Episode 6 : 'A greeting of love' and 'A sunny place of the Youth'
All actors and actresses won't forget their first filming, so do I. I'm sure they must remember it vividly than any others. My first filming was at Hongik Univ. in the rain, I was supposed to wait for Seong Hyeon-A, and, when she showed up, awkwardly give a CD. It wasn't rainy so two fire engine trucks were waiting to spout out.
นักแสดงทุกคนไม่มีวันลืมการถ่ายทำครั้งแรกของตัวเอง ผมก็เช่นกัน ผมแน่ใจว่าจดจำมันได้อย่างชัดเจนยิ่งกว่าคนอื่น การถ่ายทำครั้งแรกของผมอยู่ที่มหาวิทยาลัย Hongik ท่ามกลางสายฝน ผมต้องรอ Seong Hyeon-A อยู่ และเมื่อเธอมาถึง เธอจะมอบซีดีให้ผมด้วยท่าทางเคอะเขิน ที่จริงตอนนั้นไม่มีฝน จึงมีรถดับเพลิง 2 คันจอดรออยู่เพื่อคอยโปรยสายฝน
At the beginning of 'A greeting of love', two directors, Jeon Gi-Sang and Yoon Seok-Ho (actors call PD as a director) filmed in turns, Director Yoon was in charge on that day. After receiving a playbook, I learned by heart as possible as I could, but my heart continuously beat quick and words seemed like a new one Finally, a 'Q' sign was given. I did my best. I really eagerly memorized the words. Actually, I just memorized not to be wrong.
เริ่มแรก 'A greeting of love' มีผู้กำกับ 2 คน คือ Jeon Gi-Sang กับ Yoon Seok-Ho ซึ่งจะผลัดกันกำกับ วันนั้นผู้กำกับ Yoon เป็นคนกำกับ หลังจากได้รับบทมาแล้ว ผมก็ท่องจำจนขึ้นใจเท่าที่จะทำได้ แต่ใจของผมมันเต้นกระหน่ำ และแต่ละคำที่เห็นก็ดูเหมือนของแปลกใหม่ ในที่สุดเสียงบอกคิวก็ดังขึ้น ผมทำอย่างดีที่สุด ผมจดจำบทได้ทุกคำ ที่จริงผมท่องจำเพื่อไม่ให้พูดผิด
I had worked at the movie industry, but I didn't recognize that such plenty of NGs can be made at one scene by then. Director Yoon hurled words of thunder at me, saying "I don't believe, who did pick you up? Are you going to screw up this soaper?" I was so embarrassed that I wished the earth would swallow me up. Seeing surrounding people that was watching me with pity or vexation, I accused myself, "You, idiot. How could you be an actor, even though you were not ready?"
ผมเคยทำงานในกองถ่ายหนังมาก่อน แต่ไม่เคยรู้เลยว่าใน 1 ฉากจะเทคได้มากมายขนาดนั้น ผู้กำกับ Yoon ตวาดเสียงดังลั่นราวฟ้าผ่าใส่ผม "ไม่อยากจะเชื่อเลย ใครเลือกนายมาวะเนี่ย นายคิดจะทำให้ละครเรื่องนี้พังใช่มั้ย" ผมอายจนอยากแทรกแผ่นดินหนี การได้เห็นคนรอบข้างมองผมอย่างเวทนาหรือไม่ก็หงุดหงิดใจ ทำให้ผมนึกโทษตัวเอง "แกไอ้งี่เง่า ยังมีหน้าอยากมาเป็นนักแสดง ทั้งๆ ที่ยังไม่พร้อมเลยสักนิด"
Finally, spouting up water in two trucks and taking 5 hours, we could complete the filming. Trembling 5 hours in the rain in November was nothing. I took granted that many people blamed me. The matter was 'the best'. I was too nervous to do my best on that day. That kind of nervousness, it had not to do with my performance. The first filming on that worked as an important stimulant throughout my performance.
ในที่สุด รถทั้ง 2 คันก็พ่นน้ำจนหมด และใช้เวลาไป 5 ชั่วโมง เราก็ถ่ายทำสำเร็จจนได้ การยืนหนาวสั่นอยู่ท่ามกลางสายฝนในเดือนพฤศจิกายนตลอด 5 ชั่วโมงไม่สำคัญอะไรเลย ผมยอมให้ทุกคนด่าว่าผม ที่สำคัญก็คือขอให้มันออกมา “ดีที่สุด” ก็พอ ผมประหม่าเกินไปที่จะทำได้ดีที่สุดในวันนั้น ความประหม่านั้นไม่มีผลอะไรกับฝีมือการแสดงของผม การถ่ายทำครั้งแรกนั้นยิ่งเป็นแรงผลักดันสำคัญต่อฝีมือการแสดงของผมในเวลาต่อมา
After finishing the first filming of 'A greeting of love', I couldn't put playbooks down, eating, smoking, sleeping or going to a bathroom, no matter where I am, playbooks became a part of mine. I was not only trying to learn by heart, but also to load up my emotion on each situation.
หลังจากถ่ายทำ 'A greeting of love' ครั้งแรกเสร็จแล้ว ผมไม่เคยวางบทลงเลย ไม่ว่าตอนกิน ตอนสูบบุหรี่ ตอนนอน หรือแม้แต่ตอนเข้าห้องน้ำ ไม่ว่าผมอยู่ที่ไหน บทจะอยู่ในมือของผมเสมอ ผมไม่ใช่แค่พยายามท่องจำมันให้ขึ้นใจ แต่ยังพยายามใส่อารมณ์ความรู้สึกเข้าไปในแต่ละฉากแต่ละตอนอีกด้วย
When I was taking my third filming, director Yoon, who'd blamed me, allowed that my performance was developed, saying, "Are you attending an performance school?" At that time, I recognized that "if do my best, I can make it out." After that, 'eagerly' and 'do my best' became my favorite mottos through my performance as well as my life.
เมื่อผมถ่ายทำไปถึงครั้งที่ 3 ผู้กำกับ Yoon ก็ยอมรับว่าการแสดงของผมพัฒนาขึ้น เขาพูดว่า “นายไปเข้าโรงเรียนการแสดงมาใช่มั้ย” ตอนนั้นเองที่ผมจดจำเอาไว้ว่า “ถ้าฉันพยายามเต็มที่ ฉันก็ต้องทำได้” หลังจากนั้นคำว่า “กระตือรือร้น” และ “ทำเต็มที่” จึงกลายมาเป็นภาษิตประจำใจของผม ทั้งในการแสดงและชีวิตส่วนตัว (ผู้กำกับ Yoon คนนี้ ก็คือผู้กำกับ Winter Love Song นั่นเองค่ะ เขาเป็นคนยืนกรานเลือกยองจุนมาแสดงเป็นคังจุงซางทั้งๆ ที่ KBS ไม่เห็นชอบ...ผู้แปล)
In all of cases, if I bet a penny on something, it means value just as a penny to me but bet millions of dollars on something, it means millions of values to me, without no matter how tiny it is. During making the film, 'A greeting of love', I was nearly drowned to death. It was at the end of February, when Park June-Hui threw shoes to the river then I, was supposed to pick those up with pawing the air to get out of the water for fun.
ทุกครั้งที่ผมลงเดิมพันไปกับอะไรก็ตาม ถ้าแทงลงไป 1 เหรียญ มันก็จะมีค่าเท่ากับ 1 เหรียญสำหรับผม แต่ถ้าแทงลงไปล้านเหรียญ มันก็จะมีค่าเท่ากับล้านเหรียญสำหรับผม ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเล็กใหญ่แค่ไหนก็ตาม ระหว่างถ่ายทำเรื่อง 'A greeting of love' ผมเกือบต้องจมน้ำตาย เรื่องเกิดขึ้นตอนปลายเดือนกุมภาพันธ์ เป็นตอนที่ Park June-Hui โยนรองเท้าลงไปที่แม่น้ำ แล้วผมต้องไปเก็บมันขึ้นมา แล้วทำเป็นตะเกียกตะกายขึ้นจากน้ำอย่างสนุกสนาน
How strong she was, she threw the shoes to the middle of the river. I was good at swimming, so I jumped into the river. But the river in February was not a joke. Moreover I was in blue jeans. I could approach the shoes. However after grapping the shoes, I was very depressed. In the playbook, I was supposed to paw the air to get out of the water but I was almost dead at that time.
แต่เธอแรงดีเป็นบ้า เธอโยนรองเท้าลงไปถึงกลางแม่น้ำ ผมเป็นคนว่ายน้ำเก่ง ผมก็เลยกระโดดตูมลงไปในแม่น้ำ แต่แม่น้ำในเดือนกุมภาพันธ์ไม่ใช่ของเล่น ยิ่งผมสวมยีนส์ด้วยแล้ว ผมไปถึงรองเท้าจนได้ แต่หลังจากที่คว้ารองเท้าไว้ได้ ผมก็หมดแรง ตามบทผมต้องตะเกียกตะกายขึ้นจากน้ำ แต่ตอนนั้นผมเกือบตายจริงๆ ซะแล้ว
The camera was still rolling. I was picked up to a boat, after drinking a couple of drafts of water. I, after having coughs, got exhausted then I told director Jeon that "I was almost dead" And he said, "Yes, you were, anyway it was great." I couldn't help smiling instead of laughing out loud, because I was too tired.
กล้องยังคงเดินอยู่ ผมถูกลากขึ้นไปบนเรือ หลังจากดื่มน้ำเข้าไปหลายอึก หลังจากไอจนเหนื่อยหอบ ผมก็บอกกับผู้กำกับ Jeon ว่า "ผมเกือบตายจริงๆ แล้ว" และเขาบอกว่า "ใช่ แต่มันก็ออกมายอดเลย"ผมได้แต่ยิ้ม เพราะเหนื่อยจนหัวเราะไม่ไหว
I was within an inch of being drowned during making 'A greeting of love', but another drowning danger was reserved for me on 'A sunny place of the Youth', my second soap drama. It was a sailboat scene in Chungmu with Lee Jong-Won and Park Sang-A. The sailboat moved to the middle of the sea; I and Lee were supposed to jump into the see, however I felt unwell on that day. Despite I had learned swimming in the sea, but it gave me strange fear.
ผมเกือบจมน้ำตายตอนถ่ายทำ 'A greeting of love' แต่เรื่องจมน้ำยังมีรอผมอยู่อีกใน 'A sunny place of the Youth' ละครเรื่องที่ 2 ของผม มันเป็นฉากเรือใบที่ Chungmu กับ Lee Jong-Won และ Park Sang-A เรือใบแล่นออกไปที่กลางทะเล ผมกับ Lee จะต้องกระโดดลงไปในทะเล แต่วันนั้นผมรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ถึงผมจะฝึกว่ายน้ำในทะเลมาแล้ว แต่ผมก็ยังรู้สึกกลัวแปลกๆ อยู่ดี
By the way, I was supposed to jump into, so I didn't have any other choices. But my sixth sense didn't fail me; I was hard to float on the sea. To film necessary scenes, I should stay in the sea a long time, by doing so, I faced my limitation. Even I could hardly say a word, but I sent a signal to ask staffs on the sailboat for survival equipment. One of them quickly threw a web-fingered hand. It was ridiculous. What was I supposed to do with it? Finally I could get off the boat alive, I was stupefied. But it is remained in my memory as a very interesting story.
แต่ยังไงผมก็ต้องกระโดดลงไป ผมไม่มีทางเลือกอื่น สัมผัสที่ 6 ไม่ได้หลอกผม การลอยตัวในทะเลมันค่อนข้างลำบาก การถ่ายฉากสำคัญแบบนี้ ผมต้องอยู่ในทะเลเป็นเวลานาน การจะทำแบบนั้นผมต้องรู้ขีดจำกัดของตัวเอง ถึงผมจะสื่อสารด้วยคำพูดไม่ได้ แต่ผมส่งสัญญาณไปบอกเจ้าหน้าที่บนเรือเพื่อขออุปกรณ์ช่วยชีวิต หนึ่งในนั้นรีบโยนตีนกบลงมาให้ ผมจะเอามันไปทำอะไรได้เล่า ในที่สุดผมก็เอาชีวิตรอดไปถึงเรือจนได้ ตอนนั้นผมมึนไปหมด แต่มันก็ยังอยู่ในความทรงจำของผมไม่มีลืม
Let me talk about 'A sunny place of the Youth'. When I finished 'A greeting of love', I weighted 64 kg. Actually I'd weighted 77 kg before casting, which means that I lost 14 kg. Apart from results, I did my best on my first soap drama. Guess 1m90 with 64kg; I was a mere skeleton with care. Anyway I was cast in 'A sunny place of the Youth', before ending 'A greeting of love'.
ขอผมเล่าเกี่ยวกับ 'A sunny place of the Youth' หน่อยนะครับ เมื่อผมถ่ายทำ 'A greeting of love' จบ ผมหนัก 64 ก.ก. ที่จริงก่อนเข้าคัดเลือกผมหนัก 77 ก.ก. ซึ่งหมายความว่าน้ำหนักผมหายไป 14 ก.ก. นั่นมาจากการที่ผมทุ่มเทเต็มที่ให้กับละครเรื่องแรกของผม ลองนึกดูสิครับกับส่วนสูง 180 ซ.ม. น้ำหนัก 64 ก.ก. ผมเหมือนโครงกระดูกเดินได้เลยล่ะ แต่ผมก็ได้รับเลือกให้แสดงใน 'A sunny place of the Youth' ก่อนจะถ่าย 'A greeting of love' จบซะอีก (ผู้ที่เสนอชื่อยองจุนให้กับผู้กำกับเรื่อง 'A sunny place of the Youth' ก็คือ ผู้กำกับ Jeon นั่นเอง ด้วยเหตุนี้เองยองจุนถึงได้รับเลือกให้แสดงเรื่องนี้ค่ะ...ผู้แปล)
Then I was physically and mentally exhausted. Moreover this soap drama was totally different with 'A greeting of love' that had largely cast new face actors. Including me, most of 'A greeting of love's main characters were new faces. Director Jeon was very kind, therefore he devoted to teach us by filming and filming to make us true actors.
ตอนนั้นผมเหน็ดเหนื่อยทั้งกายและใจ แถมละครเรื่องนี้ยังแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับ 'A greeting of love' ที่นักแสดงส่วนใหญ่เป็นหน้าใหม่ รวมทั้งตัวผมด้วย นักแสดงในเรื่อง 'A greeting of love' ส่วนใหญ่เป็นนักแสดงหน้าใหม่ ผู้กำกับ Jeon ก็แสนจะใจดี เขายอมสละเวลามาคอยสอนพวกเราระหว่างถ่ายทำ เพื่อให้พวกเราเป็นนักแสดงที่แท้จริง
'A sunny place of the Youth', however, was completely different. I was the only new face, and most of performers were veterans with fully ripened performance experiences. I should have too many things on my hands. If I made a mistake, it would affect galaxy seniors.
แต่ 'A sunny place of the Youth' แตกต่างกันลิบลับ ผมเป็นคนเดียวที่หน้าใหม่ ส่วนใหญ่เป็นนักแสดงหน้าเก่าที่มีประสบการณ์โชกโชน ผมต้องรับบทหนักเลยทีเดียว ถ้าผมทำผิดพลาดล่ะก็ เป็นได้โดนรุ่นพี่รุมยำแน่ๆ
I was nervous from the beginning. Director Jeon was famous for his minute and very careful dramaturgy, so I should newly make my mind. Just at that time, I met Lee Jong-Won, older than me. Even we were friends in the soap drama, but he taught me performance like my real elder brother. He is very reasonable and hot-tempered. I really hate that someone touches my head but I can allow Lee to do that at any time. Actually, someone hit my heat then I turn around with an angry cast of countenance, there is most likely Lee with smiling.
ผมนึกหวั่นใจตั้งแต่เริ่มต้น ผู้กำกับ Jeon ขึ้นชื่อมากเรื่องเวลาและความพิถีพิถัน ผมน่าจะตัดสินใจใหม่อีกที ตอนนั้นเองที่ผมได้พบกับ Lee Jong-Won เขาอายุมากกว่าผม แต่ในละครเราเล่นเป็นเพื่อนกัน เขาคอยสอนการแสดงให้ผมเหมือนพี่ชายแท้ๆ เขาเป็นคนมีเหตุผลแต่ก็อารมณ์ร้อน ผมไม่ชอบเลยเวลาที่มีใครมาจับหัวของผมเล่น แต่ผมยอมให้ Lee ทำแบบนั้นได้ มีใครบางคนมากวนประสาทผม ผมเลยหันกลับไปเพื่อจะเอาเรื่อง เป็น Lee นั่นเองที่ยืนยิ้มอยู่
Lee is very frugal. Nowadays, I often smile to watch the MBC TV weekend soap drama, 'Yesterday'. Because he is still wearing the clothes that he also wore in 'A sunny place of the Youth', both of us were cast. He was my shelter from the wind and supporter as well. I could learn not only performance but the attitude as an actor. Because I don't have real elder brothers, I follow him like a real one. Even I, following him, used to attend drinking parties with someone whom I'd never met before, being entertained with beers and pork hocks. I might be irksome to him at that time.
Lee เป็นคนที่มัธยัสถ์มาก ผมยิ้มทุกทีที่ดูละครช่วงสุดสัปดาห์ของ MBC TV เรื่อง 'Yesterday' เพราะเขายังคงสวมเสื้อผ้าชุดเดิมที่เขาเคยสวมในเรื่อง 'A sunny place of the Youth' ที่เรา 2 คนแสดงด้วยกัน เขาเป็นเหมือนที่หลบลมหลบฝนของผม และคอยเป็นกำลังใจ ผมไม่ได้เรียนรู้แต่เรื่องการแสดงจากเขา แต่ยังมีทัศนคติในฐานะนักแสดงด้วย เพราะผมไม่มีพี่ชาย ผมเลยคอยตามเขาเหมือนเป็นพี่ชายของผมจริงๆ ผมเคยตามเขาไปแม้ตอนที่เขานัดดื่มเหล้ากับคนที่ผมไม่เคยพบมาก่อน แถมยังเอร็ดอร่อยกับเบียร์แกล้มขาหมูเพลินไปเลย ตอนนั้นผมคงทำให้เขาเอือมระอาไม่น้อยเลยทีเดียว
I can remember that I was got in a big trouble. When in the midst of 'A sunny place of the Youth', I held a ceremony to sign my name for my fans at Tongdo Temple somewhere. Just at that time, I had a desire to urinate due to tight schedule but I decided to hold and we passed a resting place. I thought there would be a bathroom in an event hall.
ผมยังจำได้ว่าผมเคยตกที่นั่งลำบาก ตอนนั้นเป็นช่วงกลางๆ เรื่อง 'A sunny place of the Youth' ผมมีงานแจกลายเซ็นที่แถวๆ Tongdo ตอนนั้นผมเกิดอยากเข้าห้องน้ำขึ้นมา แต่เป็นเพราะตารางงานแน่นเอียด ผมเลยตัดสินใจอั้นไว้ก่อน ผมคิดว่าที่ห้องจัดงานน่าจะมีห้องน้ำ
When I got the event hall, there were a lot of fans, most of them were students. I could penetrate those crowds with much effort. I suddenly asked the persons concerned in the event about the location of a bathroom. He said 'there wasn't.' I tried to get out off the event hall, but the crowed was getting lager, actually the police were dispatched to control.
พอผมไปถึงห้องจัดงาน มีแฟนๆ เต็มไปหมด ส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรียน กว่าจะฝ่าฝูงคนมาได้ก็แทบแย่ ผมรีบถามเจ้าหน้าที่ว่าห้องน้ำอยู่ไหน แต่เขาว่า “ไม่มีหรอก” ผมพยายามจะออกไปจากห้องจัดงาน แต่ผู้คนยิ่งมากันแน่นขนัดจนตำรวจต้องเข้ามาควบคุมสถานการณ์
One of the persons concerned in the event gave me a basket with recommending passing water in a corner somewhere. But, considering that even a corner was partially disclosed to the crowd, I decided to put up with. As time went by, my desire to urinate became larger, after passing 30 minutes from the beginning of the ceremony, it turned to pain like needling. I had to make sings and take to them. Moreover, the most painful thing was the fact that I should smile. It was such a terrible situation.
มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งส่งถังมาให้ผมแอบไปปลดทุกข์ตรงมุมไหนสักแห่ง แต่ดูไปดูมาแล้วไม่มีมุมไหนที่น่าจะเล็ดรอดสายตาผู้คนที่แน่นขนัดไปได้ ผมเลยต้องอั้นต่อไป เวลาผ่านไป ผมก็ยิ่งอยากปลดปล่อยเต็มที หลังจากพิธีการเริ่มไปได้ 30 นาที ผมเริ่มทุรนทุรายเหมือนถูกเข็มทิ่มแทง แต่ผมต้องแจกลายเซ็นให้แฟนๆ ที่ร้ายยิ่งกว่านั้นก็คือผมต้องฉีกยิ้มไปด้วย ช่างเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายสุดๆ
The ceremony was lasted about 2 hours. When I was trying to stand up, I wasn't able to unfold my waist. Being helped, I moved a step ahead, and then I felt like I was walking on the firing coal. On getting in the car, we drove away suddenly. Five minutes driving took us a hillock.
พิธีการดำเนินไปประมาณ 2 ชั่วโมง ตอนที่ผมพยายามจะลุกขึ้น แต่ผมขยับตัวไม่ได้ มีคนมาช่วยพยุงผมให้ลุกขึ้นจนได้ ผมก้าวไปข้างหน้า ขณะนั้นผมรู้สึกเหมือนกำลังเดินลุยไฟอยู่เลย พอขึ้นรถได้ เราก็รีบออกรถทันที อีก 5 นาทีต่อมารถพาเราไปยังเนินเขาเล็กๆ แห่งหนึ่ง
When I chose a beautiful tree, my party followed me. And they lighted a cigarette, when I started passing water. I could finish my job after they finished their smoking. Since then I got a new habit. I must go to a bathroom before attending an event. It probably will take a couple of minutes, but it doesn't matters. At the same time, on getting an event hall, I secure a location of a bathroom. Positively it is true that the more pain, the more maturity.
ผมเลือกต้นไม้สวยถูกใจได้ต้นหนึ่ง ทีมงานของผมก็ตามไปด้วย พวกเขาจุดบุหรี่สูบ ขณะที่ผมปลดทุกข์ ผมเสร็จภารกิจพอดีกับที่พวกเขาสูบบุหรี่หมดมวน นับแต่นั้นมาผมจึงมีนิสัยอีกอย่าง ผมต้องเข้าห้องน้ำก่อนไปออกงานทุกครั้ง ถึงจะเสียเวลาไปบ้างนิดหน่อยก็ไม่เป็นไร แล้วเช่นเดียวกันทุกครั้งที่ไปยังสถานที่จัดงาน ผมจะมองหาห้องน้ำไว้ก่อนกันพลาด มันเป็นความจริงทีเดียวที่ยิ่งผ่านความเจ็บปวด คนเราก็ยิ่งเติบโตขึ้น
Credit : baeyongjune.com
English translated by Hyeon / Edited by Fengyi
Thai Translation by Ladymoon
English translated by Hyeon / Edited by Fengyi
Thai Translation by Ladymoon
No comments:
Post a Comment
Note: Only a member of this blog may post a comment.