เรื่องเล่าตอนที่ 2
เมื่อกลับมาโซล
ต้นไม้ที่บ้านอินซู ที่ฉากก่อนนั้น อินซู ฉีดน้ำ บำรุง ดูแลจนมีใบสีเขียวสดใส กลับมาบ้านเที่ยวนี้ ต้นเหี่ยวแห้งใบห้อยร่องแร่งลงมากองที่ขอบกระถาง บางกระถางก็ตายเลย อินซูมองอย่างเสียดายต้องยกออกไปกองนอกบ้าน เหมือนความรักของคู่สามีภรรยาของบ้านหลังนี้เลยทีเดียว อินซูแหงนมองเครื่องบินที่บินผ่านมาพอดี คนเล่า รู้สึกว่า นอกจากความรักที่โรยราเหี่ยวเฉาเหมือนต้นไม้แล้ว ยังตอกย้ำ ว่า ความรักของอินซู ต่อภรรยา ก็โบยบินจากไป และมีแต่จะลับหายไปกับความกว้างใหญ่ไพศาลของท้องฟ้า
อินซู โทรศัพท์ ไปหาโซยองในห้องพัก เพื่อขอเบอร์โทรศัพท์มือถือ
และในการซ้อมแสงเสียงที่เวทีคอนเสริต์ หลังจากที่อินซู มองฝ่ามือตัวเองที่แบอยู่ใต้แสงไฟ ตรวจสอบความเข้มของแสงไฟแล้ว อินซูปล่อยให้กวางอิล ดูแลงานแทนส่วน อินซูปลีกตัวไปข้างเวทีโทรศัพท์ไปหาโซยอง
แล้วก็ออกไปรอรับโซยองที่สถานีรถ
อินซูเดินแกมวิ่งเหยาะๆ เหมือนเกรงว่าตัวเองจะมาถึงสายไป เมื่อเปิดประตูกระจกออกไปลานจอดรถโดยสาร รถยังไม่มา ขณะรอ อินซูมีท่ากระวนกระวายใจ ดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือและที่สำคัญ อินซูทำท่าทางเหมือนหนุ่มน้อยเริ่มริรัก ท่าทางยิ้มแบบเขิน ๆ กับการกระทำและความคิดของตัวเองว่าเดี๋ยวเจอกันแล้ว จะพูดจะทำอย่างไรดี(คนเล่า คิดเอาเองค่ะ) ท่าทาง ของอินซู น่าเอ็นดูมากเลย เพียงแต่หน้าอินซู ก้มต่ำ ไปหน่อย อันท่ายิ้มเขินกับตัวเอง น่ารักมากจริงๆ มันไม่ใช่รอยยิ้มของผู้ชายที่มีภรรยามาแล้วเลย
พอโซยองลงจากรถเพียงสองก้าวก็พบว่า มีหนุ่มน้อย (คนเล่าหมายถึงหนุ่มที่แรกรู้จักรักน่ะค่ะ) ก้าวเข้ามาหา ยิ้มรับการมาถึงของเธอ พูดทักทาย และช่วยรับกระเป๋าเสื้อผ้าไปถือให้ แล้วเดินนำอ้าวออกมา ท่าทางโซยองเป็นแบบไม่รู้จะทำอย่างไรดี กับตัวเองเหมือนกันไม่ใช่อย่างผู้หญิงที่มีสามีแล้ว
ในรถ
อินซู : คุณชอบเดินเล่นงั้นหรือ
โซยอง: ใช่ค่ะ แล้วคุณชอบหรือเปล่า
อินซู : ผมชอบเหมือนกัน
แล้วทั้งคู่ ก็ไปเดินเล่นที่ริมแม่น้ำ
อินซู : คุณชอบเดินเล่นงั้นหรือ
โซยอง: ใช่ค่ะ แล้วคุณชอบหรือเปล่า
อินซู : ผมชอบเหมือนกัน
แล้วทั้งคู่ ก็ไปเดินเล่นที่ริมแม่น้ำ
ตอนที่เดินเล่น ดู อินซู จะเปลี่ยนเป็นช่างพูดเหลือเกิน พร้อมกับท่าทางเขิน ๆ ส่วน โซยองจะตอบคำน้อยกว่า
อินซู : เวลาได้เจอคุณผมรู้สึกแปลกอย่างบอกไม่ถูก
โซยอง ยกสองมือกำไว้ใกล้ๆปาก
อินซูเลยถามว่า หนาวหรือ
โซยอง ตอบว่า นิดหน่อยค่ะ แล้วคุณล่ะ
อินซูตอบว่านิดหน่อยครับ
อินซู รู้สึกว่าเดินมาไกลมากแล้ว จึงถามว่า : คุณอยากกลับหรือยัง
โซยองไม่ตอบแต่หมุนตัวกลับ เดินกลับไปที่จอดรถ
อินซู บอกว่า : เรานี่เหมือนกันยังกับแกะ
แล้วถามต่อว่า เรามาวิ่งแข่งกันไหม
โชยอง เฉย ไม่ตอบ แต่อมยิ้ม แล้วก็ออกวิ่งนำหน้าไปทันทีโดยไม่บอกกล่าวเล่าสิบ
อินซูวิ่งตาม จนทัน โซยอง ทั้งสองคนวิ่งด้วยท่าทางสนุกสนาน
แล้วโซยองก็หยุดวิ่งท่าทางเหน็ดเหนื่อย
ซอนเยจิน เคยวิ่ง กับโจ อินซอง ใน the Classic น่าประทับใจ เพราะ ลีลาท่าวิ่ง จังหวะเท้าที่วิ่ง พร้อมๆกันของทั้งสองคนแถม เข้ากับจังหวะกับเสียงดนตรี ท่ามกลางสายฝนและร่มวิเศษ คราวนี้ ก็น่ารักไปอีกแบบ กับยงจุน วิ่งไล่ตามหลังกัน และวิ่งแบบวิ่งแข่ง (เกาหลีเขาช่างคิด อะไร ๆ ที่น่ารัก เก่งจัง น่านับถือ)
อินซุขับรถไปส่ง โซยอง เมื่อรถจอด ทั้งสองคน ได้แต่มองหน้ากัน
ยุนคยองโซ ได้ออกจากห้อง ไอซียู ไปอยู่ห้องคนป่วยปกติ
โซยอง เปิดหน้าต่างรับลม จนม่านปลิวไสว
อินซู ฉีกปฎิทินเดือน มีนาคม ออก แล้วเดินไปปรับสายน้ำเกลือให้ ซูจิน
โซยอง ซื้อต้นไม้กระถางเล็กๆ น่ารัก แล้วไปเคาะประตูห้องอินซู ส่งกระถางต้นไม้ให้บอกว่า : ฉันให้คุณ
อินซูรับไว้ พูดตามหลังโซยองไปว่า : ผมจะดูแลเลี้ยงมันให้ดี
โซยอง ลงไปเดินลานข้างล่าง แถวสวนสาธารณะ
อินซู ออกไปยืนรับลมที่ระเบียง เคาะบุหรี่ในมือ
โซยอง นอนหลับบนเตียง มีเสียงโทรศัพท์ เมื่อยกขึ้นดู ก็ได้รับ Message โซยอง อาบน้ำสระผม ไดร์ผม แล้วทั้งคู่ ก็ไปชายทะเลกัน นั่งดื่มกาแฟ สายตามองออกไปที่ชายหาด มีนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ วิ่งแข่งขันที่ชายหาด
ฉากนี้ ของ Director cut และ ที่ฉายเป็นภาพยนตร์ จะไม่เหมือนกัน เพราะตัดย่อเอามารวมกัน จริงๆแล้ว ทั้งคู่ไปชายทะเล 2 ครั้ง ขอเล่าตามDirector cut ก็แล้วกัน
(ฉบับภาษาไทย มีคำถามว่าวันนี้เราจะทำอะไรกันดี )
อินซู และโซยอง ออกไปเดินเล่นที่ชายหาด
หน้าตาแจ่มใส เหมือน ความทุกข์นั้นถูกซัดสาด ลงทะเล ไปหมดแล้วการเดินเป็นการเดินของคู่รักที่เดินคลอเคลียกัน
โซยอง : คุณเป็นคนใจเย็นจังนะคะ
อินซู กลับถามไปอีกเรื่องว่า : คุณชอบฤดูไหนที่สุด ( อินซู คะ นึกไปว่า ตัวเองเป็น จุนซาง หรือลีมินฮุงหรือเปล่า นี่ และข้างๆคุณนี่น่ะ โซยอง ไม่ใช่ ยูจิน สักหน่อย)
โซยอง : ใบไม้ผลิ แล้วคุณล่ะ
อินซู : ผมชอบฤดูหนาว ( นั่นไง จิตใต้สำนึก จุนซางละซีนี่)
โซยอง : ฉันก็ชอบหิมะเหมือนกัน
อินซู : หิมะจะตกฤดูใบไม้ผลิได้มั๊ย
โซยอง ยิ้ม และตอบว่า : ไม่มีทางล่ะ แล้วถามกลับว่า เรามาถ่ายรูปกันไหม อินซูยังไม่ทันตอบ โซยองก็พูดว่า : ลืมมันไปเสียเถอะ
อินซู: ทำไมล่ะ เอาสิครับ
สองคนเข้ามายืนชิดกัน โซยองยกโทรศัพท์ขึ้น
อินซู บอกว่า มองตรงนั้น
โซยอง นับ หนึ่ง สองสาม กดชัตเตอร์ เสร็จ ก็เอามือปิดปาก หัวเราะชอบใจ อินซูมองโซยองยิ้มอย่างเอ็นดูความเป็นเด็กๆใสซื่อของโซยอง
หน้าตาอินซูสื่อความชัดเจนว่า ....ผมรักคุณเข้าแล้ว...... (จากเริ่มริรัก เป็นรักคุณเข้าแล้ว)
แล้วก็ ไปดูภาพยนตร์ตอนเข้าไปในโรงภาพยนตร์ที่เริ่มฉายไปแล้ว มีคนดูในโรงไม่กี่คน ทั้งคู่กำลังมองว่าจะนั่งตรงไหนดีเป็นครั้งแรกที่อินซูจับแขนโซยอง พูดอะไรกันที่ไม่รู้เรื่องอีก ภาพยนตร์ที่กำลังฉาย เป็นผู้ชาย 2 คน เดินพูดคุยกันเสียงดังเอ็ดตะโร ลั่นโรงภาพยนตร์ ไม่ได้เป็นภาพยนตร์โรแมนติกชวนให้เกิดอารมณ์ร่วมที่จะเคลิบเคลิ้มซักหน่อย
แล้วก็ ไปดูภาพยนตร์ตอนเข้าไปในโรงภาพยนตร์ที่เริ่มฉายไปแล้ว มีคนดูในโรงไม่กี่คน ทั้งคู่กำลังมองว่าจะนั่งตรงไหนดีเป็นครั้งแรกที่อินซูจับแขนโซยอง พูดอะไรกันที่ไม่รู้เรื่องอีก ภาพยนตร์ที่กำลังฉาย เป็นผู้ชาย 2 คน เดินพูดคุยกันเสียงดังเอ็ดตะโร ลั่นโรงภาพยนตร์ ไม่ได้เป็นภาพยนตร์โรแมนติกชวนให้เกิดอารมณ์ร่วมที่จะเคลิบเคลิ้มซักหน่อย
แต่คนดูภาพยนตร์ คู่หนึ่งกลับแสดงบทรักโรแมนติกให้พวกเราได้ชมแทน เมื่อแรกสายตาของสองคน นี้ ก็มองจอหนังกันดี ทั้งคู่นั่งชิดกัน โดยเฉพาะแขนอินซู แนบชิดแขนของโซยอง
ไม่นานอินซูก็ค่อยๆเอื้อมมือซ้ายของตัวเองไปกุมมือขวาของโซยอง
สายตาอินซูอยู่ที่ใบหน้าโซยอง
ยกมือขวาไปจับคางโซยองให้หันหน้ามาแล้วก็จูบปากโซยองเบา ๆเป็นการเรียกสติโซยองก่อน(ว่านี่เป็นการเตือนนะครับ เตรียมตัวนะครับ)
โซยองเอียงแก้มซบลงที่ไหล่อินซู อินซูจัดผมที่หล่นมาปิดหน้าด้านข้างโซยอง
แล้วก็ยื่นหน้าตัวเองจดจดจ้องจ้อง เหมือน จะรีรี รอรอ....อย่างกับจะถามโซยองว่า.... ผมขอจูบจริงจริงแล้วนะ... แล้วก็... ขอจูบได้ไหมครับ...
ฉากนี้ซาบซึ้งตรึงใจเพราะความอ่อนโยนเว้าวอนขอด้วยท่าทางของอินซู กว่าจะจูบแบบดูดดื่มได้ ตอนถ่ายทำ ตั้ง 2 ชั่วโมง แล้วเหตุใดมาตัดทิ้งกันหนอ แล้วทั้งคู่ก็กลับมา ที่พัก
ในห้องของอินซู
ในห้องของอินซู
อินซู ปอกผลไม้
โซยอง : ให้ฉันทำเถอะ
อินซู ส่งมีดและผลไม้ให้โซยอง โซยองรับมาปอกต่อ
อินซู ลุกขึ้นเดินไปที่ T V ดึงกระดาษเช็ดมือ แล้วหันมามองโซยอง
จัดผมที่ปรกหน้าให้โซยอง แล้วทรุดตัวลงนั่งหมุนเก้าอี้โซยองมาอยู่ตรงหน้า
จัดผมที่ปรกหน้าให้โซยอง แล้วทรุดตัวลงนั่งหมุนเก้าอี้โซยองมาอยู่ตรงหน้า
มองโซยองแบบคนเล่าบรรยายไม่ถูก เหมือนกับ รัก สงสาร เห็นใจ ขอโทษ อัดอั้นตันใจอยากบอกอยากพูด ทำนองนั้น ลูบแก้มเบา ๆ แบบปลอบประโลม( สงสารทั้งคู่เลย)
จนมีเสียง เคาะประตู ทั้งสองหันไปมองประตู
อินซู เดินไปที่ประตูแล้วถามว่า : ใครครับ
มีเสียงตอบว่า : ฉันเป็นพ่อของซูจินน่ะ
อินซูหันไปมอง โซยอง โซยอง วางมีดและผลไม้ลง ลุกไปยืนข้างอินซู
อินซู : รอเดี๋ยวครับคุณพ่อ
มีเสียงตอบมาว่า ได้
อินซู เดินไปที่ประตูแล้วถามว่า : ใครครับ
มีเสียงตอบว่า : ฉันเป็นพ่อของซูจินน่ะ
อินซูหันไปมอง โซยอง โซยอง วางมีดและผลไม้ลง ลุกไปยืนข้างอินซู
อินซู : รอเดี๋ยวครับคุณพ่อ
มีเสียงตอบมาว่า ได้
อินซู หันมามอง โซยอง เอามือข้างหนึ่งแตะอก แล้วก็มองไปที่เสื้อโค๊ตของโซยองที่แขวนอยู่ รีบหยิบออกมาคว้ากระเป๋าของโยอง แล้วจูงมือโซยองไปที่ห้องน้ำ ก้มลงหยิบรองเท้าส่งให้ ปิดประตูห้องน้ำ
หยุดทำใจให้เป็นปกติเสียก่อนแล้วจึงเปิดประตูห้อง
ทักว่า : สวัสดีครับ มาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่บอกผมครับ
พ่อซูจิน: สบายดีไหมเรา พลางเอื้อมมือปิดประตู
อินซู : ดีครับ ทานอะไรมาหรือยังครับ
พ่อซูจิน : ยังเลย
อินซู : ผมว่าเราไปหาอะไรทานกันดีไหมครับ
พ่อซูจิน พยักหน้ารับคำ
อินซู : รอสักครู่ครับ แล้วรีบหันไปคว้าเสื้อคลุม สวมรองเท้า หันไปทางประตู (ด้วยท่าทางรีบร้อน)
พ่อซูจิน: สบายดีไหมเรา พลางเอื้อมมือปิดประตู
อินซู : ดีครับ ทานอะไรมาหรือยังครับ
พ่อซูจิน : ยังเลย
อินซู : ผมว่าเราไปหาอะไรทานกันดีไหมครับ
พ่อซูจิน พยักหน้ารับคำ
อินซู : รอสักครู่ครับ แล้วรีบหันไปคว้าเสื้อคลุม สวมรองเท้า หันไปทางประตู (ด้วยท่าทางรีบร้อน)
พ่อซูจินเดินนำหน้า อินซูอยู่ข้างหลัง ดึงบานประตูห้องปิด จงใจที่จะไม่ล๊อคห้อง
ขณะเดินนั้นอินซูชวนคุยว่า : ไปโรงพยาบาลมาแล้วหรือครับ
พ่อซูจิน : ซูจินดูดีขึ้น
เดินลงบันได
อินซูบอกว่า : คุณพ่อครับพอดีผมลืมล๊อคห้องน่ะครับ
พ่อซูจิน หันมา : อ้อ งั้นเร๊อะ ฉันจะรอก็แล้วกัน
อินซู : เดี๋ยวมานะครับ
พ่อซูจิน : ซูจินดูดีขึ้น
เดินลงบันได
อินซูบอกว่า : คุณพ่อครับพอดีผมลืมล๊อคห้องน่ะครับ
พ่อซูจิน หันมา : อ้อ งั้นเร๊อะ ฉันจะรอก็แล้วกัน
อินซู : เดี๋ยวมานะครับ
อินซู รีบกลับไปที่ห้อง ยืนสักอึดใจ (ทำใจอีกแล้ว) เปิดประตูห้องน้ำ
โซยองยืนทำท่าอิหลักอิเหลื่อ บอกอินซูว่า : ฉันไม่เป็นไร
อินซู เข้าไปกอด บอกความรู้สึกภายในใจด้วยการใช้กายสัมผัส แล้วก็ปล่อยโซยอง มือซ้ายจัดผมให้โซยอง
ลูบผม มองโซยอง แล้วหันหลังกลับออกไป
อินซู เข้าไปกอด บอกความรู้สึกภายในใจด้วยการใช้กายสัมผัส แล้วก็ปล่อยโซยอง มือซ้ายจัดผมให้โซยอง
ลูบผม มองโซยอง แล้วหันหลังกลับออกไป
(จากความสัมพันธ์ ที่ ผู้กำกับปูพื้นมาเรื่อยๆ คนเล่า ก็ลืมไปแล้ว ว่า นี่เป็นความสัมพันธ์อันไม่ถูกต้องนัก เป็น ความรักที่เกิดขึ้น ผิดกาลเวลา มันควรจะได้เกิดก่อนหน้านี้ หรือหลังจากนี้ อีกสักนานๆหน่อย อย่างที่ อินซู จะได้พูดกับโซยองในฉากที่ยังมาไม่ถึง จริงๆ
เป็นฉากที่กระชากให้คนเล่ารู้สึกว่าถึงจะเป็นความรักที่อ่อนหวานงดงามละมุนละไมเพียงใด แต่ในสภาพนี้ รักนี้ต้องหลบซ่อน และ ทั้งคู่ กำลังอยู่ในข่าย รักที่ผิดศีลธรรม
คนเล่ารู้สึกหายใจขัด ๆเชียวละสะเทือนใจกับฉากนี้ที่สุด เมื่อนึกขึ้นมาคราใด ก็เจ็บที่หัวใจ แทนอินซูและโซยองจริงๆ ทุกครั้งเลย)
เป็นฉากที่กระชากให้คนเล่ารู้สึกว่าถึงจะเป็นความรักที่อ่อนหวานงดงามละมุนละไมเพียงใด แต่ในสภาพนี้ รักนี้ต้องหลบซ่อน และ ทั้งคู่ กำลังอยู่ในข่าย รักที่ผิดศีลธรรม
คนเล่ารู้สึกหายใจขัด ๆเชียวละสะเทือนใจกับฉากนี้ที่สุด เมื่อนึกขึ้นมาคราใด ก็เจ็บที่หัวใจ แทนอินซูและโซยองจริงๆ ทุกครั้งเลย)
รุ่งขึ้น อินซู ไปนั่ง มอง ซูจิน ภรรยาของตัวเอง คิดอะไรในใจ เดาไม่ถูกเลย
รวมทั้งโซยอง ที่ เอาผ้าห่มขึ้นมาคลุมหน้า สามี ขณะ ที่ กำลัง เช็ด ขอบหน้าต่างห้องที่เปิดโล่ง เช็ดไปเช็ดมา แล้วหันมามองสามี แล้ว เดิน มาเอาผ้าห่มออกจากใบหน้า นั่งลง เอื้อมมือไปลูบผม แล้วกำมือเอามา วางสอง
แก้มและคางของตัวเอง ท่าทางครุ่นคิด เช่นกัน (ถ้าจำไม่ผิด เหมือนกับวันนี้มีประกาศว่า อากาศ มีมลพิษ)
แก้มและคางของตัวเอง ท่าทางครุ่นคิด เช่นกัน (ถ้าจำไม่ผิด เหมือนกับวันนี้มีประกาศว่า อากาศ มีมลพิษ)
จน มาถึง เลิฟซีน ทั้งคู่มาที่ชายทะเลอีกครั้ง จอดรถแล้ว ต่างก็นั่งนิ่งอยู่อึดใจเพื่อให้แน่ใจกับการตัดสินใจแล้ว จึงลงจากรถ เดินเข้าโรงแรม ทั้งคู่เดินช้า ๆ
จน อืนซู กุมมือ โซยองก่อนเข้าประตูโรงแรม (ค่อยดูว่าเป็นคู่รักกันหน่อย)
โซยอง ค่อยๆถอดถุงน่องอยู่ในห้องน้ำ ท่าทางลังเลใจ
อินซู นั่งที่โซฟาที่วางเป็นรูปตัวแอลกับเตียงนอนโดยนั่งชิดกับท้าวแขนใกล้กับด้านของหัวเตียงนอน
ท่าทางครุ่นคิดไม่ได้มีท่าทางหวานชื่น หน้าตาแพรวพราว สมหวังหรือระทึกใจ กับเหตุการณ์ ที่จะเกิดขึ้นต่อไป
เมื่อโซยองเปิดประตูห้องน้ำออกมา
โซยอง เดินช้าๆดูเหมือนจะเกร็งเล็กน้อยไปนั่งเกือบปลายเตียง ก้มหน้านิ่ง
อินซูก็มองตรงต่ำไปข้างหน้าของตัวเอง ต่างคน ต่างไม่ได้มองหน้ากัน
สักพัก อินซู ก็ขยับตัว เว้นที่นั่ง เพื่อให้โซยองมานั่งแทนที่ตัวเอง
ส่ง สายตามอง โซยอง น่าจะสื่อแทนคำพูดว่า ได้โปรดลุกมานั่งข้างผมเถิดครับ .... (บอกด้วยสายตานะคะ โซยองไม่ได้ลุกทันที
แต่ก็ลุกขึ้นไปนั่งข้าง อินซู ลักษณะเบนตัวห่างอินซูเล็กน้อย อินซูเอาแขนซ้ายโอบโซยองเข้ามาแล้วกอดทั้งสองมือ ครู่หนึ่ง โซยองถึงจะค่อยๆ ยกมือ โอบลำตัวของ อินซู ตอบ ทั้งคู่กอด ซึ่งกันและกัน
ทั้งคู่ นั่งบนเตียงนอน โซยอง ถอดแว่นตาให้อินซู
ทั้งคู่ นั่งบนเตียงนอน โซยอง ถอดแว่นตาให้อินซู
เป็นเลิฟซีน ที่ อินซู หน้าตาไม่สดชื่นเลยครุ่นคิดสับสนด้วยซ้ำไม่รู้ว่าการที่กำลังจะมีความสัมพันธ์กันนั้นเป็นเพราะความผิดหวังความเจ็บแค้น เป็นการแก้แค้น ซูจิน อย่างที่เคยพูด หรือเกิดความเห็นอกเห็นใจ โซยอง ที่อยู่ในสภาพหัวอกเดียวกันจนเป็นความรัก หรือเพราะแรงเสน่หา ตัณหาที่มีต่อนางเอก ที่ขาวผ่องออกแบบนั้น อินซูในอารมณ์ที่กดดันมากกว่าความชื่นมื่น
แต่ โซยองอย่างที่ ผู้กำกับ เฮอร์จินโอ บอกไว้ใน คอนเซ็บว่า กล้าเผชิญรักใหม่อย่างห้าวหาญ ฝ่ามือ อินซู คงอบอุ่นมากเลย เฮ้อ...หนอ แต่เป็นฝ่ามือ ที่ โลมไล้ โซยอง ที่เหมือน ค่อยๆ สร้างอารมณ์ ให้บรรเจิด เพริดพรายเกิดก่อ ความต้องการ ของทั้งคู่ ไม่ได้ เหมือน ฉากรัก ของ โชวอน กับบรรดาสาวงามเมือง โซซอน เลยสักนิด
อินซู ตื่นขึ้นมาพบว่า โซยองลุกไปนั่งพับกางเกงและเสื้อของอินซู อยู่ ที่โต๊ะเล็ก ( เมื่อ โซยองเห็นอินซูตื่นก็ลุกขึ้นเดินมาหาอินซูที่เตียง พูด เหมือนจะถามว่า ตื่นแล้วเหรอคะ หรือไม่ก็ นอนหลับสบายไหมคะ แล้วทั้งคู่ก็กอดกันอีกครั้ง )
ในบรรดา หนังและซีรีส์ของเกาหลี ที่คนเล่าเคยดูมา ชอบ ลักษณะการกุมมือหญิงคนรัก ของยงจุน ว่าอบอุ่นไม่เหมือนใคร และเป็นลักษณะเฉพาะตัวของยงจุน คือ ยงจุนจะใช้ฝ่ามือตัวเองแนบกับฝ่ามือคนรัก บางทีนิ้วมือจะประสานสอดกัน บางทีก็รวบทั้ง 5 นิ้วมือ น่าอบอุ่นจริงๆ รวมทั้งท่ากอดด้วย ไม่ว่าจะเป็นเดินเข้าไปโอบกอด สวมกอด หรือดึงตัวมากอดมันดูนุ่มนวล ละมุนละไม เหมือนไวน์ชั้นดีราคาขวดละหลาย ๆแสน (คนเล่าไม่เคยดื่มหรอกค่ะ คิดเปรียบเทียบเดาเอาเองน่ะ ก็ยงจุนชอบดื่มไวน์นี่นา) และเป็นสไตล์เฉพาะตัวของยงจุนอีกต่างหาก ผ.อ. ยุนฮุงจุน ( สงครามแห่งความรัก) ที่เคยรู้สึกว่าว่าน่าอบอุ่นนักหนา ก็สู้ไม่ได้ ในความรู้สึกของคนเล่านะคะ
ที่ห้องพักโซยอง สระผม และยืนเช็ดผมที่หน้ากระจก สวมบราเซียร์และกางเกงขาวขายาว เอามือของตัวเอง แตะ ส่วนนั้นส่วนนี้ของร่างกาย เพ่งพิศ ตัวเอง (ไม่รู้ว่าคิดอะไรเหมือน จะบอกกับตัวเองว่า ด้วยวัย 27 ปี มีสามีมาแล้ว แต่ฉันยังสวยและมีเสน่ห์อยู่นะ เต่งตึงไปทั้งตัวอย่างนี้ ฉัน ดีไม่ดีคงคิดว่า ฉันก็ไม่แพ้ ซูจิน หรอกน่า)
อินซู เดินออกจากโรงแรม โซยองนั่งคอยที่ร้านกาแฟ อยู่ก่อน อดใจไม่ได้ ที่ต้องหยิบกระจก มาสำรวจความงามบนใบหน้าว่าสวยพอหรือยัง รออินซู
อินซู ขับรถไปจอด แล้วแหงนดูแผนที่ ที่ตั้งไว้ ทั้งคู่ไปพิพิธภัณฑ์อะไรสักอย่าง มีฉาก ที่เดินข้ามสะพานแขวน โซยอง ขย่มตัวให้สะพานไหวโยกเยก ตัวเองเซไปเซมาแล้วหัวเราะสนุก สนาน เป็นเด็ก ๆ อินซู อดใจไม่ได้ ต้องจูบนางเอกอีกที แต่จูบแบบรวดเร็วเหมือนสายฟ้าแลบ หลังจากเหลียวสำรวจว่า และตรงนั้นไม่มีคนอื่น เมื่อเดินต่อไปอีก ไม่นาน ก็มีโทรศัพท์มาบอกอินซูว่า ซูจินฟื้นแล้ว อินซูต้องกลับไปที่โรงพยาบาล
อินซู ผ่อนฝีเท้าลงเรื่อยๆ จากที่เดินเร็วๆ ตอนเข้า โรงพยาบาลมา ยิ่งตอนจะเดินเข้าห้องคนป่วย อินซูชะงักยืนที่หน้าห้อง เหมือนต้องปรับตัว ปรับใจ สำหรับ การเข้าไปพบ ซูจินที่ฟื้นแล้ว อยู่อึดใจ แต่เมื่อเข้าไปในห้อง ท่าทางอินซูก็ยังคงห่วงใย ซูจินเหมือนเดิม ซูจิน ลืมตาได้แล้ว อินซู โน้มตัวลง เรียก ซูจิน อา.. ซูจินอา.. พยาบาล บอกว่า : เธอ ต้องได้รับการบำบัดอีก 6 เดือนจนกว่าเธอพูดได้เป็นปกติ ค่ะ อินซูเอื้อมมือไปจับไหล่ ซูจิน อย่างห่วงใย
ส่วน โซยอง เดินกินไอศกรีมแท่งคนเดียว แล้วก็ ไปนั่งเหงาๆ ว้าเหว่เดียวดายที่ชายทะเล
โซยองกลับมาโรงพยาบาลจนเย็น ได้เห็น อินซู ป้อนอาหารให้ ซูจิน ใช้กระดาษซับปากให้ ซูจิน ผ่านกระจกกั้น
โซยอง เข้าไปในห้องสามี หญิงสูงวัยที่ดูแลคนป่วยแทนแปลกใจ ทักว่า : ไหนเธอบบอกว่าจะกลับช้าหน่อยไงล่ะ ทำไมกลับเร็วนัก
โซยองกล่าวขอบคุณ แล้วเดินไปดู สามี
หญิงสูงวัย บอกว่ : เมื่อตอนกลางวัน ความดันเลือดเขาต่ำลงนิดหน่อย
โซยอง: เหรอคะ แล้วโซยอง ก็ซบลงใต้ไหล่สามี
ส่วน อินซู ก็ได้มาเห็น โซยอง ฟุบหลับบนอก ยุนคยองโซ ผ่านกระจกกั้นเช่นกัน
(อะไรกันนะเนี่ย สองภาพนี้ทำร้ายจิตใจ โซยอง อินซู แล้วก็คนดูอย่าง พวกเราด้วย โธ่เอ๋ยผู้กำกับหมายความว่า เราคนดู เห็นสองภาพนี้ไม่เป็นไรน่ะค่ะ เพราะก็สมควรเป็นแบบนั้น เพียงแต่ไม่อยากให้ ทั้ง อินซู และโซยอง มาต่างคน ต่างเห็นด้วย เท่านั้น สงสารค่ะ)
อินซู เดินวนอยู่แถวนั้น แล้วก็ ลงไปที่ลานจอดรถ ยืนก้มหน้ามองพื้น เขี่ยปลายเท้าไปมา แล้วก็หมุนตัวกลับ
อินซูกลับมานั่งหน้าเตียง มองซูจิน แล้วจับมือที่ทอดวางข้างตัวบนเตียงของซูจินไว้
โซยอง มาพบแพทย์เจ้าของไข้ของสามี หมอบอกว่า : อาการทั่วๆไปก็ไม่อยู่ในขั้นอันตรายอะไรหรอกครับ แต่ร่างกายคนไข้อ่อนแอลงเรื่อยๆ ผมอยากให้คุณตัดสินใจ ย้ายเขาไปโรงพยาบาลใหญ่กว่านี้ หรือจะให้อยู่ที่นี่ต่อไป
โซยอง: หมอว่าแบบไหนดีกว่ากันคะ
หมอ : ผมต้องให้คุณตัดสินใจเอง
โซยอง : แล้วโรงพยาบาลไหนดีมั่งคะ
หมอ : โรงพยาบาลในโซลไงครับ
โซยอง : ค่ะ
โซยอง ออกมาจากห้องหมอ และเดินสวนกับอินซู
โซยอง : ยินดีด้วยนะคะที่แฟนคุณฟื้นแล้ว พูดจบก็เดินจากไป อินซู ได้แต่มองด้านหลังโซยอง
(แผ่นหนังที่บ้านเรา เวอร์ชั่นที่มีแต่ซับไทย หมอแนะนำว่าน่าจะเป็นโรงพยาบาลที่โซล แต่ อีกแผ่น ที่ มีซับให้เลือกได้ มีบท แค่หมอแนะนำว่า ควรย้ายไปโรงพยาบาลที่ใหญ่กว่านี้ โซยองถามว่าควรทำอย่างไร หมอบอกว่า คุณต้องตัดสินใจเอง โซยอง นิ่งไปอึดใจ แล้วถามว่า แล้วผู้หญิงในอุบัติเหตุกับเขาล่ะ หมอตอบว่า เขาอาจย้ายไปโซล ส่วนในdirector cut ไม่รู้เรื่องค่ะ ว่าพูดอะไรแน่
เมื่อเดินสวนกับอินซู โซยองพูดกับอินซูในฉบับซับไทยล้วนว่า ยินดีด้วยที่ ภรรยาคุณฟื้นแล้ว ฉบับเลือกซับได้ โซยอง พูดว่า คุณคงมีความสุขตอนที่คุณกลับไปโซล แล้ว โซยองก็เดินจากไปอย่างรวดเร็ว อินซูยืนนิ่งแล้วหันไปมองด้านหลัง โซยองนานทีเดียว)
อินซุ นอนคว่ำ ที่เตียงเอื้อมมือ ปิด-เปิด สวิตท์ โคมไฟ ที่หัวเตียง แล้วก็หลับตา ฟุบหน้าลงกับแขนตัวเอง
แล้วของ Director cut
จะเห็นโซยองนอนหงายที่เตียงตัวเองหน้าตาบวมเป่งในลักษณะของคนที่จมอยู่อยู่ในห้วงของความทุกข์ ความเศร้า เสียใจ สับสน อย่างใหญ่หลวง เหมือนเลือดในกายมันจะแห้งเหือดไปจากตัว ( ไหนจะตัดสินใจไม่ถูกกับคำแนะนำของหมอ ไหนจะรู้สึกว่า อินซูและภรรยากำลังจะกลับโซล น่าสงสารโซยองจริงๆ ภรรยาเขากลับมาแล้ว เธอ อยู่ตรงไหนกันเล่านี่ เธอจะทำอย่างไรดี)
ที่หัวเตียงมีโทรศัพท์มือถือของเธอสั่นเคลื่อนที่ไปมาอยู่นาน โดยที่เธอไม่ได้ ยินเสียงหรือรับรู้เลยว่า อินซูโทรมาหา หน้าตาของ โซยองเหมือนคนไร้ความรู้สึกใดๆ ไม่ใช่โกรธ ไม่ใช่ เล่นตัวแต่อย่างใด
คนเล่า รวมความจากที่อินซู ลงไปลานชั้นล่างที่เคยขว้างก้อนหิมะ
อินซูแหงนมองห้องของโซยอง ที่ยังเปิดไฟ มีรถจอดอยู่ใกล้ๆยืนอยู่นาน ก่อนจะเดินออกจากลาน (มีแมวดำตัวหนึ่งวิ่งลอดรั้วออกไปข้างนอกด้วย เอแปลว่าอะไรดี รู้แต่ว่ามันเงียบสนิทมาก ไม่มีใครเดินไปมาเลย มีแต่อินซูกับแมวดำ 1 ตัว)
รุ่งอีกวัน อินซู ไปเคาะห้อง โซยอง เปิดประตูออกมา
อินซู : ไปหาอะไรกินกันไหม
โซยอง : ไม่ค่ะ
แต่อินซูบอกว่า ผมจะรอคุณ คงส่งสายตาอ้อนวอนงอนง้อแกมขอร้องด้วย จึงมีภาพทั้งสองคนเดินออกจากประตูโรงแรมที่พัก ทั้งสองคนเดินไปตามถนน
แล้วก็เป็นเลิฟซีนที่ สองค่ะ
ฉากรักร้อนแรง ของโซยอง โซยองคงจะรู้สึกว่า จะสูญเสีย อินซู ในเมื่อ ซูจิน เจ้าของตัวจริง คืนกลับมา เหมือนนี่จะเป็นครั้งสุดท้าย อินซู ก็หมดสิ้นความกดดัน ไม่มีอะไรรบกวนจิตใจหรือกางกั้นความสุขขณะที่อยู่ด้วยกัน (ผู้หญิงเป็นล้านคนอิจฉา ซอนเยจิน จริงๆ)
โซยอง เอียงข้างซบหมอน : ฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
อินซู เอนตัวอิงหัวเตียง : ถ้าเรา....สองคน เจอกันก่อนหน้านี้ ก็คงจะดีสินะ
แล้วทั้งคู่ก็เงียบกันไป
โซยอง : มันจะเป็นไปได้ยังไง
อินซู เหลียวกลับมามองโซยอง เลื่อนตัวลงมากอดโซยอง โซยองหนุนแขนอินซู
อินซู ได้แต่ถอนใจ รวบมือของโซยองที่เอียงข้างอยู่ กุมไว้ แล้วหลับตาลง (ช่างมันเถอะ ปัญหาข้างหน้า ขอแต่เวลานี้ก่อนเถิด ขอความสุขที่มีอยู่ตรงนี้ ขณะนี้ก่อนเถอะ)
อินซู ยืนโทรศัพท์ที่ระเบียง : วันนี้พอดีผมมีธุระนิดหน่อยนะครับ โซยอง นั่ง ในห้องหันมามอง
โซยอง ก็โทรศัพท์เช่นกัน : เป็นไงบ้าง ..ความดันเป็นไงหรือ...
อินซู หันมามองโซยอง จากด้านนอกกระจก
โซยอง : วันนี้ฉันมีธุระด่วน เลยไม่ได้เข้าไปน่ะค่ะ พรุ่งนี้เช้าฉันจะรีบเข้าไป ฝากด้วยนะคะ สวัสดีค่ะ
บนเตียง ทั้งสองนั่งคนละด้าน อินซู ใช้มือจิ้มไปที่เกม นับ 4, 7 ,8 ,9.,...20 เดินสองรอบก็ 40 นาที เอ๊ะไม่ใช่สิ สองรอบต้อง 160 นาที
โซยอง : จริงเหรอ คิดดูใหม่สิ
อินซู หัวเราะ เบิกบานใจ : ถูกแล้ว งั้นคุณดูนี่นะ 3 ,4 มันเป็น 7
7,8 โซยองก้มมอง
อินซู และโซ ยอง ออกไปยืนรับลมที่ระเบียง อินซู ตระกองกอด โซยอง มองไปที่ทะเล และ พระอาทิตย์ ที่คล้อยลงต่ำ สาดแสงสีส้ม
Original in Chinese: Chosun Ilbo 24/08/2005 Translated into English: Happiebb / http://www.joonsfamily.com/
Interview with BYJ & Director Hur: “There was one scene with sixty takes.”
Interview with BYJ & Director Hur: “There was one scene with sixty takes.”
He was so lethargic that his upper jaw hurt. Hanryu star Bae Yong Joon looked as perfect as a huge sculpture after make-up, but inside, he was feeling much anxiety and worry. Director Hur Jin Ho who was sitting next to him also reached for a cigarette. The movie April Snow directed by Director Hur and starred Bae Yong Joon and Son Ye Jin held its preview on 23rd in Seoul. On 24th, after the preview, Bae Yong Joon and Hur Jin Ho accepted an interview for the first time at the Lotte Hotel lobby at MyeongDong, Seoul.
As a friend’s father had suddenly passed away, Bae Yong Joon had gone to pay his last respects the night before and had just returned to Seoul from Won-Ju. He asked cautiously, “Mind if I smoke?”
“After wrapping up a movie, the cast would habitually say the filming’s been tiring. But I still want to say it, this time, it’s really very tiring. Because of my character, I would usually prepare everything, even the impromptu lines, before shooting, and I would carry out all the necessary preparation to immerse into the role. But the director has forbidden me to do that.”
April Snow is a story depicting a married man and a married woman who are thrown into distraught and confusion after discovering the infidelity of their respective spouses and how they would in turn fall in love under such ironical circumstances. Bae Yong Joon played the role of In Soo, a lighting director who became angry and subsequently distressed and almost destroyed upon learning about his wife’s affair.
The movie’s director, Hur Jin Ho had displayed a unique and unusually sensitive flair towards the expression of love and emotions in his previous works, Christmas in August and One Fine Spring Day. As compared to “making preparation in advance”, he stresses more on the natural feeling on-site. Besides, he is also well-known for repeated re-takes until he is fully satisfied with the performance, thus tearing the actors and actresses out. Hur Jin Ho, who had been an observer during the interview so far, voluntarily confessed, “Including the re-shooting, there was one particular scene that we shot for sixty times.”
Bae Yong Joon who was watching the director sideways, “When the director shouted OK, I lost consciousness at the scene. Due to fatigue, I was just lying there immobile for an hour.” So which scene was that exactly? The truth was that scene was not particularly important in the movie, it was when Bae Yong Joon got to know about his wife’s accident and her affair and was making a call to his junior. Hur Jin Ho said, “Although some people will question the effect of making repeated takes, every re-take will create some new elements and feelings, and it’s a wonderful feeling. We eventually used the 60th take, that’s the final take. I’m very satisfied.”
Although one could see the pursuit for perfection in both the actor and the director, reviews and comments about the movie April Snow and about Bae Yong Joon’s acting have been varied and mixed. The reporter asked the director, “Amongst everything you’ve heard after the preview, what was it you heard that moved you, and what was it you heard that had saddened you the most?” Hur Jin Ho paused for a little while before replying, “When the cast said it’s very good, I was most moved.” As for the second question, he said, “There’s been nothing that I’ve heard with my ears that had made me sad.”
When the reporter persisted and asked, “What about things that you’ve heard indirectly?”, Hur Jin Ho answered, “I’ve forgotten.”
When posed with the same questions, Bae Yong Joon replied, “I was most moved when I heard I’ve challenged and broken down my previous fixated image.” As for the second question, Bae Yong Joon took a cue from the director and said, “I’ve forgotten.”
Towards the end of the interview, when having sandwiches as lunch with Bae Yong Joon, he finally did share some of his inner thoughts. Although he is a Hanryu star surrounded by devoted fans in almost all areas of Asia, he is much like a bird in a cage, with no freedom and no private space and time and life. He patted his own chest and said, “If things aren’t so bad, why would I be taking *Niuhuang Qinxin Wan? Not too long ago, I was just running with abandon along the Han River for an hour. Although at that time I felt as though my lungs were popping out, it was liberating, exhilarating.” Bae Yong Joon further shared, “People like us can only vent our emotions in the studios or sets.”
Hur Jin Ho comforted him by saying, “So, quickly take on the next movie then!”
* Niuhuang Qinxin Wan is a traditional prepared Chinese medicine made in Beijing Tong Ren Tang Pharmaceutical Factory.
On the basis of the theory of TCM, the prescription mixed the principle of cleaning away the pathogenic heat in the periecardium, relieving muscular spasm, dissipating phlegm to wake up the patient from unconsiousness, with the rare medical herbs of invigorating the spleen, regulating the stomach energy, calming endogenous wing, resolving phlegm, tranquilizing the mind and nourishing the blood, it has the action of invigorating the vital energy and blood, resolving phlegm, calming endogenous wind, relieving muscular spasm and calming the mind.
for more information, please check out:
http://www.healthcare2u.com/emall/retailer_product_info.asp?pf_id=67&retailer_id=2&dept_id=2
wear my heart on my blog, not my sleeve http://www.happiebb.blogspot.com/
wear my heart on my blog, not my sleeve http://www.happiebb.blogspot.com/
No comments:
Post a Comment
Note: Only a member of this blog may post a comment.