Showing posts with label Roytavan's Articles. Show all posts
Showing posts with label Roytavan's Articles. Show all posts

14.6.10

[VOD & Article] The Legend of "Greensleeves" music score in "Shakespeare in Love" Movie.



[Article] The Legend of "Lady Greensleeves" music score in "Shakespeare in Love" Movie.

Greensleeves เป็นเพลงพื้นบ้านอังกฤษ ปรากฏมาตั้งแต่สมัยปลายคริสศตวรรษที่ 16 ถึงต้น คริสศตวรรษที่ 17 เชื่อกันว่าเพลงนี้เป็นเพลงพระราชนิพนธ์ในพระเจ้าเฮนรีที่แปด ซึ่งพระราชนทานให้แด่พระสนมที่มีนามว่า Anne Boleyn

Greensleeves... ชื่อเพลงที่ฟังแล้วหลายคนอดนึกถึงแขนเสื้อสีเขียวไม่ได้ ความเขียวของเพลงนี้ขจีอยู่ในหัวใจคนฟังมากว่า 400 ปี นับตั้งแต่รัชสมัยพระเจ้าเฮนรีที่แปดของอังกฤษนั่นแน่ะ บุรุษอ้วนล่ำกำยำใหญ่ผู้นี้ เป็นพระเจ้าแผ่นดินที่มีผู้รู้จักมากที่สุดในโลกพระองค์หนึ่ง เพราะเป็นคิงประเภท "Two In One" เหมือนแชมพูสระผมผสมคอนดิชันเนอร์ คือ ดีสุดกับร้ายสุด

พระเจ้าเฮนรี (ค.ศ.1491-1547) ทรงเป็นกษัตริย์ที่เฉลียวฉลาด และทรงพระปรีชาสามารถมากที่สุดองค์หนึ่งของราชอาณาจักรอังกฤษ เป็นเหตุให้อังกฤษรุ่งเรืองตลอดรัชสมัยยาวนานเกือบ 40 ปี แต่ความร้ายกาจ ความเอาแต่พระทัย ก็ทำให้ใครต่อใครรอบข้าง รวมทั้งพระมเหสี ต้องคอยๆ จับคอตัวเองไว้ ระวังไม่ให้ถูกตัดหรือถูกแขวนไปง่ายๆ ตามพระราชอัธยาศัย อย่างหนึ่งที่พระเจ้าเฮนรีทรงมีพระปรีชามากชนิดที่คนทั่วๆ ไปคาดไม่ถึง คือ เรื่องดนตรี ทรงเป็นทั้งนักดนตรีที่เก่งกาจ และทรงพระราชนิพนธ์เพลงเองด้วย

เพลง Greensleeves นี้ก็เป็นหนึ่งในเพลงพระราชนิพนธ์ แต่เป็นการแต่งแบบไม่ประสงค์จะออกพระนาม คนในเท่านั้นจึงจะรู้กัน มีผู้เอ่ยถึงในจดหมายส่วนตัว แต่ไม่มีการยืนยันเป็นทางการ คงเป็นเพราะการแต่งเพลง "ป๊อป" สมัยนั้นไม่ใช่เรื่องน่าชื่นชม เพลงชาวบ้านอย่าง Greensleeves นี้คงต้อยต่ำเกินไปกว่าที่พระเจ้าแผ่นดินจะออกมาประกาศกับใครๆ ว่าเป็นพระราชนิพนธ์ ถึงกระนั้นก็น่าเชื่อว่า คิงใจร้ายพระองค์นี้คงแอบพอพระทัย เมื่อใดที่เห็นผู้คนในแผ่นดินเต้นรำอย่างมีความสุขไปกับทำนองเพลงนี้ ซึ่งมีหลักฐานว่า เวลาบรรเลงเป็นเพลงเต้นรำ จะคึกคัก สนุกสนาน ไม่ได้เนิบนาบและโศกศัลย์อย่างที่เรามักได้ยินกันในปัจจุบัน

เมื่อพระเจ้าเฮนรีที่แปดสวรรคตไปแล้วถึง 33 ปี จึงมีการตีพิมพ์เนื้อร้องครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.1580 ซึ่งตรงกับรัชสมัยของพระธิดา คือ พระนางเจ้าอลิซาเบธที่หนึ่ง หากพลิกไปดูประวัติศาสตร์ หรือเอาง่ายๆ แค่ดูภาพยนตร์เรื่อง "Elizabeth I" จะเห็นว่า เมื่อครั้งเจ้าฟ้าหญิงอลิซาเบธมีพระชนม์ได้ไม่กี่พรรษา พระเจ้าเฮนรีก็ทรงสั่งบั่นพระเศียรของพระมารดา คือ ควีนแอนน์ โบลีน เสีย แต่ The Virgin Queen หรือ "ราชินีนิรมล" รายนี้ก็ยังทรงรักและบูชาพระราชบิดาเป็นที่สุด จึงไม่น่าแปลกใจที่มีการบันทึกว่า เพลงที่ทรงโปรดมากคือ "My Lady Greene Sleeves" ที่เรียกกันสั้นๆ ว่า 'Greensleeves' เพลงพระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระราชบิดา



คนชอบเพลงนี้อีกรายหนึ่ง เป็นพสกนิกรของราชินีนิรมล ซึ่งมีชื่อเป็นที่รู้จักกันไปรอบโลกว่า "วิลเลียม เช็คสเปียร์" ซี่งเกิดมาในรัชสมัยของควีนอลิซาเบธที่หนึ่ง แล้วใช้ชีวิตร่วม 40 ปีแรกในรัชกาลนี้ ซึ่งถือกันว่าเป็นยุคทองของวรรณคดีและการศึกษาค้นพบสิ่งใหม่ๆ ในอังกฤษ สำหรับท่านที่ได้ดูภาพยนตร์เรื่อง "Shakespeare in Love" จะได้ยินเพลง "Greensleeves" นี้ด้วย เพราะนี่เป็นเพลงโปรดของท่านมหากวี คนสร้างาพยนตร์จึงต้องใส่ไว้ หาไม่จะถือว่าขาดตกบกพร่อง บรรดาแฟนเช็กสเปียร์ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นพวกคุณละเอียดถี่ถ้วน จนค่อนไปทางหยุมหยิม อาจจะออกมาตีอกชกหัวว่าทำได้ไม่ถูกใจ...


William Shakespeare

บทอ้างอิง :
ท่านเช็กสเปียร์เขียนไว้ว่า Greensleeves เป็นเพลงที่ "ป๊อป" ที่สุดในยุคของท่าน

ตอนหนึ่งในบทละครชวนหัวเรื่อง The Merry Wives of Windsor ตัวละครที่ชื่อว่า Falstaff ซึ่งเป็นตาอ้วน ตะกละ ขี้โม้ ขี้เมา แต่ฉลาด มีไหวพริบ และ "ตลกร้าย" อย่างที่คนดูไม่มีวันลืม เป็นคนพูดไว้ว่า

"Let the sky-thunder to the tune of Greensleeves." อืมมม...เรียกว่าฮิตขนาดฟ้าลั่นเห็นจะพอไหว

Greensleeves ฮิตต่อเนื่องมาเรื่อยนับร้อยๆ ปี เผยแผ่แพร่ขยายไปสู่หูนักฟังรอบโลก เวลาผ่านไปก็มีคนนำไปใส่เนื้อร้องต่างๆ ตามแต่ใจชอบ แต่อีกเนื้อร้องหนึ่งที่คนฟังรู้จักกันดีคือเพลงคริสต์มาสที่ชื่อว่า What Child Is This?

ทุกครั้งที่ฟัง Greensleeves อดนึกสงสัยไม่ได้ว่า เพลงป๊อปที่ว่าฮิตกันนักหนาทุกวันนี้ มีสักกี่เพลงหนอที่จะยืนหยัดอยู่ได้สี่ซ้าห้าร้อยปีอย่าง Lady Greene Sleeves ที่แสนสวยคนนี้

*นสพ.มติชน ๖ พค.๒๕๕๐ คอลัมน์ CD-D มีอดีต
โดย ศุภาศิริ สุพรรณเภสัช...



Greensleeves : Brothers Four
Song Lyric

Alas, my love, you do me wrong
To cast me off discourteously
For I have courted you so long
Delighting in your company.

Greensleeves was all my joy
Greensleeves was my delight
Greensleeves my heart of gold
And who but my lady greensleeves.

So, Greensleeves out there, well ado
Made your fortune cross the sea
For I am still thy lover true
Oh, come once again and love me.

Greensleeves was all my joy
Greensleeves was my delight
Greensleeves was my heart of gold
And who but my lady greensleeves...

Greensleeves - Brothers Four : mp3. Download






The Legend of "Greensleeves" :

"Greensleeves" is a traditional English folk song and tune, a ground of the form called a romanesca. A broadside ballad by this name was registered at the London Stationer's Company in 1580 as "A New Northern Dittye of the Lady Greene Sleeves". It then appears in the surviving A Handful of Pleasant Delights (1584) as "A New Courtly Sonnet of the Lady Green Sleeves. To the new tune of Green sleeves."

The tune is found in several late 16th century and early 17th century sources, such as Ballet's MS Lute Book and Het Luitboek van Thysius, as well as various manuscripts preserved in the Cambridge University libraries.


Queen Consort : Anne Boleyn

Greensleeves and Henry VIII :
There is a persistent belief that Greensleeves was composed by Henry VIII for his lover and future queen consort Anne Boleyn. Boleyn allegedly rejected King Henry's attempts to seduce her and this rejection may be referred to in the song when the writer's love "cast me off discourteously". However, Henry did not compose "Greensleeves", which is probably Elizabethan in origin and is based on an Italian style of composition that did not reach England until after his death.


King Henry VIII of the Great Britain

Anymore for "Greensleeves"
“Greensleeves”, an old song be inside listener’s hearts for more 400 years ago, since the reign of King Henry VIII of the Great Britain, a very famous King of the world.

His Majesty King Henry (1491-1547) was a smart king of England, he led the kingdom glorious for 40 years long. On the other hand, H.M. King Henry was a harmful and self willed person, made the people, including Queen had to care neck.

However, H.M. King Henry had ability of music as nobody expected. He was a great musician player and composed the song by himself. And “Greensleeves” is also a royal song composed by H.M. But he hid the composer name, only inside knew that.

It may say that at that time the pop song may not so appreciated, however H.M. the King felt pleased when he saw people dancing happy with his song.

After H.M. King Henry VIII had died for 33 years, the lyric of song was first published in 1580, during the reign of his daughter, Queen Elizabeth I. In the history or story of the movie title “Elizabeth I”, when Princess Elizabeth was child, H.M. King Henry commanded to cut her mother, Queen Anne Boleyn. However, Queen Elizabeth I, or The Virgin Queen, still loved and adored her father so much.

It is not strange if there is recorded that her favorite song was My Lady Greene Sleeves or Greensleeves in short word, her father work. Another famous fan of the song was William Shakespeare. He was also born sand spent his 40 years during the reign of Queen Elizabeth I, the Golden age of Literature and new discovery of England Kingdom.



Who has seen the movie “Shakespeare in Love”, had heard the song Greensleeves too because it was a favorite song of a great poet. If there was nothing, it may be complained by all Shakespeare’s fan. Shakespeare had written that Greensleeves was the most popular song of the period. One scene of humor drama titled “The Merry Wives of Windsor”, there was an actor named Falstaff, fat, greedy, talkative and drunk man, but smart, cleverness and dangerous joke, said that "Let the sky-thunder to the tune of Greensleeves".

Greensleeves... was famous continuously for a hundred year, spread to over the world. When the time was passed, its lyric was changed by other people as they desired. A well known one is the Christmas song “What Child Is This?”. Every time when is listening Greensleeves, have thought that how many pop songs which stand till 500 years as Lady Greene Sleeves.



"Shakespeare in Love" Movie Trailer.




17.5.10

[Article] Hanami Festival or Cherry Blossoms Festival in Japan / เทศกาลฮานามิ หรือ เทศกาล “ดอกซากุระบาน”



[Article] Hanami Festival or Cherry Blossoms Festival in Japan
เทศกาลฮานามิ หรือ เทศกาล “ดอกซากุระบาน”
Roytavan : Writer & Translator
Original : http://twssg.blogspot.com/





ซากุระ (桜/ 櫻) ดอกไม้ประจำชาติของญี่ปุ่น

ซากุระ (ภาษาญี่ปุ่น : 桜 หรือ 櫻) เป็นดอกไม้ประจำชาติของประเทศญี่ปุ่น มีถิ่นกำเนิดในจีนตอนใต้ เกาะไต้หวัน หมู่เกาะโอกินาวา ญี่ปุ่น ลักษณะเด่นของซากุระก็คือ เมื่อร่วง จะร่วงพร้อมกันหมด ซากุระจึงเป็นสัญลักษณ์ของเลือดทหารและซามูไรของญี่ปุ่น

มีดอกซากุระในเกาหลี, สหรัฐอเมริกา, แคนาดา, จีน หรือที่อื่นๆ แต่ไม่มีกลิ่น ขณะที่ซากุระของญี่ปุ่นนั้นผู้คนจำนวนมากยกย่องชื่นชมกลิ่นของมัน และมักจะกล่าวฝากไว้ในบทกวี

ดอกซากุระของญี่ปุ่นนี้ ในภาษาอังกฤษมีคำเรียกทั่วไปว่า “cherry blooms” หรือ “cherry blossom” หรือไม่ก็ “Japanese Flowering Cherry” จะบานในช่วงปลายมีนา-ต้นเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ อุณหภูมิเริ่มอุ่นขึ้นจากฤดูหนาวที่หมดไป



ดอกซากุระ ในภาษาญี่ปุ่นนั้น เชื่อกันว่ากร่อนมาจากคำว่า ซะกุยะ (หมายถึง ผลิบาน) อันเป็นชื่อของเจ้าหญิง โคโนฮะนะซะคุยาฮิเม มีศาลบูชาของพระองค์อยู่บนยอดเขาฟูจิด้วย สำหรับพระนามของเจ้าหญิงองค์ดังกล่าวนั้น มีความหมายว่าเจ้าหญิงดอกไม้บาน และเนื่องจากซากุระเป็นดอกไม้ที่นิยมกันมากในญี่ปุ่นสมัยนั้น คำว่าดอกไม้ดังกล่าวจึงหมายถึงดอกซากุระนั่นเอง เจ้าหญิงองค์ดังกล่าวได้รับพระนามเช่นนั้น ก็เพราะมีเรื่องเล่ามาว่าทรงตกจากสวรรค์ มาบนต้นซากุระ ดังนั้น ดอกซากุระจึงถือเป็นตัวแทนของดอกไม้ญี่ปุ่น ขณะที่รัฐบาลประกาศให้ดอกเก็กฮวย (ดอกเบญจมาส) เป็นดอกไม้ประจำชาติ




บทเพลงและปรัชญาที่เกี่ยวกับดอกซากุระ :

ดอกซากุระนอกจากจะเป็นดอกไม้ประจำชาติแล้ว ยังถือเป็นเจ้าแห่งดอกไม้ของญี่ปุ่นอีกด้วย ดอกซากุระจึงถือเป็นสิ่งมงคล เป็นดอกไม้แห่งการเริ่มต้น เพราะดอกซากุระจะเริ่มบานในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่เปรียบเป็นฤดูแห่งการเริ่มต้นหลายๆ อย่าง นับว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความสดชื่น สดใส ดอกซากุระจะอยู่ให้ชืนชมความงามหลังจากบานเต็มที่ประมาณ 7 วันก็จะเริ่มร่วงโรย และช่วงเวลาที่ซากุระร่วงนั้นก็ดูสวยงามไม่แพ้กัน หากแต่เป็นความงดงามอีกแบบหนึ่ง จนมีสำนวนในภาษาญี่ปุ่นกล่าวถึง "ซากุระ 7 วััน" ซึ่งหมายถึงว่า "ความงามนั้นล้วนไม่จีรังยั่งยืน" ซึ่งใช้เป็นข้อเตือนใจได้เป็นอย่างดีของชาวญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังมีความหมายที่แฝงเป็นสัจธรรมในการให้กำลังใจอยู่ด้วย ซึ่งหมายถึง "ทุกสรรพสิ่งล้วนมีการเริ่มต้นได้ใหม่เสมอ แม้ดอกซากุระจะร่วงโรยในปีนี้ แต่ปีหน้าเมื่อถึงฤดูกาลดอกซากุระก็จะกลับมาบานสดใสอีกครั้ง"

ดอกซากุระร่วงโรย ถูกชาวญี่ปุ่นนำไปใช้ในการแสดงละครคาบุกิ หากมีฉากใดที่มีดอกซากุระปรากฏขี้น ฉากนั้นมักจะสื่อความหมายว่าสัญญลักษณ์แห่ง "ความพินาศและความตาย" โดยผูกโยงเรื่องราวการเสียชีวิตของทหารญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เหล่าทหารได้เสียสละและล้มตายในสนามรบราวซากุระร่วง ดังนั้นดอกซากุระจึงถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของ ทหารนักรบและซามูไรชาวญี่ปุ่น อีกด้วย

...บทเพลงที่เกี่ยวกับดอกซากุระ ที่ปรากฎให้เห็นและเป็นที่รู้จักทั่วไปของชาวญี่ปุ่น....

'さくら さくら 野山も里も
見わたす限り
かすみか雲か 朝日ににおう
さくら さくら 花ざかり'

" ซากุระ ซากุระ จะในป่าเขา จะในหมู่บ้าน
ไกลสุดแลเห็น
คล้ายเมฆหมอก กลิ่นกรุ่นรับอรุณฉาย
ซากุระ ซากุระ ผลิดอกบาน"




"เทศกาลฮานามิ" หรือ "เทศกาลดอกซากุระบาน" :

เทศกาลชมดอกไม้หรือที่เรียกว่า "ฮานามิ (Hanami)" (ฮานะ แปลว่า ดอกไม้ ส่วน มิ แปลว่า ดู) ในภาษาญี่ปุ่นจริงๆแล้วหมายถึง การชมดอกไม้ (ไม่ได้ระบุว่าเป็นดอกไม้ชนิดไหน) แต่ชาวญี่ปุ่นจะนิยมชมดอกซากุระกันมากกว่าดอกไม้อื่น ที่สำคัญดอกไม้ประจำชาติพันธุ์นี้บานแค่ปีละครั้ง ครั้งละประมาณหนึ่งอาทิตย์ผูู้้คนก็เลยถือโอกาสนี้เป็นเทศกาลชมดอกซากุระ พร้อมกับสังสรรค์ประจำปีกันไปเลย และที่สำคัญคือ ดอกซากุระที่ประเทศญี่ปุ่นจะเริ่มบานจากส่วนล่างของประเทศก่อน เริ่มจากหมู่เกาะโอกินาว่า ซึ่งจะบานตั้งแต่เดือนมกราคม บานเรื่อยมาจนถึงโอซาก้า เกียวโต นาโงย่า โตเกียว และจะบานที่ฮอคไกโดราวเดือนพฤษภาคม



เทศกาลฮานามิ หรือ เทศกาล “ดอกซากุระบาน” มีมายาวนานนับพันปีในประเทศญี่ปุ่น และมีการเฉลิมฉลองโดยทั่วกัน ตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม ถึงปลาย เดือนเมษายน เพื่อต้อนรับฤดูใบไม้ผลิและช่วงเวลาสั้นๆ ที่ดอกซากุระบานสะพรั่ง ซึ่งชาวญี่ปุ่นถือเป็นสัญลักษณ์ของวัฏจักรชีวิต เทศกาลดังกล่าวเป็นเวลา แห่งการเฉลิมฉลองอย่างรื่นเริงใต้ต้นซากุระ(ฮานามิ) ถือเป็นวัฒนธรรม สืบทอดที่ครอบครัวและญาติมิตรจะมาร่วมปิคนิค ร้องเพลงเต้นรำ สวมเครื่องแต่งกายหลากสีและหน้ากาก อย่างสนุกสนานครื้นเครง เพื่อชื่นชมความสวยงามของธรรมชาติ จนกลายมาเป็นวิถีการดำเนินชีวิตของชาวญี่ปุ่น



ประวัติความเป็นมาของ "เทศกาลฮานามิ" หรือ "เทศกาลดอกซากุระบาน" :

เทศกาลงานชมดอกซากุระของญี่ปุ่นนี้นับว่ามีชื่อ เสียงเป็นอย่างมากเท่าที่เราได้รู้กันมา เพราะนอกจากที่เราจะได้เห็นดอกซากุระที่สวย งามในงานแล้ว ยังจะได้เห็นชาวญี่ปุ่นนำข้าวปลาอาหาร รวมทั้งสุราพื้นเมืองอย่างเหล้าสาเกและเครื่องดื่มต่าง ๆ มาร่วมกันฉลองด้วยการนำเอาเสื่อออกมาปูเพื่อนั่งเล่นและสังสรรกันอยู่ที่ใต้ต้นดอกซากุระซึ่งกำลังออกดอกเบ่งบานสะพรั่งอยู่ทุกต้น และในงานนี้ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ก็จะร้องรำทำเพลงกันอย่างสนุกสนาน...เมื่อครั้งโบราณนั้นมีเรื่องเล่าต่อกันมาว่า ในสมัย "นารา" จะมีแค่เทศการงานชมดอกท้อกันเท่านั้น แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านมาถึงในสมัย "เฮอัน " ก็เกิด เปลี่ยนแปลงกลายมาเป็นเทศกาลชมดอกซากุระไปโดยไม่มีสาเหตุ



ผู้สัดทัดกรณีที่ได้ศึกษาถึงต้นตอและที่มาของ เทศการชมดอกซากุระได้กล่าวไว้ว่า...แต่ดั้งเดิมทีเดียวนั้นเทศการงานชมดอกไม้หรือดอก ซากุระนี้ได้มีเริ่มต้นขึ้นมาจากการที่พวกชาวนาและชาวไร่ผู้ที่เป็นกระดูกสันหลังของชาติ ทั้งหลายนั้น ซึ่งในทุก ๆ ปีก่อนที่จะลงกล้าใหม่หรือต้นข้าวออ่นที่ในไร่ พวกเขาจะต้องจัด ทำพิธีบวงสรวงและขอขมากับเจ้าที่เจ้าทางเสียก่อน พิธีบวงสรวงนี้มีชื่อเรียกกัน ว่า "ซากุระโนะ ซาว่า " (เจ้าที่นาข้าว) เพราะพวกชาวนาในสมัยก่อนนั้นเชื่อถือกันต่อ ๆ มา ว่าในที่ไหนที่มีต้นซากุระที่นั้นย่อมเป็นที่สิงสถิตของเจ้าที่เจ้าทาง



ดังนั้นจึงเกิดการบูชา เจ้าที่ด้วยการปูเสื่อแล้ววางเครื่องเส้นบูชากันขึ้นไว้ที่ใต้ต้นซากุระทุกรายไป และในระหว่าง ที่พวกเขาทั้งหลายรอเวลาในกำหนดที่ให้เจ้าที่ได้กินเครื่องเส้นสังเวยอยู่นั้น จึงเป็นช่วงเวลาที่ว่าง มากพวกเขาทั้งหลายจึงพร้อมใจกันใช้เวลาเหล่านั้นให้เป็นประโยชน์ด้วยการที่จะไปนั่งรวม กลุ่มสังสรรและชมดอกซากุระไปด้วยในตัว ความเป็นมาว่าเป็นอย่างนี้นี่เอง ที่เป็นจุดหรือสาเหตุ ที่ทำให้เกิดการชมดอกไม้หรือดอกซากุระกันขึ้นมา และได้ทำสืบทอดกันต่อ ๆ มาจนมาถึงในปัจจุบันนี้นั่นเอง



เทศกาลการชมดอกซากุระที่ได้เกิดขึ้นมาในสมัย" เฮอัน " ตามที่ได้เล่ามาในตอนต้นนั้น เล่ากันว่าจะกระทำกันก็แต่เฉพาะในหมู่ของพวกขุนนางชั้นสูงและพวกผู้ดีเก่า ๆ เท่านั้น ในทุก ๆ ปี ขณะที่ดอกซากุระกำลังเบ่งบานเต็มที่ในเดือน 4 ( เมษายน )ของทุก ๆ ปี ซึ่ง จะอยู่ในขณะที่เป็นช่วงของฤดูใบไม้ผลิซึ่งเป็นฤดูที่มีอากาศดีที่สุดในรอบปีคือจะไม่ร้อน และก็จะไม่หนาวโดยจะมีอุณหภูมิประมาณ15-20 องศา พวกขุนนางชั้นสูงกับพวกผู้ดีที่ว่า มานี้ ส่วนมากก็จะสนุกสนานและรื่นรมกับการชมดอกซากุระ และในช่วงนั้นพวกเขาก็จะ กำหนดให้มีงานการประกวดประขันการแต่งกลอนซึ่งมีชื่อเรียกว่า "ไฮคุ" เป็นการแต่งกลอนผสมสระซึ่งกลอนผสมสระ



"ไฮคุ" นี้ ในปัจจุบันก็ยังคงมีใช้กันอยู่ตาม โรงเรียนต่าง ๆ ซึ่งจะยังมีการสอนวิธีการแต่งกลอนผสมสระ "ไฮคุ" นี้กันอยู่ แต่แล้วไม่นานหลังจากนั้นเทศการชมดอกซากุระก็ได้ถูกนำมาทำเลียนแบบขึ้นโดยพวก ซามูไร,นักรบและพวกสนมกำนัลที่อยู่ในราชวังไปโดยปริยาย ว่ากันว่าพิธีการชมดอกซากุระ ในรุ่นนี้นั้นจะเป็นการนั่งรวมกลุ่มสังสรรรับประทานอาหารและรวมถึงการร้องรำทำเพลงกัน อย่างสนุกสนาน เรียกว่าการชมดอกซากุระในครั้งนี้นั้นดูเหมือนว่าจะเอิกเกริกและฟู่ฟ่าขึ้น อย่างมากจนมองดูผิดหูผิดตากับตอนแรก ๆ อย่างมากเลยทีเดียว



ภายหลังต่อมาเทศการชมดอกซากุระก็ได้แพร่กระจายออกมาสู่นอกเมือง และกระจายออก มาเรื่อย ๆ จนระบาดออกมาจนถึงในหมู่ของคนชั้นธรรมดาที่อยู่ในหมู่บ้านนอกเมือง ไกล ๆ อีกด้วย จะมีการตั้งกลุ่มสังสรรกันอย่างสนุกสนาน มีการรับประทานอาหารร้อง รำทำเพลงแล้วยังรวมถึงขนาดว่ามีการดื่มเหล้าสาเกเมามายกันอีกต่างหากอีกด้วย ซึ่งการกระทำ นั้นก็ดูเหมือนว่าคงจะคล้าย ๆ และคิดว่าคงไม่ต่างไปกับการกระทำของคนญี่ปุ่นในสมัยปัจจุบัน ที่พวกเราได้เห็นได้รู้กันมากที่สุดนั่นเอง.




ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการชมดอกซากุระ(Cherry Blossoms) :


เริ่มตั้งแต่เดือน มกราคม ไปจนถึง พฤษภาคม ของทุกปี ขึ้นอยู่กับพื้นที่ การบานของดอกซากุระจะขึ้นอยู่กับสภาพภูมิอากาศ ไม่ใช่ว่าที่ไหนหรือเวลาไหนก็บานได้ โดยปกติแล้วจะเป็นช่วงเวลาที่อากาศกำลังเย็นสบาย ไม่หนาวหรือร้อนจนเกินไป ซึ่งมักจะเป็นช่วงคาบเกี่ยวระหว่างฤดูหนาวกับฤดูใบไม้ผลินั่นเอง และเนื่องจากประเทศญี่ปุ่นวางในแนวตั้ง ดังนั้นฤดูกาลของญี่ปุ่นจากหนาวสู่ร้อน จึงเริ่มที่ส่วนล่างของประเทศก่อนจากหมู่เกาะโอกินาว่า ซึ่งจะบานตั้งแต่เดือนมกราคมเลย เรื่อยมาจนถึงโอซาก้า เกียวโต นาโงย่า โตเกียว และจะบานเป็นที่สุดท้ายที่ฮอคไกโดราวเดือนพฤษภาคม โดยดอกซากุระจะบานเพียงช่วงสั้นๆ นับจากวันที่เริ่มผลิดอก จนถึงวันที่ ดอกบานสะพรั่งที่สุด รวมแล้วประมาณ 7 วันเท่านั้น และหลังจากนั้นก็จะร่วงโรยไปทันที



นอกจากนี้สภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย พายุ ฝนตกหนัก หรือลมกรรโชกแรง ก็ส่งผลให้ระยะเวลาที่ดอกซากุระบานลดลงได้ หรือหากทีไหนฤดูกาลแปรปรวน (เช่น ฤดูหนาวยาวนานกว่าปกติ) ซากุระก็จะเลื่อนเวลาบานออกไปเช่นกัน แล้วไม่ใช่ว่าในท้องที่หรือเมืองเดียวกัน ซากุระจะบานสะพรั่งพร้อมกัน เพราะต้นไหนอยู่ในที่ร่มก็จะบานช้ากว่าต้นที่อยู่กลางแจ้งอีกด้วย



สถานที่แนะนำในการชมดอกซากุระ :

เมืองโตเกียว(Tokyo) สวนสาธารณะอุเอะโนะ(Ueno Park) สวนสาธารณะชินจูกุเกียวเอน(Shinjuku Gyoen) ชิโดริกาฟุจิ(Chidorigafuchi) สวนสาธารณะสุมิดะ(Sumida Park) สุสานโอยามะ(Aoyama Cemetery) สวนพฤกษศาสตร์โคอิชิคาวะ(Koishikawa Botanical Garden) สวนสาธารณะอิโนคาชิระ(Inokashira Park)

เมืองโยโกฮาม่า(Yokohama) สวนสาธารณะคามอนยาม่า(Kamonyama Park) สวนซังเคเอ็น (SAnkeien)

เมืองคามาคุระ(Kamakura) ดันคาสุระ(Dankazura)

เมืองนาโงย่า(Nagoya) ปราสาทนาโงย่า (Nagoya Castle)

เมืองเกียวโต(Kyoto) สวนสาธารณะมารุยาม่า (Maruyama Park) เส้นทางนักปราชญ์(Philosopher’s Trail) ศาลเจ้าเฮอัน(Heian Shrine) อาราชิยาม่า(Arashiyama) ริมแม่น้ำกาโม่(Kamogawa) วัดไดโกจิ(Daigoji) ศาลเจ้าฮิราโน่(Hirano Shrine) คลองโอคาซากิ(Okazaki Canal)

เมืองฮิเมจิ(Himeji) ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle)

เมืองอาโอโมริ(Aomori) ปราสาทฮิโรซากิ(Hirosaki Castle)



Hanami Festival or Cherry Blossoms Festival in Japan :

"Sakura or Cherry Blossoms" is the Japan National Flower, Hanami (花見, Hanami? literally "flower viewing") is the Japanese traditional custom of enjoying the beauty of flowers, especially cherry blossoms (桜 or 櫻 sakura). The practice of Hanami is more than a thousand years old, and is still very popular in Japan today. It takes place in the Spring, contrary to the custom of Momijigari (紅葉狩り), which is celebrated in the Autumn.



The blossoms only last for a week or two, usually from March to April, and they are followed by the media and waited for by most of the Japanese people. Full bloom (満開 mankai) usually comes about one week after the opening of the first blossoms (開花 kaika).[1] Another week later, the blooming peak is over and the blossoms are falling from the trees.



A more ancient form of hanami also exists in Japan, which is enjoying the plum blossoms (梅 ume) instead. This kind of hanami is popular among older people, because they are more calm than the sakura parties, which usually involve younger people and can sometimes be very crowded and noisy.



History of "Hanami Festival" or "Cherry Blossoms Festival" in Japan :

The practice of hanami is many centuries old. The custom is said to have started during the Nara Period (710–794) when it was ume blossoms that people admired in the beginning. But by the Heian Period (794–1185), sakura came to attract more attention and hanami was synonymous with sakura.[3] From then on, in tanka and haiku, "flowers" meant "sakura."



Hanami was first used as a term analogous to cherry blossom viewing in the Heian era novel Tale of Genji. Whilst a wisteria viewing party was also described, from this point on the terms "hanami" and "flower party" were only used to describe cherry blossom viewing.



Sakura originally was used to divine that year's harvest as well as announce the rice-planting season. People believed in kami inside the trees and made offerings. Afterwards, they partook of the offering with sake.



Emperor Saga of the Heian Period adopted this practice, and held flower-viewing parties with sake and feasts underneath the blossoming boughs of sakura trees in the Imperial Court in Kyoto. Poems would be written praising the delicate flowers, which were seen as a metaphor for life itself, luminous and beautiful yet fleeting and ephemeral. This was said to be the origin of hanami in Japan.



The custom was originally limited to the elite of the Imperial Court, but soon spread to samurai society and, by the Edo period, to the common people as well. Tokugawa Yoshimune planted areas of cherry blossom trees to encourage this. Under the sakura trees, people had lunch and drank sake in cheerful feasts.



Today, the Japanese people continue the tradition of hanami, gathering in great numbers wherever the flowering trees are found. Thousands of people fill the parks to hold feasts under the flowering trees, and sometimes these parties go on until late at night.



In more than half of Japan, the cherry blossoming period coincides with the beginning of the scholastic and fiscal years, and so welcoming parties are often opened with hanami. The Japanese people continue the tradition of hanami by taking part in the processional walks through the parks. This is a form of retreat for contemplating and renewing their spirits.



The teasing proverb dumplings rather than flowers (花より団子, hana yori dango?) hints at the real priorities for most cherry blossom viewers, meaning that people are more interested in the food and drinks accompanying a hanami party than actually viewing the flowers themselves.(A punning variation, Boys Over Flowers (花より男子, Hana Yori Dango?), is the title of a manga and anime series.)



Dead bodies are buried under the cherry trees! is a popular saying about hanami, after the opening sentence of the 1925 short story "Under the Cherry Trees" by Motojirō Kajii.


Source : http://www.japan-guide.com/ , http://www.wikipedia.com/