นี่เป็นอีกหนึ่งบทความจากนิตยสารญี่ปุ่นนะคะ เห็นว่าน่าสนใจดี เลยเก็บมาฝากเพื่อนๆ ค่ะ บทความค่อนข้างยาวขอตัดออกเป็น 2 ตอนนะคะ...
korean entertainment journal, vol. 5.
original in japanese: Hayashi Riichiro / KEJ Vol. 5
scanned & posted by: miemi / byjgallery
translated into english: sweet sister / bb's blog
Thai Version by Ladymoon
The Big Bang Known as BYJ
ทฤษฎีบิ๊กแบงที่ชื่อ เบยงจุน
If BYJ Did Not Exist
ถ้าโลกนี้ไม่มีเบยงจุน
What would have happened if BYJ did not exist? Another actor would have played the role of Jun Sang in WS, and the scene where he encourages Yujin to break the snowball in half would have been played by another actor.
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเบยงจุนไม่มีตัวตน นักแสดงคนอื่นจะรับบทจุงซางได้มั้ย แล้วฉากที่เขารบเร้าให้ยูจินสับลูกบอลหิมะเพื่อดูของที่อยู่ข้างในจะออกมาเป็นแบบไหนถ้าเป็นดาราคนอื่นแสดง
I grappled with this idea.
Would the hallyu boom have occurred in Japan?
ผมครุ่นคิดอยู่เช่นนี้
แล้วกระแสคลั่งเกาหลีจะถาโถมสู่ญี่ปุ่นมั้ย
You would think that the hallyu magazines would have touched upon this topic but surprisingly, they have not directly dealt with this specific theme. He has always been there from the very beginning. Just as it is meaningless to think of everything connected to the sun if there is no sun, for this writer, it was such an a priority matter. I have always searched for news on his developments and sought out comparable stars. The premise was always based upon BYJ being the standard.
คุณอาจคิดว่าบรรดานิตยสารคงคิดถึงหัวข้อนี้กันมาแล้ว แต่น่าประหลาดใจ ที่ไม่มีใครเคยคิดแบบนี้มาก่อนเลย เพราะเขาอยู่ตรงนั้นมาตั้งแต่แรกเริ่ม จึงไร้ประโยชน์ที่จะไปคิดว่าถ้าโลกนี้ไม่มีพระอาทิตย์จะเป็นอย่างไร แต่สำหรับผู้เขียนแล้ว มันเป็นเรื่องที่ชวนคิดจริงๆ ผมคอยค้นหาข่าวคราวคืบหน้าของเขา และค้นหาดาราคนอื่นที่พอจะเทียบเทียมกับเขาได้ ไปๆ มาๆ ก็ยังวนกลับมาที่เบยงจุนอยู่ดี
With WS as the starting point, Japan was immersed in the hallyu boom. The hallyu boom did not just end with the entertainment field as it came to include cooking, sightseeing, Korean language, history and even the cultural aspects. The hallyu boom went on to expand the “Korean boom.”
Winter Sonata คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ญี่ปุ่นถูกกระแสคลั่งเกาหลีจู่โจม แล้วมันไม่ได้จบลงแค่สิ่งบันเทิงเท่านั้น แต่ยังลามไปถึงอาหารการกิน การท่องเที่ยว ภาษา ประวัติศาสตร์ และแม้แต่วัฒนธรรม กระแสนี้แพร่ระบาดไปสู่ “เกาหลีนิยม”
At one point, the enthusiasm has cooled, but for a small number of Japanese, a segment of interest has established itself. Then, if it was not BYJ, “would nothing have happened?”
เมื่อถึงจุดที่ความฮือฮาเริ่มซาลง แต่ก็ยังมีคนญี่ปุ่นจำนวนหนึ่งที่ความสนใจไม่ซาตามไปด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะเบยงจุน จะมีอะไรเกิดขึ้นมั้ย
This is a difficult question but if I were to make a bold statement, I think that “nothing would have happened.”
นี่เป็นคำถามที่ตอบยาก แต่ถ้าจะตอบกันแบบกำปั้นทุบดินก็คือ “ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก”
With or without him, Korean dramas and films would continue to be made. The hallyu boom was not just a social phenomenon in Japan since it was a boom that started in China and other areas of Asia, and with other appealing dramas and handsome stars being introduced, one cannot say that the possibility that these dramas and stars becoming trendy could not have occurred through some other method.
จะมีเขาหรือไม่มี ละครเกาหลีก็ยังคงมีต่อไปอยู่ดี กระแสคลั่งเกาหลีไม่ใช่ปรากฏการณ์ที่ถือกำเนิดจากญี่ปุ่น มันเริ่มขึ้นที่ประเทศจีนและในส่วนอื่นๆ ของเอเชีย ด้วยเนื้อเรื่องที่ชวนติดตาม และดาราหนุ่มหน้าตาดี คงไม่มีหนทางอื่นที่ดีไปกว่านี้ในการแจ้งเกิดของละครและดาราเหล่านี้
But such star actors who visit Japan, would they have been able to continue to grab a foothold in Japan where there is an overabundance of diversions? Also, we did not hear one-sided comments from those stars that were often asked as to, “wanting to spread the excellence of Korean culture”, but instead, righteous and impressive statements such as, “wanting to play a part in the cultural exchange of Asia” and I wonder if these stars put into practice the outrageous task they claimed they would fulfill.
แต่บรรดาดาราเหล่านั้นที่แวะเวียนกันมาเยือนญี่ปุ่น พวกเขาจะสามารถปักหลักในญี่ปุ่นได้จริงหรือ ในสถานที่ๆ มีสิ่งเบี่ยงเบนความสนใจอยู่มากมายเช่นนี้ นอกจากประโยคหากินที่บรรดาดาราเหล่านั้นชอบพูด เช่น “อยากเผยแพร่วัฒนธรรมของเกาหลี” เรายังได้ยินประโยคชวนประทับใจ อย่างเช่น “อยากมีบทบาทในการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมของเอเชีย” แต่ยังมีข้อกังขาอยู่ว่าดาราเหล่านี้จะทำได้สำเร็จตามที่พูดจริงหรือ
The Japanese females do not just see BYJ as a handsome actor, and this is something which goes beyond female intuition. That is why these women feel like young girls again when their hearts flutter, and while the world frowns upon their behavior, they pursue him, and let the world know that BYJ is not just an ordinary actor.
สาวๆ ญี่ปุ่นไม่ได้เห็นเบยงจุนเป็นแค่ดาราหนุ่มรูปงาม นี่เป็นอะไรที่มากกว่าแค่สัญชาติญาณของเพศหญิง นั่นเป็นเหตุผลที่สาวๆ เหล่านี้รู้สึกเหมือนได้กลับเป็นเด็กสาวอีกครั้งยามที่หัวใจเต้นรัว ขณะที่คนอื่นอาจนิ่วหน้ากับพฤติกรรมของเจ้าหล่อน แต่พวกเธอกลับชักนำเขาให้ทั้งโลกได้รับรู้ว่า เบยงจุนไม่ใช่แค่นักแสดงธรรมดาๆ คนหนึ่ง
Because of these women, even this writer, though a male, cried at WS and even ended up going to Chuncheon after also becoming a “middle aged hallyu fan.” Speaking as a writer, if BYJ and the female fans did not exist, I would not have known there were such wonderful actors in Korea or understood the reason why Korea went crazy over the drama Sandglass or I probably would not have been deeply sympathetic when Namdaemun (South Gate) was burned down.
เพราะสาวๆ เหล่านี้ทำให้แม้แต่ผู้เขียนซึ่งเป็นผู้ชายแท้ๆ ยังอดร่ำไห้ไม่ได้เมื่อได้ดู Winter Sonata และลงเอยด้วยการดั้นด้นไปถึงชุนเชินหลังจากกลายเป็น “แฟนพันธุ์แท้” ของหนุ่มเกาหลีไปกับเขาด้วยอีกคน ในฐานะที่ผมเป็นนักเขียนขอบอกว่า ถ้าไม่มีเบยงจุนและสาวๆ เหล่านั้น ผมคงไม่มีวันรู้เลยว่ามีดาราที่เก่งๆ แบบนี้อยู่ในเกาหลี หรือคงไม่เข้าใจเหตุผลว่าทำไมคนเกาหลีถึงติดละครอย่าง Sandglass กันงอมแงม หรือผมคงไม่รู้สึกเศร้าเสียใจตามไปด้วยเมื่อนัมแดมุน (ประตูเมืองทิศใต้) ถูกเผาจนวอดวาย
Quick-tempered and easygoing, full of contradictions but deeply emotional while causing trouble, the Korean people somehow seem to live happier lives than the Japanese. We are similar yet different, but because of our differences, we learn about the similarities in the country called Korea, and perhaps like a Japanese idiosyncrasy, each day, this writer was somehow able to produce new perspectives on themes that were being created.
คนเกาหลีดูจะเป็นคนใจร้อน แต่ก็เข้ากับคนได้ง่าย มีความขัดแย้งในตัวมากมาย แต่ก็อ่อนไหวอยู่ลึกๆ เวลาที่พบเจอปัญหา คนเกาหลีดูจะมีชีวิตที่มีความสุขมากกว่าคนญี่ปุ่น แต่เรามีความคล้ายคลึงในความแตกต่าง แต่เป็นเพราะความแตกต่างนี้เอง เราจึงได้เรียนรู้สิ่งที่คล้ายคลึงกันในประเทศที่ชื่อว่าเกาหลี และบางทีเพราะเอกลักษณ์แบบคนญี่ปุ่นนี่เอง ทำให้ผู้เขียนได้พบมุมมองใหม่ๆ
[To be continued…]
No comments:
Post a Comment
Note: Only a member of this blog may post a comment.