18.2.09

April Snow 3 (Director cut )

ตอนที่3


รถของอินซู เลี้ยวเข้ามาจอดอย่างรวดเร็ว โซยองเปิดประตูรถลงมา วิ่งข้ามถนน เกือบตัดหน้า รถคันอื่นที่วิ่งมา เสียงแตรดังสนั่น วิ่งไปนั่งรอ ที่หน้าห้องห้องหนึ่ง


หมอ เปิดประตูออกมาและบอกว่า : เขาเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อ 15 นาที ที่ผ่านมานี้เองครับ คุณจะเข้าไปดูไหม
โซยอง ร้องไห้ เปิดประตูเข้าไป หมอตามมายืนข้างหลังโซยอง ที่ยืนหน้าเตียงสามี

โซยอง ดึงเสื้อสามีที่เปิดไว้ ปิด เข้าที่ ให้เรียบร้อย
ก้มหน้าลงมองสามี น้ำตาคลอ ( หมดสิ้นกันที กับการนอนเจ็บไม่ได้สติ ที่ยาวนาน เขา ไม่ได้แม้แต่ ลืมตามาดูว่าโซยอง ทุกข์โศก ห่วงใย สับสน โกรธ แค้น ให้อภัย เขา อย่างไร แล้วโซยอง จะเป็นเช่นไรต่อไป เขาไม่ได้รับรู้อะไรทั้งสิ้น ตั้งแต่วันเข้าโรงพยาบาลวันแรก มาจนวันนี้ ที่เขาจากไป ทิ้งโซยอง ให้จัดการกับชีวิตเองต่อไป )


นาฬิกา เข็มชี้บอกเวลา 3.28 (น่าจะเป็น 15.28 ไหม)

อินซู ยืนมองห้องพัก ของโซยอง ที่หน้าห้องของอินซู B 301


อินซู ขับรถเข้า โซล ( ระหว่าง โซล และ Samcheock จะมีอุโมงค์ ที่อินซู ต้องใช้เป็นทางผ่าน)

อินซู ใส่สูท ชุดดำ เรียบร้อย หล่อ เท่ห์ หน้าขรึม ไปเคารพ ศพ ยุน คยองโซ โซยอง ในชุดไว้ทุกข์ ลุกขึ้นยืนต้อนรับ

อินซู ถอดรองเท้า เข้าไปจุดธูป ปักธูป ลงในกระถาง แล้ว ก้มตัวลงเคารพศพกับพื้น
เมื่อลุกขึ้น อินซุ ยืนตรงหน้ารูปถ่าย มองแล้วหลับตา (ในใจคงมีคำพูด กับสามีของโซยองมากมาย ทั้งให้อภัย ที่ ยุน คยองโซมาเป็นชู้ กับซูจิน ภรรยาของอินซู และคงขออภัย ขอขมา ที่ อินซู เป็นชู้กับโซยองภรรยาของ ยุนคยองโซ เช่นกัน ขอจงให้อภัยซึ่งกันและกันเถิด ท่าทางอินซู ละอายใจ กับรูปถ่ายของ ยุน คยองโซ เพราะอินซู ก็ทำในสิ่ง ผิดศีลธรรม อยู่ในสภาพชายชู้เช่นกัน)


อินซู และ โซยอง คำนับซึ่งกันและกัน ยืนนิ่ง มองตากัน สื่อ คำพูดกันที่รู้กันแค่ สองคน ( คนเล่าไม่รู้ค่ะว่า พูดอไรกันทางสายตา)

อินซู ขับรถกลับ Samcheok ท่าทางเคร่งขรึม ใช้ความคิด (อินซู คง ตัดสินใจแล้วว่า จะดำเนินชีวิต รัก สี่เศร้า ที่ ณ เวลานี้ กลายเป็น สามเศร้า ต่อไปอย่างไร)


ที่โรงพยาบาล
อินซู เข็นรถเข็น ที่ซูจิน นั่งอยู่ ไปที่ลานกว้าง
ซูจิน : อินซู ขอบุหรี่ฉันสักตัวสิ
อินซู : จะดีหรือ
ซูจิน ยิ้ม เป็นทำนองว่า ไม่เป็นไร ฉันอยากสูบจริงๆ
อินซู ส่งบุหรี่ให้ โน้มตัวลง จุดไฟให้ แล้วตัวเอง ก็ ไปนั่งไขว่ห้างหันข้างให้ซูจิน สูบบุหรี่ด้วยเช่นกัน
ซูจิน : ขอบคุณมากนะอินซู
อินซูหันมามอง : ขอบคุณผมเรื่องอะไร
ซูจิน : ทุกเรื่องเลย

ซูจิน ที่เพิ่งฟื้นเจ็บ และแข็งแรงหายวันหายคืน กับ อินซู ที่ทุ่มเทเวลา เอาใจใส่ดูแล พยาบาล ปรนนิบัติภรรยา มาเป็นเวลานาน จนฤดูกาล เปลี่ยน ฤดู ไปแล้ว แต่ ทั้งคู่ เหมือน มีภูเขาขวางกั้นกลาง


โซยอง นอนหลับที่โซฟาในบ้านพักของตัวเอง สะดุ้งตื่น แล้วลุกขึ้นมานั่ง( แล้วก็รู้ว่า ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความฝัน มันคือความจริงทั้งหมด ยุนคยองโซ ตาย ไปแล้ว และเธอ มีอินซู ที่เป็น อินซูของคนอื่น ไม่ใช่อินซูของเธอ ไม่มีใครเป็นของเธอ เธอมีแต่ความอ้างว่าง ว้าเหว่ เดียวดาย)

โซยอง เดินขึ้นไปชั้นบน ไปนั่งที่เก้าอี้ ฟุบลงกับโต๊ะ ร่ำไห้ รอบๆที่เธอนั่งมีภาพถ่ายของโซยอง และ ยุน คยองโซ หลายภาพ


โซยอง ลงจากรถ แท๊กชี่ ที่หน้าโรงแรม มีกระเป๋า มาอีก 1 ใบ เข้าไปในห้อง เก็บสิ่งของเสื้อผ้าลงกระเป๋า
ที่สถานีรถ โซยอง ยังคงนั่งที่เก้าอี้ ผู้โดยสาร ที่ลานผู้โดยสาร ไม่สนใจ กับคำร้องบอกของคนรถว่า
รถออกเที่ยวสุดท้ายแล้วนะครับ มีคนมาถามโซยองว่า : คุณไม่ไปเหรอ โซยองก็ยังนั่งเฉย มีเสียงตะโกนอีกหลายครั้งว่า รถออกเที่ยวสุดท้ายแล้ว

อินซู หิ้วถุงดำเดินกลับมาเข้าห้องพัก หยุดยืนมองบานประตูห้องของโซยอง ที่เปิดค้างไว้ รู้แล้วว่า โซยอง เช๊คเอาท์แล้ว อินซู เดินช้าๆ เข้าห้องตัวเอง


โซยอง นั่งที่ร้านกาแฟตรงข้ามร้านที่เคยเป็นที่เคยไปกับอินซูกันเป็นประจำ มองไปที่ห้องของอินซูที่ไฟสว่าง เห็น อินซู เคลื่อนไหวอยู่ในห้อง โซยองได้แต่นั่งน้ำตาไหล


ใน BYJtogether เคยมีการ post จากหลายท่านว่า ถ้าสังเกตฟังดีๆ จะได้ยินเสียง โซยอง กด โทรศัพท์ โซยอง ส่ง MSN ถึงอินซู

มองจากร้านกาแฟ ตอนนี้ โซยองไม่เห็น อินซู เสียแล้ว
โซยองลากกระเป๋าเดินทางของตัวเอง ไปตามถนน ท่ามกลางความเงียบสงบ ปราศจากผู้คน ยิ่งทำให้รู้สึกว้าเหว่ เปล่าเปลี่ยว เดียวดาย เหลือเกิน

อินซู นั่งอยู่ กับพื้นห้อง มีอาหารวางกับพื้น
อินซู ถือโทรศัพท์มือถือบนตักของตัวเอง กำลังร้องไห้ น้ำมูกไหลยืด สันนิษฐานว่า อินซู ได้รับ MSN จาก โซยอง แต่ อินซู ไม่สามารถทำอะไรได้ ได้เพียงแต่ ปล่อย ผู้หญิงที่รู้แล้ว ว่ารักเธอเหลือเกิน จากไป โดย อินซู ได้แต่ นั่งร้องไห้ในห้องพัก สุดรู้ สุดคิดว่า จะทำอย่างไรดีกับโซยอง ในเมื่ออินซู มีภาระหน้าที่ กับ ภรรยา ซูจิน ในขณะนี้ (ฮือๆๆ สงสารจริงๆ)



อินซู เข็นรถเข็นของซูจิน มาที่ชั้นล่าง มารับยา และจ่ายเงิน

ในห้องคนป่วย อินซู ปอกผลไม้ให้ซูจิน ซูจิน นอนบนเตียง ที่ไขหัวเตียงขึ้นสูง เอียงใบหน้ามามองที่อินซู ที่นั่งเก้าอี้หน้าเตียง
ซูจิน : อินซูเธอไม่อยากฟังฉันอธิบายหน่อยหรือ
อินซูไม่ตอบ ยังคงใช้มีดปอกผลไม้ต่อ
ซูจิน: เธอจะดื้อไปถึงไหนกันนะ
อินซู หยุดปอกผลไม้ : เมื่อก่อนนี้นะผมอยากจะรู้เรื่องทั้งหมดนี้ แต่ตอนนี้ผมไม่อยากรู้อะไรอีกแล้ว
เงียบ ไปนาน
แล้วอินซูก็พูดต่อว่า : ซูจิน ของผม เว้นระยะ มองหน้าซูจิน ซูจินเงยหน้า เบิกตาโตรอฟัง
อินซู พูดต่อ : ได้ตายไปจากโลกนี้แล้ว

ทั้งคู่ มองตากัน แล้วอินซูก็ออกมาจากห้อง ปิดประตูห้อง ได้ยินเสียงซูจิน สะอื้นร้องไห้ เล็ดลอด ออกมาจากห้อง
.
อินซู เดินไปยืนที่หน้าต่างของทางเดิน สองมือท้าวกรอบหน้าต่าง สายตา มองไปนอกหน้าต่าง


แผ่นที่มี ซับไทเทิล เลือกภาษาได้ อินซูจะพูดว่า ผู้ชาย คนนั้น เขาตายไปแล้ว แต่ ของ director cut ไม่ทราบว่า พูดยังไงนะคะ แต่ แต่ ประโยคว่า ซูจินของผม ได้ตายไปจากโลกนี้ จากแผ่นที่เลือกซับไทเทิลได้นั้น มัน โหดร้าย และสะใจกว่า ผู้ชายคนนั้นตายไปแล้วไหมคะ




อินซู พาซูจินกลับมาบ้านที่โชล

อินซู หิ้วถุงออกจากร้านขายของกลับบ้านเมื่อมาถึงหน้าบ้าน อินซู หยุดยืนที่หน้าประตูบ้าน (ทำใจอีกแล้วมั้งสะดุดใจอะไรขึ้นมาสักอย่าง)

อินซู เตรียมทำอาหาร ซูจิน นั่งหน้าโทรทัศน์ หา เทป วีดีโอ มาเปิดดู.

อินซู หั่นอะไรสักอย่าง แล้วเอาใส่ชาม ล้างมีดล้างเขียงแล้วหั่นเต้าหู้ ท่าทางอินซู ทะมัดทะแมงไม่เก้งก้างท่าทางทำอย่างสบายๆ การยกของที่หั่นแล้วใส่ชามต้องเป็นคนที่ทำครัวเป็นจริงๆ ไม่น่าแปลกใจที่ยงจุนทำร้านอาหาร ทั้งกลอริลล่า และโกชิเร แม้แต่การล้างถ้วยล้างชามก็เป็นลักษณะของคนที่เคยทำ ยงจุน และอินซู เริ่มพัลวันพัลเกกันอีกแล้ว


ซูจิน ที่นั่งดูวีดีโออยู่ เรียก อินซูมาดูวีดีโอ
( เป็นวีดีโอ ความหลังของความที่แจ่มใสรักใคร่กันของ อินซูและซูจิน อินซู ขับรถพาซูจินไปเที่ยวนอกเมือง)
อินซู ว่าง่าย ตามใจซูจินล้างมือ สะบัดน้ำที่มือ ละงานที่ทำเดินไปหา ซูจิน เอาสองมือที่ยังเปียกน้ำ ป้ายชายเสื้อด้านหลังของตัวเอง ดูแล้วน่ารักอีกตามเคยนะคุณ เบ ยงจุน ดู ยงจุนเป็นตัวของตัวเองมากกับบทบาทของอินซู



อินซูนั่งลงที่โซฟา ส่วนซูจิน นั่งที่พื้น หน้า ทีวี
ทั้งสองคนมองภาพในวีดีโอ เป็นภาพของหนุ่มหล่อสาวสายที่รักกันมาก แจ่มใสร่าเริงเป็นสุข หัวร่อต่อกระซิก กอดกันกลมบนถนนนอกรถ จน อินซู ในวันนี้ต้องเจ็บปวดรวดร้าวกับภาพในอดีตและความจริงในปัจจุบัน

กว่า ซูจิน จะนึกได้ว่า ตัวเองไม่ควรเอาอดีตที่หวานชื่นแบบนี้มาเปิดชม แถมเรียกอินซู ที่กำลังทำอาหาร ( ที่ซูจินควรเป็นคนทำ) ให้ทิ้งงานมานั่งดู ให้ยิ่งทุกข์ระทมขมขื่นขึ้นไปอีก
บางภาพบางตอน อินซูต้องละสายตาจากทีวีก้มหน้ามองพื้นแทน
( มันน่าเตะทีวีและเครื่องเล่นให้กระเด็นออกจากบ้านจริงๆ คนเล่าหยาบคายไปหน่อย แต่อินซู เป็นสุภาพบุรุษ ยังไงก็ไม่ทำแน่ๆ)


พอซูจินนึกขึ้นมาได้ ก็นั่งหน้าเศร้า ปิดทีวี ปิดเครื่อง

อินซู ต้องไปนั่งสูบบุหรี่ ปล่อยความคิดให้ล่องลอย ไปกับควันบุหรี่ ข้างหน้าต่างกระจกของบ้าน
ตกลงจะได้ กินอาหารเย็นกันไหมนี่



คืนนั้น อินซูเข้านอนหลัง ซูจิน เงียบอยู่นาน ซูจินเป็นฝ่ายพูดก่อน ทั้งคู่พูดกันแบบทิ้งช่วงแต่ละประโยคค่อนข้างนาน และพูดสั้นๆ (ไม่ทราบจริงๆว่าพูดอะไรฟังไม่รู้ อ่านไม่ออก )
ซูจิน เอียงข้างหันหลังให้ หลับตาลงสักพัก ไม่รู้พูดอะไรกัน
อินซู ดึงซูจินให้หันหน้ามาหา แล้วกอดซูจินแน่น เป็นการกอด เหมือน ปลอบใจ... ไม่ใช่รักใคร่

อินซูแยกบ้าน บ้านใหม่ ยังไม่ได้จัด ข้าวของยังกองระเกะระกะ อินซู นั่งที่โซฟา ยกขวดน้ำขึ้นดื่ม และกินบะหมี่สียงซู๊ดซ๊าด (คงอร่อยมากหรือไม่ก็หิวมาก)






อินซู ไปเตรียมอุปกรณ์ไฟ เนื่องจากจะมีงาน concert ที่อินซูกำกับไฟ
(ซึ่งมีแผ่น ดีวีดี Superlife concert แยก อีก ประมาณ ร้อยกว่านาที ที่ยงจุนยืนกำกับไฟ มีเพลง ประมาณ 25-26 เพลง มีวงดนตรีประมาณ 7-8 วง ร่วม แสดง เวทีอลังการ เพลงก็เพราะค่ะจัดที่สนามกีฬามหาวิทยาลัย)


เมื่อ concertจบลง ทั่วบริเวณ ที่ใกล้ เวที ก็เกลื่อนกลาดไปด้วย กระดาษชิ้นเล็กชิ้นน้อย สีแดง ที่ใช้โปรย ในขณะแสดง ลมพัด จนกระดาษ ปลิว เกลื่อน

ทีมงานกำลังช่วยกัน จัดเก็บเวที และอุปกรณ์ อินซูนั่งพักที่ขั้นบันได อัฒจรรย์ เมื่อลุกเดินลงมา สองมือล้วงกระเป๋ากางเกงก็มีสิ่งมหัศจรรย์ เกร็ดหิมะ ปลิว โปรยปรายลงมา

อินซูแหงนหน้าขึ้นมอง ยิ้มรับหิมะหน้าตาสดใส มีวันนี้จนได้ หิมะ ในเดือนเมษายน อินซูค่อยๆเดินในลานชั้นล่างของเวทีการแสดง


โซยอง ก็เห็นหิมะตกเช่นกันและเกร็ดหิมะ ปลิวโปรยปรายลงมามากกว่า ที่เวที concert โซยอง ยิ้ม เช่นกัน


อินซู แหงนมองหิมะอีก ยิ้มกว้างกว่าเดิม
อินซู รู้แล้วว่า ตนเองจะทำอะไรต่อไป
อินซูขับรถ ผ่านอุโมงค์ที่เคยผ่านไปมา อยู่นานหลายเดือน อีกครั้ง มีเสียงโทรศัพท์ดังรอสายให้มีคนรับสาย


มีภาพดอกไม้สีสดหลากสีถูกแช่ในเกร็ดหิมะมากมาย ในขณะที่มีรถคันหนึ่งวิ่งไปตามถนน ที่ปัดน้ำฝนของรถปัดหิมะที่กระจกหน้ารถไปมา มีเสียงประกาศข่าวดังขึ้นว่า


The great snow squall id falling far into the spring. Tae-bak mts are about to embrace the spring warm but it seems he has decided to liberate again.The spring flower are being helplessly buried in the snow.


เมื่อรถจอดลง

อินซูลงจากรถ เดินลุยหิมะ ไปยังที่แห่งหนึ่ง มีรอยเท้าของใครบางคนเดินมาก่อนแล้วรอยเท้าหนึ่ง เพิ่มรอยเท้าของอินซู คู่ขนานไปอีกรอยเท้าหนึ่ง คล้าย ๆ ใน WLS


จนใกล้ศาลา โซยองเดินลงมาจากขั้นบันได ทั้งคู่หยุดมองกันในระยะห่างเล็กน้อย พูดอะไรกันคนละประโยค ก่อนจะมาขึ้นรถ นี่เป็นสถานที่ ที่ทั้งคู เคยมาเดินเล่นกัน เมื่อครั้ง ที่มาเฝ้าคนป่วยในโรงพยาบาล


ทั้งคู่อยู่บนรถ หันหน้ามามองซึ่งกันและกัน

จะเห็นหน้าของอินซู และโซยอง ผ่านจากกระจกรถ ใบหน้าและดวงตาของอินซุ ระบายด้วยความสุข โดยไม่ได้ยิ้มด้วยริมฝีปาก (ผู้กำกับตัดภาพนี้ของอินซูได้อย่างไร ยิ้มโดยไม่ได้แย้มริมฝีปากน่ะ ... เฮ้อ...)

โซยองก็ใบหน้ายิ้ม มองหน้าอินซู เหมือนกัน แล้วก็มองหิมะตกนอกหระจกรถ แบบกึ่งฝันกึ่งไม่แน่ใจว่า มีหิมะตกในตอนนี้ โซบยองได้พบและกำลังจะไปที่แห่งหนึ่งกับ อินซู ช่างคล้ายฝัน.....จริงๆ....... ตื่นจากฝันนี้แล้วจะเป็นเช่นไร...ทุกท่านก็วาดจินตนาการกันเอาเองตามใจชอบนะคะ



รถแล่นไปในถนน มีเสียงโซยองถามว่า : เราจะไปไหนกันเหรอคะ
เสียงอินซู ตอบกลับมาว่า : คุณอยากจะไปไหนล่ะครับ




รถยังคงวิ่งไปตามถนน มีหิมะตกแทบจะมองไม่เห็นทาง สองข้างทางเป็นแนวต้นไม้ที่มีหิมะปกคลุม ไฟส่องถนนก็ริบหรี่ บรรยากาศรอบตัวมีแต่ความอ้างว้างสลัวลาง ขอเอาใจช่วยว่าวันรุ่งขึ้น (วันใดก็ได้)ท้องฟ้าคงแจ่มใสปลอดโปร่ง แสงอาทิตย์อันอบอุ่นขับไล่ความหนาวเย็นออกไปจากหัวใจของอินซูและโซยอง และทั้งคู่ ได้ พบจุดหมายปลายทางอย่างแท้จริง




อมรขอแสดงความเห็นส่วนตัวนะคะ ไม่ต้องอ่านก็ได้ค่ะ เพราะส่วนตัวจริงๆ

หนังของเฮอร์ เรื่องนี้ ดูยากเข้าใจยากจริง พูดก็ไม่พูด (อ้อไม่ใช่ ถึงพูดก็ฟังไม่รู้เรื่อง) แล้วมีการตัดออกด้วย แต่รู้สึกว่า ถ้าดูเต็มฉบับ ของ Director cut ในเวอร์ชั่นนี้ ซึ่งเรียงลำดับขั้นตอนเต็มเรื่องจะเข้าใจตัวละครมากขึ้น


การจะอ้างว่าเป็นเช้าสายบ่ายเย็น หรือเป็นวันรุ่งขึ้น ต้องสังเกตแสง สี เอาเอง รวมทั้งต้องจดจำเสื้อผ้าที่พระเอก นางเอกใส่ ซึ่ง อุแม่เจ้าเอ๋ย ทั้งเรื่อง ทั้งพระเอกนางเอก ใส่เสื้อผ้า โทนสีคล้ายกันมาก ช่างสร้างความลำบากให้คนดูจริง ๆ จริงๆ ถ้ารู้ว่ามี นิยาย เรื่องนี้ จะไขว่คว้าหามา แล้วลงทุนไปจ้างนักแปลแล้วละค่ะ อมรชอบเรื่องนี้มาก ยอมรับ กับสมญานาม ของเฮอร์ ที่นักวิจารณ์ บ้านเราตั้งให้ ทีเรื่องอื่นของเฮอร์ ไม่เห็นจะดูยากเย็นเหมือนเรื่องนี้เลย


เรื่องนี้ เฮอร์ ใช้ เรื่องเล็กๆ น้อย ๆ สื่อความมากมาย และน่าจะมีความหมายในทุกรายละเอียด เช่น ต้นไม้ที่เหี่ยวแห้ง ทำไมต้องมีเครื่องบินบนท้องฟ้าบินผ่านมาพอดีที่อินซูเอาต้นไม้ไปทิ้ง ทำไม อินซู ต้อง แหงนมอง มันไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไร แล้วอินซูก็โทรศัพท์ไปหานางเอกเมื่อเข้ามาในบ้าน ทำไม ทำไม เยอะแยะไปหมด ทำไมต้องไปลงทุนหาแมวดำเอามาแค่วิ่งลอดรั้วในคืนที่ ว้าเหว่ เงียบเหงา


ทำไมวันหิมะตกในเดือนเมษา อินซู ต้องไปรับ โซยอง ในสถานที่นั้น ไม่ไปรับที่บ้านนางเอก เสียเลย ทั้งที่ทั้งอินซู และนางเอก ก็ต้องเดินทางจากบ้านตัวเองทั้งคู่เลย ( เพื่อเพิ่มความโรแมนติก ในการพบกันครั้งใหม่ ที่โซยองไม่มีสามี และอินซู ที่ เหมือนกับไม่มีภรรยา และที่นั่น คือ ที่ที่ ทั้งสองคน เริ่มคุ้นเคยใกล้ชิดกัน มีความสุขกัน)


อินซู ในเรื่องก็ช่างเป็นชายที่ละเอียดอ่อนเหลือเกิน

ทำไม อินซูไม่คิดจะมีความสัมพันธ์กับนางเอก ในโรงแรมที่พัก หลังจากที่ทั้งคู่รักกันแล้ว เช่นในวันที่นางเอกต้องหลบซ่อนตัวในห้องน้ำ วันนั้นทั้งคู่สะเทือนใจมาก (อมร สรุปว่า อินซู ให้เกียรติ นางเอก เพราะรักจริงด้วย)
ทำไมเมื่อนางเอกไม่รับโทรศัพท์ อินซูไม่ไปเคาะประตูห้องเรียกเสียเลย (อมร ว่า เพราะอินซู รู้ว่านางเอกเสียใจ สับสน จึงต้องรอวันรุ่งขึ้นเหมือนให้เวลาช่วยบรรเทาสถานการณ์)

ทำไมพระเอกไม่ถามไม่ปลอบใจ เพราะอินซู ก็ไม่รู้ที่จะทำอย่างไรเช่นกัน มันเป็นเรื่องอับจนหนทาง ทำได้เพียงสื่อความรู้สึกด้วยกายว่า ผมรักคุณนะ มันไม่ใช่เพียงความต้องการความปรารถนาด้วยความเสน่หา อย่างเดียว ไม่อย่างนั้น พระเอก นางเอก คงไปมาหาสู่มีความสัมพันธ์กัน ในโรงแรม ที่พัก หนังเรื่องนี้ ไม่มีคำพูดว่า SARANGHAEYO สักคำ จากทั้งปากอินซูและโซยอง แต่อมรรู้สึกว่า นี่คือความรักที่แท้จริง



นี่เป็นชีวิตจริงที่น่าสนใจว่า เป็นเราเองจะทำอย่างไรดีหนอ ผิดไหมกับความสัมพันธ์ นี้ คำโบราณว่า ดูละครแล้วมาย้อนดูตัว

เรื่องนี้ในชีวิตจริงไม่น่าเกิด หากไม่มีจุดเริ่มต้น จากสามีนางเอก และภรรยาพระเอก นะคะ และไม่มี หลาย ๆสถานการณ์บังคับ การเกิดอุบัติเหตุในเมืองเล็กๆที่ไม่มีโรงพยาบาลอื่น อาการคนเจ็บที่ยังไม่สามารถ เคลื่อนย้ายไปที่อื่นได้ การได้รับรู้ความเจ็บปวดจากการถูกคู่สมรส ทรยศหักหลัง พร้อมๆกัน การที่ต้องมาพักในในโรงแรมห้องเยื้องกัน เป็นเดือนๆ พบ เจอ เดินสวนกันไปมา ทุกวัน การต้องไปเจอเหตุการณ์ถูกทุบตี ขับไล่จากบ้านงานศพ อย่างน้อย สิ่งที่สุจริตใจที่สุดของคนปกติธรรมดา คือได้เจอเพื่อนที่ อยู่ในสภาพกำลังเหมือนคนกำลังจะจมน้ำด้วยกัน มันเลยก่อเกิดเห็นอกเห็นใจกัน ประเภท เราหัวอกเดียวกัน จึงต่างช่วยกันประคับประคองตัวเองให้รอดพ้นการจมน้ำตาย ตามมาด้วยความรู้สึกว่า เรามีอะไรคล้าย ๆ กัน อินซูบอกนางเอกในวันที่ไปเดินเล่นที่แม่น้ำว่า เราเหมือนกันยังกับแกะ


การที่เราได้แต่งงานไปแล้วเพราะอะไรก็แล้วแต่ แม้แต่ แต่งเพราะรักกัน เมื่อผ่านไปอาจพบว่า คนที่เราว่ารักนั่นไม่ใช่เสียแล้ว เขาไม่ได้เป็นอย่างที่เราเห็น เรารู้จัก หรือที่จริงแล้ว เราเข้าใจว่านั่นคือรักถึงได้แต่ง แต่พอไปเจอ คนที่ว่าใช่กว่าคนเก่า ถึงรู้ตัวว่า ครั้งที่แล้ว นั่นไม่ใช่รัก เรื่องแบบนี้ มีจริงแท้แน่นอน แต่ที่มันไม่มีความวุ่นวายสำหรับบางคู่ เพราะ ความรับผิดชอบชั่วดี มันบังคับอยู่ ศีลธรรมของคำว่า สามี ภรรยา ยังตีกรอบให้ต้องอยู่กับร่องกับรอยของ ศีลธรรม ความถูกต้องดีงาม ความรับผิดชอบ


อมร สงสาร เห็นใจ กับ อินซูและโซยอง จริง ๆ ผู้กำกับเฮอร์เองเคยอกหัก ถูกคนรักทิ้ง หายจากวงการไปพักใหญ่ พอกลับมาก็มีหนังสะเทือนอารมณ์ เรื่องนี้ แถมวางบุคลิกนิสัยใจคอของพระเอก เป็น ยงจุน สุดที่รักของพวกเรา ตัวละครที่โลดแล่นไปตามบท ที่เฮอร์กำกับ ไม่มีข้อตำหนิ ว่า เป็นคนไม่ดี ผิดศีลธรรม จรรยาของคนดี ค่ะ แต่ นี่เพราะ ชะตาลิขิต และเป็นบ่วงกรรมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ต่างหาก

อย่างที่รู้ๆ กันว่า หนังเรื่องนี้ มีบทพูด สุดจะน้อยมาก ดังนั้น อมรเล่าตามจินตนาการของตัวเองนะคะ เพราะ ชุด director cut ให้เลือกเสียงพูดเกาหลี และญี่ปุ่น แถมซับไทเทิล คือ เกาหลี และญี่ปุ่นนะคะ สุดปัญญา ที่จะฟังและอ่านรู้เรื่องค่ะ เล่าไปตามภาพค่ะ ส่วนที่อยู่ในวงเล็บทั้งหลาย ก็คือคนเล่าเขียนลงไปเองค่ะ เมื่อปลายปี 2005 มีแฟนคลับ คนไทยบางคน ที่ไปดู APS ที่เกาหลี 9 รอบ ( เพราะได้พบยงจุน ในโรงหนัง) มาเมืองไทย ดูอีก 4 รอบ อมร ขอคารวะ มา ณ ที่นี้ ว่า ท่านช่างรัก ยงจุนจริงๆๆๆๆๆ และอีกหลายๆท่าน ที่ ดูหลายๆรอบ






Posted: Fri Sep 09, 2005 9:14 am Post subject: BYJ, "After suffering from 'Oe Chool febrile illness'

Translated and posted on BYJ's Quilt by Joanne Kwon Ohkyeong posted this on the Talk Box of BYJ's official home. [MD Interview] BYJ, "After suffering from 'Oe Chool febrile illness', I drank (alcohol) by myself." [My Daily]9/7/05 10:56

I met BYJ in a guest room on 32th floor at the Lotte Hotel, Sogong-Dong in the afternoon on 6, one day to go before the opening of the film 'Oe Chool(April Snow)'. Throughout the interview, he poured out stories inside of him as frankly as much as his comfortable outfits and at times passionately. -(Today) is one day before the opening. How do you feel. ▶ The tension and fluttering of heart is the same now as in the preview screening time. Although I had felt that I was a little more solid (stiff) and felt a lot of burden, from a certain moment, thoughts and desire came to me also that I would like to show a lot of appearances which could surprise (amaze) audience. This film is the film where there were many changes in myself and many changes in aspects of acting. -There are opnions that Insoo in the 'Oe Chool(April Snow)' is similar to Joonsahng in the drama 'WLS' ▶ I definitely expressed (them) differently, so that I am very much hurt by those parts(talks). The interesting thing was that I thought there would be more talks like those in Japan because the 'WLS' is more popular in Japan than in Korea, instead more of those talks came out in Korea. However, when I expressed the character Insoo, it was a difficult and painful work and I think that it was definitely different from the pre-existing method. -You acted character of lighting director Insoo in this film. ▶ The occupation was not much important, and I lived as that character with thought, 'I will become that character.' Besides the time for shooting, I could not do anything for myself in this time. The period of shooting the film felt like the continuum of the daily routine (life). There were many painful things and at times my identity had shaken. Sometimes, I even thought, 'Is this right to act like this. What are the things I can do well'. Thus, after the shooting owas over, I felt so empty so that there were many times when I took out and drank alcohol alone. -There are much talks about the scene in which you cry alone inside a motel room. What was your emotion like at the time you acted that. ▶ They talk a lot about that scene, I cried very much sorrowfully at that moment because the course of life I had lived as Insoo was too difficult and also on the other hand thought came on my self 'Too many things are heavy. how come (my) life it heavy like this'. In that moment, I did not aware that I had nasal discharge. I only found out about it when we monitored it later on. Where is the angle of lighting, calculation, position, etc., those were not important matters. The heart felt emotion at that moment was important. Although I am awkward at expressing my inner emotion, and have been feeling much burden (to do that) as my personality is naturally the one which keeps a lot (of things) inside,I felt in this time that expressing and revealing is as comfortable as this. -There are opinions that they wish the emotion or acting of Insoo who fell in illicit love like his wife could have been stronger. ▶ Frankly, I could not understand very well the irony of Insoo to fall in adulterous love having uncontrollable feeling toward Seoyoung when his wife was in such a situation from traffic accident. Hence, I could not help but being more passive than Seoyoung. At the moment, I felt confused and had a step back again. For this part, Director Hur Jinho of the 'Oe Chool(April Snow)' , who was with us, explained about 'Insoo'. Director Hur told, "I did not give any answer or a certain guideline about the character Insoo, hence, actor was that much difficult in the process of discovering (Insoo) in a maze and he could not do anything but become Insoo." - It seems that it was very much difficult to come out of charcter, Insoo. ▶ By now, I feel like to understand what the saying 'I lived as that character' means. Previously, I acted after making all the decisions on size and character. However, I did not do that in this film. Probably because ot that, I feel like there is lump I could not express in the film yet on my emotional extension line. I feel heavy in one side of my heart. -Ten years since your debut, you are standing up in the place of actor representing Asia before you know it. What do you think your self the reason for it. ▶ Of course, ten years ago, I did not think I would be in a place like this. The actors are bound to be evaluated by their works, and I think I was very much fortunate with works. Although there are people who say about me that I am a perfectionist, frankly, I too know that I am insufficient. Because I know well that I am very much insufficient, I am filling it up. Don't all of people try hard now a days, do they. I think the appearance of filling up the insufficiency was seen nicely(taken well). Although the result also would be important, while I was doing this film, in paraticular, I felt like that I did not think aboout or agonize over a lot about things. -In Japan there are talks wondering if you are an ascetic as there are frequent mentions about BYJ's moderation, perfection' etc. ▶ They seem to talk like that upon seeing the photo album published in the last year. It that case, because there is side that we cannot separate from even if we want to, that is industrial(business) aspect in what I do not matter what and because it was the first photo album in over 10 years, I did not want to do it without putting whatever different efforts. I wanted to make photo album which I can sell by bestowing meaning by myself. Thus, the concensus of opinions was to try to change my appearance. During those moments, I felt very much aweful even I think of it now. It was difficult to tolerate the smell of food of course and even the presence of people around me. It was the period of time I bestow the meaning myself and make the goal. _This film is to open in 10 Asian countries. Do you feel a certain responsibility as the star representing Korea. ▶ That part becomes burdensome a lot. While I was doing the film, from a certain moment, I realized that I have to take much responsibility not only the personal part about acting. It seems that I could have made a momentum being able to release (film) simultaneously in Asia in this time and my role and responsibility-Even behaving straight and putting effort only are beyond my ability. Outside of the films, I receive a lot of questions about history of Korea & Japan or cultural communication between both countries. As an actor, I feel still different social responsibility and sense of weight. As much as I got to receive this much love as an actor born in Korea, I always think about and agonize over what kind of other ways I could return the favor. -Can we say that BYJ, seen in previous dramas or film, is broken in this film ▶ Previously, I really could not stand (in front of camera) when I was not prepared. In this time, I thoroughly became that character and there was no fear. Really in this time, I learned I could stand in front of camera without any preparation and calculation. This is a tremendously big change for myself. While I worked with Director Hur in this time, I learned precious thing of not being afraid of camera. I am already looking forward to works in the future. Even when the interview was over, BYJ could not hide his sense of lacking as if there remained stories he could not finish all yet saying, "I really had so much talks to say..". It was the moment when the agony and weight of life, he had experienced all the while as Korean Current star BYJ and Insoo in the 'Oe Chool(April Snow)', were entirely transferred. In the end of the interview, BYJ said that from the position of going looking at the same place, he was wondering if Korean press would avoid as much as possible the irritating expressions like 'conquer of conquer the South' etc., which throw cold water onto Korean Current. He added that he wish that the current we ourselves are creating could become the common sentiment shared jointly in Asia. When I got out of the place after finishing the interview, BYJ, who at times came to us like foreign actor until now was felt as a Korean actor at last. [BYJ, who performed passionate acting as he took the character of 'Insoo' who is conflicting between death of his wife and new love in the film 'Oe Chool(April Snow)'. Photo=Song Ilseob,andlyu@mydaily.co.kr] Reported by Lee Eunjoo,er@mydaily.co.kr, http://www.mydaily.co.kr/ Copyright ⓒ My daily

Posted: Sun Aug 21, 2005 5:37 pm Post subject: BYJ "I would like to do the last love which (we) could

Kwon Ohkyeong posted this on the Talk Box of BYJ's official home. Translated by Joanne on BYJ's Quilt BYJ "I would like to do the last love which (we) could be together for a long time" [Star News]8/20/05 12:12

Quesions and Answers with Taiwamese media Top Star BYJ heated Taiwan hot. BYJ visited Taiwam on 19 with Director Hur Jiinho, who was in charge of megaphone of this film for promotion of film 'Oe Chool(April Snow)', and confirmed once again his status as the top star in Asia as he was prominently covered in big prints on the front page in various newspapers. BYJ & Director Hur Jinho held about one hour long media interview as over 400 press corps from various Asian countries such as Taiwan, Singapore, Malaysia, etc. at the Grand Hotel in Taiwan. After giving first greeting in simple Chinese, BYJ led the atmosphere in the media interview venue as he answered to the questions from the reporting corps in sincere and frank appearance. On that occasion, he delivered his heart of appreciation for love toward the 'Oe Chool(April Snow)' from Taiwanese fans and for his taiwanese fans. Following is the Question and Answer at the media interview held with over 400 Asian news gathering crewas summarized by the (film) producing company. ▶Director Hur Jinho(Hur from here on)=How are you? I am Hur JInho. I came to Taiwan four years ago at the time of opening of the film 'One Fiine Spring Day', and I am glad that I came here again and I ask you much love also for the film 'Oe Chool(April Snow)' which will be open in the future. ▶Bae Yongjoon(Bae from here on)=(In Chinese) How are you, I am BYJ, I am glad to meet you again in a long time. I am more delighted as I filmed the 'Oe Chool(April Snow)' and came along with Director Hur Jinho. -Introduction of the film and about the background of casting. Hur=BYJ is an impressive actor as while being delicate and tenter, he also has strong and tough aspects to together with them. I have really wanted to work together with him for once, and I was more delighted as I found better aspect of him than I expected while we worked together -Your reason for choosing the 'Oe Chool(April Snow)' ▶Bae=I chose the work entirely due to faith in Director Hur Jinho. His working style is much different from that of mine, and I think I felt that attractive. Being different from me, who prepares as much as possible before the shooting, Director is a person who lively puts in the feeling about the location site situation. -While you were shooting the 'Oe Chool(April Snow)', what kind of resolution die you work with, What is your belief in acting? ▶Bae=Being different from other works, I did not calculate or prepare in advance, but did all my best to immerse my emotion momemt by moment. I think that the 'Oe Chool(April Snow)' is a work like fate as well as a work I must pass through as an actor. My belief in acting is..I would like show my appearance of doing my best at each & every moment, and I want to do my best in this moment when I am doing an interview. -Don't you want to work with Taiwanese directors and actors? ▶Bae=Although it may not be right now, I really would like to do that in the future. I think much preparation will be necessary. I think that is really necessary work for the cultural communication in Asia. It seem to be called as too much one-directional flow under the name of Korean Current at this time, I think that it should be accomplished in bi-directional ways for the better cultural communication, and I wish that more active joint workings could be accomplished than now. -Your birthday is 10 days fromm now. What are your birthday wishes?

▶Bae=First, I know that 'Oe Chool(April Snow)' will have simultaneous opening in Asia, I hope that it is not a branch of the Korean Current but it could do a catalyst role for the more activated cultural communication. From that perspective, I woule like the 'Oe Chool(April Snow)' to receive good critical review. And I would like many people who got sick & are fighting aginst it become healthy, and I wish that I myself also become healthier than now so that I could do many good deeds. -As 'Oe Chool(April Snow)' is a film in which the adultery is its subject, what do you think about it? ▶Bae=I think that the adulteries from reaction to teh boredom are clearly wrong. However, while I was shooting the 'Oe Chool(April Snow)', I came to think that love exists in many kind of forms. Personally, I would like to do the alst love which (we) can be together for a long time. -Your acting of shedding tears was very impressive. How did you feel while you were acting tear (shedding)? ▶Bae=Tears comes out when I immerse in that situation. While I've been adting, there have not been any untrue, (&) false tears. In particular, as I had to become a character of Insoo at the moment in the 'Oe Chool(April Snow)', it was very much difficult for my heart's feeling. While I was acting of shedding tears in this film, what director told me, 'Without necessarily crying, if you immerse in that emotion, the sadness will be delivered to the audience' tis the word I remember the most. -What kind of actor is BYJ as thought by you (director) ▶Hur=He is very sincere and honest actor. As he is very delicate, there are many times that he sees the detailed aspects more than myself, director. In 'Oe Chool(April Snow)', BYJ seems to have displayed the honest acting. That is to say that he really became that character ahd shed tears, not by skill or technique of acting. It was to the extent that I was sad while we were shooting. -They say actors cannot get out of the characters even after the shooting is over. How about Mr. BYJ? ▶Bae=Although it is not that I cannot get out of the character, I feel like that I will keep thinking of it until 'Oe Chool(April Snow)' is open and I begin shooting the next work. On the day when the last shooting was over, I was very lonely. Somehow, I thougt as if there still left much to say and I felt that I have to shoot more. I remember that on day of the last shooting, two of us with director stood up for a while lonely and without saying any on a high way. -The last greetings. ▶Bae=Dear family, I wonder if you are healthy and doing well. Although I promised you that I will come to Taiwan again, I am sorry that it seems I came here too late, and i always do not forget that warmth at the time when we meet for the first time in Taiwan. ▶Hur=Thank you as you love the 'Oe Chool(April Snow)' very much. Reported by Kim Soojin,skyaromy@mtstarnews.com, @mtstarnews.com Copyright (c)Money Today Star News_________________사랑해요 means I love U 代表着我离不开你... http://josy-diary.blogspot.com/

No comments:

Post a Comment

Note: Only a member of this blog may post a comment.