ตามที่สัญญา ( ฝ่ายเดียวของคนเล่าเอง) ว่า
จะ มาเล่าเบื้องหลังการถ่ายทำ ละคร ตำนานจอมกษัตริย์เทพสวรรค์ ซึ่ง ตัวคนเล่าเองอ่อนแอ กับภาษาต่างประเทศ ส่วนการขึ้นภาพ ขึ้น คลิป VOD ก็ทำไม่เป็น เนื่องจาก เป็นคน Low tech ต้องรอ คุณ Roytavan หรือคุณ Kelly หรือคุณ Snowbyj แต่เพื่อไม่ให้ว้าเหว่ เวลาเพื่อนๆ มาหาแวะเยี่ยมเยียน Amornbyj ก็เลยขอทำงานในส่วนที่ตัวเองพอทำให้ได้ไปก่อน และเพื่อนๆหลายๆท่านก็อยากอ่าน เรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ของเกาหลี โดยเฉพาะ คุณ Pagung คุณ Yimpan คุณ genbu เป็นต้น อาจจะเล่าไม่ตรงกับที่เพื่อนๆ อยากทราบ เพราะก็คงเล่าได้ตามวัตถุดิบที่มีอยู่เท่านั้น ( ประมาณ ว่า....ผลิตภัณฑ์ ต่างๆ ก็ผลิตได้ตาม วัตถุดิบที่มี น่ะค่ะ)
ถือว่าเล่าสู่กันอ่านสนุก ๆก็แล้วกันนะคะ เบื้องหลังครั้งนี้ ถอยหลังไปในอดีตกาล ก่อนการถ่ายทำละคร ยาวนานมากเลยทีเดียว หลายภพหลายชาติ กว่าจะมาถึง สมัยขององค์ชาย ทัมด๊ก
เป็นที่ทราบว่า ประวัติศาสตร์เกาหลี จริงๆ หาอ่านได้น้อยมาก เท่าที่ทราบมาที่ปรากฏอยู่ เป็นประวัติศาสตร์ ที่มาจาก จีนบ้าง ญี่ปุ่นบ้าง แล้วก็นำมาแปลอังกฤษกัน แต่ตอนนี้ ทราบว่า เกาหลี มี Web เล่าประวัติศาสตร์ของตัวเองแล้ว และแน่นอนเป็น ภาษาอังกฤษ ถ้า ให้ Amornbyj นำมาเล่า ต้องใช้เวลา เป็น ปี ๆ ค่ะ ถึงจะเล่าได้ ก็เลยขอนำข้อมูล ที่มีอยู่แล้ว มาเล่า
คาบสมุทรเกาหลี เป็นคาบสมุทรเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของทวีปเอเชีย มีประวัติความเป็นมาอันยาวนานกว่า 5 พันปี มีเรื่องราวชาติต่างๆก่อนที่จะมาเป็นประเทศเกาหลี ที่น่าสนใจ
เรื่องเล่าต่อไปนี้ เป็นข้อมูล ภาษาไทย ที่แปลมาจาก ภาษาเกาหลี คือหน้าหนังสือจะแบ่งครึ่ง ด้านซ้ายเป็นภาษาเกาหลี ด้านขวาเป็นภาษาไทย โดยในนิตยสาร บอกว่า เป็นข้อความที่ บันทึกในหนังสือประวัติศาสตร์เกาหลี ชื่อ “ซัมคุกยูซา” จะนำมาเล่าให้อ่าน แบบคงชื่อ และข้อความ ตามนิตยสาร about Korea นะคะ ( ถ้าเป็น วงเล็บภาษาไทย คือ คนเล่า แทรกลงไปเองนะคะ) หากข้อมูล มีความขัดแย้งกับ ข้อมูลแหล่งอื่น ขอให้ถือ ว่า นี่เป็นเรื่องเล่าประเภท ตำนาน หรือ บทความของนักเขียนคนหนึ่ง ที่ Amornbyj ไปอ่านเจอ และนำมาถ่ายทอดต่อ ไม่ขอฟันธงว่า เป็น ประวัติศาสตร์ทั้งหมดนะคะ
ในสมัยโบราณมีกษัตริย์องค์หนึ่งในฟ้าสวรรค์ ชื่อ ฮวัน-อิน ( Hwan In) พระองค์ มีพระโอรส ชื่อ ฮวัน-อุง(Hwan-ung) ฮวัน-อุง ใคร่ครอบครองโลกมนุษย์ ปรารถนาที่จะลงมาบนโลกนี้วันหนี่งกษัตริย์ ฮวัน-อิน เห็นว่าถ้าตั้งเมืองที่ ถูเขา แพ็กดูซัน จะเกิดประโยชน์ แก่มวลมนุษย์ จึงทรงประทาน ตราประทับ และผ้ากำยาน ซึ่ง แสดงถึงอำนาจของพระเจ้าให้แก่พระโอรสและอนุญาตให้ลงมาบนโลกนี้
ฮวัน-อุง พาเหล่าเสนาลงมา 3 พัน ( ไม่แน่ใจว่าจะใช้ ว่าคน หรือองค์ แต่ถ้ามาจากสวรรค์ ควรใช้คำว่าองค์ ) และตั้งเมืองที่ถูเขาแพ็กดูซัน ชื่อเมือง “ชินโด” แปลว่า “ เมืองแห่งพระเจ้า” และตั้งชื่อพระองค์เองว่า “ กษัตริย์ในสวรรค์ ฮวัน-อุง "
พระองค์ให้เหล่าเทพเจ้าควบคุม ฝน เมฆ ลม ดูแลมนุษย์ ในเรื่อง พืชที่เป็นอาหาร อายุ โรค การลงโทษ ความดี และความชั่ว นอกจากนี้ให้ควบคุม 360 เรื่อง ของมนุษย์ ทรงปกครองไพร่ฟ้าด้วยเมตตาธรรมเสมอมา
ในเวลานั้นมีหมีและเสือ อย่างละ หนึ่งตัว อาศัยอยู่ในถ้ำ มาทูลขอกับพระองค์ขอให้เป็นมนุษย์ พระองค์ ทรงประทาน ผักขมและกระเทียม ให้ พร้อมทั้งบอกว่า ถ้าเจ้ากินสิ่งนี้และไม่ได้เห็นแสงอาทิตย์ เป็นเวลา 100 วัน ก็จะเป็นมนุษย์ ( ความหมายคือ แปลว่าให้บำเพ็ญศีลอยู่ในถ้ำ ห้ามออกมา ล่าอาหาร หาอาหารไหมคะ )หมีและเสือ เข้าไปอยู่ในถ้ำ เสือ ทนไม่ได้ออกจากถ้ำไปก่อน หมี มีความอดทนกว่า กลายเป็นผู้หญิง หลังจากนั้น 21 วัน ได้ชื่อว่า “อุง-นิยอ” แปลว่าหญิงหมี ต่อมา อุง-นิยอ ใคร่ที่จะมีลูก แต่ไม่มีชายจะแต่งงานด้วย จึงไปอธิษฐานที่ใต้ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เสมอๆ ฮวัน-อุง สงสาร จึงแปลงกายเป็นมนุษย์ผู้ชาย แต่งงานกับหญิง อุง-นิยอ ( เพศหญิง เป็นเพศที่มีความอดทนเห็นไหมคะ สงสัยจริงๆว่า เสือ ตามตำนานตัวนั้นถ้าเป็นมนุษย์จะเป็นเพศอะไรหนอ)
ต่อมา อุง-นิยอ ได้คลอดบุตรชาย คนหนึ่ง ตั้งชื่อว่า “ ทัน-กุน-วัง-ค็อม” เมื่อ “ทัน-กุน “ เติบโตเขาได้ลงมาจากภูเขาแพ็กดูซันและสร้างประเทศชื่อ “ โคโซซอน “ ตั้งเมืองหลวง ที่เมือง “ อาซาดัล”
( ใน ละคร ตำนานจอมกษัตริย์เทพสวรรค์ จึงมี 3 เทพ คือ
-อุนซา –มังกรนำเงิน เป็นเทพเจ้าแห่งเมฆ ปกป้องดูแล รักษาทิศตะวันออก มีเครื่องรางคือหัวหอก
-พุงแบก – เสือขาว เป็นเทพเจ้า แห่งลม ปกป้องรักษาทางทิศตะวันตก มีเครื่องรางคือ โลหะ
-อูซา – งูเต่าดำ เป็นเทพเจ้า แห่งฝน ปกป้องรักษา ทิศ เหนือ มีเครื่องรางคือไม้เท้า
ยังขาดทิศใต้ และ Amornbyj ขอสันนิษฐานแบบคิดเอาเองไม่ได้มีข้อสมมติฐานใดๆว่า บนสวรรค์ ไม่ต้องใช้ไฟ เลยไม่มีเทพเจ้าแห่งไฟ ฮวัน-อุง เลยต้องหาเทพนี้เองเป็นเทพที่สี่คือ
-จูจัก หรือ ฟินิกซ์ เป็นเทพเจ้าแห่งไฟ คอยปกป้องรักษาทิศใต้ มีเครื่องราง คือจี้ทับทิม
นอกจากนี้ก็มี ชนเผ่า เสือ ชนเผ่าหมี มีต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ มีเมือง จูซิน รวมทั้ง มี สิ่งศักดิ์สิทธิ์ คือดาบจูมง ที่กลายเป็น ธนูวิเศษได้ แต่ใน เรื่องเล่านี้ บอกว่า เป็นตราประทับและผ้ากำยาน)(อันที่จริง มีการเล่าเรื่อง ทันกุน อยู่แล้ว ในตอนต้นๆของการเล่าเรื่องย่อ ละคร ตำนาน ฯ แต่เอามาเล่าซ้ำอีก เพราะข้อมูลมาจากคนละที่กัน ก็ขอให้ อ่านแบบเห็นความหลากหลาย ของข้อมูลก็แล้วกันนะคะ อันที่จริง รวมความแล้วก็คล้ายกัน เพราะเป็นตำนานจริงคงเป็นมาแบบนี้)
(ภูเขาแพ็กดูซัน ปัจจุบันอยู่ในจีน ค่อนไปทางรัสเซีย)
ทันกุนวังค็อม เมื่อลงมาจากภูเขา แพ็กดูซันซึ่งเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่ง สร้างประเทศ โคโซซอน ตั้งเมืองหลวงในสถานที่ที่ชื่อ อาซาดัล ปกครองตามความปรารถนาของพระบิดาคือ ฮวัน-อุง คือให้มนุษย์ทุกคนได้ประโยชน์กันอย่างถ้วนหน้า การปกครองแบบนี้เรียกว่า “ โฮง-อิก-อิน-กัน “
คำว่า “ทัน-กุน-วัง-ค็อม” เป็นชื่อเรียกของกษัตริย์ในประเทศ โคโซซอน คำว่า “ทันกุน” หมายถึงผู้นำทางศาสนา ส่วนคำว่า “วังค็อม” หมายถึงผู้นำทางด้านการเมือง “ ทัน-กุน-วัง-คอม” หมายถึงผู้ที่คุ้มครองการเมืองและการบูชา ในสมัยโคโซซอนมี ทันกุน ทั้งหมด 47 องค์
ทัน-กุน-วัง-ค็อม ได้ตั้งกฎหมายชื่อว่า “ กฎ 8 ข้อ “ และทำให้ประเทศพัฒนาขึ้นด้วยการผลิตเครื่องมือ จากเหล็ก ทองแดง ดังนั้นในก่อน คริสต์ศักราช ศตวรรษ ที่ 4 โคโซซอนได้เข้ายึดและปกครองเมือง โยริยอง (แผ่นดิน จีน) แมนจูเรีย ตลอดจนทางเหนือของคาบสมุทรเกาหลี โดยเอาเมือง โยริยอง เป็นศูนย์กลางทางด้านการทหาร ช่วงเวลานี้ เป็นช่วงเวลาทองของโคโซซอน แต่ต่อมา ประเทศ โคโซซอน ได้มีการเปลี่ยนแปลงผู้ปกครองจากสมัย “ทันกุน” โดยคนชื่อ “วีมาน” และในก่อน ค.ศ. 194 วีมานได้สร้างกำลังทหารไว้ บริเวณทางทิศตะวันตกของโคโซซอน และตั้งราชวงศ์ วีมาน ราชวงศ์วีมานได้สืบทอดบัลลังก์มาจนถึงกษัตริย์ วูกอ ผู้เป็นหลานชายของวีมาน แต่ก่อนปี ค.ศ. 108 โคโซซอน ล่มสลายโดยราชวงศ์ฮั่นในแผ่นดินจีน ซึ่งราชวงศ์ฮั่น เป็นราชวงศ์ที่ทำให้เผ่าเล็ก ๆ ในแผ่นดินจีนในสมัยนั้นได้รวมตัวกัน เป็นประเทศ
ฮั่น กลัวโคโซซอน จะเรืองอำนาจมากขึ้น จึงบุกรุกและล้อมกำแพง วังก็อม ทำให้โคโซซอนล่มสลาย
( ในละคร เรื่อง จูมง ที่เข้า มา ออนแอร์ ที่บ้านเรา จำได้ว่า มีตอนหนึ่ง ที่จูมง ไปได้ แผนที่เก่าแก่ ของเมืองโคโซซอน เมื่อจูมง กางแผนที่ออกดู จูมง บอกเหล่า ทหารคู่ใจว่า อาณาจักรของโคโซซอน ช่างกว้างใหญ่ไพศาล มากจริงๆ)
หลังจากที่ฮั่นได้ยึดครองโคโซซอน ฮั่นได้ตั้งฐานทัพ 4 แห่ง คือ อิมดุน ชินบอน ฮิยอนโด นังรัง และตั้งกฎ 60 ข้อ เพื่อปกครองโคโซซอน
เมื่อแรก โคโซซอนต่อสู้เก่ง แต่ระบบทางการเมืองของโคโซซอน มีปัญหาอย่างหนึ่ง คือ โคโซซอน ไม่ได้ ใช้ระบบการปกครองจากส่วนกลาง แม้ว่ามีกษัตริย์ แต่กษัตริย์ ไม่ได้ปกครองโดยตรง แต่ได้ตั้งหัวหน้ากองทัพให้ปกครองในเขตพื้นที่ของตน เรียกระบบนี้ว่า “ ระบบการร่วมมือ” ดังนั้นจึงทำให้แตกแยกกันง่าย ส่วนในประเทศฮั่นใช้ระบบอำนาจจากส่วนกลาง คืออำนาจทุกอย่างอยู่ที่กษัตริย์ ( จน กษัตริย์จูมงได้สถาปนา อาณาจักร โคคุริออ (โคคุเรียว) ก็ยังคงใช้ระบบนี้ เพิ่งมีการ เปลี่ยนแปลง ในสมัยของทัมด๊ก ซึ่งในละคร ได้กล่าวเล่าไว้ในตอน ที่ 22 ดังนี้
เมื่อถึงปราสาทโกกแน ทรงรวบรวมกองทัพทั้งสี่แคว้น เป็นกองทัพทั้งหมดของโคคุเรียว อยู่ภายใต้ กษัตริย์ ทรงรวบรวม ห้าแคว้น ให้มีการปกครองภายใต้การปกครองเดียวกัน และชำระกฎหมายให้เป็นหนึ่งเดียวภายในแคว้นต่างๆ และทรงนำเอาพระ ราโชวาท ของกษัตริย์ โซซูริม เพื่อเป็นผู้ปกครองที่ทรงอำนาจ ทรงทะนุบำรุงการศึกษา และให้มีสำนักปรัชญาเป็นแหล่งรวมความรู้ Taehak และ Kyongdang ผลิต ผู้มีความรู้ความสามารถ ในด้านต่างๆ )
ฮั่น ตระหนักว่า โจมตี โคโซซอนยาก จึงใช้วิธีทำให้เกิดความห่างเหินระหว่างหัวหน้ากองทัพกับลูกน้อง จึงนำชัยชนะมาได้อย่างง่ายดาย
ในประวัติศาสตร์เกาหลี “ โซซอนทันกุน” หมายถึงสมัยที่ สกุลทันกุนปกครอง และ”โซซอนวีมาน” หมายถึงสมัยตั้งแต่วีมานยึดอำนาจจนถึงล่มสลาย ชื่อประเทศ ดั้งเดิม ที่ ทันกุน สร้าง คือ โซซอน แต่เราเรียก โคโซซอน เพื่อแยกออกจากสมัยที่วีมานปกครองโซซอน คำว่า โค แปลว่าเก่า โคโซซอน คือสมัยที่ทันกุนวังค็อม จนถึงราชวงศ์สุดท้ายที่ทันกุนปกครองนั่นเอง
มีหลายแนวความคิดที่พูดถึงคนชื่อ วีมาน ว่าเป็นคนจากประเทศไหนที่เข้ามาแทนราชวงศ์ ทันกุน ถ้า วีมานเป็นคนจีนที่อพยพมาจากแผ่นดินจีน เรื่องราวของโซซอนวีมาน ก็กลายเป็นประวัติของจีน บางคนก็บอกว่า วีมาน น่าจะเป็นคนโซซอน ที่อพยพมาจากจีนเข้ามาในแผ่นดินโซซอน ซึ่งในขณะนั้นฮั่นรวบรวมเผ่าเล็กๆ ของแผ่นดินจีนให้เป็นประเทศ สามารถพบหนังสือโบราณได้ว่า เมื่อ วีมาน เข้ามาในโซซอน ทรงผมและชุดที่เขาสวมใส่เป็นแบบโซซอน และใช้ชื่อประเทศโซซอน เหมือนเดิม แทน ที่จะใช้ชื่อแบบจีน(ถ้าเขาเป็นคนจีน) และใช้ระบบข้าราชการแบบโซซอน ดังนั้นประวัติศาสตร์ทั้งเกาหลีใต้และเกาหลีเหนือ ยอมรับกันว่า วีมาน เป็นคนโซซอนแน่นอน เพราะสามารถดูได้จากการแต่งกายและการใช้ชื่อประเทศ ฉะนั้นเรื่อง โซซอนวีมาน จึงเป็นประวัติศาสตร์ของเกาหลีโดยไม่ต้องสงสัย หลังจากสมัยโซซอนวีมานได้ปิดฉากลง คาบสมุทรเกาหลีมีประเทศเล็กๆ เกิดขึ้นหลายประเทศ คือ บูยอ โคคุริออ โอกจอ โดงเย ซัมฮัน มีเรื่องราวพอสังเขป ดังนี้
1...บุกบูยอ
สร้างโดยคนชื่อแฮโมซู B.C . 239 บริเวณที่ บุกบูยอ ครอบครองคือ ทางเหนือของ แมนจูเรีย ต่อมา B.C 86 โดงบูยอ (ภาคตะวันออกของบูยอ) ได้แยกไปตั้งประเทศ ไม่นานนัก นัมบูยอ (ภาคใต้ของบูยอ) ก็แยกตัวออกเป็นประเทศเช่นกัน อาณาจักรบูยอ คือบูยอ ทั้งหมดดำรงถึงศตวรรษที่ 5 แต่ในปี 410 ต้องล่มสลาย โดยกษัตริย์ของโคคุริออ องค์ ที่มีพระนามว่า ควัง แก โท แด วังในช่วงต้นศตวรรษที่ 1. บูยอเป็นประเทศที่แข็งแกร่งกว่า โคคุริออ หนังสือชื่อ ซัมคุกจี ได้บันทึกไว้ว่า “พื้นที่อาณาจักรบูยอทั้งหมดมีถึง 2 พันลี้ เป็นประเทศที่มีพื้นที่ราบและกว้างที่สุดในประเทศแถบตะวันออก”
บูยอ มีระบบทางประเพณีที่น่ากลัวอย่างหนึ่ง เรียกว่า “ ซุนซังเจ” คือ เมื่อ เจ้านายหรือสามีตาย ก็ให้ฝังทาส และภรรยาพร้อมกับผู้ตาย (ฝังทั้งเป็น) เพราะคนบูยอเชื่อว่า มีโลกหลังความตายจึงต้องฝังทั้งครอบครัว เพื่อให้ไปปรนนิบัติรับใช้ต่อยังโลกหน้า ( ไม่พูดถึงลูกนะคะ คงไม่ฝังลูกด้วย แน่ๆ อย่างไรเสียต้องมีคนสืบต่อวงศ์ตระกูลนี่นา)
2.โคคุริออ
เมื่อ B.C. 37 โคคุริออ เป็นประเทศ ที่สร้างบริเวณแม่น่ำ โดงกากัง โดยคนชื่อ โค จูโมง ซึ่งอพยพมาจากโดงบูยอ (ภาคตะวันออกของบูยอ ข้อ 1.ค่ะ) เกาหลี เราเรียก โค จูโมง ผู้สร้างโคคุริออ ว่า โดงมียองวัง คำว่า โดงมียองวัง แปลว่ากษัตริย์นั่นเอง เช่นโดงมียองวัง รัชกาลที่ 1ของโคคุริออ คือ โคจูโมง
โค จูโมง เป็นคนประเทศโดงบูยอ อพยพมาที่ชลบนบูยอ เพราะเจ้าชายทั้ง 7 ของโดงบูยอ (ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือตรงไหน ของบูยอข้อ 1. คนแปลมาไม่เห็นกล่าวถึงอยู่ ๆ ก็เอ่ยถึง ชลบนบูยอ)ต่อมา โค จูมง ได้แต่งงานกับเจ้าหญิงของกษัตริย์ชลบนบูยอ คนที่ 2 แล้วเมื่อ กษัตริย์ชลบนบูยอ สิ้นชีวิต โคจูมงได้ขึ้นเป็นกษัตริย์แทนและเปลี่ยนชื่อประเทศใหม่จาก ชลบนบูยอ เป็น โคคุริออ โดยใช้สกุลตั้งชื่อประเทศ คือ โค
( เท่าที่เล่ามาถึงตรงนี้ ส่วนตัวแล้ว รู้สึกว่า คำว่า ประเทศ น่าจะใช้คำว่า อาณาจักร และเรื่อง ที่โคจูมงตั้งอาณาจักรโคคุริออ จากเรื่องของละคร จูมง มหาบุรุษกู้บัลลังก์ ดู สมจริงน่าเป็นไปได้ คำว่ากษัตริย์ ชลบนบูยอ น่าจะเป็นแค่ผู้นำ เผ่าหรือแคว้นมากกว่าไหมคะ ก็ไม่ได้คัดค้านเรื่องเล่าของหนังสือ about Korea นะคะ นี่เป็นการเล่าไป บ่นไป สงสัยไป เท่านั้นเอง)
ประเทศโคคุริออ ได้พัฒนาเป็นประเทศที่เข้มแข็งมากที่สุดหลังจากที่บุกบูยอเสื่อมถอยลง โคคุริออ ชื่นชอบศิลปะการต่อสู้
และมีประเพณี อย่างหนึ่งเรียกว่า “เดริลชาวีเจ” คือ เมื่อลูกสาวแต่งงานก็จะพาสามีเข้ามาอยู่ในบ้านของพ่อแม่ของตน โดยจะต้องช่วยพ่อแม่ฝ่ายหญิงทำงานเช่น ทำนา ตาม ระยะเวลาที่ได้อยู่อาศัยกับพ่อแม่ของฝ่ายหญิง ก็แล้วแต่จะตกลงว่าจะอยู่ที่นั่น กี่ปี หลังจากนั้นถึงจะกลับไปพักอาศัยยังบ้าน ของตนเอง
(คนเกาหลีค่อย ๆถอยร่นลงมาทางใต้เรื่อยๆ จาก โคโซซอน ที่อยู่เหนือสุด ร่นลงมาเป็นอาณาจักรบูยอ โคดุริออ อยู่ใต้ลงมาจากบูยอ ทั้งโคดุริออและบูยอ ปัจจุบันอยู่ในแผ่นดินจีนค่ะ แล้วร่นมาเป็นโอกจอ แล้วใต้สุด คือโดงเย ซึ่งต่อมาถูกรวมเป็นชิลลา และคือเกาหลีใต้ กรุงโซลในปัจจุบันนี้นั่นเอง )
3.โอกจอ
เป็นประเทศไม่มีกษัตริย์ปกครอง แต่จะมีผู้ปกครองท้องถิ่นแทน พื้นที่ของโอกจอคือมณฑล ฮัมคิยองโด ซึ่งเป็นแผ่นดินเกาหลีเหนือในปัจจุบันโอกจอเป็นดินแดนที่ อุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูก มีท้องทะเลอุดมด้วยสัตว์น้ำ มีผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากทะเลเยอะมาก แต่โอกจอจะต้องถวายของบรรณาการให้แก่ โคคุริออ ทุก ๆ ปี
โอกจอเริ่มกลายเป็นแผ่นดินของโคคุริออ เรื่อยๆ ในที่สุดกษัตริย์ จางซูวัง( โอรสของกษัตริย์ ควังแกโท )ได้เข้าปกครองโอกจอและรวบรวมโอกจอให้เป็นแผ่นดินเดียวกับโคคุริออ ทั้งหมด
โอกจอมี ประเพณี “มินมิออนิรี” คือการพาเด็กผู้หญิงที่ต้องการให้เป็นลูกสะใภ้มาเลี้ยงดูที่บ้านจนเป็นผู้ใหญ่ แล้วจึงให้แต่งงานกับลูกชายของตน ( นี่เป็นประเพณี ดั้งเดิม ถ้าเป็นสมัยนี้ ที่บ้านเรา เรียกว่า เลี้ยงต้อยไหมคะ)
โอกจอ ปัจจุบันเป็นแผ่นแดน ของเกาหลีเหนือ
4. โดงเย
พื้นที่ของประเทศนี้คือมณฑล คังวอนโด ซึ่งคือประเทศเกาหลีใต้ในปัจจุบัน ประเทศ โดงเย ก็เป็นประเทศไม่มีกษัตริย์ปกครองเช่นเดียว กับ โอกจอโดงเยเป็นประเทศที่ ประกอบด้วยเผ่าหลายเผ่า ดังนั้นมีกฎห้ามโจมตีเผ่าอื่นที่เป็นพันธมิตร ถ้ากรณีที่โจมตีเผ่าอื่นที่เป็นพันธมิตร ผิดกฎ เผ่าที่ไปโจมตีเขาจะต้องชดเชยด้วยม้าหรือวัว
และทางภาคใต้ของโดงเย ภายหลังกลายเป็นแผ่นดินของประเทศ ซิลลา ตั้งแต่สมัยของกษัตริย์อาซาดัล รัชกาลที่ 8 ของซิลลา
ส่วนภาคเหนือของ โดงเย กลายเป็นแผ่นดินของ โคคุริออ โดยการโจมตีของกษัตริย์ จางซูวัง และโดงเย มีกฎห้ามแต่งงานกับคนต่างเผ่า
โดงเย (ตอนใต้) ปัจจุบัน เป็นแผ่นดิน ของเกาหลีใต้
ปรากฏว่า หนังสือ about korea ประสบปัญหาเรื่องตัวแทนการจัดจำหน่าย จึงหยุดพิมพ์ ตั้งแต่เดือน พ.ค.49 ก็เลยได้ ข้อมูล ของประวัติ ชนชาติเกาหลีมาแค่นี้
แต่ ใน วิกิพีเดีย
แบ่ง อาณาจักร ของ เกาหลีโบราณ ดังนี้
1.Gojoseon
ในปี ก่อน ค.ศ 2333- ก่อน ค.ศ.108 แยกเป็น
1.1 Pre – Gojoseon (BCE 2333 - BCE 1128)
เริ่มต้นจาก Dangun Wanggeom ( ก่อน ค.ศ 2333-ก่อน ค.ศ 2240)
เอ น่าตกใจนะคะ ลองลบปีท้าย-ปีเริ่มต้น เป็นตัวเลข 93 ปี นะคะ เอ๊ะ ช่างเป็นเหตุการณ์ ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย กับ กษัตริย์ จางซูที่มีพระชนม์ 97 พรรษา ( ทันกุน วังคอม เป็นโอรส กษัตริย์ สวรรค์ ฮวัน-อุง) แล้วในละคร มาสื่อ กษัตริย์ จางซู เป็นพระโอรสสวรรค์ จาก ทัมด๊ก ( ก็ อวตารจาก ฮวัน-อุง นั่นเอง) นี่ เดจาวู จริงๆหรือ)และมี ทันกุน ทั้งสิ้น 47 องค์ องค์สุดท้ายชื่อ Goyeolga ( BCE 1158- BCE 1128)
1.2.แล้วก็ มี Gija-joseon
( Controversy ว่ามีDangun Joseon was succeeded by Gija-joseon.but that is debatable )
มี กษัตริย์ อีก 41 องค์ ( 1126 BCE- 195 BCE )
1.3.มี Wiman joseon
มี กษัตริย์ อีก 3 องค์ จาก
Wiman of Gojoseon ,
Son of Wiman, และ
Ugeo of Gojoseon รวม 3 องค์ ในช่วง ปี ( 194 BCE-108 BCE )
2. Buyeo
เริ่มจาก Haemosu of Buyeo ( 239- 195 BCE)
และมีกษัตริย์ต่อ อีก 3 องค์ รวมเป็น 4 องค์ สิ้นสุดราชวงศ์ ในปี 86 BCE
2.1 แล้ว เป็น Buk buyeo
มีกษัตริย์ 2 องค์ จากปี 108-58 BCE
2.2 Dong Buyeo
( ในละคร จูมง คือ เมืองพูยอ สมัยนี้) ที่มี กษัตริย์ 3 องค์ คือ
Hae Buru of Dong Buyeo ( 86-48 BCE )
Geumwa of Dong Buyeo ( 48-7 BCE)
Daeso of Dong Buyeo ( 7 BCE - 22 CE)
3. Goguryeo ( 37 BCE -668 CE )
จาก ละคร จูมง เริ่มที่ กษัตริย์ องค์ ที่ 2 ของ Dong Buyeo คือ กษัตริย์ กึมวา ของ โดงบูยอ ต่อ ด้วย กษัตริย์ แทโช ของ โดงบูยอ ก็คือ ความเป็นมา ของเมือง พูยอ ใน ละคร จูมง มหาบุรุษกู้บัลลังก์ ที่สถานีโทรทัศน์ MBC ถ่ายทำละคร และ มาออนแอร์ ที่บ้านเรา ปีที่แล้ว คงไม่ต้องเล่า ถึงการที่ โคจูมง สถาปนา อาณาจักร โคคุริออ (โคคุเรียว) และต้องขับเคี่ยว กับทั้งกษัตริย์ กึมวา และ กษัตริย์ แทโช พระโอรส ของกษัตริย์กึมวา พวกเราก็ วาดจินตนาการประวัติศาสตร์ ของเกาหลี ตามละครก็แล้วกันนะคะ แต่มีข้อแตกต่างในประเด็น ที่ องค์ชาย พีริว และองค์ชาย ออนโจ โอรส ของราชินี ซอซอนโน ในละคร จูมง ทั้ง 2 องค์ ชาย ไม่ใช่พระโอรส ของ จูมง เป็น เพียง โอรส ติดพระมารดา ซอซอนโน มา มีพระบิดาจริง เป็นเพียงผู้คุมกองทหารของแคว้นเครุ แคว้นชาติกำเนิดของ ราชินี ซอซอนโน และบิดาของซอซอนโนท่านเสนาบดี ยอนทาบัล (ตามบทบาทของละคร จูมง ซึ่งในละคร จะสื่อว่า ยอนทาบัล และซอซอนโน เป็นผู้นำสูงสุด ของการรวมตัว ห้าแคว้น เช่น บีเริยว กวานโนและอื่นๆ บรรดาแคว้นเล็ก ๆ พวกนี้ รวมทั้งแคว้นเครุ รวมกัน แล้ว น่าจะเป็น อาณาจักร ชลบนบูยอ ไหมคะ)
องค์ชายยูริ เป็นพระโอรส กับชายา องค์แรกชื่อ เยโซยา ของจูมง ขณะที่มีศักดิ์เป็นองค์ชาย โอรสบุญธรรมของกษัตริย์กึมวา และเกิดพลัดพรากกัน จน รุ่นหนุ่ม ยูริตามหาพระบิดาจูมง พบ ราชินี ซอซอนโน เกรงเกิดปัญหา แย่งชิงบัลลังก์ โคคุเรียว จึงพาโอรส พีริวและออนโจ ไปสร้างเมืองใหม่ อยู่ทางใต้ลงไปจาก โคคุเรียว
จูมง เป็นปฐมกษัตริย์ ของ โคคุเรียว มีพระชนม์ 40 พรรษา (ครองราชย์ 37 BCE- 19 BCE )
จากวิกิพีเดีย ระบุ ว่า องค์ชาย Biryu และ องค์ชาย Onjo เป็น โอรส องค์ ที่ 2 และ 3 ของกษัตริย์จูมง ที่เกิดจาก มเหสีที่2 คือราชินี ชอซอนโน เมื่อ องค์ชาย Yuri ตามมาพบกษัตริย์ จูมง ที่โคคุเรียว และได้รับสถาปนา เป็นรัชทายาท องค์ชาย Biryu และองค์ชาย Onjo ที่ต่างพระมารดากัน เกรงความไม่ปลอดภัย จึง พากันออกจากอาณาขจักร โคคุเรียว มุ่งหน้าไปทางใต้ และได้ตั้งเมืองใหม่ 2 เมืองโดย องค์ชาย พีริว คนพี่ สร้างเมืองที่ มิชูฮอล ( ปัจจุบัน คือ เมือง อินชอน ในเกาหลีใต้ ส่วน องค์ชาย ออนโจ สร้างเมืองที่ วิเรซุง ตั้งเมือง Sipje ปัจจุบัน อยู่ใกล้กรุงโซล ต่อมา เมื่อ องค์ชายพีริว สิ้นพระชนม์ องค์ชาย ออนโจ ได้ รวม มิชูฮอล และSipje เป็น อาณาจักร แพคเจ Baekje และย้ายเมืองหลวง ไปที่ south of Hanam Wiryeoseong เพราะ Wiryeoseong มีชายแดน ติดต่อ กับ Malgalและเริ่มนับ การเป็นกษัตริย์ ของอาณาจักร แพคเจ ของกษัตริย์ ออนโจ ใน ปี 18 BCE- 29 CE)
ในวิกิพีเดีย เรื่องของ กษัตริย์จูมง ต่อนะคะ
เป็นที่กล่าวว่า จูมง เป็น บุตรชาย ของ HAE MOSU : ( the son of heaven ) และ พระมารดา Yuhwa : daughter of the river god Habaek ( ตำนานบอกว่า แฮมูซู พบ ยูฮวาที่ แม่น้ำ ในขณะที่ยูฮวา กำลังอาบน้ำ ,
But the river god disapproved of Hae mosu, who returned to heaven. The river god chased Yuhwa away to Ubalsu, where she met and became the concubine of King Geumwa of Dongbuyeo.
และ คำว่า Jumong มีความหมาย คือ “ Skilled archer “ (ผู้เชี่ยวชาญการยิงธนู) in Korean
เมื่อ จูมง เป็นกษัตริย์ After the death of his father in-law ( คือ พ่อของ So- Seo-No ) in 37 BC.Jumong became the 7 th Dangun of Bukbuyeo and reunited of the five tribes of Jolbon into one centralized kingdom. ( แสดง ว่า รวม Buyeo และ Buk Buyeo เป็นอาณาจักรเดียวกัน กษัตริย์จูมงถึงถูกนับ เป็น Dangun องค์ ที่ 7 แต่ Dong Buyeo แยกคนละอาณาจักรกัน)
And the first King of Goguryeo.
In 37 BC.,Jumong established Goguryeo, and became its first Taewang ( “ supreme King “ )
กษัตริย์ จูมง สิ้นพระชนม์ในปี ก่อนคริสต์สศักราช 19 ด้วยพระชนม์ 40 พรรษา
รัชทายาท ยูริ ได้ฝังพระศพของพระองค์ ที่สุสาน ปิรามิด *** และถวายพระนามพระองค์ว่า Chumo-seong wang
อาณาจักรโคคุเรียว ของกษัตริย์ จูมง เป็นอาณาจักรใหญ่ ที่มีอำนาจ และเข้มแข็ง มีอายุยืนยาว 705 ปี มีกษัตริย์ปกครองทั้งสิ้น 28 พระองค์ ในราชวงศ์ สกุล Go และล่มสลาย เพราะ ชิลลา ร่วมมือกับ ราชวงศ์ถังของจีน
และต่อมาเกิดอาณาจักร Balhae ( ปี ค.ศ. 669 - ค.ศ. 926 ) ก่อตั้ง โดย Dae Jung –sang ซึ่งเกิด ใน Goguryeo ซึ่งล่มสลายใน ปี ค.ศ. 668
ขอแบ่งเล่า เป็น ตอน ๆ แล้วกันนะคะ
****มีรูป สุสาน ของกษัตริย์ กวางแกโท มหาราช ที่ขุดค้นพบในประเทศจีน เป็นรูปทรง ปิรามิด เหมือนกันกับที่ วิกิพีเดียกล่าวว่า รัชทายาท ยูริ ฝังพระศพ กษัตริย์ จูมง ในสุสานทรงปิรามิด
จากกรณี เขาพระวิหาร ชนวนหนึ่งของการอภิปรายรัฐบาล เมื่อวันสองวันนี้ ทางทีวี ช่อง 9 ได้นำสารคดี กรณีที่จีน ได้ ยื่นขอนำสุสาน กษัตริย์ กวางแกโท มหาราช จดทะเบียน มรดกโลก อันดับที่ 28 และเกิดความขัดแย้งกับ เกาหลี และส่งผลกระทบความสัมพันธ์ ระหว่างประเทศ ของ ทั้ง 2 ประเทศ และส่งผลมากมาย มาที่ละคร TWSSG หรือ The Legend ในขณะถ่ายทำด้วย สถานีโทรทัศน์ ช่อง 9 มีการนำภาพภายในสุสานซึ่ง มีภาพวาด ของกษัตริย์ และอื่นๆ มาถ่ายทอด ด้วย น่าเสียดาย ที่ถ่ายทอด ตอนบ่าย จัด ๆ ของ วัน ทำงานรูสึกว่าจะเป็นวันศุกร์ ที่ 27 /06/08
ยังไม่มีเวลา ไปรื้อค้นถึง การที่ มีประเทศ ต่างๆ สร้างสุสานกษัตริย์เป็นปิรามิด กัน คงต้องมีที่มาที่ไป ของรูป ทรงปิรามิด ทั้ง อิยิปต์ มายา และอื่นๆ กลายเป็น มีที่เกาหลี อีกด้วย
เพื่อน ๆ ท่านใด มีข้อมูล กรุณา เล่าสู่กันอ่านนะคะ ขอขอบคุณล่วงหน้า ค่ะ
และขออภัย ที่ การเล่าเรื่อง มีการ นำละคร มาสื่อ คงไม่ทำความสับสนนะคะ อย่างไร เสีย ละคร ก็คือละคร
No comments:
Post a Comment
Note: Only a member of this blog may post a comment.