ย้อนวันวารกับ April Snow
April Snow ซึ่งชื่อเดิมของภาษาเกาหลีคือ ว่า Oechul (Outing) (going out ) การออกไปเที่ยว
เมื่อภาพยนตร์เรื่องนี้ มาฉายที่ประเทศไทย ก็เลย มีชื่อภาษาไทย ทั้งหวานและบาดจิต คนดู คนอ่าน ว่า “ ลิขิต พิศวาส “ หิมะเดือน เมษายน
มีนิตยสาร หรือ หนังสือพิมพ์ ที่บ้านเรา ลงข่าว ภาพยนตร์เรื่องนี้ ทั้งนักวิจารณ์หนัง เขียนถึงมากมายหลาย ตอน หลายฉบับ หลายท่านนักวิจารณ์ พอดี เก็บข้อมูลไว้ เลยขอ นำมาแชร์ ต่อนะคะ
ฉบับ ที่ 20 มิ.ย.2548 p81
เบยองจุน แฟนคลับแห่ไปให้กำลังใจเพียบ !
เบยองจุน แฟนคลับแห่ไปให้กำลังใจเพียบ !
เสิร์ต กว่าจะถ่ายฉากนี้เสร็จ ปาไปเกือบอีกวัน เพราะว่าคนก็เยอะ สถานที่ก็กว้าง คุมอะไรแต่ละอย่างก็แสนยากลำบากยิ่งมีแฟนๆของ เบยองจุน จากประเทศเกาหลี ญี่ปุ่น สิงคโปร์ มาเลเซีย และเมืองไทยที่รู้ว่า เบ ยองจุน มาถ่ายหนังที่นี่ก็ตามมาดูตัวจริงกันเลย มีแฟนคลับหลายคนเหมือนกันที่มั่วเป็นนักแสดงตัวประกอบเข้าไปนั่งใกล้ ๆพี่เบ ตรงอัฒจรรย์ อีก แต่ เบ ยองจุน เองก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะรู้ว่าแฟน ๆอยากใกล้ชิดเขา เบยองจุน ก็ได้แต่ยิ้มและส่งสายตาหวานๆ ให้อยู่เสมอ จนทำให้แฟนคลับสาวที่นั่งข้าง ๆหัวใจแทบละลายไปหมดทุกคน
มีข่าวของซอนเยจินด้วย ที่ p 101 ตัดตอนมานะคะ
หนังใหม่ของเธอเรื่อง April snow คนที่จะเล่นคู่กับเธอในเรื่องนี้ก็คือ เบยองจุน การที่จะหาคนมาเล่นคู่กับ
เบยองจุน นั้นยากมาก กำหนดการในการสร้างหนังเรื่องนี้จึงต้องล่าช้าออกไป การคัดเลือกนักแสดงนั้นลำบากพอสมควร แต่สุดท้ายแล้วซอนเยจินก็ถูกเลือกให้เป็นนางเอก ......................
เนื่องจากว่าเป็นหนังเรื่องใหม่ของ เบยองจุน ผู้สื่อข่าวของญี่ปุ่นรวมทั้งบริษัทหนังต่างๆของญี่ปุ่นจึงให้ความสนใจในหนังเรื่อง April snow เป็นอย่างมาก จึงทำให้ซอนเยจินได้รับความนิยมสูงสุดตามไปด้วยจากทั้งประเทศเกาหลีและหลาย ๆ ประเทศในเอเชีย.........
และที่ p 104-105
ก็มี column เรื่องยงจุนอีก เรื่อง การถ่ายทำ April snow ที่มีกรุ๊ปทัวร์พาลูกทัวร์(ญี่ปุ่น)มาชมการถ่ายทำ เป็นจำนวนมาก เรื่องความรู้สึกของแฟนคลับที่มีต่อยงจุน ความรู้สึกของยงจุนต่อ family การเป็นพรีเซ็นเตอร์ l/g เรื่อง โฮมเพจทางการของยงจุนที่ญี่ปุ่น ถูกพวกแฮกเกอร์เข้ามาเจาะข้อมูล และเรื่อง สึนามิ ที่ยงจุนติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดและบริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย “ มันเป็นความทรงจำที่ค่อนข้างจะเลวร้าย สร้างความทุกข์โศกมหาศาลเหลือเกิน ในแต่ละวันก็ได้ภาวนาอธิษฐานขอให้สภาพจิตใจได้ฟื้นสดชื่นขึ้นมาโดยเร็ว เพราะผมได้รับความรักจากทุกคนในครอบครัวทั่วเอเชีย ครั้งนี้ผมจะขอตอบแทนความรักนั้นกลับไปบ้าง”
..................
ฉบับที่ 22 ส.ค..2548
วันที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา April snow หนังดราม่า แนวรักต้องห้าม เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนชมการถ่ายทำเป็นครั้งแรก สถานที่แน่นขนัดไปด้วยผู้สื่อข่าวมากกว่า 340 คนส่วนใหญ่เป็นนักข่าวจากญี่ปุ่น ทุกกล้องล้วนจับจ้องมาที่ เบยองจุน เพื่อเกาะติดทุกอิริยาบถที่มีฉากหลังเป็นภูเขาและหิมะปกคลุมไปทั่วบริเวณ เป็นบรรยากาศที่สวยงามในช่วงปลายฤดูหนาว สถานที่ต่างๆในบริเวณนี้ ทั้งโรงพยาบาล โรงแรม คอฟฟี่เฮ้าส์หรือร้านอาหารจะเห็นนักข่าวชื่อดังตามสำนักข่าวต่างๆเดินแบกกล้องแทบจะชนกันเป็นว่าเล่นเป็นการยืนยันการันตี ความแรงหนังเรื่องนี้ของ เบยองจุน นอกจากนี้ยังมีแฟน ๆ มารวมตัวกันอัดแบบอัดแน่น ทันทีที่ เบยองจุน ปรากฏตัว นักข่าวก็รีบลงจากรถพร้อมกับพุ่งตัวเข้ามาใกล้ขวัญใจไอดอล ราวกับนัดกันเพื่อตามเก็บภาพในมุมที่สวยงามจนแทบเป็นโกลาหล เบยองจุน ระบายรอยยิ้มพร้อมสาวเท้าเดินต่อไป ฝูงชนทยอยเคลื่อนตัวตามไปด้วย มีเสียงใครคนหนึ่งตะโกนไล่หลังถามว่าในมือที่ถือน่ะ โค๊ก รึเปล่า เบยองจุน ค่อย ๆชูเครื่องดื่มกระป๋องในมือขึ้นแล้วยิ้มก่อนที่จะตอบว่า “กาแฟน่ะครับ” กลุ่มผู้สื่อข่าวติดตาม เบยองจุน มาเป็นขบวนยาวดูราวกับหางว่าว ต่างคนต่างแย่งกันกด ชัตเตอร์อย่างไม่ยั้ง แถม เบยองจุน ก็สุดแสนใจดี ยื่นมือไปทักทายกับทุกคนอย่างเป็นกันเอง
บทสัมภาษณ์ เบยองจุน (ในเว็บ BYJ together เคยมีราบละเอียด คำถามคำตอบมากมาย รวมทั้งรายละเอียดของภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งขณะนี้ คงไม่มีข้อมูลแล้ว)
ถาม ระยะหลังคุณมีโอกาสรับเล่นหนังใหญ่มากน้อยแค่ไหนแล้วทำไมถึงเลือกเล่นเรื่องนี้ มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า
ยงจุน ผมศรัทธาในตัวผู้กำกับเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จริงๆแล้วผมก็ไม่ได้ตั้งใจเปลี่ยนลุคหรือเปลี่ยนคาแรคเตอร์ เพียงแต่อยากลองแสดงหลากหลายบทบาทดูบ้าง โดยเฉพาะเชื่อมือผู้กำกับระดับมือโปร เลยไม่อยากพลาดโอกาสดี ๆนี้ไป
คำถาม ช่วยแนะนำเกี่ยวกับตัวละครสักนิด….
- ตั้งแต่วันเปิดกล้องจนถึงวันนี้การร่วมมือของคุณกับผู้กำกับอยู่ในระดับไหน
- การทำงานร่วมกับซอนเยจินมาสักระยะหนึ่งแล้ว เห็นว่าเธอเป็นอย่างไร
- สมมติว่าในชีวิตจริงเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับคุณเหมือนอย่างในหนังเรื่องนี้ คุณจะทำอย่างไร
- ประทับใจหนังเรื่องนี้ตรงจุดไหน
ขอลอกคำตอบ ข้อสุดทายมาคำตอบเดียวนะคะ
ยงจุน ผมคงบอกไม่ได้หรอกนะ (ยิ้ม) ค่ายหนังสั่งห้ามไว้ห้ามบอกจุดไคลแมกซ์
เอาเป็นว่าฉากที่ผมจำขึ้นใจที่สุดคงเป็นบทที่พูดกับภรรยาที่นอนรักษาตัวอยู่บนเตียง “ผมว่าทางที่ดีคุณควรตายไปเลยดีกว่า” คำพูดนี้ฟังดูรุนแรงจนน่าตกใจ ที่จำได้แม่นก็ไม่ใช่อะไรหรอก ผมโดนเทคไปตั้ง 30 กว่าครั้ง จำไม่ได้ก็แปลกแล้วละ
Maybe you should ‘ ve just died
(ก็ตัวจริงของยงจุนแสนจะอ่อนโยน ให้พูดประโยคแรง ๆ แบบคนใจร้าย ยงจุน เลยต้องเทค เป็นสิบๆ ครั้งน่ะซีจริงไหมคะ )
ถาม ถ้างั้นคุณคงรู้สึกกดดันมากกับการเล่นหนังเรื่องนี้ อีกอย่างแฟนๆ ทั่วเอเชียกำลังรอชมหนังเรื่องนี้ของคุณอยู่นะ
ยงจุน กดดันมากเลยครับ ยิ่งรู้ว่าแฟนๆใจจดใจจ่อรอดูผลงานอยู่ ผมรู้ดีว่า ทุกวันนี้ความสำเร็จมาจากความรักความห่วงใยที่แฟน ๆ หยิบยื่นให้ ถึงอย่างไรผมคงไม่ทำให้แฟนที่สนับสนุนผมมาตลอดเวลาต้องผิดหวังหรอกครับ
ถาม สีหน้าคุณดูอิดโรยมากนะ
ยงจุน ตัวละครนี้หินมาก ผมต้องแสดงออกทางสีหน้าจนเหนื่อย ความดีทั้งหมดนี้ผมขอยกให้ ผู้กำกับ (ยิ้ม)
ที่จริงผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะลดน้ำหนัก ตั้งแต่เล่นหนังเรื่องนี้น้ำหนักผมหายไป 4 ก.ก. ภายใน 1 เดือน
ยงจุน ผมศรัทธาในตัวผู้กำกับเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จริงๆแล้วผมก็ไม่ได้ตั้งใจเปลี่ยนลุคหรือเปลี่ยนคาแรคเตอร์ เพียงแต่อยากลองแสดงหลากหลายบทบาทดูบ้าง โดยเฉพาะเชื่อมือผู้กำกับระดับมือโปร เลยไม่อยากพลาดโอกาสดี ๆนี้ไป
คำถาม ช่วยแนะนำเกี่ยวกับตัวละครสักนิด….
- ตั้งแต่วันเปิดกล้องจนถึงวันนี้การร่วมมือของคุณกับผู้กำกับอยู่ในระดับไหน
- การทำงานร่วมกับซอนเยจินมาสักระยะหนึ่งแล้ว เห็นว่าเธอเป็นอย่างไร
- สมมติว่าในชีวิตจริงเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับคุณเหมือนอย่างในหนังเรื่องนี้ คุณจะทำอย่างไร
- ประทับใจหนังเรื่องนี้ตรงจุดไหน
ขอลอกคำตอบ ข้อสุดทายมาคำตอบเดียวนะคะ
ยงจุน ผมคงบอกไม่ได้หรอกนะ (ยิ้ม) ค่ายหนังสั่งห้ามไว้ห้ามบอกจุดไคลแมกซ์
เอาเป็นว่าฉากที่ผมจำขึ้นใจที่สุดคงเป็นบทที่พูดกับภรรยาที่นอนรักษาตัวอยู่บนเตียง “ผมว่าทางที่ดีคุณควรตายไปเลยดีกว่า” คำพูดนี้ฟังดูรุนแรงจนน่าตกใจ ที่จำได้แม่นก็ไม่ใช่อะไรหรอก ผมโดนเทคไปตั้ง 30 กว่าครั้ง จำไม่ได้ก็แปลกแล้วละ
Maybe you should ‘ ve just died
(ก็ตัวจริงของยงจุนแสนจะอ่อนโยน ให้พูดประโยคแรง ๆ แบบคนใจร้าย ยงจุน เลยต้องเทค เป็นสิบๆ ครั้งน่ะซีจริงไหมคะ )
ถาม ถ้างั้นคุณคงรู้สึกกดดันมากกับการเล่นหนังเรื่องนี้ อีกอย่างแฟนๆ ทั่วเอเชียกำลังรอชมหนังเรื่องนี้ของคุณอยู่นะ
ยงจุน กดดันมากเลยครับ ยิ่งรู้ว่าแฟนๆใจจดใจจ่อรอดูผลงานอยู่ ผมรู้ดีว่า ทุกวันนี้ความสำเร็จมาจากความรักความห่วงใยที่แฟน ๆ หยิบยื่นให้ ถึงอย่างไรผมคงไม่ทำให้แฟนที่สนับสนุนผมมาตลอดเวลาต้องผิดหวังหรอกครับ
ถาม สีหน้าคุณดูอิดโรยมากนะ
ยงจุน ตัวละครนี้หินมาก ผมต้องแสดงออกทางสีหน้าจนเหนื่อย ความดีทั้งหมดนี้ผมขอยกให้ ผู้กำกับ (ยิ้ม)
ที่จริงผมก็ไม่ได้ตั้งใจจะลดน้ำหนัก ตั้งแต่เล่นหนังเรื่องนี้น้ำหนักผมหายไป 4 ก.ก. ภายใน 1 เดือน
ถาม ต่อไปคุณคิดจะพลิกบทบาทอีกหรือเปล่า
ยงจุน ตั้งแต่เข้าวงการมา 10 ปีไม่เคยเกี่ยงบทขอเพียงแค่มีโอกาสให้ผม อย่าลืมว่า ผมเริ่มนับตั้งแต่ศูนย์ กว่าจะเก็บเกี่ยวประสบการณ์มาถึงวันนี้ได้ เพื่อความเป็นนักแสดงมืออาชีพ ผมต้องแสดงเต็มที่อยู่แล้ว
ถาม พูดอะไรกับแฟนหนังที่ให้กำลังใจคุณหน่อยสิ
ยงจุน ผมรู้สึกขอบคุณและซาบซึ้งในน้ำใจแฟน ๆที่ติดตามงานของผมตลอดมา ขอได้โปรดติดตามผลงานที่ผมตั้งใจแสดงเพื่อพวกคุณต่อไป ขอบคุณครับ
นอกจากนี้มีการสัมภาษณ์ นางเอก ผู้กำกับ ฝ่ายต่างๆ เยอะแยะเลย
โดยเฉพาะคำสัมภาษณ์ของผู้กำกับ เฮอร์จินโฮ ว่ารู้สึกอย่างไรกับยงจุน
............................
ฉบับที่ 25 พ.ย.2548 p 57
เนื่องจากขายตั๋วดูหนัง ครบ 40 ล้านใบ บริษัทเลยชวนให้ เบยองจุน มาพบปะแฟนคลับ
ชาวไต้หวัน ดู APS กันแล้ว แค่ดูรู้สึกไม่หนำใจ แฟน ๆเลยอ้อนวอนให้ทางบริษัทเชิญ เบยองจุน
มาไต้หวัน หัวใจมันคำนึงถึงทุกวัน ทุกวัน บริษัทได้ยินเสียงร่ำร้อง แรก ๆ ก็เกือบใจอ่อนแล้วละ แต่จะมาทั้งทีต้องมีอะไรแลกเปลี่ยนกันหน่อย บริษัทเลยบอกว่า ถ้าจำหน่ายตั๋วทุกโรงรวมกันได้เป้าถึง 40 ล้านใบ
ก็จะให้ เบยองจุน มาพบปะกับแฟนๆอย่างแน่นอน ทีแรกคิดว่า 40 ล้านใบ มันคงไม่ง่ายแน่ๆ แต่ที่ไหนได้ ผ่านไปแค่ 2 สัปดาห์ขายได้ถึงเป้าจริงๆด้วย คราวนี้บริษัทเลยต้องทำตามสัญญา …
P 97 เบยองจุน มีน้ำใจ ไม่ถือตัว
มันก็เหมือนกับทุก ๆครั้ง ที่ เบยองจุน เดินทางไปปรากฏตัวในหลาย ๆประเทศ สาวน้อยสาวใหญ่ไม่ว่าจะเป็นฝั่งฮ่องกง ญี่ปุ่น สิงคโปร์ รวมทั้งสาวไทย ก็ไม่เบื่อที่จะบินตามไปให้กำลังใจกันถึงในต่างแดนเหมือนอย่างหนนี้ที่ไต้หวัน
4 ชั่วโมง 7 ล้านห้า
การมาเยือนไต้หวัน 3 วันของ เบยองจุน แฟน ๆ ก็คงได้เห็นรอยยิ้ม และความเป็นกันเองของ เบยองจุน ที่ไม่เคยวางมาดดาราใหญ่ เหมือนเดิม ๆ ในวันที่2 เบยองจุนได้เปิดงานแถลงข่าวให้ผู้สื่อข่าวทุกแขนงสัมภาษณ์ จากนั้นได้เดินทางไปที่สถานีโทรทัศน์ เพื่อร่วมรายการพิเศษ แล้วกลับมาที่พัก เพื่อถ่ายภาพโฆษณา ชั่วระยะเวลา 4 ชั่วโมง เบยองจุน ได้รับค่าตอบแทน 7 ล้านห้าแสนหยวน
เบยองจุน ออกจากสถานีโทรทัศน์ ตงเซิน ตอน 6 โมงครึ่ง ท่ามกลางฝนปรอย ๆ แต่แฟนคลับก็ไม่ยอมถอย ยังคงยืนตากฝนรอจนกว่าจะเห็นหน้า
มีน้ำใจน่าชื่นชม
แม้ว่า เบยองจุนจะเป็น ซูเปอร์สตาร์ ที่มีงานรัดตัวมาก เมื่ออยู่ในฐานะทูตสันถวไมตรีพี่เบก็ไม่ลืมที่จะเจียดรายได้ส่วนตัวส่วนหนึ่งบริจาคให้กับองค์กรช่วยเหลือชนกลุ่มน้อยในไต้หวันเป็นเงิน 1 แสนเหรียญยูเอสสหรัฐ เพื่อสร้างห้องสมุดให้กับเด็กด้อยโอกาส ถือได้ว่าเป็นนักแสดงที่มีน้ำใจมากล้นเป็นที่น่าชื่นชม ในขณะเดียวกัน เบยองจุนได้เดินทางไปโรงพยาบาลว่านฟางเพื่อเยี่ยม Maggie ผู้ก่อตั้งแฟนคลับ เบยองจุนไต้หวัน ที่ล้มป่วยเป็นโรคมะเร็งเป็นการส่วนตัว พี่เบได้เปลี่ยนชุดปลอดเชื้อที่ทางโรงพยาบาลจัดเตรียมไว้ให้ก่อนเข้าเยี่ยมผู้ป่วยในห้องไอซียู และเป็นปรากฏการณ์แรกในระหว่าง 3 วัน ที่อยู่ในไต้หวันที่ได้เห็นใบหน้า
ของ เบยองจุน ที่ปราศจากรอยยิ้มและเคร่งขรึม ระหว่างนั้น เบยองจุน ได้พูดจาปลอบโยนและให้กำลังใจกับญาติผู้ป่วยด้วยน้ำตาคลอเบ้า “ ผมรู้สึกปวดใจเมื่อได้ทราบข่าวนี้ พวกเราเปรียบเสมือนคนในครอบครัวเดียวกัน เมื่อเห็นคนในบ้านเจ็บป่วยโดยที่เราช่วยอะไรมากไม่ได้ ทำให้ผมรู้สึกไม่สบายใจมาก ทำได้แต่เอาใจช่วยและขอภาวนาให้เธอหายป่วยจากโรคร้ายในเร็ววันนี้ “
มีข่าวนี้ ใน news ที่ Quilt 8/21/2005 ติดกัน 2 ข่าวที่เดียวกับ Thai lady แต่ต่างเวลากันที่ 3/23/2004
ส่วนข่าวเรื่องบริจาคเงิน มีรายละเอียดกว่านี้ ที่ news 18/08/05 BYJ gladly donated 100,000 dollar to native Taiwaness ใน 24 hours Tv ก็มีเรื่องรถที่ซื้อโดยเงินบริจาคของยงจุน ที่ญี่ปุ่น นะคะ ข้างรถมีลายเซ็น ยงจุนด้วย
ซิงฮุย บริษัทสร้างภาพยนตร์ในไต้หวัน จัดงาน meet and greet ให้ เบยองจุน ได้พบปะแฟน ๆ โดยจัดแบ่ง เป็น 2 วัน ในเวลาเย็นของวันแรกและวันสุดท้ายก่อนกลับเกาหลีที่สนามกีฬาแห่งชาติ โดยแฟน ๆที่เข้าไปจะต้องชำระค่าผ่านประตู ประมาณ พันหยวน ผู้สื่อข่าวได้ซักถามความเห็นของ เบยองจุน เกี่ยวกับเรื่องที่ทางฝ่ายจัดงานค้ากำไรเกินควร เบยองจุน ชี้แจงด้วยสีหน้าที่ไม่สบายใจนักว่า “เรื่องแบบนี้ผมไม่เคยรู้เรื่องมาก่อน” ไม่ทันที่ เบยองจุน จะพูดขาดคำ ผู้จัดการส่วนตัวรีบพูดแซงขึ้นมาว่า “ เบยองจุนเขาไม่เคยรู้เรื่องด้วย ถ้ามีเรื่องแบบนี้จริง ทางเราต้องขอคุยกับทางซิงฮุย เป็นการด่วน “ ทางค่ายหนังได้ออกมาชี้แจงกับนักข่าวถึงเหตุการณ์ที่เข้าใจผิด “ การเก็บเงิน พันหยวน ก็เพื่อกันไว้สำหรับแขก วีไอพี เท่านั้น หลังจากนั้นทางเราได้คืนเงินส่วนนั้นกับแฟนทุก ๆคน “
คนติดดิน
เบยองจุน นอกจากจะเป็นซูเปอร์สตาร์ที่นิสัยดีแล้ว ยังติดดินมากๆ เบยองจุน ได้ขอร้องทางค่ายหนังพาไปสัมผัสการรับประทานอาหารตามตลาดโต้รุ่ง ค่ำคืนแรกในแถบ ไถเป่ยบนถนนจี๋หลิน อาหารในค่ำคืนนั้น ของ เบยองจุน ได้กินอาหารขึ้นชื่อของไต้หวันอย่างเอร็ดอร่อย
ตามที่ได้คาดหมายไว้ว่า น่าจะมีแฟนของ เบยองจุน มาร่วมงานฉลองวันเกิด ครบรอบ 33 ปี ล่วงหน้าของ เบยองจุน เป็นจำนวนมากถึง 6 พันคน ท้ายที่สุด มีแฟน ๆที่โชคดีได้เข้าคิวไปร่วมแจมโดยไม่ต้องเสียค่าผ่านประตู ประมาณ 2 พันคน และมีโอกาสได้ฟัง เบยองจุน พูดเป็นภาษาจีนกลาง “ ผมไม่อาจลืมวันเวลาแห่งความสุขนี้ได้ ผมรับปากว่าจะกลับมาอีกครั้งอย่างแน่นอน ถ้าโอกาสเอื้ออำนวย “ แค่นี้เสียง เฮ ก็ดังลั่นสนั่นแทบหูแตก
เข้าใจแล้วว่าทำไมหนอ....สาว ๆถึงได้กรี๊ด เบยองจุน กันนักหนา บางคนถึงขนาด หายใจเข้าก็พี่เบ ...หายใจออกก็พี่เบ.......
งานนี้มีแฟนคลับชาวญี่ปุ่นสวมชุดกิโมโน บินมาแจมถึงไต้หวัน แถม มีแฟนคลับวัยดึก นั่งรถเข็นหอบดอกไม้ช่อโต มาให้กำลังใจ เบยองจุน
อ้อ มีรูป แฟนคลับที่โชคดีได้รางวัล แถมยังได้กอด ยงจุน แบบเต็ม ๆ อีกด้วย
P 86-87 เรื่อง ตามรอย April snow
รถคันโปรด ของ เบยองจุน
แฟน ๆมักจะรอคอยอยู่หน้ารถคันนี้เสมอ เป็นคนดังลำบากจังนะ
รถ เรนจ์โรวอร์ ที่พระเอกใช้เข้าฉากพานางเอกไปไหนต่อไหน...ท่วงท่าของผู้ชายหล่อ ๆ เวลาขึ้นรถนี่ก็เป็นภาพที่น่าดูซะด้วย ส่วน รถ ฟอร์ดเอ็กซโพลเรอร์ ที่ เบยองจุน ขับในเรื่อง wls นั้นก็มียอดขายที่ญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นตั้งแต่ละครเริ่มออนแอร์เลย
ร้านดอกไม้ “นารีฮวากอน”
ร้านดอกไม้ที่ตกแต่งหนังเรื่องนี้ให้งดงาม ซึ่งอยู่ติด โรงพยาบาลซัมจ๊อก เบยองจุน เป็นผู้ชายที่เข้ากับดอกไม้ที่สวยงาม การที่ได้ลุ้นว่าเขาจะปรากฏตัวพร้อมกับดอกไม้ชนิดไหนในหนัง ก็เป็นเรื่องสนุกเหมือนกันนะ
พาเลซโฮเตล ที่ยงจุนพักค้างคืน......พาเลซเฮดจ์........โฮเตล (โมเตล) เวทีที่ความรักโลดแล่น ที่พักของบรรดาสต๊าฟด้วย.....คาเฟ่.....และอีกหลาย ๆที่.......ไม่เล่านะคะ
................................................................
ฉบับที่ 26 ธค.2548 p56
Hot Korean gossip
ภาพยนตร์รักโรแมนติกของเกาหลีที่ทุกคนจับตามองอยู่ ตอนนี้คงเป็นเรื่องไหนไปไม่ได้นอกจากเรื่อง April snow .ใคร ๆ ต่างรู้ดีว่า นักแสดงในเรื่องนั้นน่าติดตามมากเพียงใด ไม่ว่าจะเป็นพระเอก เบยองจุนสุดหล่อมาดเนี๊ยบของสาวๆ ทั่วเอเชีย และนางเอก ซอนเยจินที่ครั้งนี้เธอต้องรับบทเลิฟซีนแบบถึงเนื้อถึงตัวกับ เบยองจุน ทีแรกนึกว่าเธอจะเล่นเกร็งๆไม่เป็นธรรมชาติซะอีก ที่ไหนได้......
ซอนเยจิน รู้สึกดีใจค่ะที่มีคนชอบ...............................................
พี่ เบยองจุน เค้าก็เป็นนักแสดงมืออาชีพอยู่แล้ว ฉันเลยไม่ค่อยรู้สึกกังวลสักเท่าไร
ฉากจูบแบบปากต่อปาก ในห้องนอนและในโรงละคร อย่างนี้ไม่ดูไม่ได้แล้วนะ (มีภาพประกอบ)
มีภาพยงจุนนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่สีขาว มีผืนเล็กคล้องคอ ซอนเยจินนุ่งกระโปรงขาวเสื้อสีเลือดหมูนั่งมุมโต๊ะมือหนึ่งจับจับต้นแขนยงจุนอีกมือจับไหล่ยงจุน ที่ก้มตัวลงเอามือเท้าโต๊ะที่ซอนเยจินนั่ง ทั้งสองข้าง จ้องตากัน ว้าว... ภาพไม่ค่อยชัดเพราะเล็กมาก “ นี่ก็เป็นอีกฉากหนึ่งในห้องครัวที่ทั้งคู่แอบกุ๊กกิ๊กกันแบบเอาจมูกชนจมูก สวีทมั๊ยล่ะ? “(คงเป็น Cine 21 มังนะคะ เพราะในหนัง ไม่มี ครัวนี่)
กับภาพที่ยงจุนนั่งคุกเข่าเอามือข้างขวาค่อย ๆลูบแก้มซอนเยจินทั้งคู่จ้องตากัน ตอนปอกผลไม้ แล้วคุณพ่อภรรยามาเคาะประตูห้อง
ทุกครั้งที่ซอนเยจิน มองตาของ เบยองจุน เธอบอกตามตรงว่า รู้สึกเคอะเขินอยู่เหมือนกัน น่าอิจฉาจริงๆที่ได้อยู่ใกล้กับพี่เบขนาดนี้
P 104-105 เล่มเดียวกัน
เบยองจุน อบอุ่นทุกครั้ง เมื่ออยู่ใกล้
บทสัมภาษณ์ เบยองจุน แล้วจะรู้ว่าไม่เพียงแต่ภายนอกที่ดูอบอุ่นเท่านั้น หัวใจของเขายังอบอุ่นมากด้วยละ
ถาม หลังจากที่ ถ่ายทำ APS เสร็จเรียบร้อยแล้ว คิดว่าฝีมือการแสดงของตัวเองพัฒนาขึ้นหรือเปล่า
-ผมคิดว่าผมได้เรียนรู้อะไรขึ้นเยอะนะ แต่ตอนนี้ยังไม่พูดดีกว่า ต้องคอยดูในผลงานเรื่องต่อไปของผมนะครับ
ถาม ตอนที่แสดงเรื่อง untold scandal ลีมิซุกได้พูดถึงคุณไว้ว่า เบยองจุนทุ่มเทชีวิตจิตใจเพื่อการแสดงจริง ๆ
-ตอนนั้นผมยังไม่ค่อยรู้อะไรเท่าไหร่ ก็เลยต้องอาศัยความพยายามมาก ๆหน่อยนะครับ
ถาม ยังไม่ค่อยรู้อะไรงั้นเหรอเท่าที่มีอยู่ตอนนี้ยังไม่มากพออีกเหรอ ?
-ผมหมายถึงผมไม่ได้มีพรสวรรค์อะไรนะครับ ทุกครั้งที่ถ่ายหนัง ถ่ายละครเสร็จเรื่องหนึ่ง ผมจะรู้สึกเสียดายทุกที และก็จะปลอบใจตัวเองว่าเอาไว้เรื่องต่อไปจะต้องแสดงได้ดีกว่านี้ ดังนั้นการถ่ายละครแต่ละครั้งสำหรับผมแล้ว จึงเหมือนการเริ่มต้นใหม่ จะอาศัยแต่ความพยายามอย่างเดียวคงไม่พอแน่ แต่ยังไงผมก็ต้องพยายามเพื่อให้งานออกมาดีที่สุดครับ
ถาม ตอนนี้กำลังพยายามทำผลงานออกมาให้ดีที่สุดใช่ไหมล่ะ?
-ผมค่อย ๆสั่งสมประสบการณ์ไปทีละน้อย ๆอย่างนี้ ผ่านหนังเรื่องนี้มาแล้วก็เหมือนผมได้ก้าวไปข้างหน้าอีกก้าว ค่อยๆพัฒนาอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ก็คงจะสามารถไปถึงจุดหมายได้แน่ครับ
ถาม ตอนนี้คุณมีความสุขุมและมีความเชื่อมั่นมากๆก็เลยพูดออกมาอย่างนี้ใช่หรือเปล่า?
-คงจะใช่นะครับ (ยิ้ม ) ถ้าไม่มีความสุขจากการได้สั่งสมประสบการณ์และการได้พัฒนาตัวเองแล้ว ผมก็คงไม่มีแรงฮึดสู้ขนาดนี้ ก็เหมือนกับเวลาที่เราตีกอล์ฟ เมื่อตีลูกออกไปแล้วไม่มีใครรู้ว่าลูกจะตกลงตรงไหน ถ้าทำเป็นกระหยิ่มยิ้มย่องไปก่อน ผลที่ออกมาอาจจะไม่ดีก็ได้ ไม่ว่าคุณจะโดดเด่นสักแค่ไหน ก็อาจจะตกต่ำลงได้ในชั่วพริบตา ดังนั้นเกมนี้จึงมีเสน่ห์มากยังไงล่ะครับ
ถาม มักจะมีบรรดาแฟนคลับชาวญี่ปุ่นตามมาดูการถ่ายทำที่กองถ่ายเสมอ ต้องแสดงโดยมีแฟน ๆมาคอยเฝ้าดูอยู่ รู้สึกอย่างไรบ้าง ?
-ถ้ามีคนอื่นนอกจากทีมงานมาอยู่ในกองถ่าย แน่นอนว่านักแสดงก็คงรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ตอนนี้ผมรู้สึก
เฉย ๆ แล้วละครับ (ยิ้ม) เคยมีครั้งหนึ่งตอนนั้นกำลังถ่ายทำกันอยู่ ผมรู้ว่ามีแฟน ๆมารออยู่ก็เลยบอกผู้กำกับว่าจะออกไปข้างนอกสักพัก ตอนนั้นผมอยากจะนั่งลงไปกองกับพื้นจริงๆ ไม่อยากจะทำอะไรทั้งนั้น ตอนตีสองผมก็ออกไปดู แฟน ๆชาวญี่ปุ่นพากันตบมือให้กำลังใจผม ผมก็โค้งทักทายพวกเขา พอกลับมาถ่ายต่อ ผมรู้สึกมีสมาธิมากขึ้น ผมจะต้องเข้มแข็ง นี่อาจเป็นแค่หนึ่งในความกดดันของชีวิตเท่านั้นเอง
ถาม แค่จะหาที่นั่งพัก ผ่อนคลายอารมณ์สักหน่อยยังไม่ได้เลยงั้นเหรอ ?
-แฟน ๆ ของผมแตกต่างจากคนอื่น ๆ พวกเขาเป็นคนพิเศษ ผมรู้สึกเหมือนพวกเขาเป็นญาติพี่น้อง ถ้าผมทำอย่างนั้น ผมจะยิ่งรู้สึกกดดันและรู้สึกผิดมากขึ้น
ถาม มีคนพูดว่า ยิ่งสูงก็ยิ่งหนาว เป็นอย่างนั้นจริงหรือเปล่า ?
-แน่นอนว่าต้องมีเหงากันบ้าง ผมรู้สึกโดดเดี่ยวอยู่บ่อย ๆ และมักจะบอกตัวเองว่า ทุกสิ่งมีได้ก็ต้องมีเสีย
มีขึ้นก็ต้องมีลง ผมรู้สึกเฉยๆ กับเรื่องพวกนี้แล้ว เมื่อก่อนผมมักจะกลุ้มเรื่องพวกนี้ แต่ตอนนี้ผมพยายามไขว่คว้าช่วงเวลาแห่งความสุขที่มีอยู่น้อยนิดเอาไว้ แค่นี้ก็พอแล้ว คิดอย่างนี้ต่อให้โดดเดี่ยวอ้างว้างแค่ไหน
สักพักมันก็ผ่านไปได้
ถาม ตอนนี้ไม่ว่าอะไรที่เกี่ยวกับ เบยองจุน เป็นต้องเป็นที่สนใจของทุก ๆคน คุณรู้สึกเบื่อหรือกดดันบ้างไหม?
-บางครั้งผมก็รู้สึกกดดันเหมือนกันแต่มันก็เป็นเพราะกำลังใจ ความรัก ความห่วงใย ความจริงใจจากแฟน ๆ ไม่ใช่เหรอที่ทำให้ผมเดินมาถึงทุกวันนี้ได้อย่างมั่นคง ตอนนี้ผมรู้สึกถึงภาระอันยิ่งใหญ่มากขึ้น บางครั้งภาระนี้มันก็ทำให้ผมรู้สึกอ่อนล้า แต่มันก็ทำให้ผมสามารถยืนหยัดได้เมื่อคิดถึงมัน คนเราถ้ามีจุดมุ่งหมายแล้วก็จะมีความมุ่งมั่นที่แรงกล้า ทุกครั้งที่ผมพบอุปสรรค ผมก็จะคิดถึงคติประจำใจของผม ความพยายามอยู่ที่ไหน
ความสำเร็จอยู่ที่นั่น พอคิดว่าต่อไปจะมีคนมาแบ่งปันความสุขเล็ก ๆน้อย ๆด้วยกันกับผมมากขึ้นอีก ผมก็มีความสุขแล้ว
-ทำไมจะไม่มีล่ะครับ ผมมองดูแล้วเหมือนคนไม่มีเรื่องกลุ้มใจอย่างนั้นเหรอ (หัวเราะ) เบยองจุน ก็ต้องมีเรื่องกลุ้มใจสิครับ เพราะ เบยองจุน เป็นคนนะ “เราควรจะใช้ชีวิตอย่างไร “ นี่เป็นคำถามที่สำคัญที่สุดในชีวิตของคนเรา ตอนที่ถ่ายทำเรื่อง APS ผมรู้สึกถึงความกลุ้มใจนี้ ผมยังรู้สึกสับสนมาก ๆด้วย ความจริงแล้วเมื่อก่อนผมคิดว่าเรื่องทุกเรื่องจะต้องมีคำตอบที่ถูกต้องเพียงคำตอบเดียว แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป ผมต้องยอมรับว่า มีบางเรื่องไม่เพียงแต่ไม่มีคำตอบที่ถูกต้องเท่านั้น แต่จะจับเค้าโครงคร่าว ๆยังยาก นี่เป็นสัจธรรมที่ผมได้รับจากหนังเรื่องนี้ และดูเหมือนผมจะเข้าใจความขัดแย้งต่างๆในชีวิตของคนเราด้วย นั่นคือเราไม่ควรนำเรื่องราวที่รู้เพียงผิวเผินตัดสินคนคนหนึ่งหรือตัดสินความรู้สึกของเขา
ถาม ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ คุณอยากจะย้อนเวลากลับไปช่วงเวลาไหน อยากกลับไปช่วงก่อนที่จะมาเป็น
เบยองจุน คนดังบ้างไหม
-มันไม่ง่ายเลยนะ ช่วง 2-3 ปีมานี้ผมทุ่มเทมาโดยตลอด เรียกว่าทุ่มสุดกำลังเลยก็ว่าได้ คุณอาจจะคิดไม่ถึงว่า
ผมไม่ใช่คนที่ฝังใจกับอดีต ผมพอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ถ้าสามารถเปลี่ยนแปลงเวลาได้ ผมอยากจะข้ามไปในอนาคตมากกว่า ไปพบกับความรักครั้งสุดท้ายของผมน่ะครับ (หัวเราะ)
ถาม อยู่ในวงการมาก็สิบปีแล้ว หวนนึกถึงสิบปีที่ผ่านมาแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง คุณคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุด
ที่คุณได้รับจากวงการนี้คืออะไร และคุณต้องสูญเสียอะไรไปบ้าง
-สิบปีมานี้ผมได้อะไรเยอะมาก ผมได้รับความรักจากแฟน ๆมากมายอย่างคาดไม่ถึง ผมคิดว่านี่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดแล้ว ตอนแรกที่ผมเริ่มเป็นที่รู้จัก ผมรู้สึกไม่เป็นธรรมชาติเลย ขัด ๆ เขิน ๆ ผมมักจะระวังสายตาของคนอื่น แต่ตอนนี้ผมไม่เพียงแต่ไม่แคร์สายตาที่จ้องมองแต่เมื่อมีคนมองก็กลับยิ่งทำให้ผมมีความเชื่อมั่นสำหรับสิ่งที่ผมสูญเสีย....เวลานอนงั้นเหรอ (หัวเราะ) แล้วยังสูญเสียช่วงเวลาของวัยรุ่นอายุ ยี่สิบไปด้วย แต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่ผมได้รับ นับว่าสิ่งที่ผมสูญเสียไปมันเล็กน้อยมาก ทุกเช้าเมื่อตื่นลืมตา ผมจะรู้สึกมีความสุข พอผมทำงานอะไรสำเร็จ ผมก็มีความสุข เมื่อผมและแฟนๆ ต่างก็เชื่อมั่นในกันและกัน รู้สึกถึงความอบอุ่นที่มีให้แก่กัน ก็จะรู้สึกสุขใจอย่างนี้แหละครับ ว่าไปแล้ว เวลาที่มีความสุขมีมากกว่าเวลาที่อารมณ์เสียหงุดหงิดตั้งเยอะ
ถาม ได้ยินว่าคุณมีน้องสาวอยู่คนหนึ่ง ถ้าน้องสาวอายุยี่สิบ คุณอยากจะบอกอะไรกับน้องในฐานะพี่ชายและคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อน
-ผมจะบอกน้องว่า ใช้ชีวิตในวัยนี้ให้คุ้มค่าเพื่อเตรียมรับวันข้างหน้าที่จะมาถึง จะต้องคาดหวังกับตัวเองให้มาก ตอนนี้พอนึกถึงช่วงที่ตัวเองอายุยี่สิบ ตอนนั้นผมมีความฝันมากมาย แต่ผมกลับไม่รู้ว่าจะทำให้มันเป็นจริงได้อย่างไร และเมื่อไหร่มันจะเป็นจริง ตอนนี้ผมคิดว่าผมเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่พอนึกย้อนไป ผมว่าผมยังไร้เดียงสามาก หลังจากนั้นผมก็ได้เรียนรู้สัจธรรมอะไรมากมาย มันอาจจะไม่ถึงกับเป็นปรัชญาชีวิตอะไรหรอก แต่ผมก็ไม่ชอบความไร้สาระ เพราะว่าเวลาที่เรามีทุกนาทีเมื่อผ่านไปแล้วก็ไม่อาจย้อนกลับ ดังนั้นเราจึงควรรู้จักทะนุถนอมช่วงเวลาที่เรามีอยู่ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ถ้าเราทำอย่างตั้งใจและทุ่มเทแล้ว ต่อไปก็จะไม่รู้สึกเสียดาย อา.... ใช่แล้ว ยังมีอีกอย่าง วัยยี่สิบเป็นวัยที่มีพลัง ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บอะไร แต่ก็ไม่ควรละเลยเรื่องสุขภาพ ถ้าไม่รักษาสุขภาพของตัวเองตั้งแต่อายุยังน้อย ๆ ต่อไปจะต้องเสียใจ
แหมเห็น เบยองจุน ทุ่มเทให้กับการทำงานและเทคแคร์แฟนคลับดีอย่างนี้ จะไม่ให้แฟนๆหลงรักได้ยังไงกัน ว่าแต่ว่า ตอนนี้อยากมีพี่ชายแบบ เบยองจุน จังเลย
คัดลอก จาก นิตยสารซินเซียร์
Posted: Sat Aug 27, 2005 6:43 pm Post subject: BYJ, film, and adultery of happiness told by Director Hur
Translated & Posted in BYJ Quilt by Joanne Naeil posted this on the News Board of HerMes
BYJ, film, and adultery of happiness told by Director Hur JInho[Star News]8/26/05 20:13
met Director Hur Jinho, who appeared with a feature-length film 'Oe Chool(April Snow) ' (Produced by Blue Storm) in 4 years. Having revealed freshness of the beginning love and cruelty of love which would change in the end through his previous films 'Christmas in August' and 'One Fine Spring Day', he is to talk about rather extraordinary adultery in this time.
Insoo(acted by BYJ) and Seoyoung(acted by SYJ), who witnessed extramarital affairs of their spouses, are main characters whom Director Hur Jinho has newly chosen. If we remind ourselves the characters in his previous characters, who were pretty much in the routine daily situation, we can guess his change.
Casting Korean Current star, BYJ, the film accomplished prior sales to the overseas early on, and following its release in Korea on September 8, it has releases in 8 Asian countries ahead of it. I was curious about inner feeling him, who is holding a film in which I felt different change for the director and who is in an unfamilliar situation.
After the first preview screening of the 'Oe Chool, I interviewed him in a hotel in downtown Seoul. Starting to talk in the heavily subdued air in the hotel, he continued to talk, sometimes mixing humors, but mostly sincerely.
Is it because of his way of speaking which end mostly 'it seems like ~'? Although it was difficult to get the clear cut answers, Director Hur jinho continued taking in calm and arranged style as much as the film he had created. I transcribe interview with Director Hur Jinho, which could be considered long or short, in the almost 'no cut' version.
-Did you watch the film at the preview screening.
▶ I feel like I could not watch the film very much at the time of preview screening. In this time, I watched it all the way. I watched it thinking that I have to correct it because the revision of colors have not finished that well. As I watched it at the preview time, the film was more interesting than previous ones. This is the first time I watched (film) with audience.
-They say that 'Oe Chool(April Snow) ' is different from the previous films from the perspective that it deals with desire.
▶ Is it because there is a bed scene?(Laugh) There are some parts which are different from the previous films. The selection of this film itself was a little different.
-What do you mean the selection was different?
▶ This is not a story I created. It was a work among the ones in scenario contest by Film Development Council in the year before the last year. It was much different from current one at the time. They told the setting of the story was interesting.
-What kind of story was it originally?
▶ First, it was a thriller, and there was story setting that tow (people) would meet as respective spouses had accident only to know that it was insurance fraud. Although it would have been interesting if made, it seemed that for me to make, the stories in the early part seemed to be interesting.
When I asked how he did he write such scenario, he told that when he traveled, he incidentally picked up a woman who seemed to have missed a bus and briefly drove her in his car, the got the idea from thinking that if there was accident during that time, people might misunderstand them.
I had a feeling of irony. That the people who knew about their spouses' adultery would reach at the adultery same as them was also dramatic. I would like to do a film giving out more dramatic and strong emotion, different from the routine feeling of previous films.
-The story setting of the adultery by people who came to know their spouses' adultery reminds us films like 'Hwayangyeonhwa'.
▶ It seems that there were many films like that besides the 'Hwayangyeonhwa'. 'Random Hearts', 'Glass Castle', etc. At first, I agonozed over such aspect. Aren't there too many films (on the similar theme)?
However, I thought it might be different form previous films if I deal with the adultery and irony of adultery following it. I think there was not a film which dealt with irony. The film consists of 4 courses of betrayal, anger, love and understanding again. With those, I thought I could tell about the irony and different feelings between such two situations.
-It sounds like an appropriate explanation.
▶ Also there was a big snow fall in Spring around 2 years ago. Although the feeling at that time seemed something like fantasy, I liked it as it was the reality. I thought how would it be if I could make that into a film. How would it be if the two(people) in this story meet as fantasy.
As all the film on the adultery ends up in tragedy, it seems that I agonized over how would it be like if I carry it somewhat differently. I agonized over ending with accident following the last line by Seoyoung 'Where are we going?'. Exactly like the beginning, I would give only sound effect, With boom.(Laugh)
-It is an unexpected ending. Do you really think to put that in?
▶(Shaking head) Although I thought of inserting accident scene, I won't (do that). There were talks that tragic ending could appeal more to the public.
The angle of view of seeing two characters of Insoo & Seoyoung was not the feeling that 'the love by them is different' or 'as they are so beautiful that we could forgive everything'. Those are the same adulterous couple. They would go to hotel in broad daylight, hide in the bathroom when someone drop by, and go to hotel and play Go Stop game in situation when husband is dying. Regarding these, there are som angle of view to consider them cruel. It seems that (my angle of view) was somewhat cold.
-Actually there is also such aspect in the previous film, 'One Fine Sping Day'. As if not believe in love.
▶ That is right. Did a person(I) change.(Laugh) I think like this. Isn't temperature of watching people dropping further. I would've been better if it was the other way around. I will be nice if it becomes warm as I get older. I will try to return back again.
-You may have cynical view on love.
▶ Cynical? It may be because I am not married. I do think about it (marriage). It is not that I am putting off but 땡겨보려고.(I cannot translate this)(Laugh)
-As I watched, for the scene of (playing) Go Stop in hotel, have you asked Mr. BYJ & Miss SYJ to actually play Go Stop?
▶That is right. As it is actually true that there is nothing to do when they go to hotel, they play Go Stop, etc. I told them to play it with 100 points (handicap?)
-However, Mr. BYJ scored too much. With three-Go and Peebak, etc....,
▶ Was it probably 160 points? That was the real thing. As they told that it was not real, they played again. Still the score was similar again. I cannot help it.(Laugh)
-The 'Oe Chool(April Snow)' is a feature-length film in 4 years. How have you spent time during that period.
▶ Ordinary times, I am lazy so that I just lie down. I tend not to watch many movies. I rather find subjects from books, expepriences (people) around me, or life.
I was really busy during the period. I did short filmls and I have prepared for several films. There are some scenarios I wrote. By preparing several, I feel like to direct films every year. If the condition to direct is created, I would like do a melo(drama). It is a film called 'Happiness' which I thought I might direct before the 'Oe Chool(April Snow)'.
-The title 'Oe Chool(April Snow)' gives veery unique feeling.
▶ It was not made by me, but Producer Kim Mooryeong of 'memory of a Murder' had suggested. Many kind of feelings were interesting as the film itself came from outside of me after all, it was not a routine daily story, and also two man & woman met in an unfamiliar city, etc. Hence I chose that.
-Then, the 'April Snow', a title of film for the overseas, has much different feeling of words from the 'Oe Chool(April Snow)'.
▶(April Snow) was what I have thought of. Actually I agonized over that, isn't that similar to the 'Christmas in August", is it.(Laugh) As the feeling mysteriously changed when the title of 'Oe Chool(April Snow)' was translated, as it would be simultaneously released in the foreign countries, we decided to proceed with 'April Snow' for the overseas title.
-What was it like to work with BYJ. He is known to be self-opinionated actor.
▶ It was interesting. He is an actor who has strong thought of his own. First, I saw BYJ for the first time at the 'Untold Scandal' location site, and at the time also, I thought it would be nice to work with him. It was not that I decided on the character of the 'Oe Chool(April Snow)' ahead of time. however, the lighting director is an occupation requiring delicateness while being strong. Mr. BYJ strongly had such feeling. Thus I worked with him.
-They say that his acting style is much different (from you).
▶ BYJ is an actor for a long time who have been acting for 10 years. He is an actor who prepares a lot. He told me that he calulated a lot like how to speak, what gesture to make, or what expression to show at certain points. That was very much different from the way I do. For my method of tyring to give life to routine daily living while taking over and over again for many times, having prepared could not be good. Although one cannot say which of two methods is good or bad, there seems to be a point that (BYJ) wanted to experience this kind of style.
-Is it because of that. My feeling is that I have seen different appearance of Mr. BYJ.
▶ He himself felt very difficult. He told he felt he became naked. It was to the extent that he, person who acted for 10 years, was like a newly debuted actor. Although you think that it would be nice when you come (to film) without preparation as you don't have to work, actually it is not so. Even though it was difficult to stand the eyes, it seems that we proceeded fixing up each other. Although it was difficult, it was interesting.
As I feel, much of his self-appearance showed up. When you watch the scene where he drink with his assistant at a pub, it reveals dignity and kindness to his juniors which Mr. BYJ actually has in his relationship with his seniors and juniors(people older and younger than him). While trying not to break loose to the scene where he disliked to show his crying appearance saying 'You go away' in the end.That is a long take scene lasting for 3 minutes. He could not act like that by calculation alone.
It is the same when he was coming back after visiting the mourner's home (traffic accident victim). The situation where he became an offender on one side while he himself was a victim, it was the moment when life was felt too cruel. At the time BYJ is there serenely. He could have shed tears as he was sad, etc. The expressions which seemed as fateful were very good for me personally. They are the actings which cannot be made unless he himself becomes Insoo. I wish those aspects are found and delivered (to audience) in details.
-Didn't the fact that he was the tremendous Korean Current star come to you as a burden
▶There was preconceptions. I think that the image posessed by BYJ was too great. My work is not to make transformation. However, to act a character in the film, one has to either enter self into the character or put in the character inside self. I see that there weren't great changes. However, I felt parts which were different from actings he had done before. In case of the scene of shedding tears in the last, I felt that this ma was really sad.
-How many times did you shoot that scene
▶ Actually we shot twice. Before shooting, we waited and talked each other until he felt the emotion of Insoo in that scene. On an occasion, his nose ran while he cried, he did not mind it at all. Although it was actually a scene his image could be damaged, BYJ told, 'if it is truthful, I do not care at all'. He seems to have tried to be honest in every moment.
-Actually, I feel like that I saw the real appearances of the actors in each of (your) works. Are you determined to pull out such things?
▶Um, It does not seem that I would pull out the real appearances, because I got without deciding on characters ahead of time such as the character would move like this, etc., the real appearance cannot help but to show up mixed (with character). (When you watch the film) it looks as if person of BYJ and character of Insoo are mixed half and half. Seoyoung also seems to be a character mixed half with SYJ.
-in this film, the detailed daily routines, which were prominent in previous films, are not seen that much.
▶As i did it in a long time, I was not used to it. I felt like as if I was a newly debuted director, and setting itself had many parts which were difficult to explain clearly. I could not bring clearly if Insoo liked wife more or Seoyoung more. What shall I say. Insoo and Seoyoung are the feeling as if they are searching in the labyrinth in puzzle. As we were in the situation of having no right answer, it was to the extent of making the last line 'What would happen to us'.
-Is it because of that. I felt the scene of the two going to hotel for the first time was a little sudden. It seemed that the first kiss scene was edited out.
▶There are parts that were edited out including kiss scene also. Originally, there were steps before they sleep together. I thought that it should be different from feeling of falling in love by unmarried men & women so that we had omitted here and there.
-When I read an interview, there was a story that you felt good at the praise that actors were good.
▶Originally, I put much weight on actors. Because actors create character on their own. It is further more so because I chose even that part itself . I hurt more when they say actors are not right.
-In 'Oe Chool(April Snow)', although the actors, BYJ in particular, are outstanding, we cannot see Director Hur JInho very well.
▶It is better that the actors are seen well. I think there is some part like that. I did not try to show entirely different character from the beginning. What shall I say, the appearance veery much apart from (actors') own appearances did not come out. It is because the character Insoo takes up big parts in the film. The characters themselves seem to show all about the film.
On betrayal of his wife, Insoo cried as he was sad, got angry saying that she'd better die, and felt dirty to the degree that he threw up. The fact that such a person would fall in love was the important story. The thing character Insoo carries on is big.
-As the 'Oe Chool is released in various Asian countries, you seem to visit boisterous events in oveerseas here and there. It seems to be hard for you.
▶ I do not naturally like brilliant, awkward, and noisy things.
The film is released at the same time and it seems that (the film) is taking the entire Asia as one market. It is true that power of actor, BYJ. was big. However, I think that in the future, another different actors or another different directors could do that. Like openings of French films in Spain freely in Europe, it will be good if new market is created with films. Alghouth I do not like it as a taste for a person who produce films, it is a part I have to accept without complaining as a person who produce a person. Isn't it positive, is it. we should not concentrate too much on one figure or on what price (films) were sold at and where they were sold.
For the films, there is big commercial aspect. Not from the level of making more profit, although there is some part of it of course, I feel that the case example of the 'Oe Chool(April Snow)' will be the basis for producing more diversified films. I hope you don't think of this as one episode event. If communications like this occur, there will be more audience, and it seems to become a momentum of creating more commercial films or small films.
-In closing,tell us what was the story you would like to reveal through film'Oe Chool(April Snow)'? .
▶Would it be healing for people who got hurt? I would like deliver the feeling of healing wounds by outside help and through understanding. Isn' that every one is traying to be happy after all? I hope people feel that part and after feeling, they would accept it.[Photo=Koo Hyejeong, -마지막으로, 영화 '외출'을 통해 드러내고 싶었던 이야기가 무엇이었는지
Reported by Kim Hyeonrock,roky@mtstarnews.com,star@mtstarnews.com Copyright ⓒ Money Today Star News
No comments:
Post a Comment
Note: Only a member of this blog may post a comment.