าไปข้างในโดยไม่มีอะไรเลย ไม่มีหนังสือ ไม่มีข้าวของ มีแค่ตัวของคุณเท่านั้น ผมรู้สึกผิดหวัง ผมจะทำยังไงถ้าไม่มีหนังสือ ผมรู้สึกว่ายังอีกไกลกว่าผมจะไปถึงขั้นนั้น ผมต้องเรียนรู้อีกมากเพื่อจะปล่อยวางตัวเอง ]


[* Moo Moon Kwan,
เป็นหนังสือที่เขียนในสมัยราชวงศ์ซ่ง (ของจีน) โดยพระที่ชื่อจงโซ ซึ่งบันทึกคำสอนของอาจารย์ของท่านไว้ อาจารย์มูมุนเฮแก ชื่อเต็มๆ ของหนังสือเล่มนี้ก็คือ Seon Jong Moo Moon Kwan

ประกอบด้วยหัวข้อสำคัญ 48 ข้อที่เป็นหัวใจสำคัญของพุทธศาสนานิกายเซน

ความหมายของคำว่า 'ไม่มี' ไม่ใช่ความหมายตรงข้ามของ 'การมีอยู่' ไม่มี หมายถึงระดับของการยอมรับว่าสามารถเข้าถึงพระธรรม คนๆ นั้นจะไม่แยกแยะการมีหรือไม่มีอีกถ้าเข้าถึงพระธรรมแล้ว หัวใจสำคัญของหนังสือเล่มนี้ก็คือการเข้าถึง “ความไม่มี” นั่นเอง

* ในหลายกรณี Moo Moon Kwan 무 문 관 ยังหมายถึงการศึกษาอย่างหนักในวัดเพื่อเข้าถึงพระธรรมอย่างที่อธิบายไว้ข้างต้น YJ ใช้คำนี้ในความหมายนี้ ]


Q: คิดว่าถึงเวลาคุยเรื่องการแต่งงานของคุณแล้ว คุณคิดว่าจะแต่งงานเมื่อไหร่

A: ตอนนั้นผมเคยบอกว่าจะแต่งงานภายใน 3 ปี แต่คุณย่าของผมฟังผิดเป็น 3 เดือน และถามผมอีก 3 เดือนต่อมาว่า 'ทำไมยังไม่แต่งงานอีก’ ตอนนี้เหลือเวลาอีกแค่ปีเดียว ผมขอให้คนรอบๆ ตัวผมช่วยให้ผมได้แต่งงาน และพยายามหาโอกาสนั้น แต่มันยากที่จะพบใครสักคนในกรณีของผม แต่ผมต้องแต่งงานแน่ ไม่สิ ผมรู้สึกว่าผมจำเป็นต้องแต่งงาน และผมคิดว่ามันคงดีถ้าได้แต่งงาน แต่ใครจะอาสามาเป็นภรรยาของเกษตรกรล่ะครับ (หัวเราะ)


Q: ได้ยินมาว่าคุณลีเฮียวแจกำลังฝึกให้คุณเป็นเจ้าสาวที่ดี (หัวเราะ)

A: ผมได้ฝึกวิธีทำงานบ้านจากคุณลีเฮียวแจครับ ผมคิดว่า ว่าที่ภรรยาของผมจะต้องชอบผมแน่ ถ้าผมเรียนรู้เรื่องพวกนี้ แต่คนอื่นกลับบอกผมตรงข้าม พวกเขาแซวผมว่ามันจะยิ่งทำให้ผมแต่งงานยากขึ้น ใครจะอยากแต่งงานกับผู้ชายที่ฝึกดูแลบ้านมาจากลีเฮียวแจ นั่นจะทำให้ภรรยาของผมยิ่งเหนื่อยหนักเข้าไปใหญ่ (หัวเราะ)


Q: พนักงานของ BOF ไม่แนะนำคุณเกี่ยวกับเรื่องแต่งงานเลยหรือ

A: ถึงแม้ผมจะยังไม่แต่งงาน แต่ผมมักจะให้คำแนะนำพวกเขาเกี่ยวกับชีวิตสมรส (หัวเราะ) ผมบอกพวกเขาว่าเมื่อผู้ชายคนหนึ่งแต่งงาน เขาจะต้องรู้จักรับผิดชอบและเห็นเรื่องของครอบครัวมาก่อนเป็นอันดับแรก บางคนชอบอยู่ดึกๆ ที่ทำงานถึงแม้จะไม่มีงานอะไรให้ทำมากมายนัก พวกเขาจะโทรหาภรรยาแล้วบอกว่ามีงานต้องทำ ผมบอกพวกเขาว่าทำงานให้เสร็จในเวลางาน และรีบกลับบ้าน เพื่อดูหนังและอ่านหนังสือกับภรรยาของพวกเขา ผมพยายามที่จะไม่โทรหาพวกเขาหลังจาก 2 -3 ทุ่ม


Q: คุณไว้ผมยาวมาพักหนึ่งแล้ว และเพิ่งตัดผมสั้นเมื่อเร็วๆ นี้ มีเหตุผลอะไรมั้ย เคยได้ยินว่าคุณอยากทำแปรงจากผมของคุณ

A: ใช่ครับ ผมรู้สึกเสียดายมากเลยที่ต้องตัดผม แน่นอนมันง่ายกว่าเวลาสระ แล้วก็ประหยัดน้ำกับแชมพูด้วย ผมชอบความรู้สึกเวลาที่รวบผมขึ้นไป แต่หลายคนต้องการให้ผมตัดผม ผมต้องคิดถึงคนอื่นๆ ด้วย ดังนั้นผมจึงตัดผม ผมคิดว่าคนชอบผมทรงใหม่ของผมนะ (หัวเราะ) อ๋อ แปรงที่ใช้วาดภาพแล็คเกอร์ต้องทำจากเส้นผมมนุษย์ ผมอยากทำแปรงจากผมของผมเองและแบ่งให้อาจารย์ด้วย แต่ผมป่วยมากตอนที่ตัดผมก็เลยลืมไป ยังมีโอกาสอื่นอีกครับ ผมของผมจะต้องยาวอีกอยู่แล้ว


Q: มีความหมายพิเศษอะไรมั้ยสำหรับแหวนที่คุณใส่อยู่ตลอดเวลา

A: มันสวยดีใช่มั้ยครับ ผมสวมมันมานานแล้ว และมันกลายเป็นส่วนหนึ่งของผมไปแล้ว เวลาที่ผมทิ้งแหวนนี้ไว้ที่บ้าน ผมจะรู้สึกไม่ดีไปตลอดทั้งวัน (หัวเราะ) ผมรู้สึกเหมือนมีบางอย่างหายไปถ้าไม่สวมแหวนนี้


Q: คุณคิดมากมั้ยเกี่ยวกับสไตล์ของคุณ

A: ผมสวมตามที่มีคนบอกครับ แน่นอนบางครั้งผมก็บอกสิ่งที่ผมคิดกับสไตลิสต์ของผม แต่พวกเขาไม่สนที่ผมพูดหรอกครับ (หัวเราะ) เมื่อก่อนพวกเขาเข้มงวดมากเลย เวลาที่ผมไปต่างประเทศโดยไม่มีพวกเขา สไตลิสต์ของผมจะจัดเสื้อผ้าอย่างที่เธอต้องการ ถ่ายรูปมันเอาไว้ด้วยกล้องโพลารอยด์ และเอาภาพพวกนั้นใส่ในกระเป๋าของผม เธอบอกให้ผมสวมตามนี้เป๊ะๆ บอกตามตรงนะครับ ผมไม่ค่อยวุ่นวายกับสิ่งที่สวมเท่าไหร่นักหรอก ผมรู้สึกเคอะเขินด้วยซ้ำเวลาที่มีคนซื้อของแยกชิ้นให้ อย่างเช่น สูทตัวเดียว หรือกางเกงตัวเดียว ผมชอบให้เขาแขวนเสื้อผ้าไว้ในตู้แบบเป็นชุดๆ ผมจะได้หยิบมาสวมได้ทันทีเลย (หัวเราะ)


Q: ช่วยบอกเกี่ยวกับสิ่งที่คุณวางแผนเอาไว้ และฝากคำพูดไปถึงแฟนๆ ของคุณหน่อย

A: ผมได้เปิดเผยหลายส่วนจากความคิดของผม และวิธีที่ผมเปลี่ยนแปลงไป ผ่านหนังสือของผม แต่ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการกลับมาเป็นนักแสดง ครอบครัวของผมคงต้องการแบบนี้ และผมรู้สึกว่าสามารถนำเสนอความเปลี่ยนแปลงในตัวของผมผ่านการแสดงของผมได้ ผมอยากอ่านบทเยอะๆ จะได้ช่วยให้ผมหยุดคิดเรื่องอื่นๆ ครับ (หัวเราะ)



Speaking of BYJ as a human being [Interview part 1 ]



Source: Maeil Economy Star Today, Reporter Cho Eun Yong
Translated into English : gaulsan



Q : How did you feel when you started WLS again after 7 years?

A : I hesitated a lot when I heard that they were making an animation of WLS. I am sorry to say that at first I was not interested in doing the same work again. However, once I started to read the script at home, I suddenly felt that 'I want to fall in love'. As the drama shook my emotion in such a short time, I came to admit that WLS was a good drama, and I felt my desire to express the emotion once more. So I replied that I will do the voice. Of course I have changed during the past 7 years, but I thought I could go back to that moment, and I am trying to do so when I work on this project.


Q : What has changed after you became a Hallyu star since 2002?

A : As I've lived this way since I made my debut, there was not much change. There is one thing that did change, though. When I go out of my house, the travel agencies bring people to the pIaces where I go. Of course I don't go to inappropriate pIaces from the start, but I often feel sorry that my freedom is restricted.


Q : It is very hard to behave well as a public figure in Korea. Did you ever experience the clash between BYJ that people expect and BYJ as you desire?

A : I think that's a task that I should carry on for the rest of my life.
I also think that the pIace where you stand is up to how much you find yourself, and how much you train yourself.


Q : Some people say that there is a discrepancy between your popularity in Korea and Japan. How do you think about that?

A : I have a big Family in Korea. People might think like you because Korean Family had less chance to unite in one pIace. In fact, I shed tears in the event on 30th because of Korean Famly. I felt painful when I thought that I've done nothing for them, and they still came here in Japan to support me. During the event of both days, there were many moments that I nearly cried but I managed to hold back my tears, but I couldn't hold it any more when I saw their eyes.


Q : It was interesting to see you speak Japanese and write a postcard in Japanese.

A : In fact, I wanted to talk more in Japanese. However, after suffering with fever, I couldn't do as I've wanted because my memory seemed to be wiped out. I am constantly studying Japanese and English.-- It doesn't mean that I am planning to go to Hollywood, or I want to become a certain type of actor. I am just doing my best.


Q : In the event for Animation WLS, you made an interesting response when Lee Yong Yu, who played the role of a child called you 'uncle'. Are you actually sensitive to that name? (laugh)

A : Really, I don't care of such name. Yong Yu is now 12 and it is natural for her to call me uncle. I made such response to make the audience happy. You reporters liked it and wrote about it, too, didn't you? (laugh) Anyway, I am not afraid of getting old. On the contrary, I have wanted to get older since I was in my twenties. I wanted to see my future. That age is a hard period to everyone, isn't it? Going through all that, now I can see what I couldn't see before, and I can think in the way I couldn't. I am happy that I am getting better little by little.


Q : You bought Digital Adventure, a Japanese corporation. Why?

A : That's the decision of the company, not mine. I once was interested in business, but now I am really not interested in it. I've concluded that business is not my way because I can't afford the constraints that it brings me. There are many things that I want to do instead. I don't know how long I will stay as an actor. After that, I would like to become a farmer, then a photographer, and then a ceramic artist.


Q : The information about BYJ as a natural human being is very limited. Can you tell us about your everyday life?

A : I don't attempt to be a mystical being. It is the reporters who gave me such image, not me. Basically, I was very shy since I was a little boy, and usually stayed at home reading books. I still stay at home if I don't have works to do outside. I wake up at 7-8 o'clock in the morning. If I stayed up late last night, I wake up at 10-11 o'clock. Then I drink a cup of tea and exercise for about an hour. After taking a shower, I read books or do other things. As I've bought lots of wine after I've become interested in winery, there are many wine boxes in my house. I piled them up and made a bookshelf. I wanted to put the photo of that bookshelf in my book, but I was short of time. Behind that bookshelf, there is a workpIace for lacquer painting and a spin for ceramic art. I practice both arts there.


Q : People think that BYJ has everything. What do you think you are lacking?

A : What I need is a wife, what I lack is my freedom. (laugh) As I've wrote in my book, I think one must gain [i.e. learn] much in order to discard much when you go through the Moo Moon Kwan*. One day, when I was contemplating on this subject at home, I felt that the furnitures were the owner of the space, not me. That moment I thought, 'someday I should get rid of these things. I should reduce my possessions.' The time might come earlier than I expect. We don't become happier by having more, do we? I think we can stay happier when we live in a more simple way... when we feel something is missing. Nowadays, I am exercising on discarding things. (laugh)


[Note * In p. 366 of 'the beauty of Korea', YJ wrote.
I once planned that if I build a Korean traditional house, I would go in there with lots of books, lock the door up, and study there for a long time. However, the surprising thing is, the Moo Moon Kwan requires one to go in without anything. No books, no belongings, just your body. I was disappointed. What shall I do without my books? I felt that I have a long way to go to reach that level. I have to learn more to discard myself.]

[ * Moo Moon Kwan, 무문관, 無門關
It is a book written in Song Dynasty(China) by a monk named Jong So(종소, 宗紹), who recorded the preaches of his master Moo Moon Hye Gae (무문혜개,無門嵆開). The full name of this book is SeonJong Moo Moon Kwan 선종무문관(禪宗無門關)
It contains 48 major themes that is important in Zen buddhism.
The meaning of '無(none)' does not mean the opposite of '有(being, existence)'. The '無' means the absolute level of recognition that one could reach... one does not even discriminate '無' and '有' if he/ she reaches there. The major theme of this book is the pursuance of that '無'.

* In many cases, 무문관 also means studying hard in a temple to reach the level described above. YJ used this word in this meaning.]


Q : I think it's time to talk about your marriage. When do you think you will get married?

A : Once I spoke I might get married within three years. My grandmother has mistaken it as three months and asked me 3 months later 'why aren't you getting married?' Now there is only one year left. I ask people around me to help me get married and I try to make a chance, but it is hard to meet somebody because of my circumstance. Anyway, I have to get married, no, I feel I need to get married and I think it would be nice to get married, but who might volunteer to be a wife of a farmer? (laugh)


Q : I've heard that Mrs Lee Hyo Jae is going to introduce you a good bride.(laugh)

A : I've learned how to do household work from Mrs. LHJ. I've thought that my future wife will like me if I learn such things, but people tell me the opposite way. They tease me that it would make me more difficult to get married. Who would marry a man who learned of keeping house from Lee Hyo Jae? That would make my wife even more tired. (laugh)


Q : Doesn't the staffs of BOF advice you about marriage?

A : Even though I am not married yet, I often advice them about married life. (laugh) I tell them that once a man gets married, one must be responsible and take one's family as his first priority. You know, some people stay late at the office even though they don't have much work to do. They call their wife and say that they have work to do. I tell them to do the work in time and go home early, to watch watch movies and read books with their wives. I try not to make phone calls to them after 8-9pm.


Q : You've kept your long hair for quite a while and you recently cut it short. Was there any reason? I've also heard that you wanted to make a brush with your hair.

A : Yes, I felt really sorry to cut my hair. Of course it is easier to wash and dry, and it is good to save water and shampoo. I liked the feeling when my hair was tied up. However, many people wanted me to cut my hair. As you know, I have to think of others. So I had my hair cut. I think people prefer my new hair style. (laugh) Oh, brushes used in lacquer painting are made of human hair. I wanted to make brushes with my hair and share them with my teacher, but I was so sick when I cut my hair that I forgot about it. There will be another chance, as my hair will grow again.


Q : Is there any meaning with the ring that you are wearing all the time?

A : Isn't it nice? I've worn it for quite a long time, and eventually it became a part of me. When I once left this ring at home I felt unwell that day. (laugh) Now I feel something is missing if I don't wear this ring.


Q : Do you think much about your style?

A : I just wear as I am told to. Of course I sometimes tell my opinion to my stylists, but they just don't care what I say. (laugh) They were stricter in the past. When I go abroad without them, my stylist displayed the clothes as she wanted, took pictures of them with a polaroid camera, and put the photos in my bag. She told me to wear exactly the same way. Frankly speaking, I don't like to be bothered with things I wear. I even feel embarrassed when someone buys me separate items such as one suit, or one trousers. I like them to be hung on my closet as a match so that I can wear them right away. (laugh)


Q : Tell us about what you are planning, and give some words to your fans.

A : I've opened up many part of my thoughts and the way I've changed throughout my book, but I think the most important thing is to come back as an actor.
My Family would want it, and I feel I can express the change within myself through my act. I am eager to read many scenarios. It might help me stop thinking about other things. (laugh)


No comments:

Post a Comment

Note: Only a member of this blog may post a comment.