21.1.10

[Old Article] Who are the parents of jang geun suk and his family background?




[Old Article] 2 years ago
Who are the parents of jang geun suk and his family background?

Best Answer - Chosen by Voters

Thai Translation by ...Ladymoon...

The movie 'Happy Life' directed by Lee Jun Ik draws the story of three normal men in their forties who reunite to form a rock band and rediscover their dreams. Amongst the three normal looking men with exceptional acting skills is one youthful and lively actor, Jang Geun Suk.
ในภาพยนตร์เรื่อง "Happy Life" ที่กำกับโดย ลีจุนอิก เป็นเรื่องราวของผู้ชาย 3 คนที่อยู่ในวัย 40 ซึ่งตั้งวงดนตรีร็อคขึ้นมาและได้ค้นพบความฝันของพวกเขาอีกครั้ง ท่ามกลางผู้ชายหน้าตาธรรมดาๆ 3 คนที่มีฝีมือการแสดงแบบหาตัวจับยาก กลับมีนักแสดงหนุ่มที่ส่องประกายอีกคน นั่นก็คือจางกึนซ็อก

Jang Geun Suk who in the movie grew into an adult still had a hint of his youthful image in person.

While Director Lee Jun Ik's comment saying he restricted the screen time of Jang Geun Suk so female viewers wouldn't just focus on him, his charisma as the son of the former vocalist of the band Hyun Joon grabbed the heart of viewers with his good looks, picture perfect guitar skills, and surprisingly good vocals.
ผู้กำกับลีได้กล่าวเอาไว้ว่า เขาจำกัดเวลาที่อยู่บนจอของจางกึนซ็อก เพื่อไม่ให้ผู้ชมสาวๆ มัวแต่สนใจเขา เสน่ห์ของเขาในฐานะลูกชายของ ฮยุนจุน อดีตนักร้องของวง ได้กุมหัวใจผู้ชมเอาไว้ด้วยใบหน้าอันหล่อเหลา ทักษะสุดยอดในการเล่นกีตาร์ และเสียงที่แสนจะไพเราะจนน่าแปลกใจ

He takes on an important role as not just bringing youthful vibes to the movie but also as an important link between the older and younger generations.

Jang Geun Suk who says the question he received most after the movie's premiere was whether he really sang the song actually is experienced with two musical productions. Director Lee Jun Ik who was with us during the interview says, "It is like I am the child and Geun Suk is the adult," and nonetheless Jang Geun Suk's serious and skillful speech grasped my attention.
จางกึนซ็อกกล่าวว่าคำถามที่เขาได้รับมากที่สุดหลังจากรอบปฐมทัศน์ของหนังก็คือ เขาร้องเพลงในหนังจริงๆ หรือเปล่า ผู้กำกับลีซึ่งอยู่ด้วยระหว่างให้สัมภาษณ์ กล่าวว่า "เหมือนผมกลายเป็นเด็ก และกึนซ็อกกลายเป็นผู้ใหญ่" คำพูดที่แสนจริงจังและคล่องแคล่วของกึนซ็อกได้ดึงดูดความสนใจของเรา

"Being so young, I contemplated a lot while acting Hyun Joon to be in more scenes. The scene using the restroom with senior Kim Sang Ho was one I created so the audience could better understand Hyun Joon. He tells me that I look the same as my father, and that is the moment I first picture the true father Hyun Joon never could understand before. I thought the audience would feel the fathers' love for their children through the scene."
"เพราะว่ายังเด็กมาก ผมต้องทำการบ้านอย่างหนักระหว่างแสดงเป็นฮยุนจุนในหลายๆ ฉาก ฉากที่ไปเข้าห้องน้ำกับรุ่นพี่คิมซังโฮเป็นฉากที่ผมคิดขึ้นมาเอง เพื่อให้คนดูเข้าใจฮยุนจุนดีขึ้น เขาบอกผมว่าผมเหมือนพ่อ นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมเห็นภาพฮยุนจุนในฐานะพ่อทั้งๆ ที่ไม่เข้าใจมันมาก่อน ผมคิดว่าผู้ชมคงรู้สึกได้ถึงความรักของพ่อที่มีต่อลูกผ่านฉากนี้"

Jang Geun Suk says the film shoot itself was a precious experience to him commenting, "All three of them were my mentors. They all live with their dreams. Having a lot or little money does not matter. They have the confidence and flexibility in regards to life not from being a star that everyone thinks of them as, but rather as ones who have achieved their dreams. They would practice all night, have a drink, and go out in slippers and grab something to eat."
จางกึนซ็อกกล่าวว่าการถ่ายทำหนังเรื่องนี้เป็นประสบการณ์อันล้ำค่าสำหรับเขา "ทั้ง 3 คนเป็นเหมือนครูฝึกของผม พวกเขาอยู่ด้วยความฝัน เงินจะมากหรือน้อยไม่ใช่สิ่งสำคัญ พวกเขามีความมั่นใจและใช้ชีวิตแบบสบายๆ ไม่ใช่เพราะความเป็นดาราอย่างที่ทุกคนคิดว่าเขาเป็น แต่เป็นเพราะพวกเขาได้ทำตามความฝันของตัวเอง พวกเขาฝึกซ้อมกันทั้งคืน หาอะไรดื่ม แล้วก็ใส่รองเท้าแตะออกไปหาของกิน"




He says the movie 'Happy Life' is one that asks, 'Are you living and doing what you want to do? Or are you living and doing what you have to do?' and that is the question that dominated his head throughout the filming.
เขาบอกว่าภาพยนตร์เรื่อง "Happy Life" ก็คือคำถามที่ว่า "คุณกำลังใช้ชีวิตและทำในสิ่งที่คุณอยากทำหรือเปล่า หรือว่าคุณกำลังใช้ชีวิตและทำในสิ่งที่คุณต้องทำ" และนั่นเป็นคำถามที่อยู่ในหัวของเขาตลอดการถ่ายทำ

"I started acting in middle school. It was my decision. Then one day I asked myself, 'Jang Geun Suk, are you happy right now?' and realized I was climbing stairs with no particular goal and no composure. I asked around about what a happy life is and asked my seniors as well. Of course there is not right answer, but thankfully I have found a little bit of composure in myself. And now I can enjoy things, at least to the point I can smell the scent of fall outside of the window." He seemed to be quite pleased in learning something priceless from Director Lee Jun Ik and the three other senior actors.
"ผมเริ่มแสดงตั้งแต่ยังเด็ก มันเป็นการตัดสินใจของผมเอง แล้ววันหนึ่งผมก็ถามตัวเองว่า "จางกึนซ็อก ตอนนี้นายมีความสุขหรือเปล่า" และผมก็ได้รู้ตัวว่าผมไต่ขึ้นบันไดมาโดยไม่มีเป้าหมาย ไม่มีแรงจูงใจอะไรเลย ผมเฝ้าถามว่าอะไรคือชีวิตที่มีความสุข และถามพวกรุ่นพี่แบบนี้เช่นกัน แน่นอนมันย่อมไม่มีคำตอบที่ถูกต้อง แต่โชคดีที่ผมค้นพบแรงจูงใจในชีวิตของตัวเองอยู่บ้าง ตอนนี้ผมสามารถสนุกสนานกับสิ่งต่างๆ อย่างน้อยผมก็สามารถสูดกลิ่นหอมของฤดูใบไม้ร่วงที่นอกหน้าต่าง" เขาดูเหมือนมีความสุขมากที่ได้เรียนรู้บางอย่างที่แสนล้ำค่าจากผู้กำกับลีและนักแสดงรุ่นพี่ทั้ง 3

The movie features a father who works day and night to pay for private lessons and education for a talented son, and a father who sends off his child and wife abroad to study but ends up facing a divorce. They all live amidst self-gratification, or excuses, saying it is all for their children, and this is not much different from parents in the real world today.
ในหนังแสดงให้เห็นพ่อที่ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำเพื่อจ่ายค่าเล่าเรียนให้กับลูกชายที่เต็มไปด้วยพรสวรรค์ พ่อที่ส่งลูกกับภรรยาไปเมืองนอกเพื่อให้ลูกได้เรียนต่อแต่สุดท้ายต้องจบลงด้วยการหย่าร้าง ทุกคนต่างอยู่ท่ามกลางข้อแก้ตัวว่าทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อลูก นี่ไม่ต่างอะไรกับพ่อแม่ที่มีอยู่ในโลกของความจริงทุกวันนี้




I asked Jang Geun Suk who is still in the position of being a parent's child what he wanted from his parents. He says that his parents, while not fully approving when he said he wanted to act, supported him by telling him to do what he wanted to do.
เราได้ถามจางกึนซ็อกซึ่งยังคงเป็นลูกของพ่อแม่แบบที่เขาอยากได้จากพ่อแม่ของเขา เขาบอกว่าพ่อแม่ของเขาถึงจะไม่ปลื้มนักเมื่อเขาบอกว่าอยากเป็นนักแสดง แต่ก็สนับสนุนเขาด้วยการบอกให้เขาทำในสิ่งที่อยากทำ

"Are children truly happy when they achieve the social status their parents want them to? They all just go towards the one goal forgetting whether it was the parent's dream or the child's dream. I wish parents would trust their children and let them pursue what they want to. If only they could understand that children wander in their youth not because they don't know what to do, but they are struggling and trying hard to find what fits them. I believe everything is about the 'trust' between the parent and child."

In that sense, he says, "The movie 'Happy Life' can serve to be a meaningful opportunity to reflect on life with all the fantasies and reality barriers set aside between a father and son."
"เด็กๆ จะมีความสุขจริงๆ น่ะหรือเมื่อก้าวไปสู่ฐานะทางสังคมแบบที่พ่อแม่อยากให้เป็น พวกเขาต้องมุ่งหน้าไปสู่เป้าหมายจนลืมไปว่านั่นเป็นความฝันของพ่อแม่หรือความฝันของลูกกันแน่ ผมหวังว่าพ่อแม่จะเชื่อใจลูกๆ ของตัวเอง ปล่อยให้พวกเขาทำในสิ่งที่อยากทำ ถ้าเพียงแต่พ่อแม่จะเข้าใจว่าลูกๆ มักหลงทางในช่วงวัยรุ่น นั่นไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี แต่พวกเขากำลังดิ้นรนและพยายามที่จะค้นหาสิ่งที่เหมาะกับพวกเขา ผมเชื่อว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับ "ความเชื่อใจ" ระหว่างพ่อแม่และลูก"

เขากล่าวว่า "ภาพยนตร์เรื่อง Happy Life เป็นโอกาสดีที่มีความหมายอย่างยิ่งในการสะท้อนภาพชีวิตโดยไม่มีกำแพงของความเพ้อฝันกับความจริงมากั้นขวางระหว่างพ่อกับลูก"

Jang Geun Suk is also chasing a dream.

"I became known through commercials and the sitcom 'Nonstop.' Until then I wasn't really an actor. If anything, I was an entertainer with a cute image. But after 'Nonstop' ended and I saw the spotlight that was on me shifting immediately to another person, I fell into a slum. And not being admitted to the college I wanted at the time put me at a loss of what to do. Fortunately, I was cast in two musicals and I was able to be satisfied seeing myself on a large stage. And I think I was able to become known as an actor through the drama 'Hwangjiny,' and I can feel more of that through the movie 'Happy Life.' But this is not my final destination."
"ผมกลายเป็นที่รู้จักจากโฆษณาและละครซิตคอม "Nonstop" ในตอนนั้นผมยังไม่ใช่นักแสดง ผมเป็นแค่ผู้ให้ความบันเทิงที่มีภาพลักษณ์ที่น่ารัก แต่หลังจาก Nonstop จบลง ผมก็เห็นสปอตไลท์ที่ฉายอยู่ที่ผมหันไปหาคนอื่นแทน ผมรู้สึกแย่มากๆ และการไม่ได้เข้ามหาวิทยาลัยที่ผมอยากเข้าในตอนนั้นทำให้ผมถึงกับมึนไปหมดว่าจะทำอะไรต่อดี โชคยังดีที่ผมได้แสดงละครเพลง 2 เรื่อง และผมรู้สึกพอใจที่เห็นตัวเองบนเวที ผมคิดว่าตัวเองสามารถเป็นที่รู้จักในฐานะนักแสดงได้ผ่านละคร "ฮวางจินยี" และผมยิ่งรู้สึกแบบนั้นมากขึ้นใน Happy Life แต่นี่ไม่ใช่จุดหมายปลายทางของผม"

He restlessly spoke about his dreams.

"I don't believe myself to be an adult yet. I still have a mind that is not quite yet fully matured. But I hope people who meet me can become closer as a person and respect and trust me."
"ผมไม่เชื่อว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว จิตใจของผมยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่เต็มที่ แต่ผมหวังว่าคนที่พบกับผม เมื่อเข้ามาใกล้ชิดผม จะสามารถให้เกียรติและไว้วางใจในตัวผม"

Then what would be the image of an 'actor' Jang Geun Suk be?
"I want to be pure. Whether I become 40 or 60, I want to be a humble actor who doesn't loses passion. I am extremely happy right now by just being able to act."

He is a young actor who is experiencing a pleasant growth period.
"ไม่ว่าผมจะอายุ 40 หรือ 60 ผมอยากเป็นนักแสดงที่อ่อนน้อม ที่ไม่หมดไฟในการแสดง ตอนนี้ผมมีความสุขมากที่ได้แสดง"

เขาเป็นนักแสดงหนุ่มที่ได้สัมผัสกับประสบการณ์ของผู้ใหญ่อันแสนจะน่ารื่นรมย์

Source : http://answers.yahoo.com/question/index?qid=20071207232239AAjKu5h

No comments:

Post a Comment

Note: Only a member of this blog may post a comment.