อีรอส (Eros) หรือ คิวปิด (Cupid) กามเทพ ถือเป็นเทพเจ้าแห่งความรัก
Original : http://twssg.blogspot.com/
เทพอีรอส (Eros) ของกรีก หรือ เทพคิวปิด (Cupid) หรือ เทพอามอร์ (Amor) ของโรมัน ซึ่งเป็นกามเทพ หรือเทพแห่งความรัก ลักษณะที่เราคุ้นเคยก็คือ เทวดาเด็กมีปีกสีขาว ถือธนูคอยยิงศรให้คนเกิดความรักต่อกัน ตำนานเล่าความเป็นมาของเทพเจ้าองค์นี้ต่างๆ กันไป คิเคโร (Cicero) ได้เล่าไว้ 3 ทางด้วยกัน ทางหนึ่งว่า เป็นโอรส ของเมอร์คิวรี (เฮอร์มีส) และเทพีไดอานา (อาร์ทีมิส) อีกทางหนึ่งว่า โอรสของเมอร์คิวรี และวีนัส (อโฟรไดท์) และอีกทางหนึ่งว่า เป็นโอรสของมาร์ส (เอรีส ตามปกรณัมของกรีก) และวีนัส ขณะที่ในเธโอโกนี ของเฮสิออด ซึ่งเป็น ตำราเทวภูมิศาสตร์ (theoography) ที่เก่าแก่ที่สุดของกรีกโบราณ ระบุว่า คิวปิด ถูกสร้างขึ้นมา พร้อมกับ เคออส และโลก ในตำราเกี่ยวกับเทพเจ้าโบราณโดยทั่วไป ระบุว่ามีคิวปิดสององค์ หรือสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งว่า เป็นโอรสของจูปิเตอร์ (เซอุส) และวีนัส อีกฝ่ายหนึ่งว่าเป็นโอรสของนีกซ์ และเอเรบุส
แต่ส่วนใหญ่ในตำนานการกำเนิดของคิวปิด บอกไว้ว่า เทพีวีนัสหรืออโฟรไดท์ ได้ลักลอบเป็นชู้กับ เทพสงคราม เอรีส (เนื่องจากฝ่ายหญิง ได้สมรสแล้วกับเฮเฟสทัส เทพแห่งการช่าง แต่เทพีวีนัสไม่พอใจ เพราะเทพสวามี เอาแต่ขลุกตัวอยู่กับงานของตน อีกอย่าง พระนางก็พอใจเทพเอรีสมาแต่แรก แต่ที่ได้แต่งงาน กับเทพเฮเฟสทัส เพราะเทพซุส ยกพระนางให้เป็นรางวัลแก่เทพเฮเฟสทัส) จนกระทั่งมีโอรส ให้นามว่า คิวปิด หรือ อีรอส ตามตำนานแล้ว เทพคิวปิดจะอยู่ใกล้ชิดกับเทพีวีนัส ผู้เป็นมารดา อยู่เสมอ ซึ่งอาจเทียบเคียง ในเชิง อุปมาอุปไมย ได้ว่า เมื่อมีความงาม ก็มักจะตามมาด้วยความใคร่และความรัก
อย่างไรก็ตาม ในตอนแรกนั้น เทพคิวปิดไม่ยอมเติบโตเป็นผู้ใหญ่ตามกาลเวลาที่ผ่านไป ยังคงเป็นเด็กอยู่เสมอ ทำให้เทพีวีนัสเกิดความกังวลใจ จึงไปปรึกษากับเทพีธีมิส เทพีแห่งความยุติธรรมว่า ควรทำอย่างไร คิวปิด จึงจะเติบโตขึ้น เป็นผู้ใหญ่ ก็ได้รับคำตอบว่า ที่คิวปิดไม่ยอมโตเป็นเพราะขาดเพื่อนเล่นแก้เหงา ต่อมาไม่ช้าไม่นาน เทพีวีนัสก็ได้กำเนิดโอรส อีกองค์หนึ่งชื่อ แอนตีรอส (Anteros) ซึ่งมีบิดาคือเทพมาร์ส หรือ เอรีส อีกแล้ว (ไม่ใช่เทพวัลแคน หรือ เทพเฮเฟสทัส สามีตัวจริง เช่นเคย) เมื่อมีน้องเป็นเพื่อนเล่น กามเทพคิวปิด จึงเติบโตขึ้น เป็นหนุ่มรูปงาม ส่วนเทพแอนตีรอสนั้นถือกันว่า เป็นเทพที่บันดาลให้เกิดความรักตอบด้วย ตรงนี้ตีความ ได้ว่า ความรักที่ก่อกำเนิดขึ้นนั้นจะบรรลุผล จะต้องได้รับความรักตอบ เมื่อครบทั้งสองทาง ความรักนั้นจึงจะสมบูรณ์
ความรักของเทพอีรอสและไซคี
ตำนานสำคัญของกามเทพคิวปิดนั้นจะเกี่ยวข้องกับ นางไซคี (Psyche แปลว่า จิตใจ หรือ วิญญาณ) ผู้มีรูปโฉมงดงาม เป็นที่เลื่องลือ ผู้ที่ได้พบเห็นต่างก็ลุ่มหลงเทิดทูนจนลืมที่จะบูชาเทพีวีนัส เทพีแห่งความงาม มารดาของคิวปิดไป ทำให้เทพีวีนัสเกิดความไม่พอใจ จึงสั่งให้คิวปิดไปทำให้ไซคีไปหลงรักชายที่ เลวทราม ต่ำช้าสักคนหนึ่ง คิวปิดได้ฟังดังนั้นก็รีบไปทำตามคำสั่งแม่ โดยลอบเข้าไปในห้องนอนของไซคี ขณะนาง กำลังหลับอยู่ ตั้งใจจะยิงศร ตามคำสั่งแม่ แต่เมื่อเห็นรูปโฉมของนางกลับตกตะลึง และกลับทำลูกศร ในมือทิ่มแทง ตัวเอง คิวปิดจึงหลงรักไซคีนับแต่บัดนั้น แต่ก็ทำอะไรเปิดเผยไม่ได้ เพราะกลัวแม่ สุดท้ายก็วางแผน โดยขอความช่วยเหลือ จากเทพหลายองค์ให้ไม่มีใครมาสู่ขอนางไซคี (เพราะคิดเอาเองว่า นางอยู่สูงเกินกว่า จะเอื้อมถึง ก็เลยไม่มีใครมาขอ) กระทั่งพี่สาวของนางออกเรือนกันไปหมด พ่อแม่ของนาง จึงต้องอ้อนวอนบวงสรวง เทพอพอลโล เทพแห่งการพยากรณ์ว่า เมื่อไรนางจึงจะได้พบเนื้อคู่ และเนื้อคู่เป็นใคร อยู่ที่ไหน เทพอพอลโล ก็พยากรณ์ว่า คู่ครองของนางไซคีไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นอมนุษย์ และรอคอยนางที่ยอดเขา แต่นางจะต้อง ไม่มองดูคู่ครอง ของเธอโดยเด็ดขาด ด้วยความเศร้าทั้งพ่อและแม่ โดยความเห็นชอบของนางไซคี จึงแห่ไปส่งนางไซคี ที่ยอดเขาและทิ้งไว้เพียงลำพัง เทพเสฟไฟรัส (Zephyrus) เทพประจำลมตะวันตก จึงพัดพาเธอไปยังปราสาท ที่กามเทพคิวปิดเนรมิตไว้ ห้อมล้อมด้วยหุบเขาซึ่งมีธรรมชาติอันสวยงาม ตกกลางคืน คิวปิดก็มาครองคู่ อยู่กับไซคี โดยนางมองไม่เห็นว่าเขามีหน้าตาเป็นอย่างไร พอรุ่งสาง คิวปิดก็จากไป ท่ามกลาง ความสุขสบายนั้น คิวปิดขอคำมั่นสัญญาจากนางไซคีว่าจะไม่จุดไฟหรือพยายามมองเห็นตัวเขาว่าหน้าตา เป็นอย่างไร ไซคีก็รับปาก
ต่อมา นางไซคีได้เชื้อเชิญพี่สาวทั้งสองของนางมาเที่ยวยังปราสาท ด้วยความยินยอมอย่างไม่เต็มใจนักของคิวปิด พี่สาวของนาง มาพบเห็นปราสาทที่งดงาม ก็รู้สึกอิจฉาในโชคลาภวาสนาของน้องสาว จึงยุยงให้ไซคี ลอบดูตัวสามี โดยวางแผนไว้ว่า หากพบเห็นว่าเป็นอมนุษย์ที่น่าเกลียดก็ให้ฆ่าเสีย นางก็ดันเชื่อในคำยุยงนั้น ซ่อนตะเกียง และมีดเอาไว้ใต้เตียง เมื่อคิวปิดมา และหลับไป นางจึงลอบจุดตะเกียงส่องดูสามี เธอจึงพบว่าสามีของนาง เป็นชายหนุ่ม รูปงามกว่าชายใดๆ ที่เธอเคยพบมา ทันใดนั้น น้ำมันตะเกียง ก็หยดลงต้องกายคิวปิดจึงตื่นขึ้น และเมื่อเห็นว่าภรรยาของตน ละเมิดคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ คิวปิดจึงบอกนางว่า “ความรักไม่อาจดำรงอยู่ได้ ถ้าปราศจากความไว้วางใจ ข้าจะลงโทษเจ้า ด้วยการจากเจ้าไปตลอดกาล” แล้วก็บินจากไป พร้อมกันนั้นปราสาท และอุทยานที่งดงาม พลันอันตรธานหายไปด้วย
ไซคีเสียใจมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น นางพร่ำโทษตัวเองที่ผิดคำสัญญา นางจึงตัดสินใจ ละทิ้งบ้านเกิดเมืองนอน เพื่อติดตามหาคิวปิด ซึ่งยากลำบากมากสำหรับผู้หญิงอ่อนแอและบอบบางอย่างไซคี แต่พี่สาวทั้งสองของไซคี กลับรู้สึกยินดี พร้อมทั้งไปที่หน้าผาเรียกเทพลมมารับ เพราะคิดว่าคิวปิดอาจจะรับพวกนางเป็นชายาแทนไซคี แต่เพราะ เทพลมเสฟไฟรัส ไม่ได้รับคำสั่งให้มารับ เมื่อพวกนางกระโจนออกจากหน้าผา พวกนางจึงตกเขาตาย
ไซคีซัดเซพเนจรรอนแรมตามหาคิวปิดอย่างยากลำบาก จนพบเข้ากับวิหารเทพีดิมิเทอร์ เทพีเเห่งพืชผล ซึ่งของบูชานั้น วางระเกะระกะไม่มีระเบียบเพราะชาวไร่ต่างเหนื่อยล้าจากการทำงาน ไซคี จึงจัดระเบียบ ของเซ่นสรวงจนเรียบร้อย เทพีดิมิเทอร์พอใจมาก จึงบอกให้ไซคีไปที่วิหารของเทพีวีนัสเพื่อขออภัยโทษ
แต่เทพีวีนัส มีความริษยาแรง จึงหาทางกลั่นแกล้งไซคีต่างๆนานาๆ โดยให้ไซคีแยกเมล็ดข้าว ข้าวบาร์เล่ย์ ข้าวโพด ถั่ว และธัญญาหารชนิดต่างๆ ที่ปะปนอยู่ในฉางแยกออกมาให้เสร็จก่อนค่ำ เพื่อให้นกพิราบของพระนางกิน ไซคี ถึงกับท้อแท้ใจ เพราะนางเป็นแค่หญิงมนุษย์ธรรมดา ไม่มีทางจะทำสิ่งที่เกินความสามารถเช่นนี้ได้แน่นอน
ในขณะเดียวกัน คิวปิดที่คอยเฝ้ามองดูแลไซคีอยู่ห่างๆ ตลอดเวลาก็ส่งมดฝูงใหญ่มาช่วยงานไซคี โดยมดทั้งหมด ต่างแยกธัญญาหารอย่างเรียบร้อย และรีบกลับไปก่อนค่ำ
เทพีวีนัสกริ้วมาก เพราะรู้ว่าไซคีไม่ได้ทำเอง และคนที่ช่วยเหลือนางก็คือโอรสของพระนางนั่นเอง จึงสั่งให้ไซคี ไปเก็บขนแกะทองคำ มาให้พระนาง ซึ่งแกะขนทองฝูงนั้นโหดร้ายมาก แต่เทพประจำแม่น้ำก็ช่วยเหลือไซคี บอกเคล็ดลับต่างๆ จนไซคีทำภารกิจที่สองสำเร็จ
เมื่อผู้เป็นสะใภ้สำเร็จภารกิจมาได้ทั้งสองครั้ง ทำให้เทพีวีนัสคิดแผนการร้ายกาจที่สุดขึ้นมาได้ โดยรับสั่งให้ไซคี นำผอบไปขอเครื่องประทินโฉมจากเทพีเปอร์เซโฟนี มเหสีของ เทพฮาเดส แห่งยมโลกมาถวายพระนาง ซึ่งหมายถึง การส่งไซคีไปตายนั่นเอง
ไซคีท้อถอยหมดกำลังใจอย่างมากเมื่อรู้ความหมายของเทพีวีนัส นางจึงคิดว่า ดีเหมือนกัน ในเมื่อสามี ไม่เหลียวมองตนอีกต่อไปแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์อันใดที่จะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป ดังนั้น ไซค ีจึงขึ้นไปยังยอดผา เตรียมตัวกระโดดฆ่าตัวตายไปสู่ยมโลก แต่ยังไม่ทันที่ไซคีจะทำตามความตั้งใจ คิวปิดที่เฝ้ามองนางอยู่ จึงเอ่ยปลอบประโลมนาง อย่างอ่อนโยนด้วย ความรัก และ สงสาร ทว่าทิฐิ ก็ยังทำให้กามเทพ ไม่ยอมปรากฏกาย ให้ไซคีเห็น ไซคีได้ยินเสียงปลอบใจปริศนานั้นก็ทำให้มีกำลังใจสู้ต่อ คิวปิดบอกวิธีต่างๆ ในการไปนรก อย่างปลอดภัย ให้กับไซคี พร้อมกับย้ำเตือนนางไม่ให้นางเปิดผอบเครื่องประทินโฉมนั้นเป็นอันขาด
ในที่สุดนางก็ได้รับมอบผอบทองคำ จากเทพีเปอร์เซโฟนี ซึ่งย้ำเตือนไซคีว่า ห้ามเปิดดูผอบเป็นอันขาด อย่างไรก็ตาม ไซคีไม่สามารถอดใจได้ เพราะคิดว่าเครื่องประกอบความงามนั้น จะทำให้เธองดงามกว่าเดิม เพื่อว่าสามีของเธอ จะเกิดความยินดี เมื่อได้พบหน้าเธออีกครั้ง เมื่อเปิดผอบขึ้น เธอก็ล้มสลบลงทันที เพราะเครื่องประกอบความงาม ที่อยู่ในผอบก็คือเวทมนตร์แห่งความหลับใหลในยมโลก (ตรงนี้เป็นการบอกว่า เคล็ดลับ รักษาความงาม ก็คือการได้นอนหลับพักผ่อน อย่างเพียงพอนั่นเอง)
เมื่อนางไซคีสลบไปดังกล่าว เทพคิวปิดที่เฝ้ามองอยู่ก็รีบเข้ามาช่วยเหลือนำเวทมนตร์แห่งความหลับใหลนั่น เก็บใส่ ผอบอย่างเดิม และปลุกไซคีให้ฟื้นขึ้น และชี้ให้ไซคี เห็นโทษของความอยากรู้อยากเห็นที่เกิดขึ้นกับนางถึงสองครั้ง แล้ว จากนั้นคิวปิดได้ทูลขอมหาเทพซุส ช่วยเกลี้ยกล่อมให้เทพีวีนัสยกโทษให้ไซคี และ บันดาลให้นางไซคี ได้ความเป็นอมตะ เช่นเหล่าทวยเทพทั้งหลาย ตั้งแต่นั้นเทพคิวปิดและนางไซคีจึงได้ครองคู่อย่างเป็นสุขเป็นต้นมา
หากเราถอดความหมายแล้วก็จะได้ว่า ชีวิต ครอบครัว จะดำรงอยู่ได้ก็ต่อเมื่อมีความไว้วางใจซึ่งกัน และกัน และหากเกิด อุปสรรคใดๆ ขึ้นมา ครอบครัวนั้นก็ต้องฝ่าฟันอุปสรรค และจะได้รับความสุขเป็นรางวัล
Eros - God of Love
The God of love, Eros has been worshipped by people for various reasons. Here is a look at some stories from Greek mythology that revolved around this mighty God.
Has Cupid ever struck you with his arrow to make you fall deeply in love with someone? Well, Cupid, the God of love is an important figure in Roman mythology. Where as, as per the Greek mythology, Eros has always been the God of love in all forms. Eros - God of love is worshipped for many reasons. This God is a prominent figure in Greek mythology. Eros is also known as the liberator. (Eleutherios)
There are many versions in Greek mythology that speak about the God of love and lust- Eros. As per the myth, Eros was the son of the Aphrodire and Ares. Plato however, had his own definition about Eros. In Greek mythology, Aphrodite is the Greek Goddess of love, beauty and sexual reproduction. Ares, also known as the Olympian God of warfare is the son of Zeus and Hera. Another myth mentions the God has evolved from cosmic or nothingness! There are other myths that refer to him as the son of Hermes or Hephaestus or that of Porus and Penia.
In pictorial depiction, Eros, the God of love is often shown as a cherubic boy. He is found in all forms of art. He is represented as a nude child with wings holding a bow and arrow. Eros is mentioned having two types of arrows, one, which is golden with dove feathers and the other with owl feathers. The arrow with the dove feathers was known to arouse the feelings of love. This arrow was often shot by Eros at the hearts of Gods or even mortals.
As an adult, Eros is represented as a tall man with an athletic built who personified beauty in every way. This God is also considered to be the God of fertility and sexual desire. The Roman name for Eros is cupid.
The Greek Mythology of Eros and Psyche :
Apuleius’ Latin novel, ‘The Golden Ass’, talks about the relation between Eros and Psyche. This is the first time these characters were first spoken in print. The story speaks about the love and the establishment of trust between Eros and Psyche. The story unfolds speaking about an envious Goddess Venus who does not appreciate the mortal woman – named Psyche simply because of her beauty. Venus thereby instructs her son, Eros, referred to as Cupid, to make use of his golden arrows on Psyche so that she falls in love with an evil person on earth. However, when Eros agrees for the same, he happens to get pierced with one of his own arrows while trying to lean and get a better look at Psyche. This is when he falls in love with her completely.
The further result of this is mentioned as Psyche being unsuitable to marry any man although her beauty is appreciated, she is not wanted as a bride. This is when Psyche is carried away by the wind to a valley on the instructions of an oracle that asks her parents to abandon her on a mountain. This is when Eros is said to have visited her every single night. Both then fall in love with each other although, Psyche was never allowed to see who visited her. Eros thus kept courting her in the dark. Here, Psyche was given all the luxuries that caused her two sisters to be completely jealous. The sisters then fill Psyche’s mind with rumors about her man being a ‘monster’.
Influenced by their vile thoughts, Psyche who has never seen her husband gets instigated to kill Eros but when she sees his handsome face in the light of the lamp, she drops some hot oil on his shoulder quite by mistake. This is when Eros wakes up and leaves her forever for she had not displayed trust in him. The wounded Psyche then wanders all over earth in search of her lost love. After many adversities and trials by Venus given to Psyche as punishment, Eros and Psyche finally reunite where they have a daughter named Voluptas.
In the ancient mythology, Eros symbolizes love in physical and spiritual sense as well. The word - erotic has been derived from this name. Eros thus remains to be the primary force that brings about love between two people. This God is one of the most beautiful and worshiped amongst all Gods and is represented in all forms of art.
No comments:
Post a Comment
Note: Only a member of this blog may post a comment.