18.2.09

April Snow 1 (Director cut )

เรื่องเล่า ตอนที่1


Version Director cut


ที่ไม่ใช่ sub title อังกฤษ และไทย เรื่องเล่า ครั้งนี้ ก็เลย เป็นการ เอา version thai sub title บวก จินตนาการ จาก ภาพ และกิริยา ของ ชุด director cut และยาวอีกตามเคย ที่ ไฮไลท์ จะเป็น จาก Director cut


ที่สตูดิโอ มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ในความมืด
อินซู มีหน้าตาวิตกกังวล ผลที่สุด ต้องฝาก งานให้ กวางอิล ลูกน้องดูแลแทน โดยบอกว่า จะรีบกลับมาให้ทัน แล้วรีบขับรถไปที่โรงพยาบาล ของเมือง samcheok


เมื่อไปถึง จึงพบว่ามีผู้หญิงอีกคน ที่นั่งรออยู่ก่อน ด้วยท่าทางทุกข์ร้อน กระวนกระวายใจ เหมือนกัน จน อินซู ได้เข้าไปนั่งหน้าเตียงภรรยา จับมือภรรยา คัง ซูจิน ด้วยความรักห่วงใย ทุกข์ร้อนเสียเหลือเกิน แล้ว ก็ ออกมานั่งหลับ ศีรษะ พิงขอบหน้าต่างคนฟากเก้าอี้หน้าห้อง กับผู้หญิงคนนั้น โซ ยอง ที่ ฟุบหลับ กับแขนตัวเอง


อินซู โทรศัพท์ เช็คข่าวและส่งข่าวไปที่ กวางอิล หลังจากโทรเสร็จ ก็ เปิดประตู จะก้าวลงบันได ก็ พบ โซยอง นั่งอยู่ที่ขั้นบันได ทั้งซึมเศร้า ทุกข์ร้อน แม้จะเห็นจากด้านหลัง อินซู ค่อยๆ ชักเท้า ถอยหลังกลับไป ค่อยๆดึงบานประตูปิด

โซยอง นั่งอยู่หน้า เจ้าหน้าที่ตำรวจ อินซู ตามเข้ามาทีหลัง ตำรวจให้ดูภาพ รถที่เกิดอุบัติเหตุและถาม อินซู ว่า ภรรยาคุณ ชอบดื่มไหม อินซู มีท่าทางไม่พอใจ แต่นี่คือรายงานจากโรงพยาบาล

อินซู และโซยอง เลือกสิ่งของๆ ต่างๆ ของ คู่สมรสของตนเอง ที่ตำรวจเก็บไว้ให้ ในตะกร้า จนเกือบหมด โซยอง ชะงัก กับ ถุงยางอนามัย เงยหน้ามอง อินซู อินซู นิ่งไปขณะ แล้วก็เป็นฝ่ายหยิบเอามาใส่ถุงสัมภาระของตนเอง เป็นชิ้นสุดท้าย แล้วก็ หยิบกระเป๋าถือของ ซูจิน แล้วลุกออกไป ส่วนโซยอง ก็หยิบ กล้องถ่ายรูปขนาดเล็กเป็นชิ้นสุดท้าย ทั้งคู่ไปที่ซากรถที่พังยับเยิน เก็บของในรถอีกครั้ง


โซยอง ไปนั่งกินอาหาร แล้วหยิบกล้องมาเปิดดู ส่วนเราคนชม จะได้ยินเสียงผู้หญิงหัวเราะระรื่นสนุกสนานมีความสุข บอกว่า หยุดถ่าย ๆ โซยองเดินออกมาข้างนอกริมถนน ท่าท่าระห้อยระเหี่ย แล้วกลายเป็น ต้องหยุดแอบอาเจียน ที่ข้างถนนตรงมุมตึกนั่นเอง


โซยอง ไปเทของในห้องน้ำ แล้วมายืนมองสามีตัวเองบนเตียงคนไข้ ขยับผ้าห่มคลุมให้ที่ปลายเท้า

อินซู โทรศัพท์ ไปที่บริษัท ของภรรยา แล้วก็ต้อง มึนงง เพราะ ซูจิน ลาพักร้อนไว้

อินซู ไปยืนมอง ซูจิน ภรรยาของตนเช่นกัน แล้ว พ่อของซูจิน ก็มาเยี่ยมซูจิน อินซู พาพ่อซูจิน ไปรับประทานอาหาร บอกกล่าวว่าตัวเองจะต้องกลับโซลก่อน


อินซู ขับรถ กลับโซล เมื่อเข้ามาในบ้าน ก็ นั่งที่โซฟา มีถุง สิ่งของของ ซูจิน วางบนโต๊ะกลาง
แล้ว อินซู ก็เข้าครัวล้างถ้วยชาม หยิบกระบอกน้ำ มาฉีด ไม้กระถางที่ปลูกเรียงไว้ในบ้าน ท่าทางฉีดน้ำให้ต้นใบพลิกใบของต้นไม้แสดงความใส่ใจและละเอียดอ่อนของอินซู ที่มีต่อ ต้นไม้เหล่านั้น ที่ ถูกดูแลรักษามาอย่างดี ใบเขียวชะอุ่ม แล้ว อินซู ก็นึกอะไรได้ หยุดฉีดน้ำต้นไม้ หันมามองถุงสัมภาระ หยิบโทรศัพท์ของ ซูจินมาเปิดดู

พบว่ามีรหัสลับล๊อคไว้ อินซู เอาโทรศัพท์มือถือ ขึ้นไปชั้นบนและกดไล่หา รหัสลับ มีกระดาษดินสอจดบันทึก แต่ไม่สามารถเปิดหาได้ อินซูหงุดหงิด ขว้างโทรศัพท์ ลงบนโต๊ะ เอามือทุบหัวตัวเอง ดังปึ๊กๆ ( เจ็บแย่เลยนะคะยงจุน)


ส่วน โซยอง ก็กลับไปบ้านตัวเองเช่นกัน พอเปิดไฟ โฮ้โฮ ห้องเกลื่อนกลาดด้วยเสื้อผ้า และสิ่งของอื่นๆ ที่พื้น มี เสื้อเชิ๊ตผู้ชายวางพาดไว้บนโซฟา ที่รองรีดผ้าที่วางระเกะระกะ (แสดงว่า ในขณะได้รับข่าวสามีเกิดอุบัติเหตุ โซยอง คงจะกำลังรีดเสื้อผ้าอยู่ และรีบร้อนออกไปจึงรกเช่นนั้น รกมากจริงๆ)


โซยอง หิ้วกระเป๋าเดินทางลงมาจากชั้นบน พับเสื้อผ้าของตัวเองใส่กระเป๋า ปิดฝากระเป๋า แต่ดูเหมือนจะปิดไม่ลง โซยองเปิด กระเป๋า หยิบเสื้อโค๊ต ออกมา 1 ตัว ด้วยท่าทางโมโห แล้วก็ คว่ำกระเป๋า เสื้อผ้ากระจายออกมา โซยองมองกระเป๋า อย่างแค้นเคือง ( แค้นใครไม่รู้คงไม่ได้แค้นกระเป๋า แน่)







อินซู ไปบริษัท มือถือ ( สัญลักษณ์ M Link) คุยกับเจ้าหน้าที่บริษัท แล้ว อินซู ก็ออกมาเดินที่ถนน เปิด มือถืออ่านข้อความไปด้วย หน้าตาอินซู ขรึม งง สับสน ผิดหวัง ไม่คาดคิด ครุ่นคิด ทำนองนั้น




อินซู ไปที่สตูดิโอ ที่มีการแสดง ยงจุน ไปที่อ่างล้างหน้า มีเลือดกำเดาไหลออกมา อินซู มองหน้าตัวเองในกระจก


หัวหน้างาน บอกว่า เขาเข้าใจและเห็นใจ อินซู แต่ว่า บริษัทหนัง ไม่ค่อยพอใจ เหตุการณ์คืนนั้น แนะนำให้ อินซู หยุดพักงาน สักระยะ


อินซู นำรถมาจอดที่โรงแรม ที่ samcheock ขนกระเป๋า ไปที่ห้องพัก ก็เห็น โซยอง กำลัง ไขกุญแจปิดห้อง อยู่เบื้องหน้า และเดินสวนออกมา อินซู เรียก โซยอง ว่า: นี่คุณ
โซ ยอง หยุดถามว่า: มีเรื่องอะไร
อินซู ถามว่า : สามีคุณเดินทางมาทำธุระที่นี่ใช่ไหม
โซยอง ตอบว่า : ใช่
อินซู พูดต่อว่า ภรรยาผมก็มาทำธุระที่นี่เหมือนกัน ผมพูดกับทุกคนอย่างนั้น เธอมีธุระนิดหน่อยก่อนออกจากที่นี่ไป หวังว่าคุณคงเข้าใจความหมายของผม


ห้องของอินซู เยื้องคนละฟากกับห้องของโซยอง



โซยองไปหยุดยืนมอง ซูจิน ที่เตียงคนไข้ อินซู เข้ามายืนข้างหลัง ถาม โซยองว่า :คุณมาทำอะไรที่นี่น่ะ โซยองไม่ตอบ เดินเฉียด อินซู กลับไปที่เตียงสามีตัวเอง

อินซู ยืนมอง ซูจิน ครู่หนึ่ง ก็เดินตรงไปที่เตียงสามีของโซยอง
ทรุดตัวลงนั่งข้างๆเก้าอี้ที่ โซยองนั่งอยู่ โซยอง มือถือแก้วน้ำค้าง นั่งนิ่ง ตัวตรง แบบ แข็งไปเลย
อินซู ใช้สายตา มองตรงออกไป โฟกัสสายตาที่ไหนไม่รู้ พักหนึ่ง ก็เบนสายตามองหน้าสามี ของโซยอง แล้วจึงลุกขึ้น





อินซู เข้าไปซื้อยา ที่ร้านขายยาพบว่า โซยอง มาซื้อยาแก้ปวดหัว และซื้อเสร็จพอดี อินซู บอกคนขายว่า เขานอนไม่หลับ


ฝนตกลงมา โซยองเดินกางร่ม เข้าไปยืนรอที่ชายคาประตูทางเข้าโรงแรม หุบร่ม รอ อินซู ที่เดินตามเข้ามา โดยใส่ชุดกันฝน อินซู ชะงัก แล้ว เอื้อมมือ จับที่จับประตู
โซยอง พูดขึ้นว่า : ฉันมีเรื่องจะพูดกับคุณ และมีของจะให้คุณ
แล้วถามต่อว่า: คุณรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร
อินซู เงียบครู่หนึ่งจึงตอบว่า ผมอ่านข้อความจากมือถือเธอ ถามกลับว่า แล้วคุณ ?
โซยองตอบว่า : ฉันก็เหมือนกัน และยังมีกล้องที่ไม่ใช่ของสามีฉันอีก



อินซู ไปยืนคอยโซยอง ที่หน้าห้อง เยื้องไปนิดๆ
โซยองอยู่ห้อง 210 เปิดประตูห้อง แล้วยื่นกล้องให้อินซู แล้วทำท่าจะปิดประตู อินซูรีบพูดว่า ขอโทษนะ ถ้าไม่เป็นการรบกวนมากเกินไปผมขอดูข้อความของสามีคุณได้ไหม โซยอง พยักหน้า



ทั้งคู่เอามือถือของคู่สมรสของตนไปแลกกันอ่านข้อความ ที่ร้านกาแฟ และต่างอ่านข้อความ “ เราไปเที่ยวกันเถอะ ไปด้วยกัน 2 คนนะ จาก ยุนคยองโซ
เมื่อวานฉันรู้สึกผิดจังเลย ตอนนี้ก็รู้สึกเหนื่อยมากๆเลย จาก คัง ซูจิน


ในห้องพัก อินซูเปิดดูภาพในกล้อง ซูจิน ฉันกำลังถ่ายวีดีโอ อย่าถ่าย อย่าถ่าย มีเสียง ทั้งคู่จูบกัน และเสียงหัวเราะ และเสียง หยุดถ่าย มีเสียงหัวเราะ อย่าทำแบบนี้อีก


อินซู ไม่คาดผัน ว่าจะได้ดูภาพและฟังเสียงจากกล้องอย่างนี้ อินซู เมินหน้าหนีไปอีกทางกับสิ่งที่ได้เห็น นั่งไหล่คู้ หดหู่เศร้าหมอง เหมือนจะทำอะไรไม่ถูก เอากล้องวางไว้บนเตียง


เมื่อไปนั่งที่หน้าเตียง ซูจิน ที่ยังคงไม่รู้สึกตัวเหมือนเดิม อินซู พูดเบาๆออกไปว่า “ คุณน่าจะตายไปซะ”
Maybe you should ‘ ve just died
ท่าทางอินซู ทั้งผิดหวัง และโกรธ




กวางอิล มาหา อินซู อินซู ชวนออกไปทานข้าว อินซู ดื่ม โซจู หลายแก้ว
แล้วบอกว่า “ นี่กวางอิล ฉันเห็นซูจินนอนในโรงพยาบาล ได้แต่หวังว่า คนที่นอนอยู่ตรงนั้นจะไม่ใช่เธอ” กวางอิล ตอบว่า “ เธอจะไม่เป็นไร”
อินซู “จริงๆนะ แล้วนายด้วย เมียนายเป็นอย่างไรบ้าง “
กวางอิลตอบว่า ก็เรื่อยๆครับ
อินซู พูดต่อ” นายคิดว่าฉันล้อเล่นหรือ ฉันดูล้อเล่นมากหรือ แล้วรินเหล้าอีก
กวางอิล ต้องห้ามว่าพอเถอะ
อินซู บอกว่า กวางอิล นายไปเถอะ โทษทีว่ะ แต่นายต้องไป ไปเถอะ
กวางอิลต้องลุกขึ้น เมื่ออกไปยืนหน้าร้าน ก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของอินซู ดังออกมา
อินซู กินเหล้าไปร้องไห้ไป อย่างเจ็บปวดและทุกข์ทรมาน อยู่กับเรื่องที่ได้รับรู้






ส่วนโซยอง ก็นั่งกินอาหาร กับพื้นห้องของพักในโรงแรม เมื่อยกน้ำส้มขึ้นดื่ม ปลดหูฟังออก โซยอง บริพาษออกมาว่า ไอ้สารเลวเอ๊ย


แล้วก็ได้ยินเสียงดังข้างนอก

เป็นอินซู ที่เมาเหล้ามาทุบประตูห้องที่อยู่ตรงข้ามห้องอินซู (ผิดห้อง) มีใครอยู่ไหม เปิดประตูหน่อยสิ ไม่มีใครเปิดประตูให้ อินซู ถอยหลัง ลงไปนั่งกองกับพื้น เอาหลังพิงฝาผนังฝั่งห้องของตัวเอง



โซยอง เปิดประตูออกไปมอง อินซู รีบลุกขึ้น ขอเข้าไปในห้องโซยอง “ เรามาคุยกันหน่อยเถอะ” เดินเซ เข้าไปในห้องโซยอง โซยอง เปิดประตูค้างไว้ ตัวเองออกไปยืน นอกห้อง ตรงทางเดิน


อินซู ตื่นขึ้นมาจากท่าที่นอนตะแคงอยู่กับพื้นห้อง ทำท่าเช็ดน้ำลายที่มุมปาก ท่าทาง งง งวย ว่า นี่คือที่ไหน ท่าทางนั่งคุดคู้ของอินซู น่าสงสารจริง

อินซู ไปขอโทษ โซยอง ที่โรงพยาบาล โซยองหันหลังให้ หันหน้าออกหน้าต่าง อินซู โค้งให้ ปากก็กล่าวคำขอโทษ แต่โซยองก็ไม่ยอมหันมา จนอินซู จากไป โซยองจึงหันกลับมาจากหน้าต่าง




ตำรวจส่งเจ้าหน้าที่มานั่งคอย อยู่กับโซยอง เมื่ออินซู ไปถึง และไกล่เกลี่ย ว่า ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าใครถูกใครผิด ใครเป็นคนขับรถ ขอให้คุณสองคนอย่าเข้าใจผิดกัน และพูดถึงงานศพคนที่ถูกรถชนตาย



อินซู และโซยอง ไปร่วมงานศพ อินซู ขับรถไปมีโซยองนั่งข้างๆ แต่ไม่มีการพูดคุยกันเลย จนไปถึงหมู่บ้าน ทั้งคู่ลงจากรถ เดินเข้าไปในหมู่บ้าน
อินซูถามว่า : คุณจะอยู่ที่นี่หรือไปกับผม .
โซยองไม่ตอบ แต่เดินตามอินซู ไปห่างๆ
อินซู หันมาหยุดรอ
เมื่อเข้าไปถึงบ้านงานศพ พอคนในครอบครัวคนตายรู้ว่า อินซู และโซยองเป็นใคร น้องสาวคนตาย ฏ็เข้ามาจับศีรษะ โซยองเขย่าอย่างรุนแรง อินซู เข้าไปแยก ก็ถูกชายอีกคน เข้ามาทุบหัว อินซู จนเซ มีคนหลายคนเข้ามาช่วยแยก ทั้งคู่ยืนก้มหน้ารับคำประณาม แม่คนตายขอร้องให้ทั้งสองคน ออกมาจากที่นั่น


ขากลับอินซู หน้าตาขรึมกว่าเดิม โซยอง ก็นั่งน้ำตาไหล สะอิ้นเบาๆ


โซยองขอให้อินซูจอดรถ อืนซูทำตาม โซยองเดินข้ามฟากถนนในชนบทที่ไม่มีรถผ่านไปมา ดูมันเวิ้งว้าง ว้าเหว่มากเลยฉากนี้ เธอทรุดตัวลงร่ำไห้หัวใจแทบขาด


อินซู นั่งมองในรถครู่หนึ่ง แล้วก็ปลดสายนิรภัยเปิดประตูรถลงมาข้ามไปยืนเก้เก้ กังกัง ทำอะไรไม่ถูก ไม่กล้าแม้แต่จะไปปลอบใจ โถ ก็ตัวเองก็อยู่ในสภาพกับ โซยอง นั่นแหละ จนท้องฟ้ามืดลง จันทร์แรมรูปเคียวเกี่ยวอยู่บนฟ้า โซยองกลับขึ้นรถ


อินซูตามไปขึ้นรถและขับรถต่อ โซยองหลับปุ๋ยคงทั้งเหนื่อยและเพลีย

อินซู เกิดอยากสูบบุหรี่ ครั้งแรกจะสูบบนรถ พอดีเหลือบเห็นโซยองจึงเปลี่ยนใจ โซยอง ตื่นขึ้นมาเห็น อินซู ยืนสูบบุหรี่นอกรถ
เมื่อไปถึงห้องพัก โซยอง คำนับ ขอบคุณอินซู






คัง ซูจิน อาการดีขึ้น ออกจากห้อง ไอซียู มาอยู่ห้องคนป่วยปกติ
อินซู เอาของเสียไปเทในห้องน้ำ แล้ว เช็ดตัวให้ ซูจินเช็ดอย่างเอาใจใส่พลิกผ้าเช็ดเป็นอีกด้านด้วยแล้วก็สะดุดใจขึ้นมาจนต้องเลิกเช็ดตัว คิดอะไรไม่รู้เหมือนกัน (คงมีอาการเจ็บแปลบ ๆที่หัวใจมั้งที่ถูกภรรยาหักหลัง มีภาพที่อินซูตัดเล็บให้ภรรยาด้วยใช้กระดาษหนังสือพิมพ์รองเศษเล็บ แต่ก็ถูกตัดทิ้งไปไม่มีในหนังทั้ง 2 version) อินซู ถาม ซูจิน ว่า “ ทำไม คุณถึงทำอย่างนี้ ซูจิน” อินซู หันหน้าไปมองหน้าต่างคิดอะไรไม่รู้ได้ แล้วจึงหันมา ดึงผ้าห่มมาคลุมร่างให้ ซูจิน


อินซู เอา note Book มาเปิด ดูรูปเก่า ของ ซูจิน หลายภาพ เมื่อแหงนมองไปที่บานหน้าต่างก็ เห็น เกร็ดหิมะ โปรยปรายลงมา



อินซู ลงไปที่รถ เปิดเพลง ตัวเอง นั่งพิงเบาะ เอามือทุบเข้าจังหวะเพลง ตะโกนร้องเพลง คลอ ไปว่า เอาความทุกข์ทิ้งไป แล้วชีวิตจะเป็นสุข ทิ้งความเศร้าไป


โซยอง นอนดู ทีวีอยู่บนเตียง แล้วก็ได้ยินเสียงแปลกๆกระทบฝาผนัง จึงลุกขึ้นไปดูที่หน้าต่าง เห็น อินซู เอาหิมะมาปั้น แล้วขว้างใส่ผนังโรงแรม ที่ลานจอดรถ
จังหวะหนึ่งอินซู เงยหน้าขึ้นมาพอดี ชะงักไปครู่ แล้วก็ขว้างต่อไป
โซยอง ยืนยิ้มให้ ผ่านกระจกของหน้าต่างห้อง
แล้ว ก็ลงไปยืนดูข้างล่าง
อินซูหันมาเห็น จึงยื่นก้อนหิมะที่ปั้นกลมๆแล้วให้ ถามว่า : คุณลองดูไหม โซยอง ไม่รับ



ทั้งคู่เดินออกจากลานจอดรถ เดินกันไปคุยกันไป
โซยอง : คุณชอบกีฬาหรือ
อินซู : ว่าไงนะ
โซยอง : ก็เมื่อกี้นี้ คุณปาก้อนหิมะน่ะ
อินซู : อ้อไม่ใช่ครับ ผมทำงานเป็นผู้กำกับแสง เกี่ยวกับเวทีแบบคอนเสริต์อะไรทำนองนั้นครับ
โซยอง : น่าสนใจนะคะ
อินซู : เวลาทำงานก็สนุกดีหรอก แต่ตอนงานเลิกผมรู้สึกเคว้งคว้างนะ
โซยอง : แต่อย่างน้อยคุณก็ยังมีเวลาสนุกกับมัน
อินซู : คุณคิดว่าเป็นอย่างนั้นหรือ


ทั้งคู่เดินมาถึงทางแยกพอดี โซยอง ชี้มือไปทางหนึ่ง
อินซู : แล้วคุณทำอะไร
โซยอง : อ้อ ฉันเป็นแม่บ้าน
อินซู : เป็นงานที่ลำบากนะครับ
โซยอง : ขอบคุณที่คิดอย่างนั้น


ทั้งคู่ไปนั่งดื่มกาแฟที่ร้าน
โซยอง : คุณกับภรรยารู้จักกันได้อย่างไรคะ
อินซู : ที่มหาวิทยาลัยเธอให้เราทำงานแล้วถ่ายรูปพวกเราน่ะ เธออยู่ชมรมถ่ายภาพน่ะครับ
โซยอง : ภรรยาคุณจบจากมหาวิทยาลัยไหนคะ
อินซู : มหาวิทยาลัย Joong-ang น่ะครับ
โซยอง : ดูเหมือนเขาสองคนจะเคยอยู่ชมรมถ่ายภาพเดียวกัน



วันต่อมา ทั้งอินซูและโซยอง ไปรับประทานและดื่มด้วยกันอีก อาหารเต็มโต๊ะ อินซูจะรินเหล้าโซจู แต่โซยองขอดื่มเบียร์แทน อินซูรินส่งให้
โซยอง : เวลาไหนคุณมีความสุขที่สุด
อินซู : ตอนนอนมั้ง
โซยอง : เหมือนกันเลย
ทั้งคู่หัวเราะให้กันและกัน โซยอง ยกเบียร์ขึ้นดื่ม แล้วบอกว่า รู้สึกดีจัง หัวเราะให้อินซู อินซู หัวเราะตอบ
อินซู : แล้วคุณ รู้จักกันได้อย่างไร
โซยอง : หลังจากฉันเรียนจบ ....เว้นจังหวะทำท่าเขิน พ่อ ก็บังคับให้ฉันรีบแต่งงาน แต่ในตอนแรกๆ มันก็ดูมีความสุขดีหรอกนะ หยุด พูด..
พวกผู้หญิงที่ทำงานเก่งนี่ดูมีเสน่ห์จังเลยนะคะ (ในใจคงหมายความถึง คังซูจิน)
อินซู :ไม่หรอก...ไม่แน่เสมอไป
โซยองยิ้ม อินซู ริน โซจูยกขึ้นดื่ม
โซยอง : ถ้านี่ทั้งหมดเป็นความฝันก็คงจะดีนะ
อินซู : ความฝันยังงั้นเหรอ หัวเราะ
โซยอง :ฉันก็ไม่รู้ว่าฉันทำผิดอะไร
อินซู เฉย ได้แต่เงียบ ส่ายหน้าน้อยๆ เหมือน ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน
โซยอง :ฉันหวังว่าเขาจะฟื้นอาการโคม่า ฉันอยากฟังคำอธิบายจากเขา
แล้วถามอินซูว่า : แล้วถ้าเธอฟื้นขึ้นมาคุณจะทำอย่างไร
อินซู ทำท่าคิด: ผมจะแก้แค้นเธอ หัวเราะให้ โซยอง น้อยๆ ท่าทางไม่จริงจัง โซยองหัวเราะตอบ
โซยอง : Should we havean affair. That’d make them flip. ( เอ ใช้สั้นๆ ว่า เรามาเป็นชู้กันดีไหม ได้ไหมคะ)
อินซูอึ้ง
โซยอง หัวเราะขำมาก แล้วเอาสองมือตบแก้มตัวเองเบาๆ อินซู หัวเราะตามแบบฝืดๆ
โซยอง ผุดลุกขึ้น ฉันต้องออกไปหาอากาศข้างนอก แล้วเดินออกไปจากร้าน ทิ้งอินซูนั่งอยู่คนเดียว






วันต่อมา โซยอง ซื้อของในร้านขายของในโรงพยาบาล อินซู จ่ายเงิน ค่ารักษาพยาบาล มองเห็นโซยองเมื่อรับใบเสร็จ ก็ไปเคาะกระจกเรียกโซยอง


แล้ว ทั้งคู่ ก็ไปนั่งกินบะหมี่ถ้วย ด้วยกันที่เก้าอี้ยาว ภายในโรงพยาบาลนั่นเอง

เป็นความสนิทชิดเชื้อที่มีต่อกันมากขึ้น
โซยอง กินบะหมี่ถ้วยใหญ่กว่า อินซู กินหมดก่อน โซยอง ทำท่าจะแบ่งบะหมี่ในถ้วยตัวเองให้
สัมพันธภาพของ อินซู และโซยองเห็นชัดจาก บะหมี่ถ้วยนี่แหละในสายตาคนเล่า


วันต่อมาอินซู และ โซยอง ลงไปเดินเล่นที่ลานสวนสาธารณะ เดินกันไปคุยกันไป สนิทใกล้ชิดกันขึ้นไปอีก



อินซู จะกลับโซล จึงต้องมีคนมาเฝ้า ซูจินแทน อินซู ฝากฝังภรรยา อย่างห่วงใย กับคนมาเฝ้าใหม่ แล้วขับรถกลับโซล





Posted: Fri Aug 26, 2005 10:44 pm Post subject: The director's order, "Just act once", was punishm
Posted & translated by Joanne on BYJ's Quilt. Kwon Ohkyeong posted this on the Talk Box of BYJ's official home.

The director's order, "Just act once", was punishment [Metro Newspaper]8/26/05* [Metro Newspaper]8/26/05

Love, I felt women are more courageous than men The scene of playing Go Stop was flashed upon while playing it for betting of lunch. [METRO INTERVIEW]
Super special class star BYJ(33), gone out to screen with 'Oe Chool following the 'Untold Scandal' looked somewhat worn-out.
Seoul was soaked with heavy rain giving advance notice of Autumn, and he was looking out of window drinking bitter coffee at a hotel in downtown
BYJ, without watching his film even at the World Premiere where 700 domestic and foreign media joined, is in the middle of observing reactions from people only. In his appearance of asking "How was the film?" while he sat down pulling his chair in very close, I felt even the heroic(tragic but brave) sentiment of warrior before the decisive battle.
I still don't know what the love is
The 'Oe Chool(April Snow)' having drawn topic of talks for the film appearing Korean Current star BYJ as well as a new film by Director Hur Jinho, is an elegant melodrama containing strong passion & sorrow, and exhaustion of love, just as they are(entirely) using adultery as its subject. Insoo, falling in a dangerous love in front of his wife's extramarital affair, is the character he plays
"Insoo is a person who does not know about love very much. I am also like that. In the film, as to the feeling for wife, sense of responsibility might be the priority, and I feel skeptical about the part if he really loved Seoyoung(SYJ). The men appearing in films by Director Hur mostly escape from love. I at last felt while i was filming. Tha more than men, women are more courageous in front of love."
The first experience of acting following primary instincts
For him, who has been acting as if he was drawing mathmatical graphs, the order from Director Hur, "Just do it once" was nearly a punishment. He improvised emotion on the sites without even a single page of that common conti, and such working style was an unfamilar experience for him. Those scenes with awkward emotions giving advance notice of adultery such as scene of eating Ramen, scene of making snow ball, etc, were all created impromptu. The scene of playing Go Stop (Korean card game) by Insoo & Seoyoung in the Hotle was the idea while they were playing Go Stop with staff betting of lunch.
"While I was filming, I made about 100,000 won. Even though I spent it entirely for paying lunch in the end. Yejin-ssi marvled, "Can you, Senior, gain money even duing the shooting?". Due to my personality of aiming at perfection, I was a little bit confident in calulating numbers. As the Go Stop is based on mathmatics, wouldn't I be better than people there anyway? Haha." Tears at times...
He cries ofen in the film 'Oe Chool(April Snow)' which was joyous sometimes and difficult at othe times.
when i was younger, acting of shedding tears was very difficult. Probably because I am older, I frequently shed tears now. Somedays, as the tears flow in lines without knowing myself while washing face, I blankly let the water (from faucet) run. As I am over 30 and while watching bisecting evaluation on me through a variety of things, I feel that life is too hard to handle. As you know, the true heart is not the thing which can be expressed in all with several phrases of talk or several lines of writing."
Asian Current, not Korean Current
Saying, "Which ever country in Asia I visit, they are friendly & close like family,"puts emphasis in his voice that it is time to create Asian Current, not Korean Current. What he is talking is that it is the priority go solidifying what we have by gathering sentiments of the East (the Orient) in one place, not regarding the Korean Current as commercial products. "Apart from the box-office records, I wish that the 'Oe Chool can trigger the cultural commmunication in Asia," is the wish of Korean Current star who stayed up nights from insomnia with opening(of the film) a head of him.
His personal wish is fishing at night leaving with friends without reservation(?). Although it is an impossible operation for the next several years.
Reported by Ahn eunyoung,eve@metroseoul.co.kr
Copyright (c)Metro Newspaper

No comments:

Post a Comment

Note: Only a member of this blog may post a comment.