25.8.08

BYJ’s Story Episode 1


Hi, all BYJ Family…

Recently, I just realized that we have many new members in our family since TWSSG. And most of you certainly don’t know how BYJ was in his early day. Because this week is his birthday, then I think it’s the perfect time to take all of you back to see him in his early day. I’ve dig into my treasure chest and found these articles (Thanks God!). BYJ himself had written these articles for Daily Sports (Can you remember it, YJ? Don’t look at me like that and don’t talk about our age!). These articles separated into 8 episodes and you’ll know him better episode by episode. Okay, step onto our time machine and sit tight, I’ll take you back 10 years ago…NOW!
เมื่อเร็วๆ นี้ ดิฉันเพิ่งนึกออกว่าเรามีสมาชิกใหม่ในครอบครัวของเรามากมายนับตั้งแต่เรื่อง TWSSG ออกอากาศไป และส่วนใหญ่ก็ไม่เคยรู้เลยว่าเมื่อก่อน BYJ เป็นยังไง เพราะสัปดาห์นี้เป็นวันเกิดของ BYJ ดิฉันจึงคิดว่าน่าจะเป็นโอกาสเหมาะที่จะพาพวกคุณย้อนกลับไปดูวันวานของเขา ดิฉันจึงไปค้นกรุเก่าของดิฉันและโชคดีเหลือเกินที่พบบทความนี้เข้า BYJ เป็นคนเขียนบทความนี้ด้วยตัวเองเพื่อลงใน Daily Sports บทความชุดนี้แบ่งออกเป็นทั้งหมด 8 ตอน คุณจะได้รู้จักตัวตนของเขาดียิ่งขึ้นในแต่ละตอนที่ผ่านสายตาของคุณ เอาล่ะค่ะ ก้าวขึ้นมาบนเครื่องย้อนเวลาของเราเลยนะคะ ดิฉันจะพาคุณย้อนอดีตกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว...เดี๋ยวนี้เลยค่ะ...


Episode 1 : My leg is bandaged with the plaster cast.

Now, I, who have only lived for 25 years, was proposed by Daily Sports newspaper to write "Star Story" serially.The first feeling coming to my mind was at a loss. "Am I qualified to tell the numerous readers about my life story? What do I know about life? And how much I can tell them about my life?"
ตอนนี้ผมซึ่งอยู่บนโลกใบนี้มาได้เพียง 25 ปี ได้รับข้อเสนอจากหนังสือพิมพ์ Daily Sports ให้เขียน "เรื่องราวจากดารา" ความรู้สึกแรกที่แวบเข้ามาในใจของผมก็คือ "ผมมีคุณสมบัติพอแล้วหรือที่จะบอกเล่าเรื่องราวชีวิตของตัวเองให้ผู้อ่านได้รับรู้ ผมรู้เรื่องชีวิตมากแค่ไหนเชียว และผมจะเล่าเรื่องราวชีวิตผมอย่างไรดี"

However, I decided to write the story with my bashful mind at last. Although my life history is not long, lots of people are curious about it. In order to repay for your excessive concerns and satisfy your curiosity, my conclusion is to tell you about my life story, which is nothing special. Though I set up my mind, I still could not start to write. What kind of story should I start with? I look in the mirror, and there are so many thoughts coming up suddenly.
แต่ผมก็ตัดสินใจที่จะเขียนเรื่องราวเหล่านี้ถึงจะหวั่นๆ ก็ตาม ถึงแม้ประวัติชีวิตของผมอาจจะไม่ยาวนัก แต่ก็มีคนมากมายที่อยากรู้ เพื่อเป็นการตอบแทนความห่วงใยอันมากมายของพวกคุณ และทำให้คุณหายสงสัย ผมจึงจะบอกเล่าเรื่องราวชีวิตของผมให้คุณฟัง ซึ่งมันก็ไม่มีอะไรพิเศษนักหรอกครับ ถึงผมจะตัดสินใจได้แล้ว แต่ผมก็ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มเขียนอะไรดี ผมควรเริ่มเรื่องแบบไหนดีล่ะ ผมนั่งมองกระจก แล้วเกิดความคิดขึ้นมากมาย

In the mirror, a pitiable appearance with a plaster cast on my right leg wearing knee trousers and undershirt is reflected. A sigh, "Puyu ~", comes out. Unexpectedly, I feel itches coming from my hip to my back. Damn the heat rashes!! The resentment against myself happens hundreds of times like the resentment against the heat rashes. If I ever achieve what I want to do, it is enough, and I should stop. However, it is too late to say anything now.
ในกระจกปรากฎภาพอันน่าสมเพชของเฝือกที่หุ้มอยู่บนขาข้างขวาของผม ผมสวมกางเกงขาสั้นแค่เข่ากับเสื้อยืด เสียงทอดถอนใจดัง “เฮ้อ” ออกมา แล้วผมก็รู้สึกคันยิบๆ จากสะโพกขึ้นไปที่หลัง คันเป็นบ้าเลย! ผมนึกขุ่นเคืองตัวเองหลายร้อยครั้งพร้อมกับขัดใจกับอาการคันบ้าๆ นี่ ถ้าผมแค่ทำในสิ่งที่อยากทำสำเร็จและพอแค่นั้น ผมควรหยุดอยู่แค่นั้น แต่มันก็สายเกินไปที่จะมาพูดอะไรในตอนนี้

Let's start from the story why I got the heavy plaster cast on my leg. It was on July 18th. I practiced the baseball with my manager, Choi Young-Chan, in the Han riverside in the morning. I was interested in the baseball and thinking about making an amateur baseball club since I was fascinated by Park Chan-Ho, the star in Major Leagues. And I went to the martial arts training center like the previous day.
งั้นมาเริ่มจากเรื่องราวที่ทำให้ผมต้องมาแบกไอ้เฝือกหนักๆ นี่ไว้บนขาของผมก็แล้วกัน มันเป็นวันที่ 18 เดือนกรกฎาคม ผมไปซ้อมเบสบอลกับผู้จัดการของผม Choi Young-Chan ที่ริมแม่น้ำฮันในตอนเช้า ผมสนใจกีฬาเบสบอล และคิดจะตั้งสโมสรเบสบอลสมัครเล่น เพราะชื่นชอบ Park Chan-Ho ดาราจากเมเจอร์ลีก แล้วผมก็ไปที่ศูนย์ฝึกซ้อมการต่อสู้เช่นทุกวัน

In the training center, the performers of martial arts who worked with me in the drama 'First Love' were practicing already. When I practiced with the performers of martial arts, I learned a lot from them. The accident happened after I had almost finished practicing. All of a sudden, I wanted to turn a somersault that is still unskilled after finishing practicing.
ในศูนย์ฝึก นักแสดงคิวบู๊ที่ทำงานร่วมกับผมในละครเรื่อง 'First Love' ฝึกซ้อมกันอยู่แล้ว เวลาที่ผมฝึกซ้อมกับนักแสดงคิวบู๊ ผมได้เรียนรู้จากพวกเขาเยอะเลย อุบัติเหตุเกิดขึ้นหลังจากผมฝึกซ้อมเสร็จแล้ว จู่ๆ ผมก็นึกอยากตีลังกาซึ่งผมยังฝึกไม่คล่อง

"Hey, Mr. Young Chan~ take a look of my somersault, will you?",
I did a jump with a turn in the air and came down on my feet nicely after I called Young-Chan. Everything seemed to be fine. People around were complimenting by saying "you are quite good" and applauding. The feeling of getting the praise from specialists who have played the martial arts for 20 years was wonderful...
"เฮ้ Young Chan ช่วยดูการตีลังกาของฉันหน่อยสิ”
ผมกระโดดกลับตัวกลางอากาศ และลงมายืนได้อย่างสวยงาม ทุกอย่างดูไปได้สวย ผู้คนรอบข้างก็ชื่นชมกันใหญ่ "คุณเก่งเลยล่ะ" และปรบมือให้ ความรู้สึกที่ได้รับคำชมจากผู้เชี่ยวชาญที่เล่นคิวบู๊กันมานาน 20 ปีนั้นวิเศษจัง

"One more time?"
Young-Chan tried to stop my impulse but I though I could do better this time. With high spirit, I did a nice turn but I heard a sound, "Bak". The pain that I had never experienced before hit me really hard. My mouth was open but not even a small sound came out of it. Because of the pain, I was rolling on the ground, and Seo Dae-hyun came running to me.
"ดูอีกครั้งมั้ย"
Young-Chan พยายามจะห้ามความคึกของผมไว้ แต่ผมน่าจะทำได้ดีขึ้นในครั้งนี้ ด้วยใจเต็มร้อย ผมกระโดดกลับตัวอย่างสวยงาม แต่ได้ยินเสียงดังพลั่ก ความเจ็บปวดที่ผมไม่เคยเจอมาก่อนเล่นงานผมเข้าอย่างจัง ผมอ้าปากแต่ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา เพราะความเจ็บปวด ผมนอนบิดตัวอยู่บนพื้น และ Seo Dae-hyun ก็วิ่งเข้ามาหาผม

"Mr. YJ, please bear with the pain."
I didn't know how Dae-hyun did it. The director of the training center treated me with acupuncture, and I heard the setting bone sound twice. After finishing a first-aid treatment, I was taken into a hospital. Both X-ray and CT photographing showed that my right foot was broken and came out of the joint.
“คุณยองจุน ทนเจ็บหน่อยนะ”
ผมไม่รู้ว่า Dae-hyun ทำยังไง ผู้อำนวยการศูนย์ฝึกรักษาผมด้วยการฝังเข็ม และผมได้ยินเสียงกระดูกเข้าที่ดัง 2 ครั้ง หลังจากทำการปฐมพยาบาลเสร็จแล้ว ผมถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาล ทั้งผลเอ็กซเรย์และภาพซีทีสแกนแสดงให้เห็นว่าเท้าขวาของผมหักและหลุดออกจากข้อต่อ

The doctor asked, "who fixed you up so skillfully?". If you did not have the treatment in time, we had no choice but had an operation on your foot...After the swell of my feet went away, and it was about one week, I wore a cast.
คุณหมอถามว่า "ใครจัดกระดูกให้คุณได้ชำนาญขนาดนี้ ถ้าไม่ได้รับการรักษาทันเวลาล่ะก็ เราคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากผ่าตัดเท้าของคุณ” หลังจากที่เท้าของผมหายบวมแล้ว ผมต้องสวมเฝือกอยู่ประมาณ 1 สัปดาห์

The above-mentioned is the whole story of the accident, and now I can stay in my room only in the hottest day of the mid-summer. Hmm~ Later, I recall there were premonitions indicating this accident …It was a very ominous dream and lasted for a week.
ทั้งหมดนั่นก็คือเรื่องราวอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ตอนนี้ผมได้แต่อยู่ในห้องทั้งวันในวันอันร้อนสุดๆ กลางฤดูร้อน ต่อมาผมก็นึกได้ว่ามีลางบอกเหตุว่าจะเกิดเรื่องขึ้น มันเป็นความฝันและฝันแบบนั้นอยู่ทั้งสัปดาห์

In the dream, no one told me that I was dear but I just knew it myself. On the first day, I didn't pay attention to the nightmare after I awoke from it. On the next day, I had the same nightmare again and felt a shiver running through my limb. I didn't want to be troubled all alone from the 3rd day. I didn't tell my parents about it since they would worry about me but I disclosed the truth to my managers, Dae-ok and Young-Chan. I spoke it as a joke so those two took it as joke, too.
ในความฝัน ไม่มีใครบอกว่าผมตายไปแล้ว แต่ผมรู้ได้ด้วยตัวเอง ในวันแรกผมไม่ได้สนใจฝันร้ายนี้หลังจากตื่นขึ้นมา วันต่อมาผมก็ฝันร้ายแบบเดิมอีก และรู้สึกสั่นไปทั้งตัว เมื่อถึงวันที่ 3 ผมไม่อยากเก็บไว้คนเดียวอีกแล้ว ผมไม่ได้บอกพ่อแม่เพราะพวกท่านจะเป็นห่วง แต่ผมเล่าให้ผู้จัดการของผมฟัง Dae-ok กับ Young-Chan ผมพูดแบบติดตลก ทั้ง 2 คนเลยพลอยเห็นเป็นเรื่องตลกไปด้วย

" What if I die, Dae-ok?"
"Joon, write down your last will and remember to leave me something."
"ถ้าฉันตายล่ะ Dae-ok"
"อาจุน นายก็รีบเขียนพินัยกรรมซะสิ และอย่าลืมยกอะไรไว้ให้ฉันบ้างล่ะ"


However, the teasingly mood vanished when I rode in a car. 'Slowly down and drive carefully' often came out from them. Strangely, I had had the same nightmare for a week and it disappeared after the accident.
แต่อารมณ์ล้อเล่นจางหายไปเมื่อผมขับรถ 'ขับช้าๆ และระมัดระวัง' พวกเขาเตือนผมอยู่เสมอ น่าแปลกที่ผมฝันร้ายแบบนั้นอยู่เป็นสัปดาห์ แล้วมันก็หายไปหลังจากที่เกิดอุบัติเหตุ

Whenever I ruminated the terrible dream and looked at my right leg with the plaster cast, I felt rather comfort. I think perhaps that the nightmare and accident are as the revelation to have me to take a hard look of myself, who makes more efforts to train the body than to fulfill the mental need.
เมื่อผมทบทวนความฝันน่ากลัวนั่น และมองดูขาขวาที่เข้าเฝือกไว้ของตัวเอง ผมรู้สึกสบายใจขึ้น ผมคิดว่าบางทีฝันร้ายและอุบัติเหตุอาจเป็นการเตือนผมให้ใส่ใจตัวเองให้มากขึ้น ให้ผมฝึกฝนร่างกายให้ดีเพื่อจะได้ทำตามที่ใจต้องการ

Recently, the most important matter is to read a book and to watch video in my daily work. Among all videos, what impresses me most is 'Back Beatles', which describes the formation, activity and process of Beatles. Also, I'm reading a book called 'The literature and art' that Taewoo, who acted the role of my senior in the drama 'First Love', brought it for me when he visited me in the hospital.
เมื่อเร็วๆ นี้ งานหลักของผมคือการอ่านหนังสือและดูวีดีโอเป็นกิจวัตรประจำวัน ในบรรดาวีดีโอทั้งหมด ที่ผมประทับใจสุดๆ ก็คือ 'Back Beatles’ ซึ่งบรรยายการถือกำเนิด กิจกรรม และขั้นตอนต่างๆ กว่าจะเป็น เดอะ บีตเทิ้ลส์ ผมยังอ่านหนังสือที่ชื่อ 'The literature and art' ที่ Taewoo ซึ่งเล่นเป็นรุ่นพี่ของผมในละครเรื่อง 'First Love' (คนที่เป็นเพื่อนสนิทของชางวุน ที่ตอนหลังเป็นอัยการค่ะ...ผู้แปล) เอามาฝากตอนที่มาเยี่ยมผมที่โรงพยาบาล

Credit : baeyongjune.com
English translated by Hyeon / Edited by Fengyi
Thai Translation by Ladymoon

No comments:

Post a Comment

Note: Only a member of this blog may post a comment.