18.2.09

ลิขิตพิศวาส-หิมะเดือนเมษา /'April Snow' sticks to Yonsama's image


APRIL SNOW ลิขิต พิศวาส หรือ หิมะเดือน เมษายน

พระเอกนางเอก unveiled 2 hours of kiss( scene)9 hours of bed scene
และเป็นเรื่องที่นางเอกเปลืองตัวที่สุด(แต่แฟนคลับทั้งหลายของยงจุนอยากเป็นซอนเยจินกันทั้งนั้นเปลืองตัวกว่านั้นยังได้เลย อืม........

โดยผู้กับกับ Hur jin ho ผู้มีสายตาและมุมมองด้านความรักที่ลุ่มลึก ผลงาน 2 เรื่องที่มีคนชื่นชอบกันมาก คือ Chrismas in august และ one fine spring day แต่ก็มีหลายๆคนบอกว่า April Snowดีกว่า 2 เรื่องนั้นมาก

นักวิจารณ์ บ้านเราเรียกเขาว่าคนที่วนเวียนอยู่กับ คนรักหลงฤดู
ผู้กำกับเคยให้สัมภาษณ์ว่า เบยองจุน ผู้รับบท In –soo ชายที่ทนทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดจากการโดนภรรยาหักหลังพร้อมกับความสุขจากความรักในเวลาเดียวกัน hur บอกว่าบางครั้งตัวเขาก็เข้มแข็ง บางครั้งเขาก็อ่อนนุ่ม บางครั้งก็เป็นทั้ง 2 ด้านของเขาก็ปะทะกันแต่พลังที่ออกมาจากด้านในน่าตื่นเต้น ด้วยความน่าสนใจในอารมณ์ ทั้ง 2 ด้าน เขาจึง เหมาะกับการรับบท In-soo ชายที่พบกับรักใหม่ในท่ามกลางความโกรธและความสับสน
ส่วนนางเอก ซอนเยจิน (นางเอก เดอะคลาสสิค) หญิงที่กล้าเผชิญกับความรักใหม่อย่างห้าวหาญท่ามกลางความเศร้าโศก
Hur บอกว่านำภาพตัวละครที่วาดร่างเอาไว้ที่เอาโครงมาจากตัว เบยองจุน และซอนเยจิน พวกเขาเหมาะกับบทอย่างมาก มันไม่ใช่แค่การแสดงจากภายนอก เป็นการแสดงที่เปี่ยมไปด้วยวิญญาณด้านในที่กำลัง ร้องไห้ หัวเราะและต่อสู้กับความเจ็บปวด
มีคนกล่าวหาว่า แถวบ้าน ของ Hur สภาพอากาศวิปริตแปรปรวน ให้ดอกคริตสมาสบาน ในเดือนสิงหาคม และในเรื่องนี้ให้หิมะตกเดือนเมษายน ช่วงเดือนเมษายนที่เกาหลีย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิหลังจากฤดูหนาวอันยาวนานผ่านพ้นไปแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
Hur คงอยากอุปมาอุปไมย ว่าความรักของคนทั้งสองไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่มันเป็นไปแล้วจริง ๆแถมเป็นความรักอันอบอุ่นเหมือนกระไอลมในต้นฤดูใบไม้ผลิ แต่สายลมนั้นยังมีละอองเย็นจัดจนแทบจะกรีดหัวใจที่มีความรู้สึกผิดของเขาทั้งคู่
ทุกอย่างในหนังเรื่องนี้ เรียบ ง่าย ไม่พลิกล็อค ไม่หักมุม มีบทพูดน้อย สุดจะน้อย ดาราแต่ละคนได้พูดกันไม่ถึงครึ่ง ของบทแถม พระเอก นางเอกของเรื่องเพราะ Hur ไม่กำหนดกฎเกณฑ์หรือบอกอะไรด้วยซ้ำว่าต้องการการแสดงแบบไหนจากนักแสดงให้เล่นเอาเถิดตามใจ ให้นักแสดงแสดงตามอารมณ์พาไป หลายฉากที่ต้องแสดงสด
หลายคนอาจจะคิดว่าถ้าอย่างนั้น หนังจะดีเพราะฝีมือผู้กำกับยังไง ต้องได้สิ เพราะคนที่จะบอกว่าที่นักแสดงแสดงนั้นใช่และถือว่าผ่าน ก็คือ เฮอร์ จินโฮ
ก็เพราะอย่างนี้แหละ เบยองจุน ต้องพบความลำบากในตอนต้น เพราะสไตล์การแสดงของยงจุน กับสิ่งที่ผู้กำกับต้องการแตกต่างกัน มีฉากหนึ่งยงจุนต้องถ่ายทำถึง 60 เทค ยงจุนไม่เคยทำงานช้าหรือท้อถอยให้เต็ม 100 กับงาน จนกว่าจะถ่ายเสร็จ เคยถ่ายทำทั้งคืนไม่หยุดพัก ก็คง ไอ้ 60 เทค นี่แหละ
Hur บอกว่า การแสดงอารมณ์ของ In soo ต้องอาศัยความฉลาดและละเอียดอ่อนซึ่งอาจจะยากเวลาแสดง แต่ ยงจุน สามารถแสดงออกมาได้อย่างดี แน่นอนว่าในหนังเรื่องนี้ จะมีช่วงแสดงนิสัยใจคอที่เจิดจ้าออกมา

Hur บอกว่า หนังเรื่องนี้แตกต่างจากเรื่องอื่นทั้งวิธีการแสดงเนื้อเรื่องและอารมณ์เขามองว่าตอนที่มีความรัก ถึงแม้สองคนจะไว้ใจซึ่งกันและกันบางครั้งก็นอกใจกัน พวกเราเข้าใจความโกรธที่เกิดขึ้นได้อย่างไร พวกเราควรที่จะเข้าใจมัน ชายหญิงที่แต่งงานแล้วมีเรื่องชู้เข้ามาเกี่ยวข้องบางคนบอกว่าตอนที่คนอื่นทำเขาเรียกว่ามีชู้ ทีพวกเขาเองมีเองกลับเรียกว่า ความโรแมนติก มันต่างกันตรงไหน

(นี่ ...เป็นคำวิจารณ์ของนักวิจารณ์ในหนังสือพิมพ์บ้าง และที่ มีการนำคำวิจารณ์มาลงใน Byjtogether บ้าง ตอนนี้ก็เลยจำไม่ได้แล้วว่าใครวิจารณ์กันบ้างเพราะผสมปนกันไปหมดแล้ว)

เรื่องย่อค่ะ
Version ที่ ฉายในโรงภาพยนตร์ของบ้านเรา

อิน ซู ผู้กำกับแสงสีการแสดงบนเวที กำลังทำงานได้รับโทรศัพท์ว่าภรรยาได้รับอุบัติเหตุจึงรีบไปโรงพยาบาล โดยฝากงานลูกน้องไว้ แล้วก็พบว่าภรรยาของตนเองและสามีของนางเอกอยู่ในรถคันเดียวกันและชนกับรถของคนอื่น ภรรยาและสามีของพระเอก นางเอกอาการโคม่า ไม่รู้ใครเป็นคนขับตำรวจบอกว่าทั้งคู่กระเด็นออกมานอกรถและผู้หญิงดื่มสุราด้วย พระเอกนางเอกไปรับทรัพย์สินซึ่งในกระบะทรัพย์สินมีทั้งโทรศัพท์มือถือ กล้องถ่ายรูป ของกระจุกกระจิกอื่น ๆ ต่างคนต่างเลือกของที่เป็นของคู่สมรส ตัวเอง จนเหลือไม่กี่ชิ้น แต่มีอย่างหนึ่งที่ทั้งพระเอก นางเอกต่างคนต่างชะงัก คือถุงยางอนามัย แล้วพระเอกก็น่ารักมาก เป็นคนหยิบมาเก็บใส่ถุงของตนเอง
พระเอกนำโทรศัพท์ไปถอดรหัสลับแล้วก็ต้องขว้างโทรศัพท์นั้นทิ้ง พระเอกได้รับคำแนะนำให้หยุดงานชั่วคราว เหตุผลบริษัทสร้างหนังไม่พอใจ ในคืน ที่ อินซู ฝากงานลูกน้องและเดินทางไปเช่าโรงแรมพักใกล้ โรงพยาบาลเพื่อดูแลภรรยา
พรหมลิขิตทำให้พัก ชั้นเดียวกับนางเอก เยื้องกันละละซีกด้าน
คนทั้ง 4 อยู่ในอาการโคม่า 2 คนที่บาดเจ็บโคม่า นอนอยู่ในโรงพยาบาล อีก 2 คน ร่างกายปรกติดี แต่หัวใจแหลกสลาย

จากความตระหนกวิตกกังวลของคนปกติดีทั้งคู่ เพิ่มตามมาด้วยความสงสัย สับสน อึดอัด กระหายใคร่รู้ แล้วก็ต้องหัวใจแหลกสลายเมื่อรู้ว่าคนป่วยโคม่าทั้งคู่เป็นชู้กัน ความรู้สึกหลากหลาย แตกต่างกันบ้าง แต่ที่เหมือนกันคือเสียใจ ปวดใจ สุดแสนเจ็บปวดรวดร้าว

อินซู เป็นผู้ชายที่แต่งงานกับภรรยาด้วยความรัก รู้สึก เสียใจ ผิดหวัง เจ็บปวดรวดร้าว จนอดใจพูดภรรยาที่นอนไม่ได้สติว่า คุณควรจะตายไปเสียดีกว่า และอีกครั้งถามภรรยาว่าคุณทำอย่างนั้นทำไม (ทั้งที่ผมออกหล่อ แสนดี เอาใจและอบอุ่นขนาดนี้ คนเขารักผมทั่วเอเชีย เชียวนะ แล้วยังทวีปอื่นๆ อีก ) อินซู นอกจากจะสูญเสียความรัก แล้ว เขายังเสียศูนย์ ตกลงในในห้วงเสน่หาอันไม่ถูกต้องในภายหลัง เป็นห้วงรักเหวลึก
มีฉากพระเอกเช็ดตัวให้ภรรยา เช็ดอย่างเอาใจใส่พลิกผ้าเช็ดเป็นอีกด้านด้วยแล้วก็สะดุดใจขึ้นมาจนต้องเลิกเช็ดตัว คิดอะไรไม่รู้เหมือนกัน (คงมีอาการเจ็บแปลบ ๆที่หัวใจมั้งที่ถูกภรรยาหักหลัง ที่จริงมีภาพที่สื่อถึงการตัดเล็บให้ภรรยาด้วยใช้กระดาษหนังสือพิมพ์รองเศษเล็บ แต่ก็ถูกตัดทิ้งไปไม่มีในหนังทั้ง 2 version)

ในขณะที่โซยอง เข้าพิธีแต่งงานเพราะบิดาจัดการให้ นอกจากความเสียใจแล้วคือความกลัวเธอใช้ชีวิตเป็นแม่บ้านหลังจบการศึกษาและแต่งงานทั้งชีวิตไม่มีอะไรยึดเหนี่ยว มีสามีเป็นสาหลักของชีวิตแต่เขายังทรยศ ทำให้เธอไม่รู้จะเดินไปทางไหน เธอด่าสามีในห้องพักว่า คนสารเลว

และถามพระเอกตอนคุ้นเคยกันดีแล้วว่า ฉันทำอะไรผิด นางเอกอยากให้สามี ฟื้นขึ้นมาเพื่อให้คำอธิบายแก่เธอ
พระเอกนางเอกถูกส้นทางบังคับ ให้ต้องเดินสวนกันไปสวนกันมา ไปโรงพยาบาล กลับโรงแรม ในร้านขายยาเพราะทั้งคู่เกิดอาการต้องพึ่งยา คนหนึ่งปวดหัว อีกคนนอนไม่หลับ
การเดินทางร่วมกันไปงานศพชายคู่กรณีที่รถชนกัน ขาไปทั้งคู่ไม่พูดอะไรเลย จนไปถึงงานพระเอกถามว่า คุณจะคอยที่นี้ หรือเข้าไปด้วยกัน แล้วทั้งคู่ ถูกญาติคนตายประณามขับไล่ทำร้ายด้วยความเกลียดชัง ทั้งคู่ยืนก้มหน้ารับคำประณาม ขากลับนางเอกสะอื้นเบา ๆแล้วขอให้พระเอกจอดรถเขาทำตาม นางเอกเดินข้ามฟากถนนในชนบทที่ไม่มีรถผ่านไปมา ดูมันเวิ้งว้าง ว้าเหว่มากเลยฉากนี้ เธอทรุดตัวลงร่ำไห้หัวใจแทบขาด พระเอก นั่งมองในรถครู่หนึ่ง แล้วก็เปิดประคูรถลงมายืนเก้เก้ กังกัง ทำอะไรไม่ถูก ไม่กล้าแม้แต่จะไปปลอบใจ โถ ก็ตัวเองก็อยู่ในสภาพกับนางเอกนั่นแหละ จนท้องฟ้ามืดลง จันทร์แรมรูปเคียวเกี่ยวอยู่บนฟ้า
ทั้งคู่กลับขึ้นรถ พระเอกขับรถต่อ นางเอกหลับปุ๋ย และพระเอกเกิดอยากสูบบุหรี่ ครั้งแรกจะสูบบนรถ พอดีเหลือบเห็นนางเอกจึงเปลี่ยนใจลงไปสูบข้างนอกรถ
ตอนขับรถจากการที่ไม่ได้คุยอะไรกันเลยพระเอกคงรู้สึกเหมือนอยู่ตัวคนเดียว.ทั้งที่มีนางเอกนั่งมาข้าง ๆ

สัมพันธภาพของทั้งคู่พัฒนาไปเรื่อยๆ นางเอกลงมาดูพระเอกขว้างหิมะ นางเอกซื้อต้นไม้ให้พระเอก ไปกินอาหารด้วยกัน การพูดถึงคู่สมรสของตนเองกับการแต่งงาน
นางเอกถามพระเอกว่าถ้าภรรยาฟื้นคุณจะทำอะไร พระเอกบอกว่าจะแก้เผ็ด
และนางเอกก็บอกว่า เรามีเป้าหมายเดียวกัน ยั่วพวกนั้น จะได้ตอบแทนคู่ของตนเอง ฝ่ายชายยังไม่ทันตอบอะไรเพราะไม่รู้จะพูดอะไร นางเอกบอกว่าอยากให้เรื่องนี้จบเร็วๆแล้วก็ลุกขึ้นก้มหน้าก้มตาออกไปจากร้าน ประมาณว่า นี่ฉันพูดอะไรออกไป

ในเมื่อหนังเรื่องนี้เป็นรักโรแมนติก แน่นอนว่า พระเอกและนางเอกต้องรักกันแน่นอนซึ่งการนำเสนอจะค่อยเป็นค่อยไปใช้เวลาอย่างละเมียดละไมไม่มากไม่น้อย การแสดงให้เห็นความในใจของคนทั้งคู่ ไม่ซ้ำซากหรือเป็นสูตรสำเร็จที่อยู่ ๆก็รักกันเพราะอะไรไม่รู้ หนังไม่ต้องการแสดงความรักด้านที่มืดเศร้า มันอาจไม่น่าสนใจ ถ้าแสดงให้ดูอบอุ่น ก็จะดูเป็นธรรมดา (หมายถึงธรรมดาของยงจุน) บทรักของพระเอกนางเอก ให้ความรู้สึกกดดันมากกว่าความใคร่

ในฉากเลิฟซีนแรก พระเอกชวนนางเอก ไปเที่ยวทะเล และพระเอกชวนนางเอกว่าวันนี้เราจะเอายังไงกันดี นางเอกถามว่า คืออะไร ตัดภาพไปที่พระเอก นางเอก เดินช้าๆอย่างไม่มั่นใจนักไปที่ประตูโรงแรม จนพระเอก จับมือนางเอกเดินค่อยดูดีเหมือนเป็นคู่รักกันขึ้นมาบ้าง

ก่อนมีความสัมพันธ์กันในห้องพักพระเอกนั่งอย่างครุ่นคิด นิ้วมือเคาะพื้นโต๊ะ ท่าทางไม่ได้หวานชื่น หน้าตาแพรวพราวเลยสักนิด นางเอกถอดถุงน่องในห้องน้ำ ท่าทางไม่แน่ใจตัวเอง แล้วภาพก็ตัดมานางเอกถอดแว่นตาให้พระเอก เลิฟซีน ที่พระเอกหน้าตาไม่สดชื่นเลยครุ่นคิดสับสนด้วยซ้ำไม่รู้ว่าการมีอะไรกันนั้นเป็นเพราะความผิดหวังความเจ็บแค้น เป็นการแก้แค้นภรรยาอย่างที่เคยพูด หรือความเห็นอกเห็นใจนางเอกที่อยู่ในสภาพหัวอกเดียวกันจนเป็นความรัก หรือเพราะแรงเสน่หา ตัณหาที่มีต่อนางเอก ที่ขาวผ่องออกแบบนั้น พระเอกในอารมณ์ที่กดดันแต่นางเอกอย่างที่บอกว่ากล้าเผชิญรักใหม่อย่างห้าวหาญ (ตามคอนเซ็บที่ Hur บอก) เลิฟซีนจบลงอย่างละเมียดละไม ฝ่ามือพระเอกคงอบอุ่นมากเลย เฮ้อ...หนอ ...
แล้ว พระเอก ก็กลายเป็น ยงจุน ที่น่ารัก อบอุ่น นุ่มนวล ละมุนละไม เมื่อทั้งคู่ ออกมาเดินเล่นที่ชายหาด หน้าตาเจิดแจ่ม กันทั้งคู่ และถ่ายรูปใส่มือถือไว้โดยนางเอกเป็นคนชวน แล้วกลับลังเล เมื่อ พระเอกเงียบไป พระเอกก็น่ารักอีกตามเคย กระตือรือร้นให้ถ่ายรูป

หนังสื่อความสัมพันธ์มาเรื่อยๆ ( จนคนเล่าลืมไปแล้วว่า นี่เป็นความสัมพันธ์ที่ถูกต้องหรือเปล่า ) ถูกกระชากความรู้สึกด้วยฉากสำคัญ เป็นฉากพระเอกน่ารักนั่งปอกผลไม้ มีนางเอกนั่งตรงหน้า ในห้องพักของพระเอก นางเอกขอเป็นคนปอกผลไม้เอง พระเอกก็ยื่นผลไม้และมีดให้ น่ารักมาก กลับด้ามมีดให้นางเอกด้วย พระเอกลุกขึ้นเช็ดมือแล้วยืนข้างๆนางเอก จัดผมที่ปรกหน้าให้นางเอง แล้วทรุดตัวลงนั่งหมุนเก้าอี้นางเอกมาอยู่ตรงหน้า มองนางเอกแบบคนเล่าบรรยายไม่ถูก เหมือน รัก สงสาร เห็นใจ ขอโทษ อัดอั้นตันใจอยากบอกอยากพูด ทำนองนั้น ลูบแก้มเบา ๆ แบบปลอบประโลม สงสารทั้งคู่ จนมีเสียง เคาะประตู เป็นพ่อภรรยาพระเอกส่งเสียงตอบคำถามพระเอก ทั้งคู่ทำอะไรไม่ถูก ประเภท อ้ำอื้งตะลึงตะไล ไม่รู้จะทำอย่างไร แล้วพระเอกก็คว้าเสื้อโค๊ตนางเอก กระเป๋าถือ และจูงนางเอกไปที่ห้องน้ำ ก้มลงคว้ารองเท้านางเอกส่งไปในห้องน้ำ ปิดประตูห้องน้ำ แล้วจึงเปิดประตูรับพ่อตา กล่าวชวนพ่อตาออกไปกินข้าวเย็น แล้วแกล้งปิดประตูห้องพักโดยไม่ล็อคห้อง แล้วก็ขอพ่อตากลับมาล๊อคห้อง กลับมาที่ห้องอย่างเร็ว ตอนเปิดประตูห้องน้ำ นางเอกยืนทำหน้าอิหลักอิเหลื่อ บอกพระเอกว่าฉันไม่เป็นไรพระเอกกอดนางเอกอย่างปลอบประโลมใจ ให้กำลังใจ โดยไม่พูดอะไรตอบ แล้วก็จัดผมให้นางเอก ไม่คิดว่าพระเอกจะย้อนกลับมานะนี่
ฉากนี้เองที่กระชากให้คนดูรู้สึกว่าถึงจะเป็นความรักที่อ่อนหวานงดงามละมุนละไมเพียงใด แต่ในสภาพเช่นนี้ เขาทั้งคู่ คือ ชู้ ของคู่สมรสของตนเช่นกัน รักนี้ต้องหลบซ่อน
คนเล่ารู้สึกหายใจขัด ๆเชียวละสะเทือนใจกับฉากนี้ที่สุด เมื่อนึกขึ้นมาคราใด ก็เจ็บที่หัวใจ แทนพระเอกนางเอก จริงๆ ทุกครั้งเลย

แต่ใน version Director cut ฉาก ปอกผลไม้ และซ่อนตัวในห้องน้ำ พระเอกนางเอก ยังไม่ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง กัน



หลังจากเหตุการณ์นี้ดูเหมือนทั้งคู่จะเข้าใจเห็นใจและให้อภัยคู่ของตนที่นอนป่วยอยู่พระเอกป้อนอาหารให้ภรรยา นางเอกยืนมองอย่างสะเทือนใจที่หน้าต่าง นางเอกซบหน้าหลับกับอกสามี โดยมีพระเอก เห็นเช่นกัน แล้ว ภรรยาของพระเอกมี อาการแบบหายวันหายคืน ในขณะที่สามีนางเอกกลับทรุดลงหมอแนะนำให้ย้ายโรงพยาบาล นางเอกพระเอกเดินสวนกัน นางเอกประชดยินดีที่ภรรยาพระเอกดีขึ้นแล้วพระเอกคงมีความสุข เหมือนนางเอกรู้สึกตัวว่าเจ้าของจริงของพระเอกเขากลับมาแล้ว พระเอกก็สับสนว่าฉันจะทำไงดี แต่ก็มาชวนนางเอกออกไปกินข้าวข้างนอก นางเอกปฏิเสธ แต่พระเอกพูดเหมือนขอร้องแกมบังคับว่า ผมจะรอคุณ นางเอกก็เลยยอมออกไป และมีฉากรัก ครั้งที่สอง เป็นฉากรักร้อนแรงของนางเอกที่นางเอกคงรู้สึกเหมือนจะสูญเสียพระเอก เหมือนว่าจะเป็นครั้งสุดท้าย ทั้งคู่โทรศัพท์มาแจ้งผู้ดูแลคนป่วยแทนว่ามีธุระสำคัญคืนนี้กลับไม่ได้

แล้วก็เล่นเกมหัวเราะสนุกสนานน่ารักดีค่ะเหมือนทั้งคู่ลืมความทุกข์ทั้งหมดที่เคยมีมา

แต่แล้วตอน บ่ายสามโมงกว่าๆ สามีนางเอกก็สิ้นใจเพราะความดันโลหิตต่ำมากก่อนนางเอกกลับมาไม่นาน (15 นาที เอง) นางเอกเสียใจและรู้สึกผิดมากที่สามีสิ้นใจในขณะที่ตัวเองไปอยู่กับชายอีกคนมา

ฉากพระเอกไปเคารพศพสามีนางเอกก็เศร้า พระเอกก็ท่าทางสำนึกผิดและคงอยากขอโทษคนตาย และดูเหมือนจะละอายใจด้วย ขากลับพระเอกขับรถอย่างครุ่นคิด คงตัดสินใจว่าตัวเองจะเลือกทางเดินอย่างไรดี

ทั้งคู่เหมือนจะรู้ว่า รักนี้เป็นไปไม่ได้ นางเอกเก็บของกลับบ้าน นั่งอาลัยอาวรณ์พระเอกจากร้านกาแฟเงยหน้ามองพระเอกในห้องพักตรงข้าม พระเอกก่อนเข้าห้องพักตนเองก็มองประตูห้องพักนางเอกที่เปิดค้างไว้อย่างตัดใจ เข้าไปนั่งเศร้า พอดีเคยอ่านพบข้อสังเกตจากสมาชิกของ Byjtogether;ว่านางเอกส่ง MSN เข้ามาที่มือถือของพระเอก (ถ้าตั้งใจดู จะได้ยินเสียงนางเอกกดโทรศัพท์ ส่วนพระเอก ก็ถือโทรศัพท์อยู่ ในมือ ในขณะที่นั่งบนพื้นห้องพัก) ซึ่งพระเอกไม่รู้ที่จะทำอย่างไรได้ ได้แต่ต้องปล่อยให้นางเอกจากไป แล้วตัวเองก็ได้แต่ร้องไห้ในห้องน้ำมูกยืดเลยละ


ไม่ต้องเครียดนะคะว่าหนังจะบังคับให้พระเอกเลือกระหว่างการกลับไปหาภรรยาเพื่อดำรงศีลธรรมหรือเพื่อความรักครั้งใหม่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับนางเอก เฮอร์ จินโฮ ไม่ใจร้ายที่จะบังคับให้พระเอกตัดสินใจขนาดนั้นและวางทางออกให้เรื่องราวทั้งหมดอย่างเรียบง่ายน่าพอใจ พระเอก ยังคงใส่ใจดูแลภรรยาเข็นรถเข็นให้อย่างอ่อนโยน พาไปนั่งมุมโน้นมุมนี้ จุดบุหรี่ให้อย่างเอาใจเมื่อภรรยาจะสูบโดยถามก่อนว่าคุณสูบได้ไม่เป็นไรหรือปอกผลไม้ให้ภรรยาเมื่อภรรยาเซ้าซี้อยากให้พระเอกถามเรื่องราวต่างๆ พระเอกพูดอย่างไม่แสดงอารมณ์ ว่าเมื่อก่อนอยากรู้เรื่องมาก แต่เดี๋ยวนี้ไม่อยากรู้อะไรและไม่สำคัญอีก แล้ว พระเอกมองหน้าภรรยาแล้วทิ้งระเบิดตูมใหญ่ให้ภรรยา พระเอกบอก ภรรยา ว่า ผู้ชายคนนั้น เขาตายไปแล้ว

แต่ใน version Thai sub title พระเอกบอกนางเอกว่า ซูจิน(ภรรยา)ของผม....ได้ตายจากโลกนี้ไปแล้ว นี่เป็น ระเบิดปรมาณู เชียวนะ

ภรรยามองพระเอกแบบตาค้าง พระเอกลุกออกมานอกห้อง มีเสียงภรรยาร่ำไห้เสียงดังลอดออกมา บางคนว่า นี่คือการแก้แค้นของพระเอกแล้วละ

พระเอกแยกตัวเองมาอยู่บ้านหลังใหม่ ห้องที่เต็มไปด้วยของระเกะระกะเขาออกมาจากชีวิตของคนที่เคยรักและทำงานกำกับแสงสี ไปตามเดิม เขาไม่ได้ติดต่อกับนางเอกอีกเลย

จนวันที่จัดconcert ใหญ่ คืนนั้นมีหิมะตกโปรยปรายลงมา ที่ชายทะเลนางเอกบอกว่าชอบฤดูใบไม้ผลิ ส่วนพระเอกชอบ ฤดูหนาว นางเอกว่าตนเองก็ชอบหิมะเหมือนกัน จะเป็นไปได้ไหมที่จะมีหิมะตกในฤดูใบไม้ผลิ ในที่สุดก็มีวันนี้จนได้ พระเอกและนางเอกได้ร่วมเดินทางอยู่ในรถที่ขับอยู่ท่ามกลางหิมะหลงฤดู นางเอกถามว่าคุณกำลังจะไปไหน พระเอกย้อนถามว่าแล้วคุณล่ะอยากไปไหน ( แปลอีกแบบหนึ่งก็ดูหมือนกับว่า การพบกันในครั้งนี้ ก็ยังไม่มีจุดหมายปลายทาง) มีหิมะตกแทบจะมองไม่เห็นทาง ไฟส่องถนนก็ริบหรี่ บรรยากาศรอบตัวมีแต่ความอ้างว้างสลัวลาง

แต่ก็ถ้าจะคิดว่า นี่อาจเป็นการพบกันโดยไม่มีคำว่าชู้มาขวางกลาง อินซูและโซยองคงจะหาเส้นทางข้างหน้าของตนเองพบได้ในที่สุด หรือว่าเขาทั้งสองได้กลับมาพบกันเพราะหิมะที่หลงฤดู เมื่อคืนกลับสู่ฤดูกาลปกติ

อินซูผู้ซึ่งได้พบผู้หญิงคนใหม่และรู้สึกว่าคือคนที่ใช่มากกว่า อินซูมีสิทธิที่จะทิ้งภรรยาเพราะเธอทรยศมีชู้ ก่อน
แต่ตัวเขาล่ะ เขาก็เป็นชู้เหมือนกัน อินซูจะทิ้งภรรยาได้ลงคอหรือไม่
เฮอร์ จินโฮ ทิ้งความรู้ สึกนี้เหลือค้างไว้ในใจคนดู แม้หนังจะจบไปแล้ว

ไม่มีใครร้ายกาจโดยไม่ตั้งใจ ต่างคนต่างเป็นคนดี บางครั้งการทำผิดนั้นเกิดขึ้นได้โดยไม่ได้นึกฝันมาก่อน
ดังนั้นขอให้ผู้ชมวาดภาพตอนจบของเรื่องได้ตามชอบใจก็แล้วกันนะคะ จะให้จบแบบไหนก็ได้ค่า...............................

ลิขิตพิศวาส..... จะตราตรึงในหัวใจคุณ ได้ก็ต่อเมื่อ เอาตัวเราเข้าไปแทนตัวละคร ถ้าเป็นเรา เราจะทำอย่างไร จะรู้สึกแบบไหน ถ้าเป็นผู้หญิง ที่กลับมาดูใจสามีก่อนตายไม่ทันเพราะมัวไปเพลินกับชายอีกคนอยู่ แถมยังเป็นชายของคนอื่นอีกต่างหาก หญิงหรือชายจะทำอย่างไรถ้าเจอคนใหม่ ที่ เป็นคนที่ใช่ มากกว่าคนเก่า เรื่องนี้จึงให้ คังซูจิน ตายไม่ได้ เพราะมันจะจบง่ายไป

นี่ละความรักในสถานการณ์และอารมณ์ที่ซับซ้อนหลากหลาย การหักหลัง โกรธ โมโห เจ็บปวด แรงปรารถนา ตัณหา...พระเอกสุดหล่อ ...นางเอก แสนสวย....

คำบรรยายของผู้กำกับเพลง APRIL snow คำบรรยายดนตรี คงเป็นคำว่า รัก ตัณหา ขัดแย้ง และอกหัก โดยที่ ตัณหาเป็นคอร์ดหลักในหนังของ hur ความรักในปัจจุบัน ความรักที่อยู่ในความทรงจำซึ่งเป็นแกนในการถ่ายทอดอารมณ์ ความรักของตัวละคร ที่สับสนและรุนแรงโดยการใช้ภาพที่ขัดแย้งกัน ดนตรีในเรื่องอยู่ในขอบเขต ทั้ง 4 อย่างนี้

Posted: Wed Aug 24, 2005 8:22 pm
Post subject: 'April Snow' sticks to Yonsama's image

'April Snow' sticks to Yonsama's image
Love, betrayal and guilt are some of the feelings movies are particularly adept at conjuring, but things get tricky when the three elements are lumped together solely for one big star. How do you evoke the inner life of a deeply troubled man and his equally distressed, secret lover when what the audiences want is just an innocent smile of the star actor?
"April Snow," directed by Hur Jin-ho, adopts the same melodrama formula of "Winter Sonata," a runaway television hit series that touched off the boom for Korean pop culture, and, more importantly, catapulted actor Bae Yong-joon into almost mythical fame in Asia.
The original Korean title of the movie is "Oechul," roughly translating into "Outing." Its English title "April Snow," however, is much more closely related to the movie's core idea. In Korea, it's quite rare to see snow falling in April, so the title suggests a hopeful message that something miraculous might soothe an ill-fated couple and consummate their forbidden love.
The movie starts with In-su (Bae Yong-joon) heading for Samcheok, a seaside city on the east coast in Korea, upon hearing the news of his wife Su-jin's (Lim Sang-hyo) car accident. As his wife undergoes an operation in a hospital along with Kyung-ho (Ryu Seung-su) who was also in the accident with her, there he meets Kyung-ho's wife Seo-young (Son Ye-jin).
While Su-jin and Kyung-ho struggle to regain consciousness due to serious injuries, In-su and Seo-young find out their respective spouses had an extramarital affair together.
The trusted love falls apart, and feelings of betrayal and anger set in for both In-su and Seo-young. Somewhat predictably, the two characters, who struggle with sadness and pain, begin to form an emotional bond as they start their long-term stay at a local motel to attend to their respective spouses
Though it's just a movie, it is fairly unrealistic that the grief-stricken man and woman meet repeatedly. They happen to buy the same sleeping pills at a drug store, they come across each other in every corner of the hospital
Adding to the disappointment of those who expect something more than actor Bae's "look-cool-and-sexy" posturing in the movie, most dialogues are too simplistic. When Seo-young asks what In-su will do when his wife returns to consciousness, his reply is "I will take revenge on her." Seo-young's reply is equally lame: "What about us having an affair? That will certainly surprise them when they regain their consciousness." Do we need this extremely obvious explanation about the plot by the main characters themselves
Romantic symbolism also runs short of expectations. Seo-young gives a flowerpot to her lover as a gift, saying "Don't kill it." In-su says, "I will take care of it well," reassuring her. Unfortunately, nothing happens in relation to the flowerpot. No dramatic revelations whatsoever that might put some symbolic meanings upon their guilt-laden romance.
Even the much-publicized sex scene doesn't have any substance. The movie's promoters feverishly stressed that the main sex scene took nine hours to film, suggesting that exposure level might be higher than normal.
But the actual bed scene between In-su and Seo-young is far from explicit. The camera mainly zooms in on their faces and necks while they make love, and it is puzzling why the director spent so many hours to take such a simple, boring shot.
Perhaps a clue might lie elsewhere. In a news conference held in Seoul on Wednesday, a Japanese reporter said she was much relieved after watching the sex scene, implying that female Japanese fans do not want who they fondly call "Yonsama" to engage in an explicit sex scene because they want to preserve Bae's innocent, sweet boy image.
It is understandable that the film revolves around Bae's visual images. After all, Bae is one of the most recognizable stars in the region, and the cornerstone of the Korean Wave that continues to charm Asians.
But the movie does not get out of the small area in Samcheok. The twisted love affair between In-su and Seo-young takes place mostly in the not-so-trendy Samheung Motel or not-so-cutting-edge Samcheok Hospital. The images surrounding the motel and the hospital are not visually inspiring, much less romantic.
This is more troubling than what is touted as "uncontrollable love" between the main characters. The shooting locations of "Winter Sonata" are now tourist attractions, catering to mostly Japanese and other Asian fans who are deeply in love with Yonsama. "April Snow," however, features primarily the shabby motel and the rundown hospital, both of which are unfit as tourist attractions representing romantic love (You may check out the restroom of the In-su's motel room where Seo-young is forced to hide to conceal their love affair).
Given the movie's weak narrative drive and mediocre visual impact, it will be almost a miracle to watch the movie as something other than a silver-screen version of Bae's photography collection.
In all fairness, it's inevitable that talented director Hur has to focus on the trademark facial expressions of Bae (either an innocent smile of a child who finally gets a sweet candy or a sadness-tinged stare when the gift is taken away). After all, not doing so is tantamount to a "betrayal" for countless Asian fans who have uncontrollably fallen in "love" with Bae without feeling any "guilt."
By Yang Sung-jin
2005.08.25

No comments:

Post a Comment

Note: Only a member of this blog may post a comment.